คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เด็กชายจากเงามืด (2)
บทที่ 13 : เด็กชายจากเงามืด (2)
บางครั้งการจะต่อกรกับพลังที่ชั่วร้าย
เราก็ต้องทำตัวให้ชั่ว
และใช้พลังที่ร้ายยิ่งกว่า
...........................
ดราฟยืนนิ่ง ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว นัยน์ตาสีมรกตมองเจ้าผ้าขี้ริ้วลอยได้ที่มีตาสีแดงแวววาวน่ากลัว ก่อนจะก้มลงมองซากัวที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าอย่างน่าสมเพช มือข้างหนึ่งๆ ค่อยๆ เลื่อนไปจับดาบที่เอวเอาไว้ พอเขาขยับเท้าก้าวหนึ่ง พวกมันก็ลอยตามมา ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ดูเหมือนจะทำตามไปทุกฝีก้าว แต่คงเป็นเพราะเขายังไม่โจมตี พวกมันจึงยังไม่ทำอะไรเขาเหมือนกัน
แต่เพียงแค่ดราฟชักดาบออกมาจากฝักเท่านั้นแหละ เจ้าผ้าขี้ริ้วเฝ้าอุโมงค์ก็พากันแห่เข้ามาทันที แต่เขาก็ไม่คิดจะฟันมันด้วยดาบเพราะรู้ว่าถ้าขืนทำอย่างนั้นดาบของเขาก็จะผ่านร่างของมันไปเหมือนกับที่เป็นกับซากัวแน่นอน ทางเดียวที่จะใช้สู้กับพวกมันได้ก็คือพลัง
ลูกไฟลูกเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นมาที่นิ้วชี้อีกครั้ง แต่คราวนี้มันพุ่งออกไปกลายเป็นม่านบาเรียไฟกั้นทางเดินอุโมงค์ทางเดินเอาไว้ไม่ให้ผีผ้าขี้ริ้วเข้ามาได้
“เฮ้ย! นึกว่าจะตายตั้งแต่ยังสาวซะแล้ว” เสียงเจ้าซากัวร้องขึ้น
ดราฟคีบมันขึ้นมาด้วยปลายนิ้วก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญ “ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพร่ำได้ตายสมใจแน่”
เอ่ยจบก็เดินต่อเข้าไปในส่วนลึกของอุโมงค์ที่มืดขึ้นไปเรื่อยๆ สองข้างทางเริ่มมีประตูหินปรากฏให้เห็น คาดว่ามันน่าจะเป็นห้องที่ขังอะไรบางอย่างเอาไว้ เพราะมันทั้งแน่นหนาและทนทานมากในความคิดของเขา จนในที่สุดก็เดินมาถึงสุดปลายอุโมงค์ที่เป็นทางตันเพราะมีห้องขังกรงเหล็กธรรมดาตั้งอยู่ แต่สิ่งที่เขาสนใจคือคนที่อยู่ข้างในนั้นต่างหาก
คนลึกลับในชุดผ้าคลุมนั่งก้มหน้ากับเข่าตัวเองอยู่ที่มุมมืด พื้นปูด้วยฟางชื้นๆ ผ้าที่คลุมลงมาปิดใบหน้ามิดชิดทำให้ไม่มีว่าเขาคือคนเดียวกับที่ดราฟตามหาอยู่หรือเปล่า
“ฮะฮ่าๆๆ เป็นไงองค์ชาย ผีเฝ้ายามของข้าน่ารักดีไหมละ”
ซาคานเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบลอเหมือนคนสติไม่เต็ม ทำให้ดราฟยิ่งเพิ่มความระวังเพราะไม่รู้ว่าคราวนี้เขาจะเล่นอะไรอีก
“จะดีกว่านี้ถ้าเจ้าจะหัดให้มันรับแขกเสียบ้าง”
“ฮ่าๆๆ”
“ท่านซาคาน” ซากัวร้องเสียงแปร๊น เธอดิ้นจนหลุดออกจากมือของดราฟแล้วลอยลิ่วเข้าไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของคนลึกลับทันที
ดราฟมองซาคานตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งก่อนเอากุญแจที่ได้มาเปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะระหว่างคนสองคน มีเพียงเสียงร้องไห้ฮือๆ ของซากัวที่ไม่มีใครสนใจกับเสียงคำรามก้องของพวกผีผ้าขี้ริ้วที่โดนดราฟขังอยู่ข้างนอก แต่ในที่สุดซาคานก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาบทใหม่
“ตาเฒ่าให้กุญแจท่านมาที่นี่ละสิ”
ดราฟพยักหน้ารับพลางมองไปรอบๆ ห้องขังที่เหม็นเหมือนคอกสัตว์
“คุกที่นี่ขังใครไว้บ้างรึ”
“ก็สัตว์ร้ายอย่างข้าไงละ พวกแปลกแยก พวกกลายพันธุ์”
ซาคานหัวเราะอย่างสมเพชตัวเองก่อนก้มลงไปใช้นิ้วปัดเศษฟางออกจนเห็นพื้นหินชื้นๆ เขาใช้เล็บที่ทั้งดำและยาวขูดดินไปมา แต่ดราฟไม่สนใจ แม้จะรู้สึกว่าคนตรงหน้าจะไม่ค่อยน่าคบสักเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่าเขามีบางสิ่งที่น่าดึงดูดมากทีเดียว
“ที่นี่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับองค์ชายผู้สูงศักดิ์อย่างท่านนักหรอกนะ” ซาคานเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ “แต่ข้าอยู่ที่นี่มานานแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่จะต้องให้ใครมาสนใจ”
“หึๆ” ดราฟหัวเราะในลำคอ “เจ้าเป็นคนเลือกที่จะอยู่ที่นี่มากกว่ากระมัง แต่ไหนละข้อแปลกแยกที่เจ้าว่า ข้าก็เห็นเจ้าเหมือนเงาทุกตัว”
“งั้นรึองค์ชายรัชทายาทดราฟ ฟา เทอร์ริส” ซาคานเอ่ยเบาๆ ทว่าทุกคำที่เปล่งออกมาล้วนชัดเจนและหนักแน่น ใบหน้าของดราฟเริ่มซีดลงเรื่อยๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายคนนี้รู้จักชื่อของเขาได้อย่างไร ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่ตลอด ออกไปช่วยเขาได้อย่างไร และรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนได้อย่างไร
“เจ้า...”
“ใช่! ข้า...มีอะไรที่เงาทุกตัวไม่มี ข้าสามารถรู้สึกได้ถึงการมีตัวตนของใครก็ตามที่ข้าต้องการรอบๆ ตัว ข้าเข้าไปในหัวของท่านได้ พูดกับท่านได้ และรู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่”
ดราฟขมวดคิ้วหมุน แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะได้จากซาคาน
“เริ่มนึกกลัวไอ้ตัวอันตรายอย่างข้าขึ้นมาบ้างหรือยังละองค์ชาย กลัว...เหมือนที่ท่านเคยกลัวตัวเองตอนใช้พลังของไฟอาร์เมื่อ 14 ปีที่แล้ว”
“หุบปาก!!” ดราฟลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่น แวบหนึ่งที่นัยน์ตาสีมรกตกลายเป็นสีแดง...ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะสามารถอ่านใจได้จริงๆ
ซาคานเงยหน้าขึ้นหัวเราะชอบใจจนตัวโยน “ยัง...ยังไม่หมด ข้ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่มีเงาตัวใดในโลกใบนี้ทำได้”
เอ่ยจบลำแสงสีดำก็พุ่งขึ้นจากพื้นตรงที่ซาคานใช้เล็บขีดเขียนจนกลายเป็นอักขระเวทมนต์ มันพุ่งทะลุอุโมงค์จนเป็นรูขนาดใหญ่ แสงอาทิตย์แรกในรอบหลายวันส่องลงมากระทบผ้าคลุมมันเลื่อมของเขา และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็จะเห็นผิดที่ขาวซีดและนัยน์ตาสีดำที่ฉายไปด้วยความว่างเปล่าและมืดมิด...มันคือเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ของเขากับพวกพ้องชาวเงาตัวอื่นๆ
“ข้าอยู่ในแสงสว่างได้”
....
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ไม่ใช่ความตกใจหรือแปลกใจ แต่เป็นความนับถือที่เด็กหนุ่มสองคนมีให้แก่กัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครคนหนึ่งจะต้องเดินอยู่ในเส้นทางที่แปลกแยกและแตกต่างถึงขนาดนี้ ทั้งสายตาที่เหยียดยาม แรงกดดันจากสังคมรอบข้าง และแรงกดดันจากตนเอง
ต่างจากดราฟ ที่ถึงแม้จะแตกต่างจากชาววังทั่วไปตรงที่เขาเป็นลูกครึ่งไทม์และไฟอาร์ที่คนหลายๆ กลุ่มไม่ยอมรับ แต่เขาก็ยังมียศขององค์ชายรัชทายาทค้ำคอที่ไม่มีใครกล้าแสดงท่าทางรังเกียจใส่เขา
เสียงกรีดร้องวี๊ดๆ และเสียงเอะอะโวยวายผิดวิสัยชาวเงาทั่วไปดังไปโหยหวนไปทั่วทั้งป่าดงดิบเมื่อซาคานพาดราฟขึ้นมายืนอยู่นอกอุโมงค์บนไหล่เขา ทำให้เห็นความวุ่นวายขนาดย่อมที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าหมู่บ้าน
‘สงสัยเจ้าผีผ้าขี้ริ้วจะก่อเรื่องเสียแล้วสิ’ เสียงซาคานเอ่ยขึ้นในหัวดราฟ
“ท่านซาคานเจ้าขา...อิฉันกลัวจังเลยเจ้าคะ” ซากัวร้องด้วยเสียงที่ฟังดูน่าสงสาร แต่มันไม่ใช่สำหรับเขา ซาคานกระดิกนิ้วทีเดียวร่างของเธอก็เข้าไปอยู่ในอุโมงค์อีกครั้งพร้อมกับวงเวทย์กังขังที่ทำให้เธอไปไหนไม่ได้
“เจ้าอยู่นี่แหละ”
เอ่ยจบ สองหนุ่มก็รีบวิ่งเข้าไปในป่าดงดิบส่วนที่เป็นหมู่บ้านทันที และเมื่อใกล้ถึงหมู่บ้านก็เห็นพวกเด็กๆ วิ่งร้องไห้ออกมากันใหญ่ มีแม่ลูกอ่อนบางคนก็วิ่งหนีออกมาจากป่าด้วยเช่นกัน แต่เพราะชาวเงาไม่ถูกกับแสงสว่างจึงทำให้ไม่มีใครกล้าออกจากป่าแห่งนี้ไป
จนกระทั่งวิ่งมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุก็พบกับเจ้าผีผ้าขี้ริ้วทั้งหลายกำลังลอยไปหลายมาหลอกชาวบ้าน บ้างก็วิ่งเข้าชนของในบ้านต้นไม้จนล้มระเนระนาด บางตัวก็เข้าไปแย่งของที่ชาวบ้านถืออยู่จนเกิดความวุ่นวายกันไปหมด
“เจ้าน่าจะสั่งสอนพวกมันบ้างนะ”
ดราฟเอ่ยทีเล่นทีจริงแต่เสียงยังเรียบและดูจริงจังจนเหมือนว่าเสียมากกว่า เขาเรียกไฟออกมาเป็นแส้เข้าลากเจ้าผีผ้าขี้ริ้วมาตัวหนึ่ง แต่ทันใดนั้นแส้สีดำอีกอันก็พุ่งเข้ารัดแส้ไฟเอาไว้ เขามองตามไปก็เห็นเงากลุ่มเล็กๆ กำลังเดินตรงมายังพวกเขา หนึ่งในนั้นก็คือเจ้าของแส้สีดำนั่นเอง
ดราฟชักแส้ของตนกลับมา สายตามองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย เขาจำได้ดีว่าคนที่ใช้แส้เมื่อครู่ก็คือผู้หญิงชาวเงาที่ชื่อลอลินนั่นเอง
หญิงสาวชาวเงาคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีดำเหมือนคนอื่นๆ ก้าวออกมาจากกลุ่มพร้อมกับกระชากผ้าคลุมหน้าตัวเองออก ในมืออีกข้างถือโซ่เส้นใหญ่ที่ปลายมีตะขอเหล็กที่ทั้งโค้งและแหลมคมลากมาตามพื้น
“ออกมานอกคุก อยากตายเร็วๆ หรือไงเจ้าหนู” เธอชี้นิ้วไปทางซาคาน สายตาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามโดยไม่เกรงใจดราฟแม้แต่น้อย “เรื่องนี้ข้าจะเอาให้เจ้าออกจากเผ่าแน่”
“ถ้าเจ้าทำได้นะเรย์”
ซาคานเอ่ยไม่สะทกสะท้าน เขาสะบัดผ้าคลุมทีเดียวแขนเสื้อก็ยื่นยาวออกไปก่อนจะแตกออกเป็นหลายๆ ชิ้นเข้าจับผีผ้าขี้ริ้วเอาไว้ แต่กลับถูกเรย์ใช้โซ่พันและกระชากจนขาด ส่วนดราฟที่ใช้แส้ไฟก็โดนแส้สีดำของลอลินกันเอาไว้เช่นเดิม แต่ก็ยังทำใจเย็น พอถูกขัดขวางไม่ให้จับตัวนี้ เขาก็หนีไปจับตัวอื่นๆ ทว่าเธอก็ยังตามเขาไม่เลิก จนในที่สุดเส้นความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดก็ขาดผึงลง
“เจ้าจะไม่ยอมเปิดทางให้พวกข้าใช่ไหม”
“ต้องขอประทานอภัยด้วยองค์ชายน้อย” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ “แต่ข้าคงไม่สามารถปล่อยให้ท่านทำอะไรได้จนกว่าท่านผู้เฒ่าจะออกมาเห็นความผิดของเจ้าตัวแปลกแยกคนนั้น” เขาหันไปมองซาคาน “ความผิดของมันคือสิ่งที่อยู่ในตัวมัน...สิ่งที่ทำให้ชนเผ่าของเราต้องแปดเปื้อน วันนี้ข้าต้องลงโทษ”
“ฮ่าๆๆ ก็ดีกว่าพวกสวะอย่างเจ้าละวะ” ซาคานร้องดังลั่นจนพวกชาวบ้านที่วิ่งหนีผีอยู่แล้วยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ เขาปล่อยพลังสีดำอัดไปที่พื้นจนแตกกระจายออกก่อนพุ่งขึ้นมาจับลอลินเหวี่ยงกระแทกพื้น
“เจ้าหนูสัตว์ประหลาด ฮะฮ่าๆๆ”
เรย์แสยะยิ้มเหวี่ยงโซ่ในมือไปมาราวกับมันเป็นเพียงของเล่นเบาๆ แต่สิ่งที่เกิดจากแรงเหวี่ยงนั้นกลับน่ากลัวยิ่งกว่า
คลื่นพลังสีดำที่ถูกปล่อยออกมาจากโซ่กำลังจะถึงตัวของซาคานที่ไร้การป้องกัน ดราฟตัดสินใจสร้างไฟเป็นม่านบาเรียกั้นเอาไว้ก่อนจะกระแทกมันกลับไปหาเรย์จะเซล้มไป แต่ลอลินที่เพิ่งลุกขึ้นก็ปล่อยแส้สีดำออกมาจากมือเข้าทะลวงม่านบาเรียไฟเข้ามา
ดราฟสร้างไฟให้ลุกพรึบขึ้นที่มือทั้งสองเสมือนเกราะป้องกันเพื่อใช้มันปัดป้องแส้ที่พุ่งเข้ามาทำร้าย แต่ตัวเองกลับถูกต้อนจนหลังติดต้นไม้จึงตัดสินใจตีลังกาไปโผล่อยู่ข้างหลังลอลินก่อนจะชักมีดสั้นออกมาหวังเอาคืน แต่สาวเจ้าก็สามารถชักดาบของตนออกมารับได้ทัน เขาเลยต้องเปลี่ยนไปใช้ดาบบ้าง
“ท่านออกไปซะเถอะ ข้าไม่คิดจะทำร้ายท่าน”
ลอลินร้องไม่สนใจชาวบ้านที่เริ่มมามุงกันแล้ว เธอพุ่งตัวเสือกดาบออกมาข้างหน้า แต่ดราฟก็กระโดดหลบได้อีกครั้งอย่างเฉียดฉิว
“ข้าจะหยุดก็ต่อเมื่อเจ้าหยุดทำร้ายซาคานเท่านั้น”
“ฮ่าๆๆ” ลอลินหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก “ท่านมันโง่นักที่เอาตัวเองเข้าเกลือกกลั้วกับคนพันธุ์นั้น”
“ไม่หรอก” ดราฟปฏิเสธเสียงแข็ง มือก็วาดวงไฟเป็นดวงๆ ขึ้นมาเต็มไปหมดก่อนจะผลักมันเข้าใส่หญิงสาว แต่เธอก็เอนตัวหลบจนลูกไฟพุ่งไปเผาต้นไม้เป็นตอตะโก
“เขามีค่ามากกว่านั้น”
“แล้วท่านจะได้เห็นความโง่เขลาของตนเอง”
สิ้นเสียงลอลินก็หลับตาลง สองมือประกบกันที่หว่างอกจนเกิดเป็นก้อนพลังสีดำพุ่งขึ้นบนฟ้า มันแตกออกเป็นเส้นๆ ก่อนจะพุ่งลงมาข้างล่างโดยมีจุดหมายอยู่ที่องค์ชายหนุ่ม
ดราฟสูดหายใจทีหนึ่ง เขาไม่เคยชอบพลังของตัวเองเลย แต่ก็ไม่รู้ทำไมต้องมาใช้พลังของมันอยู่บ่อยๆ ก็ไม่รู้?
ลูกไฟลูกเล็กๆ ถูกเรียกมาไว้ในมืออีกครั้ง มันหมุนวนด้วยความเร็วสูงจนกลายเป็นกงจักรพายุไฟที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับดูดใบไม้รอบๆ เข้ามาเผากลายเป็นพลังงานให้ตนเองเพื่อใช้ต้านพลังสีดำของลอลินที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
...เมื่อพลังสองพลังกำลังสู้กันโดยไม่มีทีท่าว่าใครจะแพ้ใคร คนเป็นเจ้านายก็ไม่ยืนนิ่ง ชักอาวุธของตนเข้าห้ำหั่นกันบ้าง
ดาบเล่มยาวและใหญ่ถูกดราฟเรียกออกมาใช้ทันที ใบดาบที่มันวาวกะเทาะตัวออกจนเห็นเหล็กที่ร้อนจนเป็นสีแดง ด้ามจับมีลวดลายแห่งเปลวเพลิงเลื้อยขึ้นมาพันถึงต้นแขนของผู้ใช้ราวกับจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
“ชิ ต้องใช้มันจนได้” ดราฟพึมพำ
ฝ่ายลอลินเองก็สร้างพลังสีดำของตนให้กลายเป็นดาบ ก่อนจะกระโจนเข้ามาหาเขา ดราฟยกดาบขึ้นปัดป้อง แต่ดาบของเธอกลับกลายเป็นแส้เข้าพันดาบของเขาเอาไว้ องค์ชายหนุ่มจึงต้องสร้างไฟขึ้นเผาดาบตัวเองเพื่อล้างพลังแห่งเงาออกไป
“ไฟอาร์” ดราฟใช้จังหวะที่ดาบกับแส้ของเขาและเธอแตะกันปล่อยไฟออกไปเล่นงานลอลิน
“อ๊า.....” เธอกรีดร้องลั่นด้วยความทรมานเมื่อไฟเหล่านั้นกำลังเผาเธอจนแสบร้อนไปหมด ร่างกายชักอย่างรุนแรงพร้อมกับเงามืดสีดำที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าคลุมร่างของเธอไว้เหมือนรังไหมจนไฟดับ
...และเมื่อเงามืดเหล่านั้นหายไป สิ่งที่เหลืออยู่คือสิ่งมีชีวิตที่ตา หู จมูก ปากหดเข้าไปกลมกลึงกับหน้า ตาและผิวหนังกลายเป็นสีดำราวกับรูปปูนปั้นเคลือบมันเงาจนไม่น่าเชื่อว่าเธอยังไม่ชีวิตอยู่ถ้าไม่ได้ยินสิ่งที่เอ่ยออกมาจากปากของเธอ
“ความมืดจะกลืนกินทุกอย่าง”
ลอลินพึมพำเหมือนคนไม่ได้สติ ดราฟเบิกตากว้างเมื่อตระหนักว่าเธอกำลังเป็นเหมือนซาคานตอนอยู่ที่ห้องขัง พร้อมกับไอหมอกสีดำที่กำลังเข้าปกคลุมพื้นที่นี้จนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ เสียงกรีดร้องของชาวบ้านดังขึ้นระงมไปทั่ว
‘อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ’ เสียงเตือนของซาคานดังขึ้นในหัวดราฟเป็นจังหวะเดียวกับที่หมอกกำลังเคลื่อนหายไปเหมือนราวกับถูกดูดด้วยพลังที่เหนือกว่า และเมื่อทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านไร้ตะวันกำลังยกไม้เท้าขึ้นสูง เบื้องหลังคือยาติสกับโยเซฟและพลธนูจำนวนหนึ่งกองที่เล็งธนูมา แม้จะไม่รู้ว่ามันเล็งมาทางพวกเขาหรือพวกลอลินก็ตาม
“พวกเจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่อง”
ผู้เฒ่าตวาดลั่น แต่ลอลินกลับหัวเราะเยาะเย้ย นัยน์ตาสีดำเลื่อมมองตรงไปยังชายชรานั้นยากจะคาดเดา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนอคติสูง แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้มันดูต่างออกไปราวกับเป็นคนละคน
“เจ้าแก่หมวดหมึก เจ้าก็เหมือนมันนั่นแหละ” เธอกรีดเสียงจนแหลมสูง ชี้นิ้วไปทางซาคาน “เจ้าปกป้องมัน ดูแลมัน ทั้งที่มันเป็นพวกแปลกแยก พวกกลายพันธุ์ที่น่ารังเกียจ เจ้าเชิดชูมันแล้วปล่อยให้พวกข้าถูกหลงลืม”
ม่านหมอกเกิดขึ้นรอบตัวเธออีกครั้งราวกับจะย้ำถึงจิตใจที่ดำมืดและเต็มไปด้วยอคติ ผู้เฒ่ายกไม้เท้าขึ้นสูงเตรียมร่ายเวทย์อีกครั้ง แต่อะไรบางอย่างกลับพุ่งเข้าใส่จนเลือดไหลอาบมือต้องปล่อยไม้เท้าลง
“ท่านทรยศต่อพวกพ้อง”
เสียงทุ้มต่ำร้องดังขึ้น ชายหนุ่มในชุดคลุมคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า เขายื่นมือออกไปรับไพ่อาบเลือดให้มาอยู่มืออย่างชำนาญ
“เจ้าต่างหากที่ทรยศต่อพวกพ้องของเจ้า”
ดราฟค้าน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นและจริงจัง แต่กลับสร้างความหวาดหวั่นให้กลับยาติสแทน เธอกอดโยเซฟแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายไปด้วยอีกคน
“โธ่องค์ชาย! ออกมาเถอะเพคะ นั่นมันไม่ใช่เรื่องของเรา ทรงห่วงพระวรกายของพระองค์บ้างเถอะเพคะ หม่อมฉันขอร้อง”
ดราฟขมวดคิ้วหมุนอย่างไม่พอใจ เหลือบมองผู้เป็นดั่งมารดาเพียงหางตาเท่านั้น “นี่ไม่ใช่เรื่องของท่าน แต่มันเรื่องของข้า”
เรย์แสยะยิ้มอย่างชอบใจพลางสะบัดโซ่ในมือไปมา ชายถือไพ่เอียงคออย่างฉงน ส่วนลอลินขยับยิ้มเล็กน้อยก่อนจะโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม
“ถูกแล้วองค์ชาย มันเป็นเรื่อง...ของข้ากับพวกท่าน”
...คลื่นพลังสีดำพุ่งออกจากฝ่ามือลอลินเข้าโอมล้อมเหมือนกับกำแพงที่กั้นไม่ให้ใครออกไป โดยที่พวกผู้เฒ่าได้แต่ยืนมอง แต่เพียงเสียววินาทีก่อนที่ม่านพลังจะปิดโดยสมบูรณ์แบบ ยาติสก็กระโดดเข้ามาในม่านพลังเสียก่อน
“ท่านแม่...” เสียงโยเซฟร้องดังมาจากข้างนอก แต่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขาเลย กำแพงพลังของลอลินปิดกั้นทุกอย่างไว้หมด จนในที่สุดเสียงร้องก็เริ่มเงียบหายไป
“ท่าน!!”
ดราฟขึ้นเสียงสูงด้วยความตะลึงงัน มองยาติสที่กำลังลุกขึ้นกางม่านเปลวเพลิงกั้นพวกเขาเอาไว้โดยใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง ตอนนั้นเองที่เขาตระหนักว่าเธอก็เป็นไฟอาร์คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในวัง??
“โง่เง่า” ชายถือไพ่เอ่ยเสียงต่ำ เดินเข้ามาหายาติสช้าๆ ท่าทางของเขาดูไม่รีบร้อนอะไรเลย ผิดกับดราฟที่พยายามพุ่งตัวเข้าหาเธอ แต่ก็ถูกดีดกลับมาทุกครั้งเหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยดันอยู่
“โธ่โว้ย” ดราฟสบถ เนื้อตัวถลอกไปหมด...ถึงเขาจะไม่ชอบหญิงสาวคนนี้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้เธอเป็นอะไรไปสักหน่อย
‘หยุดดิ้นรนเถอะ’ เสียงซาคานดังขึ้นในหัว
ดราฟหันไปมองด้วยสายตาที่มีหวัง แต่แล้วความหวังนั้นก็ดับลงทันทีเมื่อหันไปเห็นชายถือไพ่แท่งมือเข้าใส่ยาติสจนทะลุ เลือดพุ่งอาบพื้นย้อมหญ้าจนเป็นสีแดงฉาน แต่เขาก็ได้แต่ยืนนิ่ง...ในหัวว่างเปล่าไปหมด
...เขาเสียเฟรย่าผู้เป็นมารดากับเลวาไปแล้ว และตอนนี้เขากำลังจะสูญเสียยาติสไปอีกคน นี่เขามันตัวล้างผลาญหรือไงนะ ไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้ก็ต้องเดือนร้อนไปหมด??
“องค์ชาย” ยาติสหันมามองดราฟพร้อมกับรอยยิ้มที่อิ่มเอมทั้งที่มือของชายถือไพ่ยังคงคาอยู่ในตัว แต่ม่านพลังก็ยังมั่นคงไม่สั่นไหว
“หม่อมฉัน...ขอโทษ”
เปรี้ยง!! ม่านพลังไฟแตกออกเหมือนกับกระจก
ชายถือไพ่ดึงมือออกจากร่างของยาติส ปล่อยให้ร่างนั้นทรุดลงไป แต่ทันใดนั้นมือสีดำที่ยืดยาวก็พุ่งเข้าคว้าตัวเธอยกลอยขึ้นแกว่งไปมา ดราฟมองตามือที่ยืดยาวนั้นอย่างโกรธแค้น และก็พบกับคนที่ตอนนี้เขาเกลียดที่สุดในตอนนี้
“โอะโอ...” ลอลินลากเสียงยาว ปล่อยไอพลังสีดำเข้าคลุมร่างที่ไร้ลมหายใจเอาไว้ก่อนจะโยนไปตกนอกกำแพงพลังของเธอ “น่าสมเพชดีนะ”
“เจ้าไม่ตายดีแน่” ซาคานเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าและน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่โกรธไม่เกลียด หรือดีใจ เด็กหนุ่มหลับตาเพื่อตั้งสมาธิ แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังแห่งไฟที่กำลังครุกรุ่นอยู่ใกล้ๆ จึงรีบหันไปมองทันที
“ดราฟ”
องค์ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ตอบรับเสียงเรียก ตัวเขาตอนนี้กำลังร้อนเหมือนมีไฟมาสุมเอาไว้ มันร้อน จนต้องการปลดปล่อยทุกอย่างออกมา
พรึบ!! ไฟลุกขึ้นรอบๆ ตัวเผาหญ้าจนกล้าเป็นเพียงเถ้าธุลีภายในพริบตา
“ดราฟ...เจ้า” ซาคานเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง ไอร้อนที่พวยพุ่งออกมาทำให้เขาต้องถอยออกไปห่างๆ แต่ก็ยังคอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงขององค์ชายหนุ่มไม่ละสายตา
ดราฟก้มหน้านิ่ง มองมือตัวเองด้วยความฉงน ผิวที่ปกติก็ขาวอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งดูขาวซีดเหมือนไก่ต้ม แต่เขาไม่รู้เลยว่า แม้กระทั่งนัยน์ตาและเส้นผมของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงโกเมนด้วย
“หึ ฮ่าๆๆ” ลอลินร้องเหมือนดีใจมากกว่า ผิดกับคนอื่นๆ ที่กำลังถอยออกไปเรื่อยๆ เพราะทนความร้อนไม่ไหว “เจ้านี่น่าทึ่งจริงๆ”
เสียงของลอลินดึงให้ดราฟเงยหน้าขึ้นมากสิ่งรอบตัวอีกครั้ง ทันทีที่เห็นร่างเหมือนปูนปั้นสีดำของเธอ ความโกรธ เกลียดก็เข้ามาถาโถมเขาอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นคือความเสียใจ
“เป็นอะไรไปองค์ชาย” ลอลินสร้างไอพลังสีดำเข้าไปวนเวียนอยู่รอบตัวดราฟเหมือนจะยั่วยุเมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนนิ่ง
แต่ซาคานไม่คิดอย่างนั้น สัญชาตญาณของเขาบอกให้ตัวเองต้องรีบสร้างม่านพลังที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ และเขาก็คิดถูก เพราะในความนิ่งของดราฟ พลังที่อัดแน่นอยู่ภายในกำลังเดือดปุดๆ
ทว่าเป็นเพราะเขามีพลังของทั้งไทม์และไฟอาร์ ทำให้ตอนนี้พลังทั้งสองที่ต่างกันสุดขั้วกำลังต่อสู้กันเองเพื่อเข้าครอบครองร่างของเขา แต่ความโกรธที่มีมากกว่าผลักให้ไฟอาร์ชนะในที่สุด
“ข้า-จะ-ทำ-ลาย”
เสียงที่เปล่งออกมานั้นช่างทรงพลังจนสั่นกำแพงพลังของลอลินจนแตกกระจายออก ไฟพุ่งออกมาจากทุกรูขุมขนของร่างกายเผาทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างไม่เลือกหน้า
เสียงกรีดร้องของเงาดังสะท้านไปทั่วทั้งป่า และถ้าใครได้มองจากมุมสูง ก็จะเห็นพายุเพลิงเหมือนเฮอร์ริเคนที่กำลังหมุนวนทำลายป่าดงดิบแห่งนี้ให้พินาศโดยมีเด็กหนุ่มลอยหลับใหลอยู่ภายใน ปล่อยให้จิตใจที่ถูกครอบงำทำงานของมันไป
....
...แต่ทว่าเมื่อทุกอย่างสงบลง พวกเขากลับต้องเจอสิ่งที่ร้ายยิ่งกว่า สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการผสมระหว่างพลังของสองสายพันธุ์...เงาและไฟอาร์
ปีศาจรัตติกาลที่อยู่ได้ทั้งกลางวันกลางคืน และมันพร้อมที่จะกลับมาทำลายสิ่งที่มันโกรธแค้นทุกเมื่ออย่างเยือกเย็นและไร้ปรานี
ปีศาจที่รวบรวมพรรคพวก และตั้งขึ้นเป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่แม้แต่ราชสำนักยังต้องหวั่นเกรง
...องค์กรโพธิ์ดำ
ความคิดเห็น