ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black Rose Killer นักฆ่าแห่งฟรอนดาโก้

    ลำดับตอนที่ #10 : รวมตัว

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 52


    />

    บทที่ 10 : รวมตัว

              ฉันถอนใจพลางมองเจ้าองค์ชายรัชทายาทตัวดีที่ชอบทำอะไรไม่บอกไม่กล่าว แถมยังทำกับฉันเหมือนตัวอะไรอีกต่างหาก

              อ้อ! ก็ใช่สิ ฉันนะมันเป็นหนี้ชีวิตเขานี่ เขาจะทำอะไรก็ไม่ผิดอยู่แล้ว แต่ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงตาฉันเมื่อไหร่ละก็....น่าดูแน่

              ก็ตอนนี้นะ ฉันมีฟินิกซ์สีรุ้งเป็นพวกแล้วนะ คอยดูฉันให้ดีเถอะ

    ...........................

                ซาเนียย่ากระโดดขึ้นไปดูต้นทางบนกำแพงวังก่อนกระโดดลงไปเปิดประตูจากทางด้านนอกให้มาริเอะพาดราฟที่แบกซาคานออกมาจากวัง แล้วจึงพาเดินเลียบกำแพงไปโผล่ที่หน้าโรงเตี๊ยมที่ทั้งเล็กและโทรมแห่งหนึ่ง โชคดีหน่อยที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ผู้คนเลยไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าที่ควร

                อ่า...ถึงแล้ว ที่นี่แหละที่พวกข้าชอบมาพักนะ หญิงสาวนักฆ่าร้องบอกพร้อมกับลากมาริเอะให้เดินเข้าไปด้วยกัน แต่ทว่าดราฟกลับชะงักเท้าไม่ยอมเข้าไป

                เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมจะไม่คาบข่าวไปบอกโพธิ์ดำหรือใคร

                คนถูกถามกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย นี่เขาเห็นเธอเป็นพวกทำอะไรไม่คิดหรืออย่างไรนะ

                มันไม่ไปบอกใครแน่ ถ้าท่านมีเงินมากพอจะอุดปากมันนะ

                เอ่ยยังไม่ทันจบดี เสียงฝีเท้าดังตึกตักก็ดังขึ้นก่อนที่ชายวัยกลางคนหน้ากลมๆ หัวล้านแต่งตัวสกปรกเหมือนหมูก็ยื่นออกมาจากหลังประตูไม้สีซีด

                ยังเช้าๆ อยู่มาทำอะไรเอะอะอยู่หน้าร้านข้า เจ้าของร้านตวาดเสียงกร้าว ยิ่งเมื่อหันไปเห็นซาเนียย่าที่ยืนยิ้มระรื่นอยู่ข้างๆ มาริเอะด้วยแล้วยิ่งเหมือนจะโมโหเข้าไปใหญ่ หน้าของเขาแดงแปร๊ดขึ้นทันที กลับมาทำไมอีกนังตัวดี คราวที่แล้วเจ้าเกือบจะพังร้านข้าไปแล้วนะ แถมค่าอาหาร...

                อะแฮ่ม ซาเนียย่าโยนถุงเงินเล่นไปมาอย่างสบายอารมณ์ เพราะรู้ดีแล้วว่าเจ้าคนนี้นะเห็นเงินยิ่งกว่าพระเจ้าเสียอีก โธ่ ข้ากะว่าจะเอาเงินนี้มาใช้ค่าเสียหายให้เจ้า แต่ดูท่าเจ้าจะไม่ค่อยอยากรับมันสักเท่าไหร่ หึ! ว่าไงเจ้าเฟหน้าหมู

                อะ...ใครบอกเจ้าละ เอาเงินของข้ามานี่นะ เฟรีบคว้าถุงเงินไปจากมือซาเนียย่าทันที เธอได้แต่ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างวางมาด โดยที่เฟรีบวิ่งเข้าไปจัดการหาที่หาทางให้นั่งอย่างดิบดีแต่ว่าเธอกลับปฏิเสธ

                นั่นมันเงินของข้านะ ดราฟเดินแบกซาคานเข้ามากระซิบที่ข้างหูอย่างอาฆาตก่อนเดินผ่านไปแต่เธอกลับหัวเราะออกมาอย่างขบขันก่อนหันไปตีหน้าจริงจังใส่เฟ

                เฟ ข้าต้องการกุญแจ ซาเนียย่าชะโงกหน้าข้ามเคาเตอร์ไปกระซิบเสียงเบาๆ เฟเบิกตากว้างทำท่าจะร้องออกมาแต่ทว่ามาริเอะที่ยืนอยู่ด้านหลังก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้จึงชักมีดออกมาจ่อที่คอของเขาจนเป็นรอยแดง

                ทำตามที่ซาเนียบอกซะ มาริเอะถลึงตามองพร้อมกับออกแรงกดใบมีดเข้าไปอีกเป็นการกดดันอีกฝ่ายซึ่งมันก็ได้ผลกับคนที่กลัวตายอยู่แล้ว

                ดะ ได้จ้ะๆ เฟเอ่ยเสียงสั่นรีบล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบกุญแจเก่าๆ ดอกหนึ่งขึ้นมายื่นให้ แต่ทว่าซาเนียย่ากลับไม่พอใจเพียงแค่นั้น เพราะถ้าเขากลัวจนยอมให้ทุกอย่างแก่พวกเธอ เขาก็มีสิทธิจะบอกทุกอย่างแก่พวกโพธิ์ดำเพื่อให้ตัวเองรอดตายเช่นกัน

                ถ้าใครรู้ว่าพวกข้าอยู่ที่นี่คงจะรู้นะว่าชีวิตเจ้ามันจะเป็นเช่นไร ซาเนียย่าขู่ด้วยรอยยิ้มหวาน ก่อนจะผลักเฟจนล้มไปชนกับโต๊ะล้มระเนระนาด แต่ก่อนจะเดินจากไปก็ไม่ลืมโยนถุงเงินอีกทิ้งใส่หัวของเขาเป็นค่าปิดปาก

                เมื่อซาเนียย่าเดินมาสมทบกับคนอื่นๆ ที่หน้าทางเดินเข้าห้องพัก ดราฟก็บอกว่าซาคานเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาได้แต่ลืมตาเท่านั้น เพราะร่างกายที่ได้รับพลังและถูกดูดพลังออกไปอย่างรวดเร็วไม่สามารถปรับตัวได้ทันทำให้เรี่ยวแรงพลอยหมดไปด้วย

                เจ้าได้ยินข้าไหม มาริเอะก้มลงกระซิบเบาๆ แต่ก็ไม่มีอาการตอบสนอง พอจับชีพจรที่ข้อมือของเขาก็พบว่ามันเต้นเบามาก แต่จู่ๆ ก็กลับมาเต้นแรงเป็นแบบนี้สลับกันไปมา ชีพจรแปรปรวน

                ซาเนียย่าสบตากับรุ่นพี่สาวเพียงครู่ก็รู้ทันทีเลยว่าตอนนี้อาการเขาไม่ได้กำลังดีขึ้น แต่มันกลับแย่ลงต่างหาก...

                เราต้องรีบพาเขาไป มาริเอะเอ่ยเสียงเครียดท่ามกลางการจับตามองของดราฟ ซาเนียย่ารีบวิ่งนำทุกคนเข้าไปในห้องพักห้องในสุดซึ่งถ้าดูผิวเผินก็ไม่ต่างจากห้องที่ผ่านๆ มา แต่ทว่าตอนนี้เธอกำลังจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ไม่มีใครพบเห็น

                ซาเนียย่าถลกผ้าคลุมเตียงขึ้นก่อนก้มลงที่ด้านข้างของเตียง ถ้าลองคลำๆ ดูก็จะพบว่ามีรูอยู่รูหนึ่ง แต่สำหรับคนที่ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นประจำอย่างเธอแล้วแม้กระทั่งหลับตาก็ยังหารูเจอเลย เธอหยิบกุญแจที่เอามาจากเฟเสียบลงไปที่รูนั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนดูผลงานตนเอง

                ครืน...

                เสียงเหมือนกลไกฟันเฟืองเหล็กบางอย่างทำงานพร้อมกับที่ฐานของเตียงยกตัวขึ้นสูงโดยมีเหล็กแท่งใหญ่คอยค้ำยันเอาไว้ทั้งสี่ทิศจนสามารถเห็นบันไดที่ทอดตัวยาวลงไปในความมืดเบื้องล่าง

                แต่นแตนแต๊น...!!! เชิญลงไปสู่ฐานบัญชาการลับอันยิ่งใหญ่ของกลุ่มนักฆ่ากุหลาบดำที่ทางการตามหามานานแส้นนน...นานได้เลยเจ้าค่า...

                หึๆๆ ก็ข้านี่แหละทางการ ดราฟพึมพำก่อนหัวเราะกับท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าของนักฆ่าสาว แต่พอเห็นเจ้าตัวไม่ยอมลงไปสักทีเขาก็ถึงกับถีบลงไปทีเดียว

                อ๊าก ท่านนี่ถีบกันได้นะ ซาเนียย่าร้องเสียงดังระหว่างลุกขึ้นจากพื้นก่อนเอ่ยเร่งให้มาริเอะกับดราฟลงมา แต่ด้วยความที่ว่ามันมืดมากทำให้การแบกผู้ชายตัวใหญ่ๆ ลงมาด้วยเป็นไปด้วยความยากลำบาก

                ทางไปฐานบัญชาการของเจ้านี่ดีจริงๆ นะ ดราฟเอ่ยแกมประชด ถ้าจะติดโคมไฟเสียหน่อยคงจะไม่เสียงบมากนัก... ไฟอาร์

                สิ้นเสียงขององค์ชายหนุ่มก็ปรากฏดวงไฟสีส้มแดงนับสิบๆ ดวงขึ้นล้อมรอบตัวเขา ก่อนที่มันจะลอยกระจายไปทั่วทั้งอุโมงค์ทำให้เห็นว่าภายในนี้เต็มไปด้วยไม้ขนาดต่างๆ ที่แปะติดอยู่เต็มผนังไปหมด มีตะไคร่น้ำขึ้นเป็นหย่อมๆ บางจุดก็มีน้ำไหลซึมลงมา

                เฮ้ย... ดราฟถอนใจออกมาเบาๆ พลางกรอกตากับสภาพอุโมงค์ที่ตนยืนอยู่ก่อนจะเดินตามนักฆ่าสองสาวไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

              ให้ตายเถอะน่า... ซาเนียย่าร้องลั่นพลางกวาดมองไปทั่งทั้งห้องโถงที่ครั้งหนึ่งพวกเธอเคยใช้เป็นห้องประชุมสำหรับวางแผนการต่างๆ แต่ทว่าตอนนี้สภาพมันแถบจะไม่เหลือเค้าเดิมเลยแม้แน่น้อย... โต๊ะไม้กลางห้องล้มคว่ำขาหัก กองเอกสารถูกเผา เปลที่พริมซ์เคยใช้นอนก็ถูกกรีดไม่เหลือชิ้นดี

                พวกโพธิ์ดำคงจะมาค้นที่นี่แล้ว เจ้าพ่อบ้านนั่นก็คงตายไปด้วย มาริเอะเอ่ยเสียงเรียบ พยายามไม่แสดงความรู้สึกออกมาในน้ำเสียง แต่ทว่าสำหรับซาเนียย่ากลับต่างกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอโกรธแค่ไหน แต่ทว่าความเสียใจที่เห็นสิ่งของที่เก็บความทรงจำของพวกเขาถูกทำลายมันมีมากกว่า

                ข้าว่าเราไปหาที่อื่นเถอะ ซาเนียย่าตั้งท่าจะเดินกลับแต่ดราฟกลับใช้มือเพียงข้างเดียวรั้งเธอเอาไว้ก่อนเอ่ยเตือนสติ

                ซาคานต้องการที่พัก เดี๋ยวนี้

                ซาเนียย่าชะงักไปนิดหนึ่งก่อนพยักหน้ารับ แล้วหันหลังเดินไปเปิดประตูบานหนึ่งที่จะนำพวกเธอไปสู่ที่พัก...ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ มีเพียงนัยน์ตาที่ว่างเปล่าคู่หนึ่ง แต่จู่ๆ เธอก็โยนถุงใส่เงินถุงหนึ่งให้ดราฟ

                นี่มันเงินข้านี่ แล้วเงินที่เจ้าให้เจ้าของโรงเตี๊ยมนั่นไป... ดราฟเอ่ยยังไม่ทันจบก็ต้องชะงักไปทันทีที่ซาเนียย่าหันมามอง

                ถุงนั่นมีแต่ก้อนหินกับยาพิษเท่านั้นหละ

                ตอนนี้เจ้าปกป้องคนที่เหลือได้นะ

                เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นที่ข้างหู มันเบาเหมือนเสียงกระซิบ แต่กลับดังชัดในโสตประสาท และโดยไม่รู้ตัวซาเนียย่าก็ถามกลับไป

                อย่างไรละ

                เจ้าว่าอะไรนะ มาริเอะกระโดดเข้ามาถามพลางหรี่ตามองรุ่นน้องสาวราวกับจะจับผิด แต่พอโดนถามแบบนั้นซาเนียย่าก็รู้ทันทีว่าเมื่อกี้ไม่มีใครได้ยินเสียงเหมือนเธอเลยรีบตอบปฏิเสธไป

                เกือบไม่รอดแนะ เรานี่ชักหูฝาดแล้วสิ...หญิงสาวคิดขณะที่โผล่ขึ้นมาบนพื้นดินอีกครั้ง เบื้องหน้าเธอต้นไม้ต้นใหญ่

                อ้าว! ก็ใครว่าเจ้าหูฝากละสาวน้อย เสียงปริศนาตอบกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เธอนึกออกทันทีว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของใคร

                ฟินิกซ์สีรุ้ง ซาเนียย่าร้องลั่น จนทั้งมาริเอะและดราฟหันมามอง เสียง...เสียงของฟินิกซ์สีรุ้งดังในหัวข้าอะ

                ฮ่าๆๆ มาริเอะหัวเราะออกมาก่อนเดินมาลูบหัวเธออย่างเอ็นดู ก็เจ้าเป็นผู้ใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้งนี่ ถึงตัวเขาจะอยู่ในไข่แต่ถ้าเจ้าจะได้ยินเสียงเขาก็ไม่แปลก

                ใช่ๆ แม่สาวคนนี้พูดถูก เสียงฟินิกซ์สีรุ้งรีบร้องเข้าข้างมาริเอะทันที

                ซาเนียย่าเบ้ปาก ถ้าแบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่ว่าเธอจะคิดอะไรเจ้านกฟินิกซ์นี่ก็ต้องรู้ไปด้วย เธอไม่ชอบเลย

                ข้าได้ยินนะว่าเจ้าบ่นอะไร ฟินิกซ์สีรุ้งบ่นกระปอดกระแปด แต่ว่าเธอไม่สน

                ฝ่ายดราฟเองก็เฝ้ามองซาเนียย่าเหมือนพิจารณาความโชคดีที่ได้ครอบครองพลังของเธออย่างถี่ถ้วน ก่อนจะละสายตาไปมองต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้าแทน

                เจ้าคงไม่ให้ข้าแบกซาคานปีนต้นไม้หรอกใช่ไหม

                ซาเนียย่าเลิกคิ้วสูงเหมือนเพิ่งนึกได้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเงยขึ้นมองบ้านไม้หลังไม่ใหญ่มากบนต้นไม้สูงเกือบสิบเมตรก่อนจะหันไปมองดราฟอย่างชั่งใจ เพราะเมื่อก่อนพวกเธอนึกจะขึ้นเมื่อไหร่ก็แค่กระโดดขึ้นไปก็หมดเรื่อง

                ข้าบอกแล้วไงว่าที่นี่นะฐานบัญชาการของกุหลาบดำ เรื่องแค่นี้หายห่วง ซาเนียย่าชี้นิ้วไปที่ต้นไม้ที่บ้านตั้งอยู่ ข้างในนั่นมีรอกซ่อนอยู่ มันสามารถพาคนขึ้นไปได้แค่สามคน พี่มารี่จะเป็นคนนำทาง ส่วนข้าจะขึ้นไปเอง

                เอ่ยจบมาริเอะก็พาดราฟไปทันที เธอยืนมองทั้งสองหายเข้าไปในรอกจนลับตาแล้วตัวเองจึงค่อยกระโดดขึ้นไปเจอทุกคนที่ด้านบนบ้านอีกครั้ง

                หญิงสาวกวาดมองรอบบ้านอย่างพึงพอใจ ทุกอย่างยังคงอยู่ดีไม่มีชิ้นไหนหายหรือตกหล่น แสดงว่าโพธิ์ดำยังหาที่แห่งนี้ไม่เจอ เธอเดินไปเปิดประตูห้องนอนตัวเองให้ดราฟกับมาริเอะพาร่างของซาคานเข้าไปวางไว้บนเตียงของเธอ ส่วนไข่ทั้งสามใบก็ถูกนำไปเก็บไว้ในตู้อำพรางสายตาอย่างดี

                อาการเขายังไม่ดีขึ้นเลย มาริเอะเอ่ย เจ้าช่วยถอดเสื้อคลุมของเขาออกหน่อย คนป่วยต้องการอาการถ่ายเท

                ได้เลยเจ้าค่ะคุณหมอ ซาเนียย่าแซว แต่เพียงแค่ก้มลงมองซาคานใกล้ๆ เท่านั้นเธอก็ถูกอะไรบางอย่างดีดลอยกระเด็ดออกมา แต่โชคดีที่มาริเอะวิ่งเข้ามารับไว้เสียก่อน

                นั่นมันอะไรนะ

                แค่อาการ...ของโรคพลังแปรปรวน ดราฟตอบพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ซาคาน แต่ว่าเขากลับไม่ถูกดีดออกมาเหมือนเธอ เห็นได้ชัดว่ายังมีพลังไฟอาร์อยู่ในร่างของเขา และมันก็ไม่ถูกกับพลังของฟินิกซ์สีรุ้งอย่างแรง

                ทุกคนพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะสร้างลูกไฟขึ้นมาลูกหนึ่งแต่มันลอยนิ่งๆ อยู่ได้ไม่นานก็พุ่งเข้าหาซาคานเหมือนกับวัตถุที่ถูกแม่เหล็กดูด แต่ดราฟกลับยื่นมือออกมาบังคับลูกไฟของเขาให้ถอยห่างออกมาเสียก่อน

                และอีกประการคือมันดูดกลืนพลังของไฟอาร์มาไว้ในตัวเอง มาริเอะเอ่ยเสริม

                ใช่ ดราฟดับไฟของตนลง และบางทีอาจหมายถึงพลังของเงาด้วย

                แล้วทำไมทีตอนท่านยังอุ้มซาคานได้เลยละ ซาเนียย่าถามต่อด้วยความสงสัย

                ก็มันคืออาการพลังแปรปรวนไงละ...เจ้าเข้าใจคำว่าพลังแปรปรวนใช่ไหม

                อืม...ยุ่งยากจังแหะ เธอพึมพำเบาๆ

                ใช่ ยุ่งยากน่าดู ฟินิกซ์สีรุ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงสติของเธอลงมาอยู่ในภวังค์ที่มีเพียงแค่พวกเธอสองคน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีการแก้ ในเมื่อต้องใช้พลังในการรักษาของแสงซึ่งแน่นอนว่าพลังของไฟอาร์ก็ต้องตีกลับเหมือนพลังของข้า แต่ถ้าใช้การผสมรวมระหว่างแสงกับไฟอาร์ก็ใช่ว่าจะไม่ได้

                อย่างไรละ ซาเนียย่าถามกลับ

                ถ่ายถอดพลังจากไข่ของภูติแสงและมังกรเพลิงเข้าด้วยกัน แม้ว่ามันจะยากเสียหน่อยและผลที่ได้จะไม่เต็มร้อยแต่ก็ถือว่าดีกว่าปล่อยไว้เฉยๆ ภูติแสงจะช่วยทำให้เขากลับมาเป็นปกติมากที่สุด ส่วนไฟความร้อนของมังกรเพลิงจะเผาพลังของไฟอาร์ที่มีอยู่ในตัวเขาเอง

                อืม...ใช้พลังจากไข่ของแสงกับไฟอาร์รวมกันรักษาซาคาน ซาเนียย่าเอ่ยขึ้น แต่กลับทำให้อีกสองคนหันมามองทันทีจึงรีบเอ่ยเสริม คือว่าฟินิกซ์สีรุ้งบอกข้านะ

                ดราฟหรี่ตาลองเล็กน้อย นัยน์ตาสีมรกตเต็มไปด้วยความหนักใจ นั่นอาจเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง แต่ตอนนี้เราต้องรอคนของภาคีก่อน เราต้องวางแผนก่อนที่จะลงมือทำอะไร

                ภาคี สองสาวร้องขึ้นทันที มาริเอะลุกขึ้นชักกริชออกมาชี้ไปทางชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว เจ้ามีอะไรที่ไม่ได้บอกพวกเรา

                ดราฟเอียงคอเพียงเล็กน้อยใบมีดของกริชที่อยู่ในมือของมาริเอะก็ถึงกับละลายทันที ไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกพวกเจ้า รู้ไว้เพียงว่าคนของข้ากำลังมาที่นี่

                ซาเนียย่าถอนใจออกมาอย่างหนักหน่วง มือก็กดไหล่ของรุ่นพี่นักฆ่าสาวให้นั่งลงก่อนที่จะมีใครสักคนในห้องนี้ตาย ไม่ใช่ว่าเธอไม่โมโหที่เขาแสดงกิริยาแบบนี้กับเธอ เพียงแต่รู้ว่าความโมโหไม่อาจเอาชนะชายตรงหน้านี้ได้ต่างหาก

                ท่านไม่มีเหตุผล เพราะไม่ว่าท่านจะอ้างอะไรก็ตาม อย่างน้อยพวกข้าก็มีส่วนในการช่วยพวกท่าน ที่ๆ ท่านอยู่ตรงนี้ก็บ้านของข้า...ห้องของข้า ตามกฎแล้วข้ามีสิทธิ์จะรู้ว่าท่านกำลังจะทำอะไรกับที่ของข้า จริงไหมองค์ชาย...หรือว่าคนตั้งกฎจะเป็นคนแหกกฎเสียเองละ

                ได้ผลเกินคาด หน้าของดราฟแดงแปร๊ดเหมือนกำลังจะระเบิดออกมาเลยทีเดียว

                แน่นอนว่าเจ้าอาจจะมีสิทธิ์ คนที่จะมาคือคนของภาคีต่อต้านเงาที่ข้าตั้งขึ้นอย่างลับๆ พวกเรากำลังดำเนินแผนในการกำลังพวกโพธิ์ดำและพวกที่คิดจะล้มล้างราชบัลลังก์ ซึ่งเมื่อก่อนพวกเจ้าก็เคยเป็นหนึ่งในบัญชีดำที่พวกข้าต้องกำจัด

                โอ๊ะโอ...แย่จังแหะ ซาเนียย่าแสร้งร้องด้วยสีหน้ากวนๆ แล้วตอนนี้พวกท่านคงจะไม่คิดจับข้าขึ้นแดนประหารหรอกนะ

                หึๆๆ ดราฟร้องในลำคอ ข้าทำแน่ถ้าเจ้าเล่นตุกติก

                เธอกรอกตาไปมาอย่างเอือมระอา นี่เธอกับเขาร่วมหัวจมท้ายกันมาถึงตอนนี้แล้วยังอุตสาห์คิดว่าพวกเธอยังจะหักหลังอีกหรือ

                ถ้าข้าคิดจะทำอย่างนั้นท่านไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้หรอก

     

                แสงแดดยามบ่ายที่ร้อนชนิดทอดไข่สุกส่องลงมายังพื้นโลกอย่างที่ไม่ปรานีใคร แต่กระนั้นดราฟก็ยังสั่งให้ซาเนียย่าลงมาคอยดูต้นเพื่อว่าจะมีใครมา แต่นั่งรอนอนรอจนเที่ยงแล้วก็ยังไม่มีใครมากสักคน น้ำสักหยด ข้าวสักคำก็ไม่ตกถึงท้อง จะดีหน่อยที่มีเงาไม้ไว้หลบแดดกับมีเสียงคุยตลอดเวลาของเจ้าฟินิกซ์สีรุ้งที่คุยเก่งยิ่งกว่าเธอเสียอีก

                เจ้ามีตัวตนมีรูปร่างหรือเปล่า หญิงสาวถามขึ้นในจิตใจ มือก็เล่นหักกิ่งไม้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธออยู่ชุดหนังสีดำเหมือนที่เคยใส่แต่คราวนี้มีฮูดติดอยู่ด้วย

                มีสิ ก็ข้าเป็นฟินิกซ์ไงเล่า เสียงตอบกลับมาดังก้องขึ้นในหัว มันเป็นเสียงที่เธอเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเสียงของเพศผู้หรือเพศเมีย

                ไม่ใช่ๆ ข้าหมายถึงร่างมนุษย์นะ เจ้าไม่มีรูปร่างที่เป็นมนุษย์มั้งเลยหรอ ซาเนียย่าแก้คำถามใหม่พลางเอยหลังพึงต้นไม้อย่างสบายอารมณ์

                มีสิ อะฮ่า...เจ้าอยากจะเห็นข้าใช่ไหมละ เสียใจด้วยนะแม่หนู พลังเจ้านะเพียงไม่พอที่จะทำให้ข้าปรากฏตัวได้หรอก

                หญิงสาวเบ้หน้าทันที นี่ท่านกำลังแอบว่าข้าไม่มีความสามารถละสิ ชิ! แล้วแบบนี้ท่านจะมาเลือกข้าเป็นผู้ใช้พลังทำไมละ สู้ไปเลือกคนที่มีพลังแก่กล้าไม่ดีกว่าหรืออย่างไร

                โอ๋ๆ อย่างอนสิสาวน้อย ฟินิกซ์สีรุ้งเอ่ยพร้อมกับสายลมที่พัดมาปะทะแก้มเบาๆ เรื่องการเลือกผู้ใช้พลังนะมันอยู่ที่โชคชะตาส่วนหนึ่ง ส่วนอีกส่วนหนึ่งก็คือหัวใจแห่งการปกป้องของเจ้าต่างหากนะ

                หึ ไม่ต้องมายอข้าหาจังหวะนอกเรื่องเลยนะ เธอดุใส่ แต่จังหวะนั้นเองลางสังหรณ์บางอย่างก็บอกเธอว่ามีคนกำลังมา พอชะโงกหน้าลงไปก็พบคนกลุ่มหนึ่งที่สวมผ้าคลุมปิดหน้าปิดตามิดชิดจำนวนห้าหกคนยืนมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาทางไป แต่บางคนก็ส่งเสียงซุบซิบบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์

                เห็นทีเรามีแขกมาเยือนแล้วสิ ซาเนียย่าพึมพำกับตัวเองพลางดึงฮูดสีดำขึ้นมาปิดหน้าก่อนจะดิ่งทิ้งตัวลงไปเบื้องหน้าผู้มาใหม่ทั้งหลายด้วยรอยยิ้มที่เหยียดจนเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีน้ำตาลส่องประกายแวววับและถ้าเป็นคนที่รู้จักกันดีก็จะรู้เลยว่า...นักฆ่ากลับมาแล้ว

                ว้าย!!” คนในชุดคลุมคนหนึ่งถึงกับร้องออกมาเลยดีเดียว บางคนก็สะดุ้งโหยง ดูก็รู้เลยว่าคนพวกนี้บางคนสู้ไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ

                พวกท่านเป็นใคร นักฆ่าสาวถามเสียงเรียบ มือจับอยู่ที่ด้ามมีดยาวที่เหน็บอยู่ที่เอวด้านหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลภายใต้ฮูดพยายามมองไล่แขกผู้มาเยือนทีละคน

                ข้ามาหาองค์ชาย

                คนในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มร่างสูงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับก้าวออกมาข้างหน้าราวกับจะแสดงตนว่าคือหัวหน้าอย่างไรอย่างนั้น

                เช่นนั้นรึ ซาเนียย่าถามเสียงสูงพร้อมกับปามีดออกไปเฉียวหัวของเขาจนผ้าคลุมหน้าขาดวิ่นและปลิวกระเด็นไปจนเผยให้เห็นใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาอย่างหนุ่มเจ้าสำอาง เรือนผมสีอัญชันยาวถึงกลางหลังพลิ้วไสวตามสายลม นัยน์ตาสีเดียวกันมองตรงมาที่เธอไม่มีวี่แววโกรธเคืองแม้แต่น้อย

                องค์ชายโยเซฟ หญิงสาวในผ้าคลุมที่ร้องว้ายรีบวิ่งเข้ามาชายหนุ่มทันทีก่อนจะเปลี่ยนทิศทางมามองซาเนียย่าอย่างมุ่งร้าย แต่ทว่าเพียงแค่สบตากันเธอกับถึงกับนิ่งไปทันที

                ซาเนียย่าไล่มองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ผิดคนแน่ก่อนจะพาพวกเขาไปยังบ้านต้นไม้ที่ตอนนี้ถูกดราฟแปรสภาพเป็นเป็นศูนย์บัญชาการขนาดย่อมไปเสียแล้ว เธอจัดการส่งพวกเขาขึ้นรอกจนหมดแล้วตัวเองจึงค่อยกระโดดตามขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ไม่ลืมดูลาดเลาว่าไม่มีใครตามมาอีก

                เมื่อหญิงสาวขึ้นมาถึงบ้านก็พบห้องทานข้าวของเธอถูกเปลี่ยนไปเป็นโต๊ะประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โยเซฟและผู้มาใหม่ทุกคนถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้วกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับดราฟด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ว่าเธอกลับไม่เห็นมาริเอะอยู่ในห้องนี้จึงคิดว่าเธอน่าจะอยู่เฝ้าซาคานเลยคิดที่จะเข้าไปหา แต่ว่าชายคนหนึ่งกลับร้องทักขึ้นเสียก่อน

                เจ้าไม่คิดจะถอดฮูดนั่นออกหน่อยหรือแม่นาง

                ซาเนียย่าหันไปมองทันทีที่ได้ยินคำว่า แม่นาง และน้ำเสียงสุภาพนั่น เป็นโยเซฟนั่นเอง ใบหน้าของเขายิ้มแย้มต่างจากดราฟที่เป็นพี่ชายต่างมารดามากนัก

                ขอบพระทัยองค์ชาย เธอตอบเสียงหวานพร้อมกับถอดฮูดออกตามคำขอ ทำให้ทุกคนเห็นใบหน้ารูปไข่ที่ล้อมรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลยาวถึงไหล่กับนัยน์ตาสีเดียวกัน แต่วินาทีนั้นเองเสียงอุทานหนึ่งก็ดังขึ้นจากจากวัยกลางคนที่ไว้เคราแพะทำให้รู้ว่าทำไมโยเซฟถึงอยากจะให้เธอถอดฮูดออก

                โอ้ นี่นะรึหญิงสาวที่ฟินิกซ์สีรุ้งเลือก

                หึๆๆ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังจากขึ้นจากดราฟทำให้ซาเนียย่าหันไปมองทันที ยิ่งเห็นนัยน์ตาสีมรกตหลังหน้ากากนกอินทรีย์นั่นด้วยแล้วยิ่งเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีเลยว่าเขาแกล้งเธอ...เขาทำให้เธอกลายเป็นจำอวดต่อหน้าสายตาของคนอื่นๆ

                หญิงสาวริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเล็กน้อยทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่องค์ชายรัทยาทคนสำคัญ

                พวกท่านคงให้เกียรติข้าเกินไปแล้ว ข้าก็แค่...นักฆ่าคนหนึ่งเท่านั้น

     

                ตอนบ่ายของวันนั้นหลังจากที่ทุกคนทางอาหารเสร็จเรียบร้อย การประชุมเกี่ยวกับเรื่องเงาและซาคานก็เกิดขึ้นโดยมีดราฟและโยเซฟเป็นตัวตั้งตัวตี แน่นอนว่ามาริเอะต้องเข้าร่วมด้วยแน่ในฐานะคนที่จะเป็นคนรักษาซาคาน ส่วนซาเนียย่านั้นถึงจะไม่อยากเข้าสักแค่ไหนแต่ผลสุดท้ายก็โดนลากเข้าไปนั่งฟังด้วยอยู่ดี

                พวกชาววังนี่ชอบทำอะไรน่าเบื่อจริง

                หญิงสาวบ่นใส่เจ้านกฟินิกซ์สีรุ้ง ปล่อยให้เสียงการถกเถียงของคนอื่นๆ ผ่านหูไปโดยไม่คิดจะใส่ใจฟัง เพราะไม่ว่าจะในหัวข้ออะไรคนอื่นจะมีความคิดเห็นอะไรแต่ผลสุดท้ายความคิดของดราฟก็ต้องถูกอยู่ดี แล้วแบบนี้มันจะประชุมกันทำไม

                เจ้าไม่เข้าใจหรือไงสาวน้อย เสียงฟินิกซ์สีรุ้งดังตอบกลับมา นี่คือภาคี และภาคีจะเดินหน้าไปได้ต้องได้รับเสียงเห็นพ้องจากสมาชิก จริงๆ แล้วองค์ชายนะคิดทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่ที่ยังคงนำเรื่องพวกนี้เข้าที่ประชุมก็แค่อยากเห็นความคิดของคนอื่นๆ ก็เท่านั้น จะได้ไม่ดูว่าเผด็จการเกินไปอย่างไรละ

                แบบนั้นเองหรอ ซาเนียย่าคิด พยายามไม่แสดงสีหน้าหรืออะไรที่ผิดปกติออกมา หมอนี่ชอบทำอะไรเข้าใจยากอยู่เรื่อย

                แม่นางซาเนียย่า

                เสียงร้องดังขึ้นทำเอาคนกำลังตกอยู่ในโลกส่วนตัวสะดุ้งโหยงขึ้นนั่งตัวตรงทันที เรียกเสียงหัวเราะขบขันไปทั่วทั้งโต๊ะ

                เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า โยเซฟที่นั่งข้างๆ ชะโงกหน้าเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง เรือนผมสีอัญชันของเขาระลงมาที่ใบหน้าของเธอ

                มะ ไม่เป็นอะไร ซาเนียย่าเอ่ยเสียงตะกุกตะกักพลางผลักอกของเขาให้ออกไปห่างๆ แต่พอตั้งสติได้ก็ถามกลับไปใหม่ เรียกข้ามีอะไรหรือเพคะ

                คราวนี้ทุกคนหันกลับไปมององค์ชายรัชทายาทผู้สูงศักดิ์เป็นตาเดียวทำให้ซาเนียย่าต้องหันไปมองด้วย ดราฟถอนใจเฮือกใหญ่เอนหลังพิงพนังเก้าอี้ มือทั้งสองประสานกันอยู่บนโต๊ะ

                ในฐานะที่เจ้าถือเป็นตัวแทนของฟินิกซ์สีรุ้ง เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับแผนการที่จะดำเนินต่อไป

                ซาเนียย่าเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางพึมพำเบาๆ เหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน แผนการ

                ดราฟพยักหน้ารับก่อนชะโงกหน้าเข้ามารอฟังคำตอบจากเธอ

                คือ.... ซาเนียย่ายืนตัวขึ้นสูง พยายามทำตัวให้ตัวเองดูภูมิฐาน แต่ว่าในใจตอนนี้ร้องเรียกเจ้าฟินิกซ์จ้าละหวั่น

                เจ้าว่าไงเจ้านก

                พูดๆ ไปเถอะ เจ้านกตอบสั้นๆ ก่อนจะหายเงียบไปอีก เธอจึงได้แต่กัดฟันกรอดกับเจ้านกที่ถึงเวลาไม่เคยช่วยอะไรได้เลย แต่ยิ่งเห็นสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธออย่างมีความหวังว่าจะได้ยินอะไรดีๆ จากปากของเธอก็ทำให้เธออยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตายไปเลย

                ข้าคิดว่าแผนการของท่านก็ดีอยู่แล้วนะดราฟ

                แผนการรึแม่นาง คราวนี้เป็นชายวัยกลางคนที่ไว้เคราแพะเอ่ยขึ้นด้วยความฉงน คือเรายังคิดแผนการไม่ออก

                อ้อ หรอซาเนียย่าลากเสียงสูง เธอหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อตั้งสมาธิเค้นหัวคิดหาอะไรดีๆ มาพูดไม่ให้ตัวเองหน้าแตก ซึ่งดูเหมือนมาริเอะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะรู้ดีแต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรนอกจากนั่งดูอยู่เฉยๆ

                ข้าคิดว่าพวกท่านควรจะกลับวังให้เร็วที่สุด เพียงแค่เอ่ยประโยคแรกก็เกิดเสียงพูดคุยอื้ออึงไปทั่ว การที่บุคคลสำคัญๆ หายออกไปจากวังจะทำให้พวกเงาสงสัยได้ อีกอย่างพวกท่านจะได้คอยเป็นหูเป็นตาและส่งข่าวอะไรให้องค์ชายได้ด้วย ส่วนพวกข้าก่อนอื่นก็ต้องจัดการรักษาดราฟให้หายเสียก่อน

                ใช้พลังของภูติแสงและมังกรเพลิง ฟินิกซ์สีรุ้งเอ่ยเสริมขึ้นในหัว

                ใช่ เราจะต้องใช้พลังจากไข่ของภูติแสงและมังกรเพลิงในการรักษาซาคาน พลังของภูติแสงจะทำให้เขาหายเป็นปกติมากที่สุด ส่วนพลังของมังกรเพลิงจะเผาผลาญพลังส่วนเกินในร่างของเขา หลังจากนั้น...

                นำไข่ทุกใบกลับไปไว้ที่เตาพลังงาน แต่ต้องใช้พลังๆ ของคนแต่ละชนเผ่าที่กล้าแข็ง

                หลังจากนั้น  ซาเนียย่าหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิอีกครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นก็พบว่าสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมายังตนด้วยแววตาที่แปลกไป เราจะต้องแย่งชิงไข่ของโหงพรายดำแห่งหุบเขาไร้ตะวันกลับมาให้ได้ วิธีที่จะทำให้สมดุลพลังกลับมาอีกครั้งมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น คือเราต้องให้ผู้มีพลังอำนาจแก่กล้าของแต่ละเผ่าเป็นผู้นำไข่แต่ใบไปเก็บไว้ที่เตาพลังงานเช่นเดิม

                ....!!

                เงียบ แม้ว่าซาเนียย่าจะเอ่ยจบแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไร ทุกสายตาจับจ้องมายังเธอเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่เสียงตบมือดังเปาะแปะจะดังขึ้นจากดราฟ ต่อมาก็เป็นมาริเอะ โยเซฟ และในที่สุดทุกคนก็ตบมืออย่างยอมรับเธอ... ไม่ใช่การยอมรับในฐานะที่เธอคือผู้ใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้ง แต่เป็นการยอมรับในฐานะคนๆ หนึ่ง...นักฆ่าคนหนึ่งเท่านั้น

                ดราฟลุกขึ้นยกมือเป็นเชิงหยุดพร้อมกับเสียงตบมือที่เงียบลง เขารอจนมั่นใจว่าทุกคนกำลังมองอยู่ที่เขาแล้วจึงเอ่ย เราจะดำเนินแผนตามของซาเนีย ข้าคิดว่าคงไม่มีใครคัดค้านนะ

                เขาเงียบลงเพียงครู่เพื่อรอว่าจะมีใครว่าอะไรหรือไม่ แต่เมื่อไม่มีใครพูดอะไรเขาก็เอ่ยต่อ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะส่งทุกคนกลับ

                ไม่ต้องหรอกท่านพี่ โยเซฟเอ่ยขัดขึ้น เขาปรายสายตามองคนที่มากับตนรอบหนึ่ง พวกข้าจะกลับคืนนี้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×