โดจิน Y Inazuma eleven : โกเอ็นจิ x ฟุบุคิ 2 (จบ) - โดจิน Y Inazuma eleven : โกเอ็นจิ x ฟุบุคิ 2 (จบ) นิยาย โดจิน Y Inazuma eleven : โกเอ็นจิ x ฟุบุคิ 2 (จบ) : Dek-D.com - Writer

    โดจิน Y Inazuma eleven : โกเอ็นจิ x ฟุบุคิ 2 (จบ)

    เมื่อความรักระหว่าง โกเอ็นจิ ชูยะ และ ฟุบุคิ ชิโร่ กำลังเกิดอุปสรร ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร

    ผู้เข้าชมรวม

    6,162

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    115

    ผู้เข้าชมรวม


    6.16K

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    44
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 มิ.ย. 55 / 15:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เนื่องจากโดนล้อโกเอ็นจิและฟุบุคิจึงมีเหตุให้ผิดใจกัน
    แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปรับความเข้าใจกัน ทีมเอปซิลอนก็บุกโจมตีโรงเรียนไรมง
    เดซาม กับตันทีมโรงเรียนเอเลี่ยนเองก็ดูท่าจะถูกใจความสามารถของอาซึยะ เป็นเหตุให้ชิโร่เองก็ตกอยู่ในอันตราย
    โกเอ็นจิจึงให้คำสัญญากับทั้งสองคนเลยว่า จะต้องปกป้องให้ได้!!

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “เฮ้อ! ช่วงนี้น่าเบื่อจังเลยนะ ไม่เห็นจะมีอะไรทำเลย” เด็กหนุ่มคนหนึ่งบ่นอุบอิบกันภายในกลุ่มมีทั้งต่างห้องและห้องเดียวกัน “นั้นสิน้า นอกจากดูพวกชมรมฟุตบอลแข่งกันแล้วก็ไม่มีอะไรทำแล้วล่ะ”

      “เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้นายพูดถึงชมรมฟุตบอลใช่ไหม?” เด็กหนุ่มคนที่บ่นอุบอิมหันมาคนที่พูดถึงสิ่งที่น่าสนใจเข้า “ใช่ ฉันพูดถึงชมรมฟุตบอล ทำไมเหรอ?

      เสียงหัวเราะในลำคอ หึ ดังขึ้นมาแทนคำตอบ เสียงเปิดประตูห้องเรียนเข้ามาพร้อมกับนักเรียนชายสองคนที่อยู่ในชมรมฟุตบอลด้วยกัน(เอ่อ....บทนี้ขอให้ฟุบุคิย้ายเข้ามาอยู่ในโรงเรียนไรมงกับโกเอ็นจินะคะ) ฟุบุคิ ชิโร่ และโกเอ็นจิ ชูยะ เด็กหนุ่มร่างสูงเดินไปส่งเด็กหนุ่มร่างเล็กนั่งที่แล้วตัวเองก็ยืนพิงโต๊ะข้างๆยืนคุยเป็นเพื่อน

      “เดี๋ยวก็รู้....”เด็กชายคนนั้นหันไปสบตากับเพื่อนในกลุ่ม ทั้งหมดเข้าใจสถานการณ์ตรงกันแล้วว่าเรื่องสนุกที่ว่าคืออะไร พวกเขาแสยะยิ้มแล้วลุกเดินเข้าไปหาคู่ของเด็กชายที่คุยกันอยู่...

      “วันนี้กลับด้วยกันนะ เดี๋ยวไปส่ง” โกเอ็นจิเอ่ยปากชวนคนตรงหน้า “อื้ม ได้สิโกเอ็นจิคุง” ร่างเล็กเอ่ยตอบแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย ทั้งคู่คุยกันอย่างสบายใจโดยยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่า มีบางอย่างคลืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆนั้น....กำลังจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นสั่นคลอน

      “ไง พวกนายสองคน อรุณสวัสดิ์” เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพวกเขาสองคนให้หันมาสนใจ “อื้ม อรุณสวัสดิ์นะ” ฟุบุคิตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ไม่คิดอะไรมาก แต่เด็กหนุ่มร่างสูงที่อยู่ข้างๆนั้นกลับคิดไปอีกทางหนึ่ง  กับรอยยิ้มของแต่ละคนที่อ่านความหมายไม่ได้นั้น มันน่าสงสัย “อรุณสวัสดิ์” ปากต้องออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เป็นพิรุษ หรือร่างบางของเขากำลังจะโดนจ้องจะงาบกันนะ

      “......แหม ไม่เห็นต้องทำสายตาหึงหวงขนาดนั้นเลยนินาโกเอ็นจิคุง” น้ำเสียงในการพูดของอีกฝ่ายนั้นถูกดันให้ดังขึ้น เป้าหมายคือเรียกร้องความสนใจของคนทั้งห้อง และมันก็ได้ผลด้วย คนในห้องเริ่มกันมามอง

      “พูดอะไร......?” ไม่ทันที่โกเอ็นจิจะได้สาวความว่าด้วยเหตุใดต้องมาหาเรื่องพวกเขา อีกฝ่ายกลับพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “แหม....ไม่ต้องเขินหรอกน่าโกเอ็นจิคุง พวกเรานะสงสัยกันมาระยะหนึ่งแล้วล่ะว่านายกับฟุบุคิน่ะ แอบคบกันอยู่....” เสียงซุบซิบฮือฮาดังขึ้นไปทั่วห้อง คนกลุ่มนี้ตั้งใจจะหาเรื่องพวกเขาชัดๆ

      “ป่านนี้แล้ว คงจะถึงขั้นมีอะไรกันแล้วใช่ไหมล่ะ?” เสียงฮือฮาดังขึ้นทั้งห้องด้วยข่าวใหม่ที่น่าตกใจ

      คิ้วของโกเอ็นจิขมวดเข้าหากัน เขาพุ่งตัวใส่เด็กหนุ่มคนนั้นหมายจะชกให้ได้เสียสักหมัดหนึ่ง แต่แขนซ้ายของเขาถูกฉุดเอาไว้ได้ทันเสียก่อนที่เขาจะลงมือ นัยน์ตาสีนิลเหลือบไปมองสิ่งที่ฉุดเขาไว้ ฟุบุคิ ชิโร่ มีสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างมากในตอนนี้ “อย่าเลยโกเอ็นจิคุง.....”

      “อ่าฮ้า! อาการแบบนี้แสดงว่าจริงล่ะสิท่า น่าขนลุกชะมัดเลยแหะ” เด็กหนุ่มคนนั้นทำท่าลูบแขนล้อเลียนทั้งคู่ ร่างสูงทำท่าจะโหมเข้าใส่อีกครั้งแต่ร่างเล็กก็ยังฉุดรั้งเอาไว้อยู่ โกเอ็นจิกันมามองใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างไม่เข้าใจว่าจะห้ามกันทำไม ร่างเล็กส่ายหน้าแล้วเดินไปยินขวางทั้งคู่ไว้แทน “อุ มีปกป้องด้วยเป็นคู่รักประจำห้องที่น่านับถือจริงๆ”

      “ไม่ใช่นะ เข้าใจผิดกันแล้วฉันกับโกเอ็นจิคุงไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนนะ...” ร่างเล็กพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเปลี่ยนความคิด ถึงแม้มันจะจริงที่พวกเขาแอบคบกันอยู่ก็เถอะ “จริงเหรอ? ไม่ต้องอายหรอกน่าบอกมาเถอะว่าพวกนายน่ะเป็นเกย์ใช่ไหมล่ะ?

      “ไม่ใช่นะ บ้าหรือปล่าวเนี้ย มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไปชอบผู้ชายกันล่ะน่าเกลียดจะตายไปนิ อย่าพูดเลยนะน่าขนลุกออก” ฟุบุคิพยายามที่จะพูดให้พวกนี้เชื่อว่าเขากับโกเอ็นจิคุงนั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ทว่าเขามารู้ตัวที่หลังว่าเขาพูดแรงเกินไป หันไปมองหน้าอีกฝ่ายข้างหลังหางคิ้วของโกเอ็นจิตกลงนัยน์ตาสีนิลนั้นฉายแววปวดร้าว

      “นั้นสินะมันน่าเกลียดจะตายไปเกย์เนี้ย น่าขนลุกด้วย....คราวหลังอย่ามาพูดแบบนี้กับพวกเราอีก ไม่งั้นฉันชกนายแน่” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินหันหลังกลับจากไป

      “อุแหม....เป็นอย่างนั้นหรอกเหรอ ขอโทษทีล่ะกันนะฟุบุคิ งั้นพวกเราไปล่ะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว” มือใหญ่ตบลงที่บ่าของฟุบุคิแล้วกลุ่มเด็กชายพวกนั้นก็แยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองไป ฟุบุคินึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองพูดไป เขาน่าจะยอมรับกับพวกนั้นว่าเขากับโกเอ็นจิคุงกำลังคบกันอยู่ แต่ตัวเขานั้นยังไม่มีความกล้าพอที่บอกใครให้รับรู้

      ฟุบุคิต้องหาเวลาไปไปปรับความเข้าใจกับโกเอ็นจิคุงทีหลัง ในคาบเรียนภาคเช้านั้นจึงไม่มีรอยยิ้มจากทั้งสองคนโผล่มาให้เห็นเลย

      และแล้วคาบเรียนช่วงเช้าก็ถูกขัดขวางด้วยเสียระเบิดตูมที่กลางสนามฟุตบอล ความสนใจจึงมุ่งไปยังร่างของกลุ่มคนที่ปรากฏตัวมาหลังควันระเบิดได้จางลง

      โรงเรียนเอเลี่ยน!!

      ทีมเอปซิลอนได้บุกเข้ามายังโรงเรียนไรมงเพื่อท้าแข่งฟุตบอล เหล่าสมาชิกนักเตะจึงต้องรีบลงมารวมพลกันให้เร็วที่สุดเพื่อเตรียมรับมือ

      “ช่วยทำให้ฉันรู้สึกสนุกกับการแข่งครั้งนี้ด้วยล่ะ” เสียงประกาศกร้าวจากกัปตันทีม เดซาม เป็นทีมที่เล่นได้อย่างสูสีกับไรมงมากทีเดียว ในครึ่งแรกนั้นยังเสมอกันศูนย์ประตูต่อศูนย์

      ฟุบุคิรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย เพราะเขายังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับโกเอ็นจิคุงเลย แต่กลับต้องมาเจอศึกหนักในสนามซะได้ แถมหน้าที่ของเขายังหนักหน่วงตรงที่ต้องเป็นกองหลังคอยสกัดบอล และขึ้นหน้าไปทำประตูเปลี่ยนกับอาซึยะอีก ใจเขาไม่มีสมาธิกับการแข่งเสียเลย

      “ครึ่งหลังทำให้เต็มทีนะ ฝากด้วยล่ะฟุบุคิ!!” เอ็นโดส่งเสียงให้กำลังใจ ร่างเล็กได้แต่ฝืนยิ้มรับไปเท่านั้น และทุกคนก็วิ่งเข้าไปประจำตำแหน่งของตัวเอง

      มาเปลี่ยนกัน พี่เล่นสู้พวกมันไม่ได้หรอก เสียงของอาซึยะดังขึ้นในหัวของฟุบุคิ

      ไม่ได้หรอกนี่มันหน้าที่ของพี่นะ อาซึยะน่ะคอยยิงลูกเถอะ

      แฝดผู้พี่พยายามห้ามการกระทำอันก้าวร้าวของแฝดผู้น้อง แต่ดูท่าจะยากขึ้นเรื่อยๆ อาซึยะโผล่ออกมาสวมบทแทนชิโร่อยู่หลายครั้ง เพราะกำลังโมโหที่ลูกแตะของตัวเองทะลวงท่าไม้ตายของผู้รักษาประตูทีมเอปซิลอนไม่ได้เสียที แถมครึ่งหลังยังถูกนำไปก่อนแล้วหนึ่งศูนย์อีกต่างหาก

      “หนอย! จะมากไปแล้ว!!” เสียงคำรามของแฝดผู้น้องดั่งลั่นด้วยความโกรธ

      ไม่ได้นะอาซึยะ เล็งให้ดี มีสมาธิหน่อยสิ!’ เสียงแฝดผู้พี่พยายามเรียกเตือนสติน้องชาย

      “หนวกหูน่า เงียบไปเลย” ในหัวของอาซึยะตอนนี้มีแต่เรื่องทำประตูเท่านั้น พลังแค่นี้ยังไม่พอหรอกน่า!! “เหมันต์นิรันดร!!

      เสียงคำรามสุดท้าย ลูกเตะนั้นมีพลังรุนแรกกว่าครั้งก่อนหลายเท่านัก พลังของลูกบอลและท่าไม้ตายของผู้รักษาประตูทีมเอปซิลอนนั้นต้านกันไปมาอย่างสูสี แต่และแล้วลุบอลก็ถูกอัดเข้าโกลไปอย่างสวยงาม ตีเสอมเป็นหนึ่งต่อหนึ่งได้สำเร็จ สร้างขวัญและกำลังใจให้ทีมเป็นอย่างมาก

      อีกด้านหนึ่งฝ่ายเดซามกัปตันทีมเอปซิลอน กำลังส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างถูกใจในความสามารถของเด็กหนุ่มผ้าพันคอสีขาวคนนั้น ที่สามารถทำลายท่าไม้ตายของเขาลงได้

      แต่ทว่าแค่นี้มันยังไม่พอที่จะเอาชนะเขาได้หรอกนะ.....

      “เอาไปกิน! นี่เป็นลูกสุดท้าย เหมันต์นิรันดร!!” ลูกยิงน้ำแข็งพลังเต็มพิกัตถูกยิงออกไปอีกครั้งหวังว่าจะทำประตูลูกสุดท้ายให้กับทีม แต่ทว่าคราวนี้เดซามตั้งท่าใหม่ “วงสว่านเหล็กกล้า!!

      ความตกใจบังเกิดขึ้นกับทุกคนที่ชมการแข่งขัน เหมันต์นิรันดรของอาซึยะถูกหยุดไว้ได้แบบสบายๆ แถมเจ้าตัวคนรับนั้นกลับจงใจปัดบอลทิ้งออกนอกสนามด้วยอ้างเหตุผลที่ว่าเวลาหมดแล้ว ซึ่งนั้นก็จริงตามที่เขาพูด

      “เกมส์นี้มันสนุกจริงๆ โดยเพาะกับเจ้าหนูผ้าพันคอสีขาวนั้นน่ะ ไว้เจอกันใหม่” แล้วทีมเอปซิลอนก็ถอยทัพรวมตัวกันโดยมีฉากหลังเป็นสีขาวที่สว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ

      “เฮ้ย! ยังไม่ได้ตัดสินกันเลยนะ จะหนีไปไหนเหล่า!!” อาซึยะทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาแสงสีขาวแต่ถูกเอ็นโดเข้ามาล็อกตัวไว้ แล้วทีมเอปซิลอนก็หายตัวไปพร้อมกับแสงสีขาวนั้น

      “ชิ!” เสียงสบทในลำคอของแฝดผู้น้องอย่างเจ็บใจ เอ็นโดเห็นว่าฟุบุคิมีท่าทีเย็นลงแล้วเลยปล่อยตัว ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่รีบเข้าไปให้กำลังใจทุกคนในทีมไม่ให้ยอมแพ้ง่ายๆ ช่างเป็นกัปตันทีมที่ดีจริงๆ

      โกเอ็นจิเดินเข้ามาหาอาซึยะแล้วใช้มือใหญ่วางบนผมสีขาวเป็นการปลอบขวัญ “ใจเย็นๆน่า โอกาสยังมีนะ”

      ร่างใหญ่พูดปลอบใจร่างเล็กที่ตอนนี้ยังหอบตัวโยน “เจ็บใจนัก!!” แบบนี้เขาคงปล่อยวางจากพี่ชายเขาไม่ได้ง่ายๆแน่ ตัวอันตรายอยู่ใกล้พี่เขามากเกินไป

       

      เป็นอีกวันที่ทีมฟุตบอลโรงเรียนไรมงฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงจนเย็นค่ำ ทุกคนในทีมต่างพากันทยอยกลับกันหมดแล้ว เหลือแต่เด็กหนุ่มผ้าพันคอสีขาวที่ซ้อมลูกเตะอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ที่สนาม กับเด็กหนุ่มผมสีวนิลาที่ถึงแม้จะหยุดซ้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมกลับบ้านแล้ว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยยังขออยู่ต่อ

      “เหมันต์นิรันดร!!” เสียงคำรามพร้อมลูกเตะน้ำแข็งที่ถูกยิงออกไป แม้จะยิงเข้าโกลแล้วแต่ก็ไม่ได้สร้างความพอใจให้กับฟุบุคิ อาซึยะ คนนี้เลย

      ยังหรอก....พลังแค่นี้ยังไม่พอ

      คราวหน้าองยิงให้เข้าให้ได้

      พอก่อนเถอะนะ อาซึยะ เดี๋ยวร่างกายจะรับไม่ไหวเอานะ

      “หากทำไม่ได้การคงอยู่ของฉันมันก็ไร้ความหมาย ถ้าร่างกายมันจะพังก็ปล่อยมันพังไป หากมันทำลายเจ้านั้นได้ล่ะก็คุ้มแล้วล่ะ” เสียงตอบกลับ หากดูไกลๆแล้วจะคิดว่า ฟุบุคิ ชิโร่ คนนั้นกำลังพูดอยู่คนเดียว แต่แท้จริงแล้ววิญญาณของฟุบุคิ ชิโร่ นั้นกำลังพยายามพูดโน้มน้าวให้ ฟุบุคิ อาซึยะ ที่กำลังใช้ร่างของตนนั้นได้หยุดพักเสียบ้าง

      “ฉันว่าพักก่อนเถอะอาซึยะ นายเอาแต่ซ้อมแบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้วนะ แบบนี้มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า” โกเอ็นจิ ชูยะ เดินเข้ามาสมทบด้วยท่าทีเป็นห่วง

      “หึ! อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลยน่าโกเอ็นจิ! ขนาดนายเองก็ยังทำประตูไม่ได้สักลูกเลยนิน่า!” อาซึยะหันมาทำหน้าตาท่าทางไม่พอใจใส่โกเอ็นจิอย่างก้าวร้าว “แบบนี้นะเหรอที่ว่าจะมาดูแลพี่ฉันนะห๊ะ!?

      โกเอ็นจิรู้สึกเจ็บแปล๊บที่อกซ้ายเมื่อถูกอาซึยะพูดจี้ถูกจุดสำคัญ อาซึยะ หยุด!’ เสียงชิโร่ห้ามอยู่ในหัว ร่างของฟุบุคินิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะค่อยๆกลับสภาพมาเป็นฟุบุคิ ชิโร่ ดั่งเดิม

      “ขอโทษนะโกเอ็นจิคุง อาซึยะเขาก็พูดแรงไป....ความจริงแล้วน่ะโกเอ็นจิคุงเก่งจะตาย ถ้าตั้งใจต้องทำได้แน่ๆ ฉันจะพอแล้วล่ะ....” ร่างเล็กหันมายิ้มให้เป้นเชิงขอโทษแล้วพูดให้กำลังใจไถ่โทษอีกทาง “ฉันขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน....เดี๋ยวเดินกลับด้วยกันนะโกเอ็นจิคุง”

      ใบหน้าคมยิ้มรับคำอ้อน นัยน์ตาสีนิลมองตามแผ่นหลังเล็กๆที่วิ่งลับไป แล้วตัวเองก็ไปนั่งรอที่ม้านั่งของผู้ชม โดยมีเรื่องให้คิดหลายเรื่องฆ่าเวลา.....

      ตึก ตึก ตึก

      เสียงฝีเท้าเล็กๆวิ่งตรงไปยังห้องชมรมโดยหารู้ไม่ว่ามีผู้ใดมาดักรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่มือเล็กเปิดประตูบานเลือนแล้วก้าวเข้าไปข้างใน มีมือใหญ่ปริศนาพุ่งเข้ามาปิดแหล่งกำเนิดเสียงของร่างเล็กไว้ แล้วใช้มืออีกข้างปิดประตูห้องโดยไร้วี่แววความผิดปกติใดๆให้สังเกตุเห็น

      ด้วยความตกใจร่างเล็กรีบพลักสะบัดหนีจากการรัดกุมไปอีกทาง “คะใครน่ะ!?” ฟุบุคิรูตำแหน่งของสวิตซ์ไฟในห้องจึงรีบพุ่งเข้ากดสวิตซ์ ทันทีที่ไฟติดฟุบุคิถึงกับตกใจสุดขีดเพราะร่างที่ปรากฏตรงหน้า ดะเดซาม!?”

      เด็กหนุ่มอุทานออกมาอย่างแทบไม่เชื่อสายตา นะนายมาทำอะไรที่นี่?!”

      ตอนแรกกะจะมาขอดวลกันรอบนอก แต่ทว่าตอนนี้เปลี่ยนใจล่ะ อยากมาเล่นสนุกกับนายมากกว่ารอยยิ้มเจ้าเหล่ห์ฉายบนใบหน้าสีขาวซีดเซียว

      มะหมายความว่ายังไง?” ฟุบุคิมีท่าทีหวั่นๆ กับคำพูดของเดซาม ที่ว่าเล่นสนุกนั้น คิดจะทำอะไร?

      นายพึ่งเป็นคนแรกนี่แหละ ที่ทำให้ฉันรู้สึกเร้าร้อนซะขนาดนี้ ช่วยยอมฉันดีๆเถอะน่า คนอื่นๆในทีมก็กลับกันไปหมดแล้วนิ ไม่มีใครช่วยนายได้หรอกนะเดซามก้าวเท้าเข้ามาใกล้ร่างเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ ฟุบุคิชักจะเริ่มเข้าใจความหมายขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

      อะไร? กลัวงั้นเหรอ.....ตัวสั่นเป็นลูกเจี๊ยบเชียวรอยยิ้มของเดซามฉายกว้างมากขึ้นอย่างพอใจกับท่าทีของคนตรงหน้า มือใหญ่นั้นถือวิสาสะใช้ลูบไล้ใบหน้าขาว “ไอ้คนอวดดีเมื่อเช้าหายไปไหนแล้วล่ะ?

      ฟุบุคิยืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก แต่เสียงของอีกคนในตัวเขาดังโผล่งขึ้นมาช่วยไว้ “อย่ามาแตะต้องร่างของพี่ฉัน!!” มือใหญ่ถูกปัดออก ดวงตาสีดำนั้นฉายแววประหลาดใจกับท่าทีของคนตรงหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน

      มีสองบุคลิกสินะ....

      “ต้องแบบนี้สิ ถึงจะสนุก” เดซามมีท่าทีพอใจมากขึ้นไปอีก “น่าสนุกอะไรของนาย น่าขยะแขยงซะจริง หลีกทางไปซะ ก่อนที่ฉันจะอัดนายเละแน่!!

      “โอ๊ะ!โอ๋! อย่าดีกว่านะ อย่าลืมว่าตัวประกันที่นี่ยังมีอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งคนดูนั้นน่ะ” เดซามใช้นิ้วโป้งชี้ไปข้างหลัง อาซึยะมองผ่านกระจกติดประตูออกไป โกเอ็นจิ ชูยะ นั้นเอง “เป็นนายยังพอตอบโต้ลูกเตะฉันได้ใช่ไหมล่ะ แต่ว่าถ้าเป็นไอ้หมอนั้นแล้วฉันคิดว่าแค่ลูกเดียวคงจุกเข้าโรงบาลฯเลยมั้ง.....” หนุ่มร่างสูงเอียงคอเล็กน้อยเป็นเชิงกดดันเด็กหนุ่มร่างเล็กตรงหน้า เขาเสียเปรียบเกินไป แม้อีกฝ่ายจะพูดว่าเขาสามารถตอบโต้ได้ก็จริง แต่ก็ยังเอาชนะไม่ได้อยู่ดี ยิ่งถ้าขัดขืนละก็ หมอนั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะเป็นอันรายไปด้วย

      อาซึยะ....พี่ว่า...ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงชิโร่ อาซึยะหลับตาลงแล้วก็พูดขึ้นมาดักเสียก่อน

      “โทษทีนะพี่ช่วยหลับไปซักพักก่อนละกันนะ” เสียงอันแผ่วเบาที่ได้ยินเพียงสองคนพี่น้อง เพียงแค่อาซึยะใช้กำปั้นโคกหัวตัวเองเบาๆเสียงค้านของชิโร่ก็เงียบไป

      อาซึยะปิดกั้นการรับรู้ของพี่ชายไปแล้ว....

      นัยน์ตาสีส้มค่อยๆเปิดขึ้นสบกับดวงตาสีดำอย่างแน่วแน่ “จะเอายังไงก็ว่ามา?

      “ถึงจะว่าง่ายไปหน่อยก็เถอะนะ แต่ไม่เป็นไร....เอาเป็นว่าช่วยทำให้ฉันพอใจทีก็แล้วกันนะ”

       

      เด็กหนุ่มร่างสูงชักเริ่มรู้สึกเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับร่างเล็กหรือปล่าว เป็นเวลานานแล้วที่ร่างเล็กหายเข้าไปในห้องชมรมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ปกติจะไม่นานขนาดนี้นินา โกเอ็นจิตัดสินใจลุกไปตามหา อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงหน้าประตูชมรมแล้ว

      “ฟุบุคิ เสร็จหรือยะ....” ไม่ทันที่มือใหญ่จะสัมผัสประตู ประตูก็ถูกเปิดออกโดยบุคคลที่คาดไม่ถึง เดซามออกมาจากห้องชมรม โกเอ็นจิกำลังยืนประจันหน้ากับเขาโดยมีท่าทีผงะตกใจ

      “เสร็จแล้วล่ะ....วันนี้ขอแค่นี้ก่อน ไว้วันพรุ่งนี้ฉันชนะเมื่อไร จะมารับส่วนที่เหลือล่ะ” เดซามยิ้มเลียที่มุมปาก แล้วเดินผ่านโกเอ็นจิไปด้วยท่าทีดูถูกอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนที่โกเอ็นจิจะออกหมัดเดซามก็ก็หายตัวไปกับสายลมสีดำนั้นเสียแล้ว

      บ้าจริง!......เจ็บใจนัก นี่มันมาหยามเราถึงที่เลยเหรอ!

      .......ช่างเถอะเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ที่สำคัญกว่านั้น มันทำอะไรฟุบุคิ?!

      เสร็จแล้วล่ะคำพูดของเดซามนึกย้อนมาในหัวโกเอ็นจิรีบหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องชมรม เด็กหนุ่มผมขาวนั่งติดที่พื้นห้อง เสื้อผ้ายังอยู่ครบดี เห็นสองแขนข้างลำตัวขยับเหมือนจะใช้มือปัดอะไรออกจากหน้า

      “ชิโร่?” เด็กหนุ่มผมขาวหันมาตามเสียงเรียก แต่ไม่ใช่ ชิโร่ หากแต่เป็นอาซึยะต่างหากที่ใช้ร่างอยู่ “อาซึยะเหรอ?” โกเอ็นจิเดินเข้าไปหาและสังเกตสิ่งที่ติดอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ของเหลวสีขาวขุ่นนี่มัน.... “เกิดอะไรขึ้นหมอนั้นทำอะไรนาย?

      “ไม่มีอะไรแค่ใช้ปากทำให้แค่นั้นเอง.....ไม่ต้องห่วงฉันปิดกั้นการรับรู้ของพี่ไปแล้ว พี่ไม่รู้หรอกว่าฉันทำอะไร” ร่างเล็กขยับตัวลุกขึ้น แต่ทำท่าจะเซล้มจนโกเอ็นจิเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาประคองไว้ทัน “นี่นายคิดจะกลับไปในสภาพนี้เนี้ยนะ?

      “หนวกหูน่า” ร่างเล็กปฎิเสธเสียงเข็ง ยังคงใช้มือทั้งสองข้างเช็ดคราบของเหลวสีขาวขุ่นนั้นออกจากใบหน้า แต่ดูท่าว่ามันจะยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่ จนเด็กหนุ่มร่างสูงเริ่มรู้สึกรำคาญ

      “อย่าเอามือไปถูหน้าแบบนั้นเซ่!!” เป็นเวลาพอสมควรกว่าโกเอ็นจิจะคุมอาซึยะให้นั่งอยู่นิ่งๆแล้วยอมให้เขาใช้ผ้าขุนหนูเช็ดหน้าให้

      “นายคงไม่ได้กลืนมันลงไปใช่ไหม?” โกเอ็นจิเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

      “ก็เกือบ.....คายออกมาทัน....” น้ำเสียงเรียบๆจากอาซึยะตอบกลับมา

      “โธ่เอ๊ย....นายไปยอมเขาทำไมนั้น ปกตินายไม่เคยยอมใครง่ายๆนินา” โกเอ็นจิว่าพลางเช็ดคราบของเหลวสีขาวขุ่นคราบสุดท้ายออกจากใบหน้า

      “หนวกหูน่าเจ้าบ้า! หัดสำนึกบุญคุณซะบ้าง ถ้าหมอนั้นไม่ขู่เรื่องนายกับพี่ฉันละก็ฉันคงไม่ยอมมันถึงขนาดนี้หรอก!!” โกเอ็นจิฟังแล้ว ถึงกับเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าตัวเขาในตอนนี้ยังเก่งไม่พอ ได้แต่เป็นตัวถ่วงคนอื่นเขาจนต้องกลายมาเป็นแบบนี้

      ของเหลวสีใสไหลออกมาจากนัยน์ตาสีส้ม “เฮ้? อาซึยะ...นายร้องไห้?” คนดูแลถึงกับทำอะไรไม่ถูก โดยที่เจ้าตัวมารู้ตัวทีหลังว่ากำลังร้องไห้ก็รีบปัดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดอย่างร้อนรน

      “มะไม่ได้ร้องนะ...ฉันไม่ได้อ่อนแอนะ” ยิ่งพูดอาซึยะก็ยิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่

      “เฮ้...ไม่เป็นไรๆ ไม่มีใครเขาว่านายอ่อนแอสักหน่อยนิ” โกเอ็นจิลูบผมปลอบใจ เขาไม่คิดจะใช้ผ้าขุนหนูนั้นเช็ดน้ำตาให้แน่ เขาจึงวางผ้าขุนหนูนั้นไว้ข้างตัวแทน

      “ฉันคิดว่าพี่น่ะอ่อนแอ....อยู่คนเดียวคงทำอะไรไม่ได้แน่ๆ ฉันเลยตัดสินใจจะอยู่ในร่างนี้เพื่อดูแลปกป้องพี่.....แต่ว่าตอนนี้ฉันอยู่กลับทำให้พี่เป็นอันตรายจากเจ้าเดซามนั้น.....ฉัน....ฉันมันไร้ประโยชน์จริงๆ” อาซึยะก้มหน้าสำนึกผิด เพราะเขาแท้ๆถึงทำให้พี่โดนเจ้าเดซามหมายหัว ถ้าการคงอยู่ของเขาทำให้พี่ต้องเจอเรื่องอันตรายละก็วิญญาณของเขาก็ไม่สมควรจะอยู่ในร่างนี้หรอก

      บึก!

      ร่างเล็กไหวโยคไปตามแรงที่ถูกใส่มาจากกำปั้นของโกเอ็นจิที่ออกแรงเบาๆตรงอกของอาซึยะ “ไม่ได้อ่อนแอซะหน่อย”

      “โกเอ็นจิ?” เสียงของร่างเล็กเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ

      “นายไม่ได้อ่อนแอซะหน่อย นายทำประตูให้กับทีมได้ตั้งหลายครั้ง ฉันยังทำไม่ได้เลย แบบนี้นะไม่เรียกว่าอ่อนแอหรอกนะ” นัยน์ตาสีนิลจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีส้ม “ตะแต่ถ้าฉันทำลายท่าวงสว่านเหล็กกล้านั้นไม่ได้ มันต้องจ้องเล่นงานพี่แน่ๆ ถึงจะปิดกั้นการรับรู้ของพี่ได้ก็เถอะ...แต่นี่มันก็ร่างของพี่....”

      อาซึยะทำท่าจะร้องไห้ออกมาอีก มือคู่ใหญ่จึงประคองใบหน้าของร่างเล็กไว้ให้มองหน้าตนเอง “ฉันจะปกป้องนายกับพี่นายเอง ฉันสัญญา”

      “.....เชอะ...มาทำเป็นพูดดีไป ใครอยากจะให้นายมาปกป้องกัน จะแข่งวันพรุ่งนี้อยู่แล้วนายจะทำยังไง?” อาซึยะหน้ามุ่ย

      “ฉันจะฝึกท่าไม้ตายใหม่คืนนี้.....ขอจูบเป็นกำลังใจจากพี่นายได้ไหม?” น้ำเสียงของโกเอ็นจิเบาลงเป็นเชิงอ้อนอาซึยะหน้าแดงเล็กน้อย เพราะถ้าจูบแล้วเขาคงรู้สึกด้วยแน่ มือเล็กเกาท้ายทอยแกรกๆอย่างช่วยไม่ได้

      ก็คนรักของพี่นินา

      อาซึยะหลับตาลงแล้วร่างเล็กก็ค่อยๆวูบกลับเป็น ฟุบุคิ ชิโร่ อีกครั้งหนึ่ง นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้านั้นเปิดขึ้นอย่างมึนงง สิ่งที่เขาจำได้ก่อนหน้านั้นยังเลือนรางอยู่เลย “เอ๋? โกเอ็นจิคุ....”

      ไม่ทันได้สิ้นเสียงที่ชิโร่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าคมก็เลื่อนเข้ามาใกล้และประทับจูบอย่างแผ่วเบา ร่างเล็กมีอาการตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนและคล้อยตามสัมผัสอุ่นๆนี้ช้าๆ

      “ขอโทษนะโกเอ็นจิคุง เรื่องเมื่อเช้าฉันพูดแรงเกินไป....ทั้งที่โกเอ็นจิคุงรักฉันมากขนาดนี้แท้ๆ” หางคิ้วของฟุบุคิตกลงอย่างสำนึกผิด

      “ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะรอจนกว่านายจะพร้อม เพราะเราพึ่งคบกันได้ไม่นาน อาจจะเร็วเกินไปที่จะบอกให้ใครรู้” โกเอ็นจิส่งยิ้มให้ร่างเล็ก “เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่ง....”

       

      เช้าวันรุ่งขึ้น นี่เป็นศึกตัดสินหระหว่างทีมไรมงและเอปซิลอน ตรงเวลาสายลมสีดำพัดกรรโชกคู่แข่งของพวกเขาปรากฏตัวแล้ว “วันนี้จะเป็นศึกตัดสิน ทีมเอปซิลอนโฉมใหม่ของฉันจะขยี้พวกแกเอง!!

      คำประกาศกร้าวของเดซามดังลั่น เขาหันไปมองเด็กหนุ่มผมสีวนิลาที่ยืนอยู่ข้างฟุบุคิ แล้วขยับปากพูดส่งสารถึงโกเอ็นจิโดยตรง

      เกมส์นี้ถ้าพวกแกแพ้ ฉันจะรับตัวหมอนั้นไปล่ะ

      ในการแข่งขันครั้งนี้เอปซิลอนโฉมใหม่นั้นเล่นไดดีกว่าเมื่อวานหลายเท่า ทำเอาทีมไรมงแทบจนแต้มเลยทีเดียว ลูกเตะของอาซึยะทำประตูไม่ได้เลย

      “บ้าจริง! ทำไมถึงยิงไม่เข้ากันนะ!?” อาซึยะสบทออกมา ไม่จริงน่า....นี่พวกเขาจะต้องแพ้งั้นเหรอ? ร่างเล็กกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ

      แต่ก่อนที่ความหวังของทีมจะจมลงสู่ความมืดมิด แสงสว่างเล็กๆก็ปรากฏขึ้น โกเอ็นจิ ชูยะ วิ่งเลี้ยงบอลขึ้นไปหลบกองหน้าของทีมเอปซิลอนโฉมใหม่อย่างง่ายดาย แล้วตั่งท่ายิงลูกทันที

      “อัคคีโชติสลาตัน!!” ลูกเตะเพลิงถูกยิงเข้าโกลไปอย่างสวยงาม

      “อะอะไรน่ะ ท่าใหม่เหรอ?!” เสียงวิพากวิจารณ์ดังมาจากฝั่งผู้ชม ลูกเตะไม้ตายใหม่ของโกเอ็นจิสร้างความแปลกใจให้กับผู้คนที่พบเห็น แม้แต่อาซึยะเองก็ตกใจ

      “มะหมอนั้น...แค่คืนเดียวก็ฝึกท่าไม้ตายใหม่ได้แล้วงั้นเหรอ?” แฝดผู้น้องพึมพำกับตัวเอง

      โกเอ็นจิคุงถ้าตั้งใจจริงละก็ต้องทำได้อยูแล้วล่ะแฝดผู้พี่ช่วยพูดยืนยัน

      “น่าตกใจจริงๆ แกเองก็มีฝีมือสินะ” เดซามจากที่เกมส์นี้เล่นเป็นกองหน้าเปลี่ยนตำแหน่งไปเล่นเป็นผู้รักษาประตูตามเดิม “ฉันจะขยี้แกเอง!!

      เดซามชี้หน้าโกเอ็นจิอย่างเอาเรื่องที่ถูกทำให้เสียหน้า แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีสงบนิ่ง ริมฝีปากของเขาขยับเป็นสารส่งให้เดซามโดยตรง

      เขาเป็นของฉัน ฉันไม่ยอมให้นายเอาตัวเขาไปแน่

      โกเอ็นจิทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินกลับไปหาฟุบุคิ สร้างความไม่พอใจให้เดซามอย่างมาก เวลาเหลือไม่มากแล้ว เขาจะต้องทุ่มพลังทั้งหมดให้กับการป้องกันครั้งสุดท้ายนี้

      “ทำได้ดีมากโกเอ็นจิ!” เสียงเอ็นโดตะโกนมาจากข้างหลัง โกเอ็นจิโบกมือรับคำ ขวัญและกำลังใจของทีมกลับมาแล้ว

      เวลาต่อมาทันทีที่เท้าของโกเอ็นจิสัมผัสบอลเขาก็ทำหน้าที่สไตเกอร์ทันที ด้านหลังของเขามียักต์เพลิงโผล่มารับตัวเขาไว้บนผ่ามือและโยนเขาขึ้นไปเตะบอลกลางอากาศ “วายุเพลิงพระกาฬ!!

      “วงสว่านเหล็กกล้า!!” สว่านยักต์โผล่ออกมารับลูก แรงเสียดสีกันทำให้เกิดประกายไฟ ในตอนแรกโกเอ็นจิค่อนข้างมั่นใจว่าลูกเตะของเขาต้องเข้าโกลได้แน่ๆ และแล้วยิ่งเห็นรอยร้าวบนตัวสว่านโกเอ็นจิก็ยิ่งมั่นใจ เดินหันหลังกลับไปโดยไม่ต้องลุ้นอีกให้เสียเวลา

      เดซามรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อท่าไม้ตายอันแข็งแกร่งของเขาวงสว่านเหล็กกล้าเกิดรอยร้าวและกระจายตัวออกไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็แตกกระจายจนบอลเข้าโกลไปได้ในที่สุด

      บ้าน่า! นี่เขาแพ้งั้นเหรอ?!

      “ชนะแล้ว....?” เสียงอุทานของฝาแฝดพูดขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งทีมและกองเชียร์ต่างกู่ร้องดีใจเมื่อได้ยินเสียงเป่านกหวีดบอกหมดเวลา ฟุบุคิ ชิโร่ รีบรุกเข้าไปหาเด็กหนุ่มผู้นำชัยชนะมาให้ทันที

      “ชนะแล้วนะโกเอ็นจิคุง! ลูกเตะนั้นยอดมากเลยล่ะ!” เด็กหนุ่มอมยิ้มให้อย่างดีใจ “ขอบคุณสำหรับคำชมนะ” ความจริงโกเอ็นจิอยากจะเข้าไปกอดร่างเล็กเสียให้หายเหนื่อย ถ้าไม่ติดตรงที่สถานที่นี้มีคนเยอะไปหน่อย

      “เป็นลูกเตะที่สุดยอดมากเลยนะ” ชายร่างสูงเดินเข้ามาเอ่ยชมด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตรมากขึ้น  แต่โกเอ็นจิก็ยังไม่ไว้ใจเต็มร้อย เขาเดินขึ้นมานำหน้าฟุบุคิไว้เล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย “ขอบใจที่ชม”

      เดซามยิ้มน้อยๆ และหันไปมองฟุบุคิที่อยู่ข้างหลัง “เรื่องเมื่อวานต้องขอโทษด้วย ฉันคงจะไม่มีวาสนาจะได้นายมาครอง...”

      “เดซาม....นายรู้ว่าในตัวฉันมีอีกอาซึยะอยู่อีกคนใช่ไหม?” เสียงครางอื้มในลำคอตอบกลับมา “นายชอบอาซึยะใช่ไหม?

      เป็นคำถามที่สร้างความแปลกใจให้กับคนที่รับรู้ได้อย่างอาซึยะ เขาสะดุ้งเฮือกและใบหน้าขึ้นสี

      พะพี่พูดอะไรเนี้ย?!’

      แหมๆ น่าจะดีใจที่มีคนมาชอบนะอาซึยะ

      แฝดผู้พี่ตัดสินใจไม่ฟังเสียงท้วงของน้องชาย และหันไปสนใจเดซามที่หน้าขึ้นสีน้อยๆเหมือนกัน “ไม่ว่าอะไรใช่ไหมโกเอ็นจิคุง ฉันจะให้พวกเขาสองคนคุยกันหน่อย” โกเอ็นจิพยักหน้ารับคำ ฟุบุคิ ชิโร่ วูบกลายเป็น ฟุบุคิ อาซึยะ โดยไม่ให้น้องชายได้ตั้งตัว พอมาเผชิญหน้ากับคนที่คิดว่าชอบตัวเองก็หน้าแดงเข้าไปใหญ่ เงอะๆ งะๆ ทำอะไรไม่ถูก “อะ....อะ”

      “นะนายคือ....อาซึยะที่ยิงลูกเตะเหมันต์นิรันดรนั้นสินะ?” เดซามเอ่ยถามก่อนเพื่อความชัวร์ เขาดูมีอาการขัดเขินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

      “....อะ มะมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉะฉันเองนี่แหละเป็นเจ้าของลูกเตะเหมันต์นิรันดรนั้นเอง!” อาซึยะทำท่าเชิดใส่เพื่อลดอาการขัดเขิน “มะมีปัญหาอะไรหรือปล่าว?

      “...ปล่าวหรอก นั้นเป็นลูกยิงที่เยี่ยมยอดมาก....” อาซึยะเก็บอาการเชิดนั้นทิ้งไป แล้วรอฟังในสิ่งที่เดซามจะพูดต่อ “...ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ.....ฉันชอบนายนะ อาซึยะ”

      ร่างเล็กไม่พูดอะไร เอาแต่หลบหน้าอีกฝ่ายแต่เดซามก็แอบเห็นอยู่ดีว่าอาซึยะหน้าแดงใหญ่แล้ว “กอดนายได้ไหม?

      ร่างเล็กพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาติ ชายร่างสูงจึงเดินเข้าไปหาแล้วค่อยๆใช้ท่อนแขนของเขาโอบอ่อนอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา “จูบนายได้ไหม?

      “ไม่ได้หรอก...นี่มันร่างของพี่ฉัน ฉันให้นายได้แค่นี้แหละ.....” อาซึยะพูดโดยไม่ได้เงยหน้าออกจากอกของอีกฝ่าย “น่าเสียดายจัง....ลาก่อนนะ”

      ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ทีมของเดซามถูกจับใส่กุญแจมือและโดนพาตัวขึ้นรถคุมขังไป ฟุบุคิยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

      หมอนั้น.......ไม่ต้องการคำตอบสินะ....

      เสียใจหรือปล่าวอาซึยะ?’

      นิดหน่อยล่ะมั้งพี่.....เป็นครั้งแรกที่มีคนมาบอกว่าชอบนินา....

      อาซึยะรีบหนีหน้าทันที ฟุบุคิ ชิโร่ จึงคืนร่างเดิมได้ “ฉันแอบหึงนะนั้นฟุบุคิ” เสียงโกเอ็นจิที่เดินเข้ามาใกล้ดังขึ้น “แหมโกเอ็นจิคุงนี่ล่ะก็ นั้นอาซึยะนะไม่ใช่ฉันซะหน่อยนินา”

      ใบหน้านวลหันมายิ้มให้อย่างมีความสุข “จบแล้วสินะ...”

      “ใช่...มันจบแล้วล่ะ อย่าลืมให้รางวัลฉันด้วยล่ะฟุบุคิ” ใบหน้าคมฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “วันนี้ฉันไปค้างบ้านนายนะ”

      คำขอที่ทำให้คนถูกขอถึกกับหน้าแดง ไอ้ที่ว่าค้างนั้นคงไม่ได้แค่นอนค้างกันเฉยๆแน่.....

       

      “โกเอ็นจิคุงนอนข้างบนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันปูฟูกนอนข้างล่างเอง” ฟุบุคิว่าพลางจะเดินไปหยิบฟูกที่อยู่ในตู้ห้องนอนตัวเอง นี่ถึงเวลาเข้านอนแล้วหลังจากที่พวกเขาอาบน้ำกินข้าวเสร็จ “ไม่เอา.....นายก็มานอนกับฉันสิ”

      ร่างใหญ่เอ่ยเสียงออดอ้อนร่างเล็กพร้อมถือวิสาสะเดินเข้าไปกอดฟุบุคิจากด้านหลังด้วย คนถูกกอดหน้าแดงแปร๊ดไม่นานตัวเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อยและถูกพาไปที่เตียงนอนของเขา

      “กะโกเอ็นจิคุง.....” ฟุบุคิพยายามม้วนตัวหลบคนที่กำลังคร่อมตัวเขาอยู่ข้างบน “ขอรางวัลหน่อยสิ วันนี้ฉันอุส่าห์พยายามเต็มที่เพื่อนายเชียวนะ เมื่อคืนก็ซ้อมท่าไม้ตายใหม่แทบตายเลยด้วย.....” ใบหน้าคมซุกไซร์ร่างเล็กใต้ตัว

      “ก็ได้ๆ รางวัลแค่จูบนะ” โกเอ็นจิเด้งตัวขึ้นมาทันทีรอรับรางวัล ฟุบุคิหน้าแดงเล็กน้อยค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้และหลับตาลง มอบสัมผัสอุ่นๆให้กับอีกฝ่ายเป็นรางวัลที่เขาช่วยปกป้องร่างเล็กไว้

      มือใหญ่เริ่มไม่อยู่นิ่งปลดกระดุมเสื้อของร่างเล็กของทีละเม็ด กว่าร่างเล็กจะรู้ตัวกระดุมก็ถูกถอดออกหมดแล้ว “กะโกเอ็นจิคุง!? ระรางวัลมันแค่จูบไม่ใช่เหรอ?” ฟุบุคิรีบค้านขึ้นทันที

      “แค่จูบก็ไม่คุ้มสิ....ขอเป็นตัวนายเลยละกันนะ...”  ใบหน้าคมเลื่อนลงไปไล่เลียยอดอกอีกฝ่าย ฟุบุคิส่งเสียครางออกมาตามสัมผัสที่ได้รับ “จริงๆเล้ยโกเอ็นจิคุงเนี้ย...” เขาเอนตัวลงนอนกับที่คล้ายกับว่าร่างกายของเขาไร้เรียวแรงไปหมด ปล่อยให้สัมผัสนั้นเลื่อนต่ำลงไป

      ร่างเล็กกระตุ๊กเฮือกเมื่อโกเอ็นจิสัมผัสกับส่วนที่ต่ำลงไปอีก มันรู้สึกดีจนร่างเล็กมิอาจข่มเสียงครางได้ไหว ของเหลวสีขาวขุ่นถูกปล่อยออกมาในเวลาไม่นาน “กลัวหรือปล่าวฟุบุคิ?

      โกเอ็นจิถามร่างเล็กด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใช้แขนบังหน้าตัวเองไว้หอบตัวโยน ฟุบุคิส่ายหัวไปมาเล็กน้อย ร่างใหญ่จึงค่อยโล่งใจ “งั้นฉันจะเริ่มต่อละนะ...”

      เขาว่าพร้อมใช้นิ้วที่เคลือบด้วยของเหลวอุ่นๆของฟุบุคิค่อยๆแทรกเข้าไปในตัวของร่างเล็กช้าๆ และค่อยๆเพิ่มจำนวนทีละนิ้ว ฟุบุคิครางยาวออกมาเมื่อถึงนิ้วที่สาม “พร้อมแล้วหรือยังฟุบุคิ?

      เสียงร่างใหญ่ถามเมื่อมาถึงจุดนี้ ร่างกายของร่างเล็กน่าจะพร้อมแล้ว “ฉะฉันพร้อมแล้วโกเอ็นจิคุง....” ฟุบุคิยกท่อนแขนขึ้นเปิดให้เห็นดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่ทำท่าจะร้องให้ โกเอ็นยกเอาท่อนแขนของฟุบุคิออกจากใบหน้าแล้วโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากเบาๆ เขาถอนนิ้วออกและค่อยๆแทรกตัวเขาเข้าไปในตัวฟุบุคิ

      เสียงครางดังยาวฟุบุคิกอดรัดร่างใหญ่ไว้แน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บ จนในที่สุดก็หยุดลงเมื่อโกเอ็นจิแทรกตัวเข้าไปในระดับที่ต้องการแล้ว

      “ไหวไหมฟุบุคิ?” โกเอ็นนจิประคองใบหน้าของร่างเล็กไว้ “ไหว...โกเอ็นจิคุง” ชิโร่ยิ้มให้เป็นการยืนยัน แม้จะรู้สึกเจ็บหน่อยแต่ก็เป็นเจ็บที่รู้สึกดี

      ร่างใหญ่ขยับตัวช้าๆเพื่อให้ร่างเล็กชินกับการเข้าออก ร่างเล็กส่งเสียงครางทุกครั้งที่เขาขยับนั้นยิ่งทำให้โกเอ็นจิเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีก ความรู้สึกเสียวส่านแผ่กระจายไปทั่วตัวจนในที่สุดจังหวะสุดท้ายก็โหมเข้ามาพร้อมกับเสียงครางยาวสุดท้าย แล้วนิทราก็ดึงสติพวกเขาลงสู่ห้วงการหลับใหล

       

      ในตอนเช้าแสงแดดอ่อนๆส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างเล็กสำรวจตัวเองว่าเปลือยปล่าวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงความเจ็บแปล๊บจากเหตุการเมื่อคืนก็เข้าเล่นงานโดยตรงจนต้องงอตัวไว้ให้ชินกับความเจ็บ

      “ลุกไปโรงเรียนไหวไหมฟุบุคิ?” โกเอ็นจิที่พึ่งอาบน้ำเสร็จตรงดี่เข้ามาถาม

      “คงจะไหวนั้นแหละมั้ง เจ็บชะมัด....เจ้าบ้าเอ้ย....” ทว่าคนที่ตื่นขึ้นมากลับเป็นอาซึยะเสียอย่างงั้น นัยน์ตาสีส้มหันไปค้อนควับใส่เด็กหนุ่มข้างตัว “อาซึยะหรอกเหรอ....โทษทีนะถ้าใช้ร่างพี่นายตอนนี้คงจะเจ็บหน่อยล่ะ”

      “.....หนอย...เจ้าบ้า เมื่อคืนไม่มีออมแรงเลยนะ” อาซึยะยิ้มคบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้อย่างหมั่นไส้ เขาต้องเอามือประคองสะโพกตัวเองไว้ “หืม? เมื่อคืนนายก็อยู่ด้วยเหรอ?

      “แหงสิเฟ้ย เคยบอกไปแล้วไงว่าถ้าพี่เห็นหรือได้ยินอะไรฉันก็รับรู้ได้ด้วย......รวมทั้งเรื่องเมื่อคืนของนายกับพี่ฉันด้วย....” อาซึยะยกผ้าห่มขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ในประโยคสุดท้าย

      โกเอ็นจิมองท่าทางของร่างเล็กอย่างขำๆ “นายนี่มันเด็กไม่ดีจริงๆเลยนะเนี้ย.....แต่ก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะเมื่อคืนนะ?

      เป็นคำถามที่ชวนให้คนฟังหน้าแดงแปล๊ด “คะใครจะไปรู้สึกดีกับนายกันเล่า! ไม่คุยกับนายแล้วเจ้าบ้า!!” อาซึยะวูบหายไปทันที เมื่อร่างนี้ไร้การควบคุมก็โน้มตัวจะล้มตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่มือใหญ่ก็รับเอาไว้ได้ทัน

      เจ้าเด็กปากแข็งเอ้ย....

      เสียงครางอื้มบ่งบอกว่าเจ้าของร่างตัวจริงได้สติแล้ว “อาซึยะนี่ปากแข็งจังเลยน้า.....เมื่อคืนก็รู้สึกเหมือนกันแท้ๆ” รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าของชิโร่ “ลุกไปโรงเรียนไหวไหม?

      “สบายมากโกเอ็นจิคุง ที่อาซึยะโผล่มาเมื่อกี๊ก็ช่วยขยับบรรเทาไปได้เยอะแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” โกเอ็นจิเข้าใจแล้วว่าคนแรกที่ตื่นมาทำไมถึงเป็นอาซึยะ เขามาช่วยผ่อนความเจ็บให้ชิโร่นั้นเอง เป็นน้องชายที่ดีเหมือนกันนินา

       

      ในตอนเช้าก้าวแรกที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องก็มีเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีด้วย กับชัยชนะที่ทีมได้มา แต่ก็ยังมีพวกคนกลุ่มเดิมที่ยังไม่เลิกหาเรื่องสักที

      “ไง ชนะจนได้นะคู่รักของห้องเรา” กลุ่มเด็ชายเมื่อวานเดินตรงเข้ามาหา “อุ ไมใช่สิ เจ้าตัวบอกเองนิว่าคบผู้ชายเนี้ยมันน่าเกลียดน่าขนลุก แต่มื่อวานเผอิญฉันไปเห็นพวกนายไปนอนค้างด้วยกันนินา ไปทำอะไรกันเหรอ?

      โกเอ็นจิได้ฟังแล้วถึงกับของขึ้นเตรียมตรงดี่จะเข้าไปมอบเรื่องให้กับคนหาเรื่อง แต่ฟุบุคิใช้แขนกันไว้ก่อนที่โกเอ็นจะจะเดินนำเขาไป “จะทำอะไรมันก็เรื่องของเราสิ นายไม่มีสิทธิมายุ่งนะ”

      “ฮุฮุ ปกป้องกันขนาดนี้แก้ตัวให้ตายว่าเป็นแค่เพื่อนกันยังไงก็ไม่เชื่อหรอก” เด็กหนุ่มคนนั้นทำหน้าทะเล้นล้อเลียน

      “ก็ไม่ได้คิจะแก้ตัวสักหน่อยนินา.....” ฟบุคิว่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขาตัดสินใจแล้วตั้งแต่เมื่อคืนเพราะยังไงเรื่องของพวกเขาคงต้องมีคนรู้เข้าสักวันแน่ “ใช่....ฉันกับโกเอ็นจิคุงเรากำลังคบกันอยู่....”

      คำสารภาพนั้นสร้างความตกใจให้กับคนฟังเป็นอย่างมาก “ฟุบุคิ?” แม้แต่โกเอ็นจิเองก็ยังตกใจ ไม่คิดว่าร่างเล็กจะกล้าประกาศได้ขนาดนี้

      “อะ....ฮ่า ฮ่า เห็นไหมล่ะ สองคนนี้เป็นเกย์จริงๆด้วยล่ะ พวกผู้ชายระวังไว้ล่ะระวังสองคนนี้จะพลัดคู่มาเป็นพวกนายเข้าน้า!” เด็กหนุ่มคนนั้นประกาศหมุนตัวไปทั่วห้อง

      “ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เพราะฉันกับโกเอ็นจิคุงเราไม่ได้คบกันเพื่อความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวนะ!!” ประโยคนี้เรียกความสนใจของอีกฝ่ายให้หันกลับมา “จะจริงเหรอ? งั้นไหนลองพิสูตจ์ให้ดูหน่อยสิว่าพวกนายรักกันจริงๆ......จูบโชว์ให้พวกเราดูหน่อยสิ!

      คำท้าทายที่ทำเอาคนฟังทั้งคู่ตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว...ถอยไม่ได้แล้วล่ะ “ได้สิ....ฉันจะพิสูตจ์ให้พวกนายทุกคนเห็นเอง”

      ฟุบุคิถอดกระเป๋านักเรียนออกวางไว้โต๊ะข้างๆ แล้วหันหลังกลับไปหาโกเอ็นจินัยน์ตาสีนิลนั้นบ่งบอกคำถามว่าเอาจริงงั้นเหรอ?

      มือคู่น้อยจับคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วดึงลงมาประทับจูบต่อหน้าคนในห้องด้วยความเต็มใจ ร่างใหญ่ตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของอีกฝ่าย เมื่อถอนจูบออกแล้วฟุบุคิ ชิโร่ เงียบไปซักพักก่อนจะรวบรวมสมาธิแล้วสารภาพความในใจออกมา “เมื่อก่อนฉันอาจจะกลัวสารพัดถ้ามีใครรู้เรื่องของเราเข้า แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายกำลังเสียใจกับสิ่งที่ฉันทำ มันทำให้ฉันรู้แล้วว่าถ้าหากเอาแต่กลัวฉันก็อาจจะเสียนายไป ฉันรักนายนะโกเอ็นจิคุง”

      คำสารภาพที่ทำเอาโกเอ็นจิหน้าขึ้นสีน้อยๆบ้าง “ฉันเองก็รักนายนะฟุบุคิ”

      “หยา....ไม่คิดเลยนะว่าพวกนายจะกล้าทำจริงๆเนี้ย พวกเราอย่าเข้าไปใกล้นะเดี๋ยวติดเชื้อโฮโมเข้าไปหรอก.....!!” แต่ทว่าเด็หนุ่มคนหันกลับไปพบกับสายตาคาดโทษของทุกคนในห้อง

      “นิสัยไม่ดีเลยนะพวกนาย คนเขารักกันเนี้ยมันผิดนักหรือไงยะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินขึ้นมากล่าวต่อว่า “อะไร? ก็มันจริงนินา” เด็กหนุ่มคนนั้นพยายามเถียงกลับโน้มนาวให้ทุกคนเข้ามาเป็นพวก

      “ความรักมันไม่มีกฎเกณฑ์เรื่องเพศมากั้นหรอกยะ” เด็กผู้หญิงอีกคนก็เดินขึ้นมาช่วยหนุนเหมือนกัน

      “นายแน่มากทั้งสองคน!! ต้องอย่างนี้สิยอมรับความจริงถึงจะเป็นลูกผู้ชาย!!” แม้แต่พวกผู้ชายในห้องเองก็สนับสนุน “ใช่! พวกเราไม่ล้อนายหรอกน่าเรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว!!

      “พวกนายคงไม่เคยมีความรักนะสิถึงได้อิจฉาหาเรื่องให้คู่รักเขาทะเลาะกันเนี้ยห๊า!?” เด็กผู้หญิงอีกคนก็เข้ามาร่วมวงด้วย

      ตอนนี้กลุ่มเด็กชายพวกนั้นกำลังถูกรุมด้วยคำต่อว่าจนทนไม่ได้ สบทเจ็บใจแล้วพากันวิ่งออกจากห้องไปอย่างอับอาย ทั้งฟุบุคิและโกเอ็นจิหันมามองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตาว่าจะมีคนสนับสนุนพวกเขามากขนาดนี้

      “เอ่อ....ขอบใจนะทุกคน ที่เข้าใจพวกเรา...” ฟุบุคิหันมาเอ่ยขอบคุณทุกคนในห้อง

      “ไม่เป็นไรหรอกน่า! เพื่อนกันรับได้อยู่แล้ว!!” เอ็นโดกับคิโดเองก็ชูนิ้วโป้งให้ “ขอให้คบกันไปดีๆล่ะ อย่าให้มีเรื่องกันอีกเหมือนคราวนี้นะ”

      “พวกนายดูไม่ตกใจกันเท่าไรเลยนะ?” โกเอ็นจิถามสวนขึ้นมาอย่างแปลกใจ คนในห้องพากันสะดุ้งตัวเล็กน้อย จนเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งเฉลยให้ “แหม....จะว่ายังไงดีล่ะ พวกเราเองก็ลุ้นคู่พวกนายมากันตั้งแต่แรกแล้วล่ะเนอะ!

      เธอหันไปขอความคิดเห็นจากเพื่อนสาวอีกหลายๆคน “ใช่ ความจริงเราน่าจะขอบใจเจ้าพวกนั้นนะที่ทำให้เราลุ้นได้สักทีว่านายสองคนจะยอมบอกว่าคบกันเมื่อไร”

      “สาวกสาววายอย่างเราๆก็เป็นสุขใจแล้วล่ะ” พวกเธอกหันไปวีดว้ายกันด้วยความชอบใจ จนคู่ที่ถูกลุ้นนั้นทำสีหน้าไม่ถูกว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีไหมที่ดันมาบอกความจริงให้สาววายรู้เนี้ย

       

      ไม่นานข่าวของทั้งคู่ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงเรียน ได้เสียงตอบรับมาดีเกินคาดสำหรับพวกเขาเลยทีเดียว เย็นวันนี้ฟุบุคิเดินออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับโกเอ็นจิ “เป็นอย่างที่โกเอ็นจิคุงเคยบอกฉันจริงๆด้วย นายทำให้มันเป็นจริงได้...เรื่องของเรา”

      “อื้ม แน่นอนอยู่แล้วฉันไม่เคยโกหกนายนิ” อีกฝ่ายยิ้มตอบยืนยัน

      ดีจังเลยนะพี่.....เท่านี้ฉันก็ไม่ห่วงพี่แล้วล่ะ.... เสียงอาซึยะดังมาทำให้ร่างเล็กหยุดชะงักฟัง “หมายความว่าไงอาซึยะ!?

      ไม่ต้องห่วงหรอกน่าพี่....ฉันยังจะอยู่ในตัวพี่เสมอนั้นแหละ รอยยิ้มของอาซึยะปรากฏขึ้นให้เห็นเป็นอย่างสุดท้าย แสงสีขาวค่อยๆสว่างวูบขึ้นมาในหัวของฟุบุคิ สายลมพัดวูบผ้าพนคอสีขาวนั้นค่อยๆลอยหลุดจากคอไปกับสายลม

      “อาซึยะ....” ชิโร่รู้สึกได้ว่าถึงแม้ว่าอาซึยะจะบอกว่าไปแล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้ยินเสียงของอาซึยะอีกแล้วก็เถอะ แต่ตัวเขานั้นก็รู้สึกได้ว่าน้องชายของเขาได้รวมวิญญาณเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ภายในนี้ มือเล็กยกขึ้นมากุมไว้ที่อกของตัวเอง

      “เกิดอะไรขึ้นชิโร่ อาซึยะเป็นอะไรเหรอ?” โกเอ็นจิเองก็ตื่นตัวเมื่อเห็นอาการผิดปกติของร่างเล็ก หลังจากที่สายลมหยุดพัดไป “โกเอ็นจิคุง...อาซึยะเขาไปแล้วล่ะ...”

      โกเอ็นจิรู้สึกใจหายเล็กน้อย ว่าต่อจากนี้จะไม่มีใครในร่างของฟุบุคิที่จะโผล่มาขัดจังหวะเขาอย่างทุกทีแล้ว เขาสังเกตเห็นว่าฟุบุคิมีอะไรที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย คล้ายร่างรวมระหว่างชิโร่กับอาซึยะเลย “ไม่เป็นไรนะ?

      “อื้ม....แม้เรื่องของอาซึยะจะจบลงแล้ว แต่เรื่องของเรามันพึ่งเริ่มเท่านั้นนะโกเอ็นจิคุง” ร่างเล็กหันมายิ้มให้ โกเอ็นจิก็วางใจได้เมื่อเห็นร่างเล็กยิ้มได้

      ทั้งคู่เดินจับมือไปด้วยกันตลอดทางกลับบ้าน ต่อจากนี้ไปจะเป็นเรื่องราวของพวกเขาสองคนอย่างแท้จริงแล้ว

      จบ

      .................................................................................

      ขอโทษด้วยคะที่ไม่สามารถรักษาสัญญาให้เรื่องนี้เสร็จทันกำหนดได้(ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ)( _ _””)

      แต่ในที่สุดก็เสร็จออกมาแล้วยาวกว่าภาคแรกเสียอีก เนื้อเรื่องวางยากพอดูเลยคะฉันพยายามเขียนอิงตามหลักในการ์ตูน(อาจจะมีเปลี่ยนแลงไปเยอะพอสมควร ก็มันฟิคนินา)และก็ตามหลักความเป็นจริงในเรื่องของประโยคพูดต่าง(เพราะเหตุนี้ล่ะมั้งเลยช้าไปหน่อย) หวังว่าคงจะมีคอมเม้นท์กันเยอะๆนะคะ ^^

      **มีประกาศนะคะ

      ฉันคงต้องขอลางานไปสักพักใหญ่ๆเพราะดูจากเรื่องนี้เป็นตัวอย่างแล้ว มันมีหลายเหตุการณ์หลายอุปสรรที่มาขวางฉันในเรื่องงานเขียนนี้(รวมทั้งเรื่องของพ่อที่ไม่สนับสนุนด้วย และตัวฉันเองก็มาทบทวนดูแล้วในเทอมนี้คงจะต้องทำเกรดดีๆเข้าไว้ต่อมหาลัย ถึงจะยังไม่รู้อนาคตว่าจะต่อคณะอะไรก็เถอะ)

      จึงต้องมาแจ้งให้ทราบกันทั้วหน้าก่อน จะได้ไม่สงสัยกันว่าทำไมจึงไม่มีเรื่องใหม่ออกมาเสียที

      ต้องขอโทษทุกๆคนด้วนะคะ (T__ T)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×