คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : FSK : 7
7
แบมแบมลืมตาตื่นขึ้นมา
เขารู้สึกได้ถึงเศษฝุ่นที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้อง
ความเจ็ดปวดตามร่างกายทำให้ร่างบางยังไม่อยากขยับไปไหน
เขาจำได้แค่ว่าเขาโดนกระทืบและซ้อมจนหนักเกินกว่าที่จะมีสติได้จนถึงตอนจบ
กลิ่นคาวเลือดยังคงคละคลุ้งอยู่ในปาก มือบางค่อยๆ
ขยับดันร่างกายสะบักสะบอมของตัวเองขึ้น
เขาต้องหนี...
ร่างบางเอามือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยที่ปวดหนักกว่าจุดอื่น
นัยน์ตากลมเหลือบมองขึ้นไปเห็นหน้าต่างที่มีแสงอาทิตย์สาดใส่ แบมแบมหาเก้าอี้และกล่องมาต่อเรียงกันจนกระทั่งสามารถขึ้นมาได้
ข้างนอกเป็นพื้นหญ้าไม่กว้างมากนัก ร่างบางค่อยๆ
หย่อนตัวเองลงไปจนกระทั่งแผ่นหลังกระทบกับพื้น
“อั่ก!!” แบมแบมนอนกุมท้องตัวงอด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆ
คลานออกมาจากตรงนั้นแล้วตั้งหลักลุกขึ้นยืน
...ให้ตายเถอะ
ที่นี่ที่ไหนกัน...
ร่างบางมองผ่านตึกรามบ้านช่องร้างๆ
ที่ดูยังไงก็ไม่น่ามีคนอยู่ ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ทิศทาง
รู้เพียงแค่ว่าเขาจะไม่เลือกที่จะหยุดอยู่ตรงนั้นและโดนจับเข้าไปขังในห้องที่เขาโดนแบบเมื่อคืนอีกแน่นอน
...บี
แบมเหนื่อยมากเลย บีจะรู้รึเปล่านะ...
ใจได้แต่พะวงถึงพี่ผู้เป็นกษัตริย์และพี่ชายคนรองที่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังตามหาเขาอยู่รึเปล่า
แต่ที่รู้ๆ คือแบมแบมเริ่มอยากกลับเขตของตัวเองแล้ว
ทำไมคนของเขต 5
ถึงโหดร้ายขนาดนี้ ตั้งแต่วันนั้นที่เขาโดนคังเซนาตบอย่างไม่มีสาเหตุ
การตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรมของฮันบิน คนที่เอาแต่อ้างว่าขึ้นศาลอย่างเดียวแบบมาร์ค
ฮวงจื่อเทาที่จับเขามาทรมาณเพราะการแก้แค้นทั้งๆ ที่เขาก็ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
เขากำลังโกรธงั้นเหรอ? น้อยใจที่ไม่มีใครออกมาหาเขาเลยใช่มั้ย?...
“โอ๊ย” แบมแบมร้องโอดโอยเมื่อข้อเท้าข้างซ้ายกลับกึ่งพิการซะดื้อๆ
มีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแพ้ที่หมอดงฮยอกบอกให้เขาเปลี่ยนทุกวัน
แบมแบมกัดฟันตัวเองก่อนจะพยายามลากสังขารเดินต่อไปเรื่อยๆ
แต่คนเราต่างก็มีขีดจำกัดอยู่ดี...
แบมแบมเดินเข้าไปในซอกระหว่างตึก
ร่างบางนั่งลงพิงตัวตึกอย่างหมดแรง
คนตัวเล็กชันเข่าขึ้นมาก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างท้อใจ หิวก็หิว คิดถึงพี่ก็คิดถึง
แถมเจ็บและปวดตามร่างกายไปหมด เขารู้สึกไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจเลยด้วยซ้ำ
“ฮึก…ทุกคนอยู่ไหนกันหมด”
แบมแบมร้องไห้อยู่นานก่อนที่สติของเขาจะดับไปอีกครั้ง
มาร์คก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูไม้ของเพื่อนเก่าที่
‘เคย’ สนิทอีกครั้ง
ร่างโปร่งผลักบานประตูออก ก่อนจะเห็นฮันบินนั่งอยู่บนโซฟาหนังหน้าเตาผิง
ผู้หมวดที่เห็นว่าใครเปิดประตูเข้ามาก็ขมวดคิ้วเข้ม ก่อนที่จะเอ่ยปากถาม
แต่มาร์คก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“นายมา…”
“แบมแบมอยู่ไหน?”
คิมฮันบินชะงักไปกับคำถามของมาร์ค เขาเหมือนกำลังมึนงงและกำลังประมวลคำตอบ “ฉันถามว่าแบมแบมอยู่ไหน?!
คิมฮันบิน!”
“นายไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ฉัน” มาร์คกำลังจะพูดตอบกลับไป แต่หางตาเขากลับเหลือบมองไปเห็นร่างเล็กที่กำลังเดินมา
นัยน์ตาเล็กๆ ที่มองเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย มาร์คชะงักไปสักพัก
แต่เขาก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
“มาร์ค...”
“แบมแบมอยู่ไหนฮันบิน”
“มาร์ค...คือว่า”
“หุบปากได้แล้วคิมจินฮวาน!
น่ารำคาญ!” มาร์คตวาดเสียงใส่จินฮวานจนอีกคนสะดุ้งตัวโยน
ผู้พันหันมามองอดีตเพื่อนสนิทบนโซฟาหนังที่มองมาทางเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ออกไป...”
“นายไม่คิดจะตามหาแบมแบมเลยใช่มั้ย
ฮันบิน”
“ฉันไม่สน ออกไป”
คิมฮันบินยังคงมองที่มาร์คเป็นสายตาเดิม ไม่ได้เรียกว่าเย็นชา แต่น่าจะเรียกว่าว่างเปล่ามากกว่า
เขาอยากได้เพื่อนคนเดิมกลับมา
เพื่อนที่เคยเป็นคนเคียงบ่าเคียงไล่เหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน...
...คิดอะไรอยู่วะมาร์คต้วน
เป็นไปไม่ได้หรอก...
“ได้...ถ้านายไม่แคร์ก็ไม่เป็นไรคิมฮันบิน”
“…”
“แต่ฉันขอเตือนนายไว้ว่า
ถ้าไม่อยากโง่เพราะหมอนี่เหมือนฉัน ก็อย่าให้ความรักความชอบของนายมันขึ้นสมองไปมากกว่านี้” มาร์คหันหลังก่อนจะปิดประตูบ้าน 7/5 Wolves Path ลง แล้วเดินออกมา ทิ้งคิมฮันบินไว้กับคนๆ หนึ่งที่เขากล้าพูดได้เลยว่า ‘เกลียด’ ที่สุดในชีวิต
...คนที่ทำให้เขากับฮันบินต้องมาเดินแยกทางกันแบบนี้อย่าง 'คิมจินฮวาน'...
อิมแจบอมยังคงกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าเขาจะดูโอเคกว่าเมื่อวันก่อนเล็กน้อย
เพราะน้องชายคนรองยัดเยียดให้กินนู่นกินนี่อย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่มีข่าวอะไรคืบหน้าแม้แต่นิดเดียว
เกี่ยวกับน้องชายของเขา
...จนจะครึ่งเดือนอยู่แล้ว
นายหายไปไหนกันแบมแบม นายเป็นยังบ้าง? มีความสุขอยู่รึเปล่า? นายยังอยู่รึเปล่า? นายจะรู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงนายแค่ไหน?...
เสียงในใจของผู้เป็นพี่ยังคงดังตลอดและสุมอยู่ได้แค่เพียงในใจเท่านั้น
เขารู้สึกเหนื่อยล้ามากจริงๆ เสียงหัวเราะของน้องเล็กหายไปจากปราสาทนานมากแล้ว
นานเกินกว่าที่เขาจะทนต่อไปได้อีก
...รึว่าเขาต้องไปหาเอง...
ตึ๊ง
แจบอมมองไปที่จอรับสัญญาณภาพ
มีวีดิโอแมสเสสส่งมาถึงเขา กษัตริย์อายุ 22 ปีขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
ก่อนที่ปาร์คจินยองจะเข้ามายืนขนาบข้างด้วย
“ใครส่งอะไรมา?”
“ไม่รู้ ไม่มีชื่อผู้ส่ง” แจบอมตอบน้องชาย พลางคลิ๊กเปิดไฟล์วีดิโอขึ้นมา
รออยู่ไม่นานตัววีดิโอก็ปรากฎให้เห็นผ่านเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าๆ
สำหรับแจบอมและจินยองแค่มองแวบแรกเขาก็รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือใคร
...น้องชายของพวกเขา...
...สมบัติของราชวงศ์เขต
7...
...แบมแบม...
“แบม!!”
[สวัสดี อิมแจบอม
ฉันต้องเรียกแกว่ากษัตริย์เขต 7 รึเปล่าถึงจะถูกน่ะ?] เสียงจากตัววีดิโอดังขึ้น
มีชายคนหนึ่งซึ่งสวมฮู้ดสีดำคลุมหน้าเอาไว้ ต่อให้มองใกล้ๆ รึโฟกัสเท่าไหร่ก็ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร
[วีดิโอนี้ฉันถ่ายตอนสามทุ่มสามสิบแปดนาที
หลังจากที่เพิ่งเจอตัวลูกหมาน้อยไร้เดียงสาที่หลุดออกมาจากบ้าน]
ชายคนนั้นเดินตรงเข้าไปหาแบมแบมก่อนที่จะแก้มัดข้อมือออก
และกระชากผมของร่างบางให้เชิดหน้าขึ้น มีเสียงโอดโอยเบาๆ
ที่ยังบ่งบอกว่าอีกคนมีสิติอยู่ ใบหน้ามีรอยช้ำบางๆ และคราบเลือดแห้งกรังตรงมุมปาก
แบมแบมกัดฟันแน่นเมื่อเขาถูกดึงให้มานั่งคุกเข่ากับพื้น
ตามด้วยผ่ามือหนาที่ตวัดลงมาสองข้างแก้ม ผู้เป็นพี่ที่ทำได้แค่มองภาพจากวีดิโอได้แต่กำมือแน่น
ตามมาด้วยเสียงรองเท้ากระทบกับเนื้อ
แจบอมและจินยองได้แต่มองไปที่น้องชายสุดหวงแหนในวีดิโอที่ถูกทารุณกรรมเยี่ยงสัตว์
เสียงปวดร้าวและร้องขอความช่วยเหลือของน้องชายกรีดลึกลงไปในใจของผู้ร่วมสายเลือดทั้งสอง
ก่อนจะเงียบลงเมื่อน้องของพวกเขาสลบไป แต่คนอัดวีดิโอยังคงไม่เลิกที่จะซ้อมร่างบางที่นอนไม่ได้สติ
จนเมื่อสมใจแล้วจึงหันมาทางกล้อง
[To be continued อิมแจบอม]
ปิ๊ป!
ปึง!!
“ไอ้บ้าเอ๊ยยย!!!”
แจบอมสบถออกมาอย่างเหลืออด ฝ่ามือหนาทุบโต๊ะไม้จนห้อเลือด
ต่างกับจินยองที่ได้แต่นั่งนิ่งขมวดคิ้วเหมือนไม่ได้คิดอะไร
แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยไฟแค้นที่พร้อมจะเผาไอ้โรคจิตในวีดิโอให้มอดไหม้
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว!!
ฉันจะออกไป!!”
“นายออกไปไม่ได้นะเจบี
นายจะไปที่ไหน?” จินยองท้วงห้ามแจบอมที่กำลังเลือดขึ้นหน้า
พี่ชายคนโตหันไปทำอะไรสักอย่างกับจอภาพ ก่อนที่เขาจะสบถออกมาอีกครั้ง
“บ้าเอ๊ย! มันลบไปแล้ว
ไอ้บ้านั่นมันแฮคระบบเรา” อิมแจบอมผ่อนลมหายใจหนักหน่วงอย่างใจเย็น
ก่อนที่เขาจะหันไปมองจินยองที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
“นายไม่คิดจะทำอะไรเลยรึไงจูเนียร์”
“ฉันเคยบอกนายว่าให้ใจเย็นไม่ใช่เหรอ
มันอาจจะส่งมายั่วโมโหนายก็ได้ ยิ่งถ้ามันเห็นนายชักดิ้นชักงอมากเท่าไหร่
มันก็ยิ่งสะใจมากเท่านั้น”
“เหอะ...”
“เชื่อใจในตัวแบมแบมเถอะ
เจบี”
“...”
“น้องจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ไอ้เชี่ยจุน
นั่งอึนอะไรของมึงเนี่ย?” นัมแทฮยอนตบหัวเพื่อนดังผั๊วะ
จนจุนฮเวต้องหันมาตบคืน ร่างสูงลุกขึ้นไปสูดอากาศข้างนอกโกดังระหว่างที่พวกเพื่อนๆ
กำลังเฮฮากับวงเหล้าการพนันในโกดัง ตาคมก้มมองนาฬิกาที่เวลาก็ตีบอกว่าทุ่มกว่าๆ
แล้ว พลางนึกในใจว่าเมื่อไหร่พี่ของเขาจะมา
“อ้าว พี่เทา หวัดดีคร้าบบบ!”
เสียงนัมแทฮยอนแปร๊นออกมาจากในวงจนทำให้จุนฮเวหันกลับไปมอง
พี่ของเขาเดินเข้าไปแจมกับกลุ่มเพื่อนแล้วเรียบร้อย
“เออๆ ดีเว้ย”
“วันนี้ดูอารมณ์ดีแปลกๆ นะครับเนี่ย มีข่าวดีอะไรมาบอกพวกเราเหรอ?” แจฮยองหนุ่มแว่นหน้าหล่อพูดขึ้นก่อนจะกระดกแก้วเบียร์เข้าปาก
“รอให้คนมาครบก่อนแล้วกัน
แล้วไอ้จุนล่ะ”
“นั่งติสท์แตกอยู่นู่น่ะพี่”
“มึงพูดให้ดีๆ
หน่อยวอนพิล” จุนฮเวหันไปแยกเคี้ยวใส่เพื่อนในวง ก่อนที่ตัวเขาเองจะโดนเพื่อนๆ
บ่นกลับ
“เหล้า เบียร์ก็กินไม่เป็น
หญิงก็ไม่มี จับเหยื่อทีก็ไม่ได้ ชีวิตมึงนี่ไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ ไอ้จุนฮเว” จุนฮเวหันหน้าไปมองทางอื่นโดยที่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเพื่อนเลยสักนิด
“เอาเถอะๆ
ฉันจะบอกพวกแกว่าเราได้ตัวประกันแล้วนะ” หลังสิ้นเสียงจื่อเทา
ทุกคนก็หันมาให้ความสนใจเขาเป็นตาเดียว
“กันต์พิมุกอ่ะเหรอพี่?!”
“อืม”
“หน้าตาเป็นไงๆ ถ่ายมาให้ดูป่ะ?”
“ไม่ได้ถ่ายว่ะ
ก็เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 17-18 หน้าแบ๊วๆ หน่อย ตัวเล็กๆ บางๆ ผมสีดำ” จุนฮเวกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกเมื่อรู้สึกว่าลักษณะที่ผู้เป็นพี่พูดมา
มันคล้ายๆ กับใครบางคนที่เขารู้จัก
“แล้วเป็นไงบ้างอ่ะพี่? มันอยู่ไหนอ่ะตอนนี้”
“หมู่บ้านร้างเทียบชายป่าหลังเขตนู่น
พอดีมันมันส์มือไปหน่อยก็เลยเกือบตายแน่ะ ฮ่าๆๆ”
“โห่ พี่ พวกผมเห็นภาพเลยเนี่ย”
“รู้สึกว่าจะรู้จักกับไอ้มาร์คและก็ไอ้ฮันบินพอสมควรนะ
ตอนที่ให้ไอ้ซองยอลไปลากมาก็เห็นมันไปยืนอยู่หน้าบ้านไอ้ฮันบินด้วย
คงจะอยู่ด้วยกันล่ะมั้ง”
“แล้วนี่จินฮวานเห็นตัวยังล่ะ
เห็นหมอนั่นอยากเจอใจจะขาด ไม่รู้ว่าอยากเจอหรืออยากชำแหละทิ้งกันแน่ ก็เล่นไปคาบคนที่ไอ้จินมันชอบมาเป็นคู่หมั้นซะอย่างนั้น
ฮ่าๆ” จุนฮเวกำมือแน่นก่อนที่สองเท้าจะค่อยๆ ก้าวออกไปนอกโกดัง
ยังไม่วายที่จื่อเทาจะหันมาเรียกน้องชาย
“จุนฮเว แกจะไปไหน”
“เดี๋ยวผมมา”
ร่างสูงพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งเหยียบหิมะที่ค่อยๆ ตกลงมา
ยังดีที่มีโค้ทตัวหนาคลุมอยู่ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะไปแข็งตายตอนไหน
...ฉันเข้าใจนายแล้วแบมแบม...
‘แล้วทำไมนายถึงถามฉันเรื่องนี้ล่ะ?’
‘เปล่าหรอก...ฉันก็แค่คิดว่า...ถ้าเลือกที่จะหนีออกมา ฉันจะเสียใจในภายหลังรึเปล่าถ้ารู้ว่ายังไงก็ต้องกลับไป...และอาจจะไม่ได้ออกมาอีก’
‘…’
...คำถามนั่นที่นายถามฉัน...
‘แต่นายก็ทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่า ฉันเลือกถูกทางแล้ว’
‘…’
‘ไม่รู้สึกเสียใจเลยจริงๆ ที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้น่ะ ได้มาเจอคนแบบยูค
แบบนาย ถึงต้องกลับไป ฉันก็ไม่เสียใจเลยจริงๆ’
…นายหนีออกมาจากเขต 7 ใช่มั้ยแบมแบม...
แบมแบมเดินเกาะตามต้นไม้ในป่าไปเรื่อยๆ
ฟ้ามืดหมดแล้วทำให้เขามองไม่เห็นอะไรเลย
หิมะก็ตกลงมาทำให้คนตัวเล็กรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง รองเท้าผ้าใบสีขาวราคาแพงชุ่มไปด้วยเลือด
ใบหน้าที่เคยอมชมพูซีดลงจนแทบไร้สีเลือด
...ไม่เคยรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะตายได้ขนาดนี้เลยในชีวิต...
คนตัวบางเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งเขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งถือไฟฉายส่องไปมาประมาณเกือบสิบคนได้
ร่างบางยิ้มอย่างมีหวัง ขาเรียวค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ๆ จนกระทั่งหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“ฉันเห็นมันเข้ามาในป่านี่ รีบหาก่อนที่หัวหน้าจะรู้ว่ามันหลุดมาดีกว่า”
แบมแบมค่อยๆ
ก้าวเท้าถอยหลังแล้วออกแรงกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาให้ไกลจากกลุ่มคนตรงนั้นที่ค่อยๆ
กระจายกำลังกันหาใครสักคน
และคนๆ
นั้นก็คือเขาไง...
แบมแบมรู้สึกเหมือนเขาเป็นกวางเพียงตัวเดียวในป่านี้และกำลังหนีนายพรานล่าสัตว์ก็ไม่ปาน
อยากจะหยุดพักแต่ก็หนีมาได้ไม่ไกลพอ
...เหนื่อย
ทำไมถึงเหนื่อยได้ขนาดนี้...
...ผมเดินต่อไปไม่ไหวแล้วนะ...
ในระหว่างที่แบมแบมกำลังจะล้มลงกลับมีมือเรียวยาวของใครบางคนฉุดเขาให้ยืนขึ้น
แบมแบมเงยหน้ามองเจ้าของมือนั่นที่ยื่นมาช่วยเขาก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“ทำไมนายมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“คุณหมอ...ดงฮยอก”
“แล้วทำไมสภาพเละเทะขนาดนี้ ใครทำอะไรนายกะ...”
ฟุ่บ!
“ฮึก...ดีใจจังเลย” ดงฮยอกยืนนิ่งเมื่ออีกคนทิ้งน้ำหนักตัวกอดเขา
ตัวของแบมแบมเย็นเฉียบ ผิวซีดเพราะเสียเลือดมาก ดงฮยอกเรียกชื่อคนตรงหน้าอีกครั้งแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าแบมแบมจะได้ยินเขาสักนิด
ร่างบางในอ้อมกอดแน่นิ่งไปไม่ขยับเขยื้อน
เมื่อสัญชาตญาณควบคุมจิตวิญญาณ
คุณหมอก็รีบแบกอีกคนขึ้นบ่าแล้วออกจากป่า ตรงดิ่งไปที่กระท่อมคลินิกของเขาที่อยู่ใกล้ๆ
ทันที
[Spoil]
“นายจะทำอะไร”
“ก็พามันกลับไปบ้านไง”
“อย่ามาเรียกแบมแบมว่า
‘มัน’”
“นั่นมันสิทธิ์ของฉัน”
“นายไม่เคยมีสิทธิ์
คิมฮันบิน กลับไปอยู่กับคนโสโครกๆ ของนายซะ จะได้ไม่ต้องบ่นเวลาแบมแบมไปอยู่บ้านนายอีก”
“…”
“ต่อจากนี้ไป ฉันจะเป็นคนดูแลเขาเอง”
ความคิดเห็น