คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : FSK : 2
2
“เธอเป็นใคร”
แบมแบมล่ะอยากจะเป็นลมล้มลงตรงนี้เสียนี่กระไร ไม่จำเป็นต้องผละออกมามองคนตรงหน้าก็รู้แล้วว่าเจ้าของน้ำเสียงทุ้มหน้าตาดูดีแค่ไหน นี่พึ่งออกจากปราสาทมาได้เมื่อวานเขาก็ใจเต้นไปกับบุคคลภายนอกถึงสองคนแล้ว คิดในแง่ดีอีกนิดสิแบม...บางทีตอนนี้ที่เขาใจเต้นอาจจะเป็นเพราะกำลังตกใจอยู่ก็ได้ -///- แต่ทำไมแบมรู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆ จัง มีคนหล่อกว่าพี่บีถึงสองคนในเขต 5 เลยเหรอเนี่ย
บีตกกระป๋องแล้วนะ บีรู้ป่ะเนี่ย!
“เอ่อ...ปล่อยผมก่อนเถอะครับ” แบมจะละลายแล้วนะครับเนี่ยย! T^T
“ฉันถาม...ว่านายเป็นใคร” เปลี่ยนสรรพนามจาก ‘เธอ’ เป็น ’นาย’ แล้วนะครับ แต่ดูเหมือนอีกคนก็ยังคงไม่ปล่อยแบมให้เป็นอิสระสักที
โอ๊ย~ แบมอยากจิครายย TT
“เกิดอะไรขึ้นแบ...บีไอฮยอง? กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เป็นยูคยอมที่เข้ามาช่วยชีวิตและหัวใจของแบมแบมไว้ ‘บีไอฮยอง’ ปล่อยแขนของเด็กแปลกหน้าก่อนที่จะหันมาถามน้องชาย
“ใคร?” แหม...ประหยัดคำพูดในการถามเสียเหลือเกินนะ
“เพื่อนทางโทรศัพท์ของผมน่ะครับ ชื่อ ‘แบมแบม’ เขามาขออยู่กับเราก่อน เดี๋ยวเช้านี้เขาจะกลับ”
“ก็เช้าแล้วนี่ งั้นก็กลับไปได้แล้วสิ”
โถววว!~ ตีห้าไอ้ที่ว่าเช้ามันก็เช้าอยู่หรอก แต่มันเช้ามืดนะครับคุณพี่! แสงไฟส่องทางสลัวๆ ยังไม่มีให้เห็นเลยครับ
ทำไมคนหล่อต้องใจร้ายทุกคนเลยฟะ! มีแค่พี่บีคนเดียวที่ยังใจดี!...รึว่าใจร้ายนะ ที่ไม่พาแบมออกมาข้างนอกเลย
เชอะ!...คิดแล้วยิ่งแค้นยิ่งน้อยใจ!
ปึก!
“โอ๊ย!!”
แบมแบมล้มก้นกบกระแทกพื้นก่อนจะกุมเท้าข้างขวาของตัวเองที่ตอนนี้มีรอยช้ำม่วงๆ รอยเบ่อเร่อ เพราะพี่บีคนเดียวเลยที่ทำให้แบมแค้นฝังเท้าจนเผลอเตะขาเก้าอี้ห้องครัวไปเนี่ย! ถ้าเค้ากลับไปนะจะต่อยๆๆ ให้เขียวเลย!!
“โหแบม...ม่วงเลยอ่ะ” ยูคยอมเดินเข้ามาดูข้อเท้าให้เพื่อนใหม่ที่ร้องโอดโอยน้ำตาเล็ด เพื่อนตัวสูงแอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อข้อเท้าของคนตัวเล็กม่วงจนน่าสยดสยอง
“ประสาท” ร่างเล็กหันมองผู้หมวดหน้าโหด โหย! T^T แค่นี่ทำไมต้องด่าด้วย ไม่ช่วยก็อย่าบ่นดิ!
“บีไอฮยองอย่าว่าเพื่อนผมแบบนั้นดิ”
“นายก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าเพื่อนนายเตะเก้าอี้แล้วล้มลงไปเอง” ไม่ต้องย้ำก็ได้นะ TT
“ลุกไหวรึเปล่า” ยูคยอมหันมาถามเพื่อนตัวเล็กที่มองข้อเท้าของตัวเองแล้วลอบกลืนน้ำลาย
“วะ...ไหวดิ งั้นเดี๋ยวแบมกลับบ้านก่อนดีกว่า” แบมแบมปฏิเสธการช่วยจากยูคยอมก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามพยุงตัวเองขึ้น
เจ็บปวดกว่านี้มีอีกมั้ยเนี่ย? Y^Y
คนตัวเล็กกัดฟันเดินกะเผลกๆ ก่อนจะเดินมาถึงหน้าบ้านเตรียมเปิดประตูออกไปเพราะข้างนอกก็เริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้เปิดประตูก็มีมือใหญ่มาวางอยู่ที่บ่าและน้ำเสียงของเพื่อนตัวใหญ่รั้งไว้เสียก่อน
“แน่ใจนะว่านายจะไปสภาพนี้ ไม่ทำแผลก่อนเหรอ?”
“แบมกลัวพี่ของยูคว่าอ่ะ เหมือนเขาจะไม่ชอบแบม”
“พี่ฉันก็เป็นแบบนั้นกับทุกคนแหละน่า นายทำแผลก่อนเถอะ” สุดท้ายแบมแบมก็ต้องเดินมานั่งแหมะที่เก้าอี้ไม้ตามแรงดึงของยูคยอม ร่างสูงเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ยิ้มมาให้ตน
“^_^”
“นายคงไม่ได้กำลังจะบอกฉันว่า ‘ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไม่เป็น’ หรอกใช่มั้ยแบม?”
“ทำไมยูคเก่งจังรู้ทันแบมด้วย!” ก็หน้าตัวเธอมันฟ้อง...
ยูคยอมถอนหายใจก่อนจะทำแผลที่เท้าให้เพื่อนตัวเล็ก...จริงสิ ก่อนหน้านั้นตอนเด็กๆ ที่แบมตกบันไดเนียร์ฮยองก็จะทำแผลให้ตลอดเลย แล้วสุดท้ายเนียร์ฮยองก็จะเป่าๆ แล้วบอกกับแบมว่า ‘ไม่เจ็บแล้วนะ’ ‘วันหลังก็อย่าเล่นซนแบบนี้อีกละ’ แล้วแบมก็มักจะได้แผลมาเป็นประจำทุกวัน...ก็เพราะชอบให้เนียร์ฮยองทำแผลให้นี่หน่า
คิดถึงจัง...
“เสร็จแล้วแบม แค่นี้เองง่ายนิดเดียว” ยูคยอมพูดแล้วเก็บอุปกรณ์ลงในกล่องพยาบาล
“ขอบใจมากนะยูค”
“นี่ฉันถามจริงๆ เถอะ นายทำอะไรเป็นบ้างเนี่ย?”
“ก็...” เถียงกับพี่บี วิ่งหนีคนรับใช้ตอนเด็ก สร้างแผนเด็ดๆ หนีออกจากปราสาท
“?”
“แบมทำอะไรไม่เป็นหรอก” แบมแบมตอบตัดบทเพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไร เขายังไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ใช่ว่าอยู่ในปราสาทแล้วมีกิจกรรมมากมายให้ทำสักหน่อย
แบมแบมมองคิมฮันบินที่เดินออกมาจากห้องครัวแล้ววางกาแฟลงบนโต๊ะกาแฟทรงสูงที่อยู่อีกมุมหนึ่งแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ ผู้หมวดแสนเย็นชากางหนังสือพิมพ์รายวันออกก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมา เมื่อนัยน์ตาคมตวัดขึ้นจากหนังสือพิมพ์แล้วมองคนตัวเล็กที่มองเขาอยู่ก่อนหน้า เจ้าของนัยน์ตากลมโตก็รีบหลบตาไปทางอื่น
“แบมว่าแบมกลับก่อนดีกว่า ขอบใจยูคมากนะ”
“อืม โชคดีนะ”
แบมแบมโบกมือลายูคยอมก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาแล้วมุ่งหน้าไปทางเดิมที่มาเมื่อวาน ดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีชาวบ้านชาวช่องออกมาเดิน และเพราะ Wolves Path เป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กับป่าต้องห้าม ทำให้คนตัวเล็กสามารถเดินมาได้อย่างสะดวกจนสุดท้ายก็เดินมาถึงหน้าทางเข้าป่า
“นี่เราต้องเข้าไปจริงๆ สินะ”
แบมแบมบอกกับตัวเองก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจับรั้วไม้กั้นป่ามือบางค่อยๆ ดันตัวขึ้น
“นาย! หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
เฮือก!!
ถึงแม้ว่าจะพึ่งเคยเจอกันเมื่อวานแต่ก็ไม่ใช่ว่าแบมแบมจะจำน้ำเสียงทุ้มหนักประจำตัวผู้พันมาร์คต้วนไม่ได้นะ T^T
“นี่นายอีกแล้วเหรอ? ถามจริงเถอะมีอะไรในป่านั่นกัน” ผู้พันมาร์คถามเสียงแข็งก่อนที่แบมแบมจะหันไปมองชายหนุ่มในชุดเสื้อกันหนาวแขนยาวสีแดง ผมสีน้ำตาลเข้มถูกเซตลงสวมทับด้วยหมวกไหมพรมสีเดียวกับเสื้อกันหนาว ใบหน้าหล่อนั่นติดแนวดุๆ เล็กน้อย
“คือ...ผม...” แบมแบมพูดไว้ได้แค่นั้นแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ นี่โดนคนเขต 5 จับได้ถึง 2 รอบ แถมคนที่ว่ายังเป็นผู้พันทหารอีกต่างหาก เลยไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงให้อีกคนเชื่อดี
“ทำไมไม่ตอบ...รึว่าอยากขึ้นศาล”
“มะ...ไม่นะครับ”
“งั้นก็ตอบมาสิ” ยิ่งผู้พันมาร์คกดดันทางสายตา คนตัวเล็กก็ยิ่งกลัวจนตัวสั่น ณ จุดๆ นี้เขาคิดถึงพี่บีเป็นอันดับแรกเลย
เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ตอบแถมกลัวจนตัวสั่น มาร์คก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วกระชากแขนอีกคนให้ลงมา
“คะ...คุณมาร์คจะพาผมไปไหน?”
“นายไม่ตอบ งั้นก็คงจะพาไปขึ้นศาล” ...อะไรๆ ก็ศาลตลอดเลยนะผู้พัน!
“ไม่เอานะครับคุณมาร์ค!”
“ฉันว่ายูคยอมปล่อยนายเป็นอิสระมากเกินไปนะ สังคมจะสั่งสอนนายเองว่าไม่ควรเที่ยวเล่นไปทั่ว”
แบมแบมพยายามขัดขืนแรงของอีกคนที่ดึงข้อมือของเขาไปเรื่อยจนขึ้นเป็นปื้นแดง พลันคนตัวเล็กก็นึกถึงคำพูดของพี่ชายใหญ่ที่เคยพูดไว้รวมถึงอาจารย์ที่เข้ามาสอนวิชาสังคมในปราสาทของเขา
‘คุกเป็นห้องที่ไว้ใช้คุมขังนักโทษที่ทำผิดทางกฎหมายร้ายแรง การปรับจำคุกนั้นก็ตามแต่คดีที่ผู้ก่อเหตุได้ทำขึ้นว่าจะร้ายแรงแค่ไหน อาจจะโดนโทษจำคุก 2 ปี 4 ปี หรือตลอดชีวิต’
‘แล้วภายในคุกมันเป็นยังไงเหรอครับอาจารย์?’
‘ก็เหมือนปราสาทของน้องแบมแต่เล็กกว่ามาก มีลูกกรงไว้ขังเราให้หนีออกไปไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้เลยแม้แต่นิดเดียว’
แบมแบมจำได้ขึ้นใจเลย...เพราะหนึ่งในสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือ ‘การที่ไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้อีก’
“ผู้พันมาร์คปล่อยผมเถอะนะครับ!!”
“อย่าดิ้นจะได้มั้ย นายจะกลัวอะไรนักหนา!”
“ปล่อยผม!! ผมบอกให้ปล่อยไง!! ปล่อยสิวะ!!”
“อย่ามาเสียงดังกับฉันนะ!! นายจะโดนข้อหาอีกหลายข้อหานะถ้ายัง…!” มาร์คหันไปตะคอกใส่อีกคนแต่เขากลับต้องชะงักเมื่อคนตัวเล็กน้ำตาไหลพราก นัยน์ตาคู่สวยแหงนมองเขา ริมฝีปากบางส่งเสียงสะอื้น แบมแบมตัวสั่นด้วยความกลัวเขารีบกระชากข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
“ฮึก...ฮือ...ยะ...อย่าเอาผม...ฮือ...ไป...ฮึก”
“นาย...”
“ผมพึ่ง..ฮือ..พึ่งจะได้...ฮึก...ฮึก...อะ...ออกมาเองนะ”
มาร์คมองอีกคนที่ร้องไห้ปานจะขาดใจ แบมแบมลงไปนั่งร้องไห้กับพื้น มือบางปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเต็มหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขากลัวเหลือเกิน...กลัวว่าจะไม่ได้ออกมาอีก ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะไม่ได้เจอพี่บี เนียร์ฮยองแล้วก็คนอื่นๆ สินะ
“คุณชายมาร์ค!!! ท่านนายพลเรียกประชุม...โอ๊ะ!”
น้ำเสียงร่าเริงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเอ่ยทักผู้พันมาดขรึม ‘แจ๊คสัน หวัง’ เพื่อนสนิทในกรมทหารของมาร์คก้มลงมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ที่พื้นอย่างงงๆ ก่อนจะมองหน้ามาร์คประมาณถามว่า ‘ทำไมวะ? อะไร?’
มาร์คถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่เขาจะถอดหมวกไหมพรมสีแดงบนหัวออกแล้วใส่ให้ร่างเล็กผมสีดำที่นั่งร้องไห้เอาแต่เช็ดน้ำตาเป็นเด็กป.1อยู่ที่พื้น เมื่อรู้สึกถึงอะไรนิ่มๆ บนหัว ร่างบางจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ก้มลงมาใกล้ๆ นัยน์ตาสวยที่แดงเล็กน้อยจากการร้องไห้มองใบหน้าหล่อนิ่ง ขณะที่ผู้พันมาร์คก็ทำการจัดหมวกไหมพรมสีแดงนั่นให้เข้าที่
“ให้ตายเถอะนายนี่...จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้นเพื่อให้ฉันเห็นใจด้วยรึไง”
“ผม...ไม่ได้ต้องการที่จะให้คุณมาร์คเห็นใจสักหน่อยครับ”
“งั้นก็อย่าร้องไห้สิ” มาร์คสบตากับคนตัวเล็กที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว จนกระทั่งแบมแบมต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง ถึงจะเป็นสถานการณ์ย่ำแย่ แต่หัวใจของเขากลับเต้นไม่เป็นส่ำ
“หยุดร้องซะแล้วรีบไปหน้าธรรมเนียบ ท่านจอมพลมีประชุมกับประชาชนเช้านี้ตอนเจ็ดโมง ถ้าฉันไม่เห็นหน้านายเช้านี้เตรียมขึ้นศาลได้เลย” มาร์คพูดกำชับดุๆ ก่อนที่เขาจะเดินนำแจ๊คสันออกไป ยังไม่วายที่เพื่อนขาสั้นอย่างแจ๊คสันจะมองผู้พันเดินออกไปอย่างงงๆ แล้วหันมาโบกมือให้แบมแบม ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปตาม
แบมแบมนั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่คนตัวเล็กจะพยุงตัวเองขึ้น แล้วปัดฝุ่นที่เปรอะตามเสื้อและกางเกง เขาเลยพึ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมหยิบผ้าคลุมที่ทิ้งไว้ในบ้าน 7/5 Wolves Path ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินกลับไปที่กระท่อมที่อยู่ไม่ไกลมากนัก มีเวลาอีกเยอะพอที่จะให้เขาเดินไปเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้ากระท่อม
ร่างบางหยิบตลับนาฬิกาพกสีเงินประจำราชวงศ์ที่ติดตัวมาด้วยขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่าเป็นเวลา 05.50 น. แล้วร่างบางจึงเคาะประตู
“อ้าว แบมแบม พอดีเลย นายลืมของน่ะ”
ยูคยอมยกผ้าคลุมสีน้ำตาลตัวบางขึ้นแล้วยื่นให้ร่างเล็ก แบมแบมรับมาก่อนจะขอบใจ
“คือยูค...วันนี้ตอนเช้าแบมคงจะหนีไปไม่ได้อ่ะ”
“หืม? ทำไมล่ะ?”
“แบมเจอผู้พันมาร์คตอนกำลังจะข้ามรั้วทางเข้าป่า คุณมาร์คเค้าเลยบอกกับแบมว่าถ้าไม่เจอแบมหน้าธรรมเนียบวันนี้ตอนเจ็ดโมง...เอ่อ...”
“อ่าห๊ะ ฉันเข้าใจละ งั้นเดี๋ยวออกไปด้วยกันมั้ย พอดีฉันต้องออกไปซื้อของมาทำอาหารเช้านี้เหมือนกัน รึนายอยากจะอยู่ในบ้าน?”
“ไม่อ่ะ แบมว่าแบมไปด้วยดีกว่า แล้ว...ฮันบินฮยองล่ะ?”
“รายนั้นอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จก็หลับไปแล้ว สงสัยจะเหนื่อยน่ะ ประชุมข้ามวันข้ามคืนเลยนี่นา” แบมแบมพยักหน้ารับทราบ จะว่าไปทำไมเขาไม่ง่วงแบบคนอื่นบ้างนะ ก็เดินข้ามเมืองข้ามวันมาเหมือนกันนะเนี่ย
“ว่าแต่แบม...หมวกของใครน่ะ?” ยูคยอมถามเมื่อเห็นหมวกไหมพรมสีแดงบนหัวคนตัวเล็ก
“เอ่อ...ของ...ของแบมเองแหละ แบมพกมาด้วยอ่ะ แต่ไม่ค่อยได้ใส่”
“อ้อ...อืม” ยูคยอมเออออกับอีกคนก่อนที่เขาจะหยิบเสื้อคลุมตัวหนาสีน้ำตาล แล้วผูกเชือกรองเท้าหนังให้เรียบร้อย เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงหันไปบอกกับแบมแบม “ไปกันเถอะ”
คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วเดินนำออกไปก่อน จังหวะเดียวกับที่ร่างสูงเหลือบเห็นตัวหนังสือสีดำที่เขียนอยู่บนกระดาษใบเล็กที่ติดเย็บแนบไปกับหมวกทางมุมซ้ายล่างด้านหลังของหมวก
‘Mark’
“แบมทำอาหารเป็นมั้ย?” ยูคยอมถามเพื่อนตัวเล็กที่ดูจะตื่นเต้นกับการมาเดินตลาด ก่อนที่แบมแบมจะตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง นัยน์ตาสวยมองร้านโน้นทีร้านนี้ทีอย่างตื่นเต้นดีใจ
“แบมทำไม่เป็นหรอก แต่แบมกินเก่งนะ” ...โอเค ประโยคหน้ายูคยอมเข้าใจ แต่ประโยคหลังยูคยอมยังไม่ได้ถามออกไปเลยนะ
คนตัวสูงพาคนตัวเล็กเดินไปทั่วตลาด แบมแบมมักจะถามตลอดว่า ‘อันนั้นคืออะไร?’ ‘แล้วอันนี้ล่ะ?’ ‘ไอ้เขียวๆ นั่นมันอะไร?’ ‘อันนี้ก็เหมือนกันกับอันนั้น แล้วทำไมราคาไม่เท่ากัน?’ จนยูคยอมปวดประสาทไปหมด เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคุณแม่ที่พาลูกมาเดินตลาดซื้อข้าวสารอาหารผักปลา เพราะแบมแบมดูมีความสุขกับการมองนู่นมองนี่ในตลาดเหลือเกินจนยูคยอมไม่อยากขัดอารมณ์ที่เหมือนเด็กน้อยมองโลกกว้างแบบนั้น
“ยูคๆๆ แบมอยากกินอันนั้น”
แบมแบมชี้ไปที่อมยิ้มรูปหัวใจสีชมพูเสียบไม้ที่ดูไปดูมาแล้วน่ากิน ยูคยอมอดหัวเราะไม่ได้ที่แบมแบมอยากกินขนมเด็กจำพวกนี้
“แบมอยากกินอมยิ้มเหรอ?”
“อื้ม! ยูครอแบมอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวแบมเดินไปซื้อก่อน”
“แบมมีเงินเหรอ?” ยูคยอมมองคนตัวเล็กที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาจะพุ่งไปซื้ออมยิ้มท่าเดียว
“มีดิ! รอแป๊ปนึงเดี๋ยวแบมไปซื้อก่อน เดี๋ยวกลับมา” แบมแบมเดินละลิ่วออกไปซื้อลูกอม เห็นแบบนี้แต่แบมก็รู้เกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอยนะ เพราะเอาแต่อยู่ในปราสาทเลยไม่มีอะไรให้ทำมาก แบมแบมก็เลยตั้งใจเรียนเป็นธรรมดา รู้ด้วยว่าเหรียญทองหนึ่งเหรียญเท่ากับเหรียญเงินของชาวบ้านธรรมดาถึงห้าเหรียญ!
แบมแบมยืนอยู่หน้าร้านขายอมยิ้ม คนตัวเล็กมีความสุขกับการเลือกอมยิ้มแล้วเลือกไปยิ้มไป จนป้าเจ้าของร้านยิ้มให้อย่างเอ็นดู สุดท้ายร่างบางก็เลือกมาได้ 5 อัน ก่อนจะมองป้ายราคาที่เขียนไว้ว่า ‘1 เหรียญเงิน’ แบมแบมจึงหยิบเหรียญทองขึ้นมาหนึ่งเหรียญแล้วยื่นให้แม่ค้า
คนเป็นแม่ค้าเมื่อได้เหรียญทองมาอยู่ในกำมือก็มองมาทางแบมแบมเหมือนจะสื่อว่า ‘Oh My God!’ แต่ร่างบางก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายก่อนจะเดินออกมา
“ทำไมเลือกนานจัง?” ยูคยอมเอ่ยถามแบมแบมเดินถืออมยิ้มมาอย่างชื่นบาน
“ก็แม่ค้าอ่ะดิงงไรไม่รู้...ช่างมันเถอะ แล้วยูคซื้อของเสร็จรึยังอ่ะ?”
“อื้ม เสร็จแล้ว”
“โอเค งั้นกลับกันเถอะเนอะ ป่านนี้ฮันบินฮยองคงจะหิวแล้ว”
“แหนะ...คิดไรกับพี่ฉันป่ะเนี่ย? อยู่ๆ มาฮันบินฮยอง” ยูคยอมแซวอีกคนยิ้มๆ จนร่างบางหน้าขึ้นสีขึ้นมาเพราะน้ำเสียงชวนอ้วกของอีกคน
“แหวะ! จะบ้ารึไง แบมแค่กลัวว่าพี่ของยูคจะหิวเพราะยูคบอกว่าเขาประชุมจนไม่ได้หลับได้นอนไม่ใช่รึไง”
“โอเคๆ ฉันแค่ล้อเล่นหรอกน่า...ทำเป็นเขินไปได้”
กว่าที่ยูคยอมจะทำอาหารเสร็จได้...
เล่นปาไป 06.30 น. เลยเวลาที่ตั้งไว้มาตั้ง 5 นาที เพราะมีแบมแบมตัวป่วนมาคอยวนเวียนถามว่า ‘แบมอยากทำอาหาร ยูคสอนหน่อยสิ’ จะขัดใจบอกให้ไปรอข้างนอกเจ้าตัวก็โวยวายยกใหญ่ เลยต้องเรียกให้มาทำตัวกัน พอแบมแบมผัดข้าวเป็นคนตัวเล็กก็ได้ใจใหญ่ คิดเมนูออกมาเองซะเลย
หนักใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว...โอ๊ย~ ยูคเพลีย
“คิมยูคยอม นั่นอะไร” คิมฮันบินถามถึงอาหารตรงหน้า ทีแรกตอนตื่นขึ้นมาแล้วเจอแบมแบมก็เหมือนเจ้าตัวจะแปลกใจและมองมาอย่างจับผิด ยูคยอมเลยต้องอธิบายให้อีกคนฟังว่าสนามบินมันปิดเพราะเช้านี้ตอนเจ็ดโมงมีประชุมคนเขต 5 หน้าธรรมเนียบ แบมแบมเลยจำต้องไปด้วย
“เอ่อ...คือ...”
ยูคยอมเหล่ตามองแบมแบมที่ทำหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘อย่าพูดว่าแบมทำนะ’ เพราะอาหารอย่างที่ว่าคนตัวเล็กเอาข้าวผัดปนกับเส้นมาม่าใส่ทั้งผักหลายชนิด แล้วก็พริกไทยลงไปด้วยนะ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ...แบมยังไม่ได้ลองชิมเลย
“เป็นเมนูใหม่น่ะพี่ ผมไปซื้อมาจากแม่ค้าที่เปิดร้านใหม่ เห็นเค้าบอกว่าอร่อย” ยูคยอมโกหกกลบเกลื่อนแล้วเขาก็ต้องผ่อนลมหายใจเมื่อฮันบินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วสนใจเมนูอื่นต่อ
แบมแบมตักข้าวเข้าปากพลางมองคนที่นั่งถัดไปทางซ้ายมือเยื้องๆ กับเขาหน่อย ร่างบางแอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อผู้หมวดหน้านิ่งตักเมนูประหลาดนั่นใส่จานแล้วทานเข้าไป แต่แทนที่อีกคนจะแสดงสีหน้าหรือพูดอะไรบ้าง ฮันบินกลับทำหน้าตาเฉยๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับกับข้าวที่ทานไป
เชอะ!...ผู้หมวดหน้านิ่งเอ๊ย
ทั้งสามคนกินกับข้าวนู่นนี่นั่นกันจนอิ่มก็ได้เวลา 06.40 น. ฮันบินก็ปลีกตัวออกจากบ้านไปก่อนเพราะท่านนายพลเรียกพบ ซึ่งยูคยอมกับแบมแบมก็ค่อยเดินออกไปตอน 06.45 น. ร่างสูงพาแบมแบมเดินไปจนถึงหน้าธรรมเนียบที่มีผู้คนยืนเบียดเสียดกันมากมาย แบมแบมดูตื่นเต้นไม่ใช่น้อยที่ได้เห็นประชากรเขต 5 มากมายขนาดนี้ นี่มันเยอะกว่าในตลาดอีกนะเนี่ย
ร่างบางเงยหน้ามองขึ้นไปบนเวทีหน้าธรรมเนียบ เสียงเพลงประจำเขต 5 ดังขึ้นบ่งบอกถึงเวลาเจ็ดโมงตรง ผู้คนมากมายที่มายืนเงียบสงบแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปบนเวที แบมแบมส่งเสียง ‘เฮ้ย!’ เล็กน้อยจนคนรอบข้างหันมาทำหน้าดุใส่ รวมถึงยูคยอมที่เอามือกุมขมับ คนตัวเล็กมองเห็นผู้พันมาร์คต้วนในชุดสูทที่ไม่เป็นทางการมากนักเพราะไม่มีเสื้อคลุมตัวนอก รวมถึงผู้หมวดคิมฮันบินที่ไม่รู้ว่าใส่อะไรมาเพราะเขาสวมเสื้อคลุมที่เขียวเข้มที่เหมือนทีมสำรวจในเรื่องไททันยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก่อนที่ท่านนายพลจะเดินขึ้นมาบนเวที แบมแบมถึงกับเกรงตัวโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว
ท่านนายพลพูดอะไรบางอย่างซึ่งแบมแบมก็ไม่ค่อยได้ฟังอะไรมาก รู้แค่ว่าท่านนายพลชื่อ ‘บังยงกุก’ ก็เท่านั้น ส่วนมากนายพลบังก็จะพูดถึงในเรื่องการตลาด เศรษฐกิจ และเทศกาลอะไรสักอย่างของเขต 5 ยอมรับเลยว่าแบมแบมเบื่อมาก เขาเหลือบตามองผู้พันมาร์คที่ยืนอยู่บนเวทีทางซ้ายมือ เหมือนว่าอีกคนจะเห็นเขา ผู้พันหน้าหล่อเลยยักยิ้วแล้วยิ้มมุมปากมาให้
ตึกตัก ตึกตัก
โอ๊ย~ แบมแบมหัวใจเต้นแรง TvT
ท่านนายพลพูดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึง 08.00 น. การประชุมประจำเขตจึงเลิก ยูคยอมลากแบมแบมให้เดินออกมาจากหน้าธรรมเนียบ คนตัวเล็กโดนคนโน้นชนทีคนนี้ชนทีจนเกือบล้ม แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปได้ไกล คนตัวเล็กก็ต้องตกใจกับเสียงแจกันแตกและเสียงผู้หญิงแว้ดๆ ข้างๆ
เพล้ง!
“นี่แก! แกเดินชนฉัน! เห็นมั้ยว่าแจกันฉันแตก นี่แกรู้มั้ยว่ามันราคาเท่าไหร่?!!” เสียงแว้ดของเจ้าหล่อนทำให้ประชาชนทุกคนหันมอง แน่นอนว่ารวมไปถึงสายตาของท่านนายพลและผู้พัน ผู้หมวดบนเวที และนายทหารที่อยู่รอบเวที
แบมแบมมองไปที่เจ้าหล่อน เช่นเดียวกับสายตาเจ้าหล่อนที่มองมาทาง...เขา?
ไรแฟร้?!~ แบมไปชนตัวเธอตอนไหนกันห๊ะ?!
“ผมเหรอ?” เพื่อความแน่ใจแบมแบมถามเจ้าหล่อนเจ้าปัญหา แล้วเอานิ้วชี้ที่ตัวเอง
“ก็แกน่ะสิ! เห็นมั้ยว่าแจกันของฉันแพงแค่ไหน แล้วทีนี้แกจะชดใช้ยังไง?! บอกมาว่าจะชดใช้ยังไง?!!”
“ผมมีเงินนะ บอกมาสิว่าเท่าไหร่”
“นี่แกจะเอาเงินฟาดหัวฉันเหรอ?!” ...เอ้า! T^T ก็พี่สาวถามแบมเองว่าจะชดใช้ยังไง
“คือ...ผมไม่ได้”
เพียะ!!
แบมแบมเบิกตากว้างอย่างตกใจ คนตัวเล็กหันมองหญิงสาวตรงหน้าที่เพิ่งประทับฝ่ามือลงบนหน้าเขา เด็กชายอายุ 17 ปีก้มหน้าหงุด เขาไม่เคยได้รับความรุนแรงขนาดนี้ พี่บีกับเนียร์ฮยองยังไม่เคยทำแบบนี้กับแบมเลยนะ...แล้วเธอเป็นใครกัน
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นดังมาจากทางหน้าเวที เสียงนั่นดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับเจ้าของรองเท้าหนังค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ ประชากรทุกคนแหวกทางให้เขาจนกระทั่งคิมฮันบินมาหยุดยืนอยู่ระหว่างหญิงสาวอารมณ์เดือดกับเด็กหนุ่มผู้ถูกว่าอ้าง นัยน์ตาคมนั่นตวัดมองหญิงสาวผู้นั้น ก่อนที่จะมองแบมแบมที่เอาแต่ก้มหน้า
“เงยหน้า”
แบมแบมไม่ได้ตอบอะไรผู้หมวดของเขต 5 เขาเอาแต่ก้มหน้าเอามือกุมแก้มที่ถูกตบนิ่ง ทั้งช็อกทั้งตกใจ...เขาทำอะไรผิด?
“ฉันบอกให้เงยหน้าไง!”
“…”
“แบมแบม!!” คิมฮันบินเชยคางของแบมแบมให้เงยขึ้น คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นตามแรงดึง นัยน์ตากลมโตเหม่อลอย มุมปากบางแดงช้ำมีเลือดไหลมาจนถึงแนวคาง
ฮันบินเงียบนิ่ง ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยออกมาจากปากของผู้หมวด
“ธนู”
“…”
“พรุ่งนี้จะมีการแข่งธนูที่ลานกลางแจ้งด้านตะวันตก! ทุกคนในเขตต้องไป...และนี่คือคำสั่ง!!”
ฮันบินพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป ประชากรทุกคนรวมถึงสาวเจ้าเจ้าของแจกันที่แตกก็เดินออกไป โดยที่ยังฝังคำพูดไว้ให้คิดว่า ‘ฉันไม่แพ้แกแน่!’ แต่ณ จุดๆ นั้นร่างบางไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป เขายืนเงียบนิ่งอยู่ที่เดิม ขาเรียวไม่ได้ขยับไปไหน ต่อให้คิมยูคยอมพยายามเรียกและดึงร่างบางให้เดินกลับบ้าน แบมแบมกลับไม่ได้ทำตามง่ายแบบนั้น ร่างสูงเลยยืนจ้องร่างบางตรงหน้าเงียบๆ แทนกระทั่งทุกๆ คนเดินออกไปกันหมด
ยูคยอมไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยอะไร เขายืนอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเสียงหวานเบาหวิวราวกับสายลมฉุดร่างสูงให้ฟัง
“...ทำไม?”
“…”
“ไม่...ไม่เคย”
“แบม?”
หมับ!
แบมแบมกอดคนตรงหน้าแน่น ยูคยอมได้แต่ยืนนิ่งมองคนตัวเล็กที่โผลกอดเขา ร่างบางไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้สะอื้น คนตัวสูงก็ไม่ได้กอดตอบ ได้แต่ฟังอีกประโยคหนึ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา
“ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉัน แม้แต่พี่บีแล้วก็เนียร์ฮยอง” สรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองเปลี่ยนไป สายตาคมมองคนตัวเล็กที่กอดเขาแน่นอย่างงงๆ
ทำไมเขาถึงรู้สึก ว่าคนตรงหน้านี้ไม่เหมือนคนอื่นๆ
มันเหมือนกับ ลูกคุณหนูที่เอาแต่ใจ ไร้เดียงสาต่อโลกภายนอก
เหมือนกับว่า แบมแบมไม่ใช่แค่เพียง ‘สามัญชนคนธรรมดา’ แบบที่เขาคิดไว้แต่แรกเลย...ไม่ใช่เลย
--------------------TBC------------------------
Spoil :: FSK 3
“แบมยิงธนูเป็นเหรอ?”
“เป็นดิ”
“ฉันขอเตือนแบมไว้เลยนะว่าคนเขต 5 เก่งธนูมากกกก”
“เถอะน่า~ คอยดูแล้วกัน เรายิงธนูเก่งนะ”
ความคิดเห็น