คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : FSK : 18
18
ร่างบางยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเก่าๆ
อยู่นานอย่างเหม่อลอย มือบางค่อยๆ
เอื้อมไปเปิดตู้แล้วหยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาทีละตัวๆ ก่อนจะโยนทั้งหมดลงเตียง
แบมแบมรู้สึกว่างเปล่าไปหมด ในหัวของเขาไม่เหลืออะไรเลย คนตัวเล็กพยายามดึงสติตัวเองกลับมาก่อนจะยัดเสื้อผ้าลงในกระเป๋าเดินทางที่จองกุกให้มาเมื่อครั้งที่แล้ว
‘ใช่...กูรู้’
‘…’
‘แบมแบม…เมอร์รี่คริสต์มาสนะ’
“ไม่ๆๆ!...ฉันต้องไม่คิดถึงเรื่องนั้น...บอกว่าไม่ไงแบมแบม!” ร่างบางทึ้งและสะบัดหัวตัวเองจนยุ่งไปหมด
คนตัวเล็กยัดเสื้อผ้าของตัวเองลงกระเป๋าโดยไม่คิดจะพับให้มันเรียบร้อยเลยสักนิด
...เอาล่ะ
มีอะไรอีกบ้างนะ...
แบมแบมหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงแล้วยัดลงในกระเป๋ากางเกง
มือบางหยิบที่จับกระเป๋าเสื้อผ้าก่อนจะลากลงจากเตียงแล้วเข็นเดินออกจากห้องและตัวบ้าน
นัยน์ตากลมมองซ้ายมองขวาก่อนที่แบมแบมจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหารายชื่อของจองกุก
[ฮัลโหล...แบมแบม?]
“จองกุก มารับฉันทีได้มั้ย?”
[รับไปไหน?]
“กลับเขต 7”
[หือ ไมอ่ะ?]
“ฉัน...เดี๋ยวเล่าให้ฟังได้มั้ย เอาเป็นว่ามารับฉันหน่อย”
[อ่าๆ โอเคๆ งั้นเดี๋ยวส่งฮอ.ไปรับนะ แต่นายช่วยไปที่ไกลๆ
ผู้คนหน่อยได้มั้ย นี่ก็ตีห้าแล้วฉันกลัวคนอื่นแตกตื่น]
“ได้ งั้นหลังป่าแล้วกันนะ” แบมแบมกดวางโทรศัพท์เมื่อจองกุกตอบเสียงโอเคเป็นการรับรู้ว่าจะไปถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
มือบางจับที่ลากกระเป๋าแล้วกระชับเสื้อคลุมสีแดงเดินฝ่าหิมะที่ตกลงมาจางๆ
ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางคลินิกไม้ของดงฮยอกที่พอทะลุออกจากป่าไปจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างไร้ผู้คนเหมือนครั้งที่เขาหนีออกมา
“แบมแบม” เจ้าของชื่อหันไปข้างหลังตามเสียงเรียกก่อนจะพบกับร่างสูงของจุนฮเวในเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ที่สูงจนมิดคอ
“ย้ายบ้านเหรอ?”
...เป็นคำถามที่ให้อารมณ์เหมือนคนเร่ร่อนไม่มีที่ไปอย่างไรอย่างนั้น...
...แต่ก็อาจจะจริงก็ได้นะ...
“อ่า...คือ...คงงั้นมั้ง”
“คงงั้นอะไรกัน นายกำลังจะไปไหน?”
“กลับเขตตัวเองไง”
“ทำไมอ่ะ?” จุนฮเวถามด้วยน้ำเสียงทะเล้นแปลกๆ
แต่ใบหน้าของเขากลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
แบมแบมรู้ว่าจุนฮเวรู้สึกไม่โอเคกับการตัดสินใจของเขา
“ฉันไม่เหมาะกับที่นี่หรอก”
“เพ้อเจ้อน่า นายเหมาะกับที่นี่จะตาย
รู้มั้ยว่านายทำให้แม่ค้าในตลาดเอ็นดูขนาดไหน ขนาดเซโล่เจ้าของร้าน Sebastein
Suit ยังเคยพูดถึงนายบ่อยๆ เลย แถมนายก็ยังเป็นเพื่อนของฉันอีก
มีทั้งผู้พันมาร์ค ทั้งคนอื่นๆ ที่ชอบในตัวนายนะ”
“แต่ก็มีคนที่ไม่ชอบในตัวฉันนี่”
“แล้วนายจะไปแคร์ทำไมล่ะ?”
“…”
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีแต่คนรักเราทั้งหมดน่ะ
อย่างน้อยฉันก็รักนายนะแบมแบม”
ร่างบางเงยหน้ามองจุนฮเวที่ยิ้มมาให้เขาเพื่อต้องการให้เขาอยู่ต่อ
แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ
“มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวนะ แต่ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกจุนฮเว” แบมแบมเม้มปากแน่นก่อนที่จะพูดออกมา “ฉันสูญเสียความรู้สึกดีจากโลกภายนอกไปส่วนหนึ่งเพราะโดนตามล่าและโดนทำร้าย
ฉันเสียความไว้วางจากและความเชื่อใจจากคุณหมอดงฮยอก
ฉันเสียความรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกที่โดนคุณคังเซนาตบโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
และฉันเสียทุกๆ อย่างให้กับคุณคิมฮันบินคนที่ฉันคิดว่าเขาอยู่ข้างฉันมาโดยตลอด”
“…”
“บางทีฉันก็คิดนะว่าการที่กลับไปอยู่ Forsaken Area นี่มันก็ดี
เขตที่ถูกลืมเลือนกับคนที่ควรถูกลืมไปมันก็เหมาะกันดี
บางทีถ้าไม่มีฉันกองกำลังทิฟจะได้ไม่ต้องหาตัวฉันให้เสียเวลาเปล่า เขต 5
อาจจะสงบสุขกว่านี้ถ้าไม่มีตัวปัญหาอย่างฉันเข้ามายุ่งเกี่ยว”
“แต่นายไม่ใช่ตัวปัญหาสำหรับฉันนะแบมแบม”
“ใช่สิ ฉันเป็นสาเหตุทำให้นายถูกต่อยนะ ฉันเป็นสาเหตุทำให้นายโดนยิงด้วย
เป็นสาเหตุที่ทำให้คนอื่นๆ
แอนตี้นายเพียงเพราะนายเป็นเพื่อนกับศัตรูแบบฉันใช่มั้ยล่ะจุนฮเว”
“…”
“ฉันถึงบอกไงว่าฉันไม่เหมาะกับโลกภายนอกอย่างที่พี่ของฉันบอกจริงๆ”
“แบมแบม...”
“อย่ามองหน้าฉันนะ ฉันไม่เป็นไร”
แบมแบมพยายามปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะเงยหน้าแล้วมองจุนฮเวที่มองเขาอยู่ก่อน
ร่างสูงโผเข้ากอดอีกคนแน่นเช่นเดียวกับแบมแบม
“ฉันเข้าใจนายนะ แต่...นายจะไปจริงๆ เหรอแบมแบม? อยู่ต่อก็ได้นะ”
“ขอโทษนะ แต่ฉันคงไม่กลับมาอีกแล้วล่ะ” ประโยคสุดท้ายทำให้จุนฮเวกอดอีกคนแน่นขึ้นไปอีก
ความอบอุ่นนั่นทำให้แบมแบมเผลอปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอีกครั้ง
“ฉันต้องคิดถึงนายมากแน่ๆ”
“ฉันก็เหมือนกัน” แบมแบมปล่อยให้จุนฮเวกอดไปสักพักก่อนจะทุบหลังอีกคนเพื่อเป็นการบอกว่าให้ปล่อยเขาได้แล้ว
ร่างบางหยิบนาฬิกาพกที่มีรอยแตกร้าวของกระจกก่อนจะเพ่งมองเลขให้ชัดๆ
ว่ามันกี่โมงแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล
คนตัวเล็กส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะโยนมันไปหลังป่าท่ามกลางความงงและตกใจของจุนฮเว
“เฮ้ย! นายทำอะไรน่ะ?!”
“ทิ้งความทรงจำเอาไว้ไง เป็นที่ระลึกว่าฉันเคยมาที่นี่”
“ครั้งหน้าก็เอาไว้ให้ฉันก็ได้นะ”
“ฮ่าๆ ไม่ทันแล้วล่ะ และคงไม่มีครั้งหน้าด้วย” แบมแบมยิ้มให้จุนฮเวอีกครั้งก่อนที่จะบอกลาอีกคน
“ฉันคงต้องไปแล้วล่ะจุนฮเว โทรมาหาฉันก็ได้นะ
ฉันจะรอสายจากนาย”
“งั้นฉันจะรอนายรับสายนะ”
“บ๊ายบายนะ จุนนี่”
“ถ้าพูดอีกครั้งฉันไม่ให้ไปนะ ให้นอนตายอยู่ตรงนี้แหละ”
“ใจร้าย ฮ่าๆๆ” แบมแบมมองหน้าร่างสูงก่อนที่จะหัวเราะด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เป็นการจากมาที่ดีหรือเปล่านะ นี่ถือเป็นความทรงจำที่ดีแล้วหรือยังสำหรับที่นี่?
ร่างบางเหลือบมองผ่านหลังจุนฮเวไปก่อนจะเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใครบางคนกำลังเดินตรงมา
ร่างโปร่งที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับแบมแบม
ดูเหมือนอีกคนก็ตกใจไม่ต่างกันที่เห็นเขา
ผู้พันมาร์คมองกระเป๋าใบเขื่องสลับกับแบมแบมและขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ร่างบางรีบกระชับที่ลากกระเป๋าแน่นก่อนจะพูดบอกลากับจุนฮเวแล้วรีบวิ่งเข้าไปในป่าโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงเรียกของมาร์คเลยสักคำ
ร่างบางยังคงลากกระเป๋าแล้ววิ่งฝ่าต้นไม่และใบไม้ไปเรื่อยๆ
โดยที่มาร์คก็ยังคงวิ่งตามมา
“แบมแบม!...แบมแบมนายจะไปไหน?! นายจะหนีทำไม? หยุดก่อนสิแบมแบม!” ร่างบางวิ่งลากกระเป๋าจนมาถึงทุ่งหญ้าสีทองกว้างที่เขาจำได้ว่าเคยขึ้นแฮลิคอปเตอร์ของเพื่อนแจ๊คสันตรงนี้
อาจเป็นเพราะกระเป๋าที่ลากมาด้วยมันหนักหรือเพราะผู้พันมาร์ควิ่งไวอีกคนเลยจับมือเขาที่ลากกระเป๋าอยู่ได้ทัน
“นายจะฟังฉันได้รึยัง?” แบมแบมไม่กล้าหันกลับไปมองอีกคนเลย
ร่างบางยังคงหันหลังให้มาร์คในขณะที่ร่างโปร่งก็ได้แต่พูดต่อไป “นายจะหนีไปไหนน่ะ นายหนีความจริงไม่ได้นะ”
“ขอโทษนะครับที่แบมขี้ขลาดที่จะเผชิญหน้ารับความจริงแบบนี้”
“นายจะไม่บอกลาอะไรฉันสักคำเลยเหรอ”
“เดี๋ยวแบมก็กลับมา”
“โกหก...ไม่งั้นนายจะหนีฉันทำไม
ฉันเคยบอกไม่ใช่เหรอว่านายโกหกไม่เก่งเลย”
“…”
“ทำไมล่ะแบมแบม
ทำไมถึงต้องไปล่ะ”
“แบมแค่นอนไม่หลับเพราะมันต่างถิ่น”
“หาเหตุผลที่ดีกว่านี้เพื่อโกหกฉันไม่ได้แล้วเหรอ” มาร์คกระชากกระเป๋าเดินทางของแบมแบมมาไว้ในมือของตัวเอง
ก่อนจะดึงให้แบมแบมหันหน้ามาเผชิญหน้าของเขา
ในนัยน์ตากลมนั้นมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ “บอกฉันทีว่านายจะอยู่ต่อข้างๆ
ฉัน”
“มาร์คฮยอง...”
“บอกฉันทีว่านายจะไม่ทิ้งฉันไปไหน”
“มาร์คฮยอง...”
“…”
“ยังไงแบมก็อยู่ที่นี่ไม่ได้”
“...”
“จริงอยู่ที่ว่าที่นี่ก็มีความทรงจำดีดี
มีสิ่งที่ทำแล้วให้ความรู้สึกสนุกอย่างลานยิงธนู
มีคนที่ทำให้รู้สึกอยู่ด้วยแล้วมีความสุขอย่างยูคยอมกับจุนฮเว
มีคนที่ทำให้รู้สึกว่าแบมไม่มีทางอยู่คนเดียวแบบมาร์คฮยองและฮันบินฮยอง”
“…”
“แต่ในเมื่อแบมจากมา
ยังไงก็ต้องมีวันหนึ่งที่แบมต้องกลับไป”
“…”
“และแบมก็ไม่รู้ว่าถ้าอยู่ที่นี่แบมต้องเจอกับอะไร
มีอะไรที่ทำให้รู้สึกอยากร้องไห้อีกมั้ย
มีสิ่งให้ความรู้สึกว่าถูกหักหลังจากคนที่รักอีกหรือเปล่า
รู้เพียงแต่ว่า...แบมไม่โอเคเลยถ้าจะต้องอยู่ที่นี่แล้วกังวลเกี่ยวกับวันรุ่งขึ้น
สู้ไปอยู่ที่ Forsaken Area แล้วไม่ต้องคิดอะไรเลยไม่ดีกว่าเหรอ
อยู่ในที่ที่รู้ว่ายังไงก็ปลอดภัยและไม่มีใครมาทำอะไรได้แบบนั้นมันคงจะดีกว่า”
“แล้วนายเคยคิดรึเปล่าว่าฉันจะรู้สึกยังไงถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าไม่มีนายอีกต่อไป”
“…”
“ความทรงจำที่ฉันเสียให้นายไปมันไม่ใช่น้อยๆ
เลยนะแบมแบม...พอๆ กับความรู้สึกที่ฉันเสียให้กับนายนั่นแหละ
แต่ถึงมันจะมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เคยเสียใจที่เสียมันให้กับนายนะแบมแบม”
“…”
“นายเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันทึ่งกับฝีมือการยิงธนูของนาย
เป็นคนแรกที่ฉันคิดว่าบริสุทธิ์และไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝงในการเข้าหาคนอื่น
แตกต่างกับจินฮวานโดยสิ้นเชิง”
“…”
“พอฉันรู้แบบนั้นแล้วฉันเลยอยากรู้จักนาย
ฉันรู้สึกว่ารอยยิ้มของนายมันสวยมากๆ
รู้สึกว่าเวลาที่นายทำอะไรไม่เป็นมันน่าเข้าไปช่วยเหลือ
รู้สึกว่าทุกครั้งที่นายไม่รู้จักนู่นนี่นั่นแล้วถามฉันด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาแบบนั้นมันน่ารักมาก
รู้สึกว่าเวลานายร้องไห้มันทำให้ฉันอยากเข้าไปเช็ดน้ำตาให้แล้วกอดนายไว้แน่นๆ
รู้สึกว่านายเป็นคนแรกที่ฉันสามารถรักได้...โดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไรเลย”
“…”
“ฉันรักนายมากแบมแบม
และทุกๆ วันฉันก็รักนายให้เหมือนกับว่าฉันกำลังจะเสียนายไป
จนถึงวันที่ฉันต้องเสียนายไปจริงๆ” แบมแบมพยายามกลั้นเสียงร้องไห้
ร่างบางส่ายหน้าเพราะไม่อยากให้อีกคนพูดมันออกมาอีก เขากลัวว่าเขาจะไม่กล้าจากไป
เขากลัวว่าเขาจะต้องไปทั้งๆ กับความรู้สึกคิดถึงแบบนี้
ร่างบางโผเข้ากอดอีกคนเช่นเดียวกับมาร์คที่ก็กอดแบมแบมตอบ
“พอแล้ว...
ฮึก ไม่เอาแล้ว...แบมรู้แล้วมาร์คฮยอง แบมรู้แล้ว”
“ฮึก...แบมแบม...แบมแบม”
“แบมก็รักมาร์คฮยองนะ
รักมาร์คฮยองมากเหมือนกัน...ตะ...แต่แบมห้ามให้ตัวเองไม่ไปไม่ได้หรอก” แบมแบมค่อยๆ ดันมาร์คออกจากตัวเองช้าๆ
แล้วมองเข้าไปในดวงตาของร่างสูงที่ก็มีน้ำตาไหลเอ่อออกมา “ขอโทษที่แบมทำให้มาร์คฮยองเจ็บนะ...แต่...”
“…”
“ให้แบมเป็น
Forsaken Area ในใจของมาร์คฮยองเถอะนะ” แบมแบมคว้ากระเป๋าลากจากมือมาร์คก่อนที่จะเดินไปทางเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาพร้อมกับจองกุกที่ยืนเรียกแบมแบมอยู่บนเครื่อง
“แบมแบม!”
ร่างบางหันหน้าไปหามาร์คที่เรียกเขาก่อนจะเดินเข้ามาหา ร่างโปร่งจับท้ายทอยและแก้มของอีกคนให้เข้ามาใกล้ๆ
ริมฝีปากหนากดลงบนริมฝีปากบางแนบแน่นก่อนที่จะส่งลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปาก
เนิ่นนานเหมือนเวลาเคลื่อนไปช้าๆ ก่อนที่มาร์คจะถอนจูบออกแล้วมองหน้าแบมแบมใกล้ๆ
“อย่าลืมฉันนะ”
แบมแบมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่ร่างบางกลับตัดบทโดยการเดินผละออกมาแล้วส่งกระเป๋าให้จองกุกก่อนจะก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปโดยไม่หันกลับไปมองมาร์ค
เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ
ขับขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงของมาร์คที่ตะโกนแข่งกับเสียงของฮอ.
“นายจะไม่ใช่
Forsaken Area ของฉัน!!”
“ฉันจะไม่มีวันลืมนาย!
ได้ยินมั้ยแบมแบม?!”
ฮันบินมองกำแพงอีกด้านของห้องขังด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิม
ร่างสูงนั่งอยู่ท่าเดิมมาได้เป็นชั่วโมงแล้วแต่กลับไม่พูดอะไรเลย
แต่จะให้เขาพูดอะไรล่ะ? ก็นี่มันห้องขังเดี่ยวและก็มีแค่เขาคนเดียวที่อยู่ที่นี่
จะให้พูดกับตัวเองก็คงไม่ต่างจากคนบ้าเท่าไหร่หรอก
...แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างจากคนบ้าจริงๆ
นั่นแหละ...
ตึง!
ฮันบินค่อยๆ
หันไปมองลูกกรงที่มีคนมาทุบจนเกิดเสียงดัง เมื่อรู้ว่าเป็นใครฮันบินก็หันหน้าหนีแล้วกลับไปมองที่กำแพงเหมือนเดิม
“อะไรวะบีไอ
มองหน้ากูไม่ติดรึไง”
“หน้ามึงน่ามองมากมั้ง”
“เหอะ
แล้วแต่มึงเถอะ” มาร์คถอนหายใจก่อนจะไขประตูห้องขังแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
ฮันบิน ร่างสูงมองอีกคนเล็กน้อยอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร “มึงรู้รึเปล่า”
“เรื่อง”
“เมื่อเช้ามืดวันนี้”
“…”
“แบมแบมไปแล้วนะ”
มาร์คพูดจบก็เงียบ รออยู่นานว่าฮันบินจะพูดอะไรออกมา
“อืม”
“…”
“ดีแล้วล่ะ...จะได้ไม่ต้องเจ็บอีก”
ผู้พันมองคิมฮันบินที่ดูไม่ตกใจหรือเหมือนไม่รู้สึกอะไรบ้างเลย
ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปากถามอีกคนอย่างเอาเรื่อง
“อะไรของมึงวะ?
แค่เนี้ย?”
“เออ”
“กูไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย
จะได้ไม่ต้องเจ็บอีกนี่มันหมายความว่าไงวะ”
“พูดไปมึงก็ไม่รู้หรอก”
“…”
“แต่กูรู้ว่าแบมแบมต้องเข้าใจดี”
“เข้าใจไรวะ
กูรู้สึกเหมือนกูไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“กูก็ไม่รู้หรอก...แต่เด็กนั่นคงเจ็บเพราะกูมามากพอแล้ว”
มาร์คมองฮันบินที่พูดเหมือนตัดพ้อกับตัวเอง ผู้พันเงียบอยู่นานในระหว่างที่ก็มองเพื่อนข้างๆ
ที่กำลังมองกำแพงห้องขังอย่างเหม่อลอย “มึงมองไรวะ”
“มึงไม่ได้ทำใช่มั้ยบีไอ”
“อะไร”
“มึงไม่ได้มีส่วนร่วมกับกองกำลังทิฟใช่มั้ย”
“หึ
กูก็บอกไปแล้วไง”
“ตอ แหล”
“…”
“ถ้ามึงเป็นคนทำแบบนั้นจริงๆ
ทำไมมึงถึงได้ยอมรับง่ายๆ แบบนั้นวะ”
“แล้วไง?”
“ก็ถ้ามึงเป็นคนทำจริงๆ
ไม่จำเป็นเลยเว้ยที่จะต้องมองแบมแบมด้วยสายตาเป็นห่วงแบบนั้น”
“…”
“ไม่จำเป็นเลยที่มึงต้องใส่ใจว่าอีกคนจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่ามึงหักหลัง
ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งปลงแล้วให้กำลังใจแบมแบมลับหลัง”
“…”
“และมันก็ไม่จำเป็นเลยที่มึงจะต้องประคับประคองความรู้สึกแบมแบมจนถึงวินาทีสุดท้ายที่มึงพูดเมอร์รี่คริสต์มาสเพื่อให้แบมแบมรู้สึกว่าสิ่งที่ควรทำคือไปสนุกกับคนอื่นในคืนวันคริสต์มาสทั้งๆ
ที่มึงต้องมานั่งจำคุกแบบนี้”
“…”
“รักมากมั้ย
ถามใจตัวเองดูแล้วกัน คิมฮันบิน” ฮันบินเงียบนิ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งร่างสูงหลุดหัวเราะกับตัวเองเบาๆ
ในลำคอ
“กูก็แค่อยากรู้เฉยๆ
หรอก ว่าแบมแบมจะรู้สึกยังไง ถ้ากูบอกว่ากูเป็นคนทำทั้งหมด”
“แล้วมึงทำไปเพื่ออะไรวะ?
โง่รึไง?”
“ก็แค่อยากรู้ว่าแบมจะเชื่อใจกูมากแค่ไหน
แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว”
“…”
“ว่าแบมไม่เชื่อใจอะไรในตัวกูเลย”
คิมฮันบินกำมือแน่นเช่นเดียวกับหัวคิ้วที่เริ่มขมวดลงมาเป็นปม
“เรื่องแค่นี้มันจะวัดอะไรได้วะ
แค่เสี้ยววินาทีนั้นเป็นใครก็ทำตัวไม่ถูกหรอก ความคิดมันสวนกันไปมา
แถมมึงก็พูดออกมาจากปากตัวเองด้วย ใครจะไปรู้ว่ามึงแค่โกหก”
“…”
“แต่แบมจะไว้ใจมึงมั้ยกูก็ไม่รู้
แต่แบมไม่ได้เกลียดมึงหรอก”
“…”
“เพราะในตอนสุดท้ายก่อนที่แบมแบมจะไป
มึงยังจัดอยู่ในคนสำคัญของเขาเลย” ฮันบินหันมามองมาร์คที่ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ประตู
ร่างโปร่งชี้ที่กุญแจที่ตกอยู่ข้างๆ ฮันบิน ร่างสูงมองกุญแจนั่นก่อนจะหยิบขึ้นมาแล้วขว้างให้มาร์ค
แต่ผู้พันกลับรับมันไม่ได้จนมันเลยออกไปนอกห้องขัง
“มึงจะโยนทำไมวะ”
“กูนึกว่ามึงจะรับได้”
“เวร”
“ทำไมวะ?”
“…”
“มึงล็อกประตูเหรอ?”
“เออ”
“…”
“…”
“…”
“…”
“สัส”
ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดนอนผ้านุ่มและผมที่เปียกน้ำจากการสระ
แบมแบมสลัดผมของตัวเองและใช้ไดร์เป่าจนมันแห้ง
ก่อนจะเดินหยิบโทรศัพท์แล้วลงไปชั้นล่าง กลิ่นข้าวผัดลอยออกมาจากห้องรับประทานอาหารของปราสาทจนมันหอมอบอวนไปทั่ว
คนตัวเล็กนั่งลงตรงข้ามกับจูเนียร์ก่อนจะยิ้มให้พี่ชายคนรองและพี่ชายอีกคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
“นายดูผอมลงนะแบมแบม”
“ผอมลงตรงไหนเนี่ยเนียร์ฮยอง? แบมว่าแบมอ้วนขึ้น”
“ฉันก็แค่ไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก
พอเจอหน้าน้าองชายที่หายไปจนจะครึ่งปีอยู่แล้วก็รู้สึกว่าคิดถึงมากๆ เลย” แบมแบมมองจูเนียร์ที่เริ่มพูดเสียงค่อยๆ ลงแล้วอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวเล็กลุกขึ้นก่อนจะเดินอ้อมไปหาจูเนียร์แล้วกางแขนตัวเองออก
“ทำอะไรเนี่ย?”
“รู้หรอกว่าอยากกอด”
“พี่ไปพูดตอนไหนห๊ะ?”
“ก็คิดถึงแบมไม่ใช่เหรอ
กลับมาก็ยังไม่ได้กอดกันเลย ก็กอดสิ” จูเนียร์ยิ้มออกมาก่อนจะกอดน้องชายคนเล็กเต็มรัก
โดยที่การกระทำทั้งหมดตกอยู่ในสายตาเจบี
...ทำแบบนี้ต่อหน้าบุคคลที่
3 ได้ยังไง..โทษประหาร...
“นี่ๆๆ
เห็นฉันเป็นคาร์บอนไดออกไซด์รึไง?”
“ก็ตัวไม่พูดอะไรเลยมัวแต่เก๊กหล่ออยู่นั่นแหละ”
แบมแบมปากยื่นปากยาวก่อนจะมองเจบีด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเป็นส่วนเกินมากมาย
“ตัวว่าใครเก๊กหล่อห๊ะ?!
เค้าก็อยากกอดบ้างเหมือนกันนะ”
“แล้วทำไมไม่พูดตั้งแต่ทีแรกเล่า”
แบมแบมผลัดไปกอดเจบีบ้าง
พี่ใหญ่ยิ้มออกมาจนฟันแทบจะเฉาะหน้าจูเนียร์
...อันตราย
อิมแจบอมเป็นคนที่อันตรายมาก...
“แล้วเป็นยังไงบ้าง?
เขต 5 แย่รึเปล่า?” เจบีเอ่ยถามคนน้องหลังจากที่ทั้งสองผละออกจากกันและแบมแบมกลับไปนั่งตำแหน่งเดิม
“ก็...แย่”
“เห็นมั้ยล่ะ
เค้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าโลกภายนอกนั่นมันแย่มาก มีแต่คนแก่งแย่งชิงดีกัน
มีแต่พวกที่จ้องจะทำร้ายตัว มีแต่คนลอกลวงที่พอรู้ว่าเรามีสมบัติ
เขาก็จะมาตีสนิทด้วยใช่มั้ยล่ะ”
“เจบี
ฉันว่านายควรฟังน้องบ้าง” จูเนียร์มองเจบีหน้านิ่ง
อีกคนเลยรีบหุบฟันแล้วกระพริบตาปิปๆ ให้แบมแบม
“ที่ตัวเล่ามันก็จริงอยู่นั่นแหละ
โลกภายนอกมันแย่จริงๆ”
“…”
“แต่นอกนั้นดีหมดเลย”
แบมแบมยิ้มออกมาก่อนจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้พี่ชายทั้งสองฟังเกี่ยวกับทุกคนที่เข้ามาพัวพันกับชีวิตของเขา
บนโต๊ะอาหารมีแต่เสียงพูดคุยและหัวเราะของพี่น้องทั้งสามคน
บรรยากาศอบอุ่นและให้ความรู้สึกของครอบครัวกลับมาอีกครั้งในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
“แล้วเจอคนที่ชอบบ้างรึยังล่ะ?”
“ก็มีจุนฮเว
ยูคยอม โจอี้ ฮันบินฮยอง มาร์คฮยอง...”
“ไม่ใช่ๆ พี่หมายถึงคนที่รักและอยากอยู่ใกล้ๆ
อยากให้อยู่ด้วยตลอดไป” แบมแบมเงียบไปสักพักแล้วทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเหลือบไปมองเจบีที่ทำหน้าเหมือนอยากให้เขาตอบว่า
‘ไม่มี’ ยังไงยังงั้น
...ฮันบินฮยองก็อยู่ด้วยแล้วมีความสุขนะ
แต่นั่นมันหลอกลวงไม่ใช่เหรอ? มาร์คฮยองล่ะ เฮ้ย! มาร์คฮยองเหรอ เดี๋ยวๆ หน้าฮันบินฮยองลอยขึ้นมาอีกแล้ว อ๊ากกก!! ทำไมอยู่ๆ ก็คิดถึงมาร์คฮยองได้! แต่เดี๋ยวก่อน...
...เรามีแฟนอยู่คนหนึ่งนะแบม..แฟนที่รู้สึกว่าเกือบจะหายไปจากชีวิตอยู่แล้ว...
“คือ...ความจริง
แบมมีแฟนอยู่คนหนึ่ง”
“ว่าไงนะ?!!”
ทั้งจูเนียร์และเจบีพร้อมใจกันยืนขึ้น
แต่ดูเหมือนจูเนียร์จะทำใจให้สงบได้ง่ายกว่า เขาค่อยๆ
ดึงแขนของเจบีให้นั่งลงด้วยกัน
“เค้าชื่อบ๊อบบี้อ่ะครับ
เป็นรุ่นพี่แบม แต่จำไม่ได้ว่าอายุเท่าไหร่ ความจริงก็มีแหวนด้วยนะ
แต่แบมไม่รู้ว่าเอาทิ้งไว้ไหน”
ครืด ครืด
“แฟนโทรมาใช่มั้ย?!” เจบีรีบตบโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนจนแบมแบมสะดุ้งโหยง
“อะ...อะไรกัน
แค่ข้อความเข้าเอง ตัวจะอะไรนักหนาเนี่ย?”
ครืด ครืด
“แฟนโทรมางั้นเหรอ?!”
“ก็เค้าบอกอยู่ว่าข้อความเข้า”
ครืด ครืด
“...”
“อ่า
บ๊อบบี้ฮยองโทรมา...ฮัลโหลฮะ”
แบมแบมรีบลุกออกจากที่นั่งโดยที่มีเจบีที่กำลังจะเดินตามแบมแบมไปพลางบ่นไปด้วยแต่ก็ถูกจูเนียร์รั้งไว้
ร่างบางรีบวิ่งไปข้างบนแล้วปิดประตูห้องตัวเองก่อนจะให้ความสนใจกับโทรศัพท์
“ฮัลโหลฮะ
บ๊อบบี้ฮยอง”
[นายอยู่ไหนน่ะแบมแบม?]
“แบม...อยู่บ้านฮะ”
[บ้านไหน?]
“กะ...ก็
7/5 wolves Path ไงครับฮยอง”
“จริงเหรอ?” แบมแบมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ร่างบางสะดุ้งก่อนที่จะหันไปมองทางหน้าต่างช้าๆ
เพราะรู้สึกได้ถึงเสียงประชดประชันออกงอนๆ ของใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆ
แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
“อะ...เอ่อ...”
“โกหกฉันได้ลงคอนะ
แบมแบม” บ๊อบบี้ก้าวลงมาจากหน้าต่างก่อนจะกระโดดแล้วนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงแบมแบม
“ฮะ...ฮยองมาได้ยังไง
แล้วรู้ได้ยังไง?”
“นายคิดว่าฉันโง่มากรึไงที่ไม่รู้ว่าแฟนตัวเองเป็นใคร
ดีนะที่ฉันติดไมโครชิบไว้ที่เสื้อคลุมของนาย ไม่งั้นชาตินี้ฉันคงหานายไม่เจอ” แบมแบมยังคงมองบ๊อบบี้ตัวเป็นๆ
ที่นั่งงอนเขาตุ๊บป่องอยู่บนเตียงแล้วตัดพ้อกับตัวเอง
ร่างบางยังคงตกใจไม่หายที่อีกคนรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่
“แล้วทำไมฮยองถึงรู้ว่าแบมเป็น...เอ่อ...”
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าบ้านฉันรวย
การที่จะจ้างนักสืบยุนฮยองให้หาประวัตินายได้มันง่ายนิดเดียวถ้าฉันมีปึ๊งดอลลาร์
ฉันรู้แม้กระทั่งนายเป็นสมบัติราชวงศ์เขต 7 มีพี่ชายคนโตเป็นกษัตริย์เขต 7
ที่คนวงในเรียกเจบี พี่ชายคนรองปาร์คจินยองที่นายเรียกว่าเนียร์ฮยอง
นายอยู่แต่ในปราสาทมาตลอด 17 ปีจนกระทั่งแอบหนีออกมา
นายถูกจับให้หมั้นกับเจ้าชายคริสแต่หมอนั่นดันอายุสั้นเครียดสมองแตกตาย
เลยถูกจับหมั้นกับเจ้าชายจองกุกที่นายคิดกับมันแค่เพื่อนเท่านั้นแล้วก็มี...”
“พอๆ
พอเลยบ๊อบบี้ฮยอง...บางทีฮยองก็น่ากลัวกว่าที่แบมคิดไว้นะ”
“แล้วไม่ชอบรึไงที่มีแฟนใส่ใจตัวเองถึงขนาดนี้?”
“…”
“ถ้าไม่ใช่เพราะรักฉันก็ไม่ทำหรอกนะ”
แบมแบมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีกับสิ่งที่อีกคนพูด
บ๊อบบี้ก็ทำเพื่อเขามามากจริงๆ นั่นแหละ
ถึงจะหึงแรงเกินไปหน่อยเพราะแค่เห็นเขาตอนที่อยู่กับฮันบินแต่ที่ทำไปก็เพราะอีกคนรักเขานี่
...แบมรู้สึกเหมือนตัวเองเลวมากเลยอ่ะบ๊อบบี้ฮยองจะรู้มั้ย
TvT...
“แบมขอโทษจริงๆ
นะที่ต้องโกหกอ่ะ ก็แค่...ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ฮยองเข้าใจ”
“ไม่ว่านายจะพูดอะไรฉันก็พร้อมจะเข้าใจได้เสมอนั่นแหละ”
...โอ๊ยยยย!! เขินแรงงง T///T ดาเมจสูงยิ่งนัก...
“แล้วก็ขอบคุณเสื้อผ้าที่ให้ยืมเมื่อวานตอนเช้าด้วยนะ
เดี๋ยวแบมจะไปซักคืนมาให้”
“ไม่ต้องหรอก
เอาไปเถอะ”
“แต่ว่ามันของฮยองนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก...มานี่สิ”
บ๊อบบี้กวักนิ้วเรียกแบมแบมให้มาหา
แต่ร่างบางยังคงยืนอึนอยู่ที่เดิม
ร่างสูงส่ายศรีษะเล็กน้อยก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วจูงมืออีกคนให้เดินตาม
บ๊อบบี้ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงก่อนจะหยิบไซลิ้งค์ที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาแล้วฉีดให้แบมแบมที่ร้องเบาๆ
เพราะความเจ็บ
“รู้หรอกว่ายังไม่หายน่ะ
ถึงแม้นายจะไม่เคยเล่าก็ตาม”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าแบมติดเชื้อ”
“ฉันเป็นคนไปหานายถึงที่บ้าน
ฉันเฝ้าไข้นายทั้งคืน แล้วคิดว่าฉันจะไม่รู้เลยรึไงว่านายเป็นอะไร” แบมแบมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
เขาได้แต่หลบสายตาของอีกคนที่นั่งมองหน้าเขาที่ยืนค้ำหัวอยู่
มือหนายังคงจับมือเขาไม่ปล่อยแล้วบีบมือเขาเบาๆ
...ระยะห่างนี่มันก็ใกล้เกินไปนะ
โดนดาเมจอีกแล้วเนี่ยรู้รึเปล่า @///@...
“เดี๋ยวค่ายาแบมจะชดใช้ให้นะ”
“นายพูดเหมือนฉันไม่ได้เป็นแฟนนายอย่างนั้นแหละ”
“ก็เป็นไง
แต่คือ...มันก็เงินของฮยองนะ”
“ก็แค่เงินไม่เท่าไหร่...มากกว่าเงินฉันก็ให้ได้”
...แล้วไอ้ที่ว่ามากกว่าเงินนั่นมันคืออะไรล่ะ? =///=
“แบมแบม...”
“อ่า...ฮะ”
“มองหน้าฉันสิ”
“คือว่าแบม...แบมเอ่อ...”
แบมแบมลิ้นพันกันไปหมด อยากจะขุดหลุมฟังตัวเองพอได้ยินเสียงทุ้มๆ
นั่นอ้อนเขา อ๊ากกกก! ทำอะไรสักอย่างสิ ได้ยินรึเปล่าหัวใจ?
เอ็งควรจะหยุดเต้นแล้วตายๆ ไปเลย
บ๊อบบี้ดึงแบมแบมให้ลงมานั่งที่เตียงร่างบางรีบกระเถิบถอยหนีจนแทบจะเกาะติดหัวเตียงอยู่แล้ว
ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเต็มไปหมดจนเหมือนกำลังจะระเบิดออกมา
บ๊อบบี้คลานมาจับข้อเท้าของอีกคนไว้ไม่ให้ถอยหนี
ก่อนจะเปลี่ยนมาล็อคข้อมือของแบมแบมทั้งสองข้างให้ตรึงติดกับเตียง
...เดี๋ยวๆๆ
ทำไมมันรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ รู้สึกไม่ปลอดภัย รู้สึกเหมือนร่างกายมันร้อนๆ ชาๆ =///=...
“บ๊อบ...บ๊อบบี้?
บ๊อบบี้ฮยอง?”
“นายบอกใช่มั้ยว่าอยากชดใช้ยาที่ฉันซื้อให้”
“คะ...คือว่า...คือ...บ๊อบบี้ฮยองรู้รึเปล่าว่าอ๊อกซิเจนจะลอยตัวอยู่ในที่ต่ำ
แล้วรู้รึเปล่าว่าลีโอนาโด ดา วินชีเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษา 1452
แล้วรู้มั้ยว่ากรุงโรมรุ่งเรืองมากที่สุดในยุคของจูเลียส ซีซาร์”
“...เอ่อ...แบมแบม”
“แล้วคือจูเลียส
ซีซาร์เป็นนายกแถมยังเป็นนักรบ
เขาได้แต่งงานกับคลีโอพัตรามีลูกชื่อออกเตเวียสแต่ว่าเป็นลูกบุญธรรม
ออกเตเวียสลงมือฆ่าซีซาร์และคลีโอพัตราเพื่อครองบัลลังค์
ก่อนจะแต่งตั้งตัวเองให้เป็นออกุสตุสที่ 1 แล้วจากนั้นกรุงโรมก็โดนเผาโดยพวกก๊อซจากเยอรมันถือเป็นการสิ้นสุดยุคโบราณ”
“แบมแบมใจเย็นๆ
นะ แล้วมีสติ” แบมแบมหายใจหอบถี่แล้วค่อยๆ
หันมามองหน้าบ๊อบบี้ “ครั้งแรกเหรอ?”
“คะ...ครั้งแรกอะไรเนี่ย?!
ฮะ...ฮยองพูดเรื่องอะไร?”
“เปล่าซะหน่อย
ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายมีประสบการณ์พวกนี้มั้ย”
“คะ...คะ...คะ
คือ พอคนหนีไป Constantinoble เกิดเริ่มเข้าสู่อารยธรรมยุคกลาง”
“เดี๋ยวๆ
แบมแบม นายเป็นอะไรเนี่ย? เล่าประวัติศาสตร์ให้ฉันฟังทำไม?”
“ก็...แบม...”
“?”
“ฮยองไม่คิดว่าแบมจะเขินบ้างรึไงล่ะ?!”
บ๊อบบี้หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงถามแบมแบม
“เขิน?
แล้วแร๊ปประวัติศาสตร์ให้ฉันฟังเนี่ยนะ?”
“อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ระบายความเขินออกไปได้นะ”
“ไอ้เด็กประหลาด
กลับมาเข้าเรื่องแล้วมองหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่”
“ไม่มองฉันจูบนะ”
“มองแล้วๆๆ
ฮยองจะพูดอะไรก็พูดสิ!” บ๊อบบี้หลุดยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยถามแบมแบมอีกครั้ง
“นายบอกใช่มั้ยว่าอยากชดใช้ยาที่ฉันซื้อให้”
“คะ...ครับ”
“ก็ได้”
“…”
“งั้นคืนนี้นายมาเป็นของฉันนะ”
แบมแบมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะหันหน้าหลบบ๊อบบี้ที่ค่อยๆ
ก้มลงมา ร่างบางรู้สึกเสียววาบและชื้นๆ ที่ต้นคอ เขาได้เสียงหายใจ และริมฝีปากของบ๊อบบี้ที่จูบลงที่ต้นคอของเขา
มือหนาของร่างสูงที่ผละออกจากการล็อคมือของเขา
เริ่มไล้เข้าไปตามสาบเสื้อและเอวจนแบมแบมรู้สึกเสียวไปหมดทุกครั้งที่ถูกสัมผัส
คนตัวบางพยายามกลั้นเสียงในลำคอที่เขาไม่ได้อยากจะให้ปล่อยออกไป
...ไอ้ความรู้สึกนี้มันคืออะไรเนี่ย
ไม่นะ ไม่ๆๆ มันแปลกๆ ทำไมรู้สึกเหมือนขยับไม่ได้ T///T...
“อ่ะ...อ่า”
...อ๊ากกกก!
ครางแบบนั้นออกไปได้ไงเนี่ยไอ้แบมมมม!!...
แอ๊ด...
“ตัวเห็นที่ชาตโทรศัพท์ของ...เค้า...ปะ?”
“!!!”
“…”
“…”
“อ้าว
สวัสดีครับ พี่เขย”
“มึง...มึง...มึง...”
“?”
“มึงเป็นใครวะไอ้เหี้ย?!”
Spoil : Chapter 19
‘นายกลัวคำว่ารักรึเปล่า?’
‘แบมจะไปกลัวทำไมล่ะ มันฟังดูอบอุ่นจะตาย’
‘งั้นเหรอ...ร๊ากกกกก!!!!’
‘อร๊ายยยย!! ไอ้บ้าเอ๊ย!’
.
.
.
‘ฉันงอนอยู่นะรู้รึเปล่า
อยู่ๆ ก็มีเลิฟซีนมาร์คแบมสดๆ ตรงหน้านี่ไม่คิดว่าเป็นเดือดเป็นร้อนเลยรึไง?’
‘ฉันไม่ได้ตั้งใจ...แล้วแบบนั้นมันเรียกว่าอะไรอ่ะ?’
‘จูบแลกลิ้นไง!
ทำไมต้องมาคุยเรื่องแบบนี้กับฉันด้วย?!
ไม่เอาแล้ว นายไปไกลๆ เลย!’
.
.
.
‘อาจฟังดูโหดร้ายและไร้มารยาทไปหน่อยนะแต่ว่า...’
‘...’
‘จำใส่สมองของนายให้เจียมตัวหน่อยก็ดีนะ’
‘…’
‘แบมแบมเป็นของฉัน…ทั้งตัว…ทั้งหัวใจ...เขาเป็นของฉัน’
ความคิดเห็น