คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : FSK : 13
13
“พรุ่งนี้เราจะไปเขต 9 กันครับทุกคน
ผมมีเรื่องจะต้องคุยกับคุณคิมจงอินสักหน่อย” จองกุกพูดขึ้นในห้องประชุมของธรรมเนียบเขต
5 โดยที่มีประธานาธิบดีนั่งฟังอยู่และทหารอีกหลายๆ นาย
“แต่ผมได้ยินมาว่าเขต
9 เป็นเขตปิด ไม่มีประตูให้ผ่านเข้าไปได้”
“เราก็นั่งเครื่องบินไปสิครับ
คุณคิมจงอินไม่ว่าอะไรหรอก
ผมเคยคุยกับเขาผ่านทางสไกป์แล้วก็บอกเขาไปแล้วด้วยว่าจะขอไปคุยเรื่องเครื่องจักรตัวใหม่ที่นำเข้ามาจากอเมริกา
ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะหลับทั้งๆ ที่กำลังสไกป์กันอยู่ก็ตาม”
จองกุกยังคงพูดต่อไปภายใต้ใบหน้ารอยยิ้มเจ้าชายนั่น
“แล้วคุณแบมแบมล่ะครับ?” คิมแทฮยองเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ห้องประชุมกำลังเงียบ
“ก็เอาไปด้วยแหละครับ ผมเกรงว่ากองกำลังทิฟจะหาแบมแบมเจอ
เดี๋ยวให้คุณมาร์คกับคุณฮันบินดูแลแทนผมตอนที่ผมประชุมก็ได้
ดูเหมือนเขาจะสนิทกับคุณทหารทั้งสอง”
จองกุกพูดยิ้มๆ ก่อนจะมองหามาร์คและฮันบินแต่ก็ไม่พบนายทหารทั้งสองคน “ว่าแต่มีใครเห็นคุณมาร์คกับคุณฮันบินบ้างรึเปล่าครับ?”
“มาร์คกับฮันบินขอตัวกลับไปพักผ่อนน่ะครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมติดต่อเขาไปให้”
แจ๊คสันพูดขึ้นก่อนที่จองกุกจะพยักหน้ารับรู้
และเริ่มหัวข้อการประชุมต่อ
...ไอ้มาร์คกับไอ้ฮันบินเหรอ
ทหารเขต 5 มันก็โง่กันหมดนั่นแหละ รวมถึงแกก็ด้วยไอ้จองกุก...
ชายร่างสูงยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ดึงหมวกแก๊ปต่ำลง ก่อนที่จะลุกออกไปโดยที่ไม่มีใครเห็น
แบมแบมนั่งกร่อยอยู่ในชั้นใต้ดินมานานพอควรแล้ว
นอนก็นอนไม่หลับแถมไม่มีอะไรให้ทำนอกจากดูโทรทัศน์ด้วย
จะกลิ้งเล่นบนเตียงก็ไม่ได้เพราะเขายังคงเจ็บแผลที่ไหล่อยู่
...จองกุกยังไม่เสร็จประชุมอีกเหรอเนี่ย?! แบมจะรากงอกอยู่แล้วนะ!...
คนตัวเล็กเม้มปากแน่นอย่างอารมณ์เสีย
ในที่สุดแบมแบมก็ดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเปิดประตูห้องของตัวเองออก ร่างบางหันซ้ายหันขวาก็พบกับทางเดินโล่งที่มีห้องหลายๆ
ห้องให้เลือกเข้า ร่างเล็กกำลูกบิดประตูแน่นเพราะไม่รู้ว่าจะออกไปดีรึเปล่า
...อยากคุยกับมาร์คฮยองและฮันบินฮยองให้รู้เรื่องว่าแบมทำอะไรผิด...
พอคิดได้เช่นนั้นร่างบางก็เริ่มเดินห่างออกมาจากห้องของตัวเอง
แบมแบมมองแผนที่ขนาดใหญ่ที่อยู่กลางทางแยกทั้งสี่แล้วกลืนน้ำลาย
คนตัวเล็กลายตาไปหมดเพราะไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางไหน
เขาดูแผนที่ไม่รู้เรื่องเลยถึงมันจะเป็นโมเดลทางเดินใต้ดินของธรรมเนียบก็เถอะ
ร่างบางเกาหัวแกรกๆ ก่อนที่จะสะดุ้งตกใจเมื่อมีมือใครบางคนแตะเขาจากทางด้านหลัง
หมับ!
“ย่ะ...!!”
“หุบปากน่า! นี่ฉันเอง” แบมแบมเกือบจะร้องลั่นเพราะเขาไม่คิดว่าน่าจะมีใครอยู่แถวนี้
เนื่องจากตอนนี้ก็ตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว ชายร่างสูงตรงหน้ากัดฟันกระซิบกับแบมแบม
ร่างบางเมื่อรู้ว่าเป็นใครน้ำตาก็ไหลพรากราวกับเขื่อนแตก
“จะ...จุน จุนฮเว! นายเหรอเนี่ย นี่นายเหรอ?!”
“เฮ้ย! เงียบๆ น่า!” จุนฮเวยืนนิ่งให้อีกคนกอดแน่น
นัยน์ตาคมตวัดมองหากล้องวงจรปิด เมื่อเห็นว่าไม่มี ร่างสูงก็ดึงคนตัวเล็กออกจากตัว
“ร้องไห้ทำไม เปียกหมดแล้วเนี่ย”
“นายตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“ฉันขุดหลุมขึ้นมาจากดินแล้วมาตามหานายนี่ไง”
“สุดยอด!!”
“จะบ้ารึไง?! ฉันยังไม่ตายตั้งแต่แรกต่างหาก!”
จุนฮเวหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นแบมแบมยิ้มออกมา
ร่างสูงขยี้ผมของคนตรงหน้า ก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอดอีกครั้ง
“โอ๊ย! นายทำอะไรเนี่ย ฉันหายใจไม่ออก”
“กอดไง ฉันคิดถึงนายแทบแย่นึกว่านายจะโดนรุมกระทืบตายซะแล้ว”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงคร้าบบบ คุณจุนฮเว...ว่าแต่ฉันงงมากเลยว่าทำไมฉันถึงไปอยู่ที่นั่น
อยู่ๆ คุณหมอดงฮยอกก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่านายตายแล้ว”
“เหอะ! นายยังจะเรียกมันว่าคุณหมออีกเหรอ
หมอนั่นฆ่าคนอื่นด้วยยาของตัวเอง ฆาตรกรชัดๆ”
“ช่างเถอะๆ แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ร่างบางเอ่ยถามอีกคนที่เอาแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นกับดงฮยอก
“ตอนที่ฉันกำลังพานายออกจากห้องน้ำ พี่ฉัน...เอ่อ...จินฮวานกับไอ้นัมแทฮยอนมันมาดักตีหัวฉันอยู่หน้าห้องน้ำ
นายโดนแทฮยอนพาตัวไป ส่วนฉันก็โดนยิงนอนสลบอยู่คาห้องน้ำ
แต่ว่าเขาไม่ได้ยิงที่หัวฉัน
หมอนั่นกลับยิงที่ขาแทนซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น” จุนฮเวเงียบไปซักพักก่อนที่จะพูดขึ้นต่อ
“ฉันคิดว่าบางที...เขาก็ไม่ได้ต้องการให้ฉันตาย
ถ้าไม่ใช่เพราะนึกถึงความเป็นพี่น้อง งั้นก็แสดงว่าฉันอาจจะมีประโยชน์อะไรสักอย่าง”
“…”
“ฉันจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฮวงจื่อเทาเปลี่ยนไป เขาทำเลวๆ กับฉันมาตลอด
แต่อยู่ดีๆ เขากลับดีกับฉันจนมันผิดปกติ แต่ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำอะไรมา”
จุนฮเวขยี้ผมตัวเอง ร่างสูงพยายามนึกกลับไปถึงช่วงเวลานั้น แต่เขากลับนึกอะไรไม่ออก
“ช่างมัน ฉันว่าฉันเริ่มออกทะเลแล้วล่ะ นายคงจะง่วง...” จุนฮเวหันมองแบมแบมที่ยืนหลับไปก่อนแล้ว
ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะแบกอีกคนขึ้นหลังแล้วนำกลับไปส่งที่ห้อง
“เป็นคนที่ยืนหลับได้ทุเรศจริงๆ”
คิมฮันบินวางสายของแจ๊คสันจากโทรศัพท์บ้าน
ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า ใบหน้าหล่อมีรอยนิ้วมือฉาบอยู่จนแดงก่ำ
ตามตัวของเขามีรอยเล็บจิกข่วนเต็มไปหมด
แต่ดูเหมือนฮันบินไม่คิดที่จะทำแผลเลยสักนิด
ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องที่เปิดอ้าไว้อยู่ก่อน
เขานึกไปถึงกิจกรรมบนเตียงและประโยคของคิมจินฮวานเมื่อหลายนาทีก่อน
ก่อนที่คนตัวเล็กจะออกไป ผู้หมวดเช็ดเลือดที่มุมปากออก
ก่อนจะกระชากผ้าปูเตียงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแสนน่าขยะแขยงแล้วยัดมันลงถังขยะ
ก่อนหน้านั้นที่เคยมีอะไรกันเขาก็คิดว่ามันคือความรัก
แต่เมื่อกี้ที่เป็นครั้งสุดท้ายเขากลับคิดว่ามันก็เป็นแค่เซ็กซ์...
ร่างสูงบอกเลิกอีกคนไปแล้วหลังเสร็จกิจกรรมถึงได้มีแผลตามมาเต็มตัว
คนตัวสูงเดินเข้าไปในห้องน้ำมองใบหน้าของตัวเองที่ช้ำเพราะถูกทำร้ายโดยไม่มีการตอบโต้
แล้วพรุ่งนี้เขาจะไปดูแลแบมแบมตามที่เจ้าชายสั่งได้เหรอถ้าสภาพหน้ายังเป็นแบบนี้
พอนึกไปถึงล่าสุดที่เขาเจอแบมแบม
คิมฮันบินก็นึกอยากกัดลิ้นตัวเองตาย
ใบหน้าของร่างบางที่ดูผิดหวังในตัวเขาทำให้คิมฮันบินรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น
ถ้าเขาไม่ได้ไปสัมมนาเมื่อวาน มันคงจะดีกว่านี้ เขาอาจจะไม่ได้ยินประโยคนั้นก็ได้
เขาอาจจะไม่ต้องรับรู้มันและคิดไปถึงจรรญาบรรณที่ตัวเองพึงมี
‘ฝากด้วยนะครับคุณมาร์ค เขาเป็นคู่หมั้นของผม’
“บ้าเอ๊ย...” คิมฮันบินสบถกับตัวเองก่อนที่หยิบกล่องพยาบาลที่อยู่บนชั้นวางออกมาแล้วลงมือทำแผลให้ตัวเองหน้ากระจก
คิมฮันบินขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นภาพสะท้อนของคนตัวเล็กในกระจกนั่นก่อนที่มันจะเลือนหายไป
...ให้ตายเถอะ
ฉันเป็นอะไรกันแน่...
“แบมแบม ฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วนะ”
“ไม่เอาๆ ไม่เอาชุดนั้น ใส่สูทตัวนี้สิ เอ้อ! ดูดีๆ
เอาผมลงดีกว่านะ นายจะใส่อีแตะไม่ได้นะ เอาคู่นี้ๆ นี่สิจะได้สูง” แบมแบมจ้องจองกุกที่ยืนบ่นแล้วเอออออยู่คนเดียว หยิบนู่นหยิบนี่มาให้เขาลองเขาใส่จนแบมแบมจะวีนแตกอยู่แล้ว
ทั้งอึดอัดทั้งร้อนในชุดสูทสีเทาที่อีกคนหยิบมาให้ไหนจะรองเท้าส้นสูงๆ
คอนแทคเลนสีเทา บลาๆๆ
“ถ้าให้ฉันใส่แบบนี้ฉันไม่ไปนะจองกุก”
“ก็มันดูดีนี่”
“นายบอกว่าจะให้ฉันไปเดินเล่นไม่ใช่รึไง ฉันไม่ได้จะไปเข้าห้องประชุมเหมือนนายนะ
อะไรจะให้แต่งเต็มขนาดนี้” แบมแบมถอดเสื้อนอกออกพร้อมกับดึงเนกไทที่คอออก
ร่างบางปลดกระชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว หยิบกางเกงขาสั้นสีดำขึ้นมาใส่
แล้วเดินออกจากห้อง
“เอ้อ แบบนี้ก็น่ารักดีนี่”
ก็บอกอยู่ว่าให้แบมแบมแต่งเองตั้งแต่ทีแรกก็จบแล้ว...
คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง
เมื่อคืนหลังจากประชุมเสร็จจองกุกก็ยื่นมันให้กับเขา
เจ้าตัวบอกว่ามันจำเป็นหากว่าแบมแบมเกิดเดินหลงขึ้นมาระหว่างที่เขากำลังประชุมก็จะได้ตามตัวแบมแบมจากจีพีเอสในโทรศัพท์ได้
ร่างบางกดเข้าแอพลิเคชั่นสีเขียวที่ปรากฎรายชื่อเพื่อนอยู่หนึ่งคน แน่นอนว่าคนๆ
นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจองกุก
...มาร์คฮยองกับฮันบินฮยองมีโทรศัพท์รึเปล่านะ?...
“นี่ จองกุก”
แบมแบมเอ่ยถามจองกุกระหว่างที่กำลังก้าวขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน
“หืม?”
“นายว่าฮันบินฮยองกับมาร์คฮยองจะมีโทรศัพท์รึเปล่าอ่ะ?”
“ห๊ะ? ทำไมล่ะ?”
“กะ...ก็ ก็ถ้าเกิดว่าหลงกันกับมาร์คฮยองแล้วก็ฮันบินฮยอง
ฉันจะได้โทรศัพท์หาพวกเขาได้ไง เพื่อว่านายยังประชุมไม่เสร็จ” แบมแบมรู้สึกโล่งอกเมื่อจองกุกพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
“ฉันว่าไม่มีหรอก ที่มีก็น่าจะแค่โทรศัพท์บ้าน
เขตนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา จะมีแค่บางส่วนเท่านั้นที่พัฒนาไปแล้ว
อย่างบ้านของคุณมาร์คที่มีฟอร์นิเจอร์หรูหรากว่าหลังอื่น แล้วก็ยังดีที่ที่นี่มีสนามบิน
แต่พาหนะภายในกลับมีแค่รถม้า”
“อ่อออ”
“ฉันพยายามช่วยเขต 5 พัฒนาอยู่ ทั้งเสนอเรื่องธุรกิจ
แล้วก็เสนอรถยนต์ให้กับเขต 5 ใช้แทนรถม้า อย่างตอนนี้ไง
รถยนต์ที่เรานั่งอยู่คือรถยนต์คันแรกที่เขต 5 รับมาจากเขต 1
อีกเดี๋ยวก็มีการสร้างถนน ติดตั้งเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
เปลี่ยนกระท่อมเป็นบ้านหลังใหญ่ๆ มีที่ทำงานเป็นตึกสูงหลายๆ ชั้น แล้วก็...#?$EW#$@#!@#$” แบมแบมหันหน้าออกไปนอกรถยนต์
โดยที่จองกุกก็เอาแต่พูดถึงแผนการพัฒนาเขตเป็นต่อยหอย
คนตัวเล็กรู้ดีว่าถ้าเข้ามาเรื่องธุรกิจแล้ว จองกุกก็สาดแร็ปธุรกิจใส่เขาราวกับเขื่อนแตก
“เออ ใช่! นายมีเบอร์เนียร์ฮยองใช่รึเปล่า? ขอหน่อยดิๆๆ”
“ได้ๆ แปปนะ...อ่านี่” จองกุกยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฎเบอร์ของจูเนียร์ให้แบมแบมดู
ร่างบางเมมชื่อพี่ชายคนรองเสร็จก็กดเข้าแอพลิเคชั่นไลน์
เพราะจองกุกเคยบอกว่าถ้าเขามีเบอร์ของใครในโทรศัพท์ ก็จะมีไลน์ของคนๆ นั้นด้วย
คนตัวเล็กยิ้มให้กับชื่อแปลกๆ
ของจูเนียร์ สักพักก็มีการแจ้งเตือนเข้ามาจากรายชื่อเพื่อน
ร่างบางกดเข้าไปดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว
ชื่อผู้ใช้ของใครบางคนเด้งขึ้นมาถัดจากจูเนียร์ไม่กี่นาที
แบมแบมมองรูปโปรไฟล์น่ารักๆ สีน้ำตาลที่เป็นรูปของหมีบราวน์
ก่อนจะเหลือบมองชื่อโปรไฟล์ที่เขาไม่รู้จัก
...BB Kung?...
ร่างบางยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อใต้ชื่อปรากฎข้อความว่า ‘เพิ่มคุณจากหมายเลขโทรศัพท์’
...แล้วคุณ BB Kung มีเบอร์โทรศัพท์เราได้ยังไง?...
ร่างบางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
แต่ก็ต้องปิดหน้าจอลงเมื่อรถยนต์มาจอดเทียบกับสนามบิน
คนขับรถลงมาเปิดประตูให้เขาและจองกุก ก่อนที่จองกุกจะจูงมือเขาเดินเข้าไปด้านใน
โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้คนรถยกและลากกระเป๋าตามมาด้วย
“แบม? ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะ โอเคป่ะเนี่ย?”
“อะ...โอเค เราจะไปกันรึยังเหรอ?”
“เหมือนคุณฮันบินจะยังไม่มานะ คุณมิโนบอกว่าเมื่อคืนเขาโดนลอบทำร้ายน่ะ
วันนี้ก็เลยต้องใช้เวลาออกจากบ้านนานหน่อย”
“ลอบทำร้ายเหรอ? แล้วทำไมไม่ให้ฮันบินฮยองนอนพักอยู่บ้านล่ะ”
“ก็เขาบอกว่าอยากจะมาช่วยคุ้มกันนายระหว่างที่ฉันประชุมน่ะ” แบมแบมเงียบลงทันตา ร่างบางไม่สามารถพูดอะไรตอบกลับไปได้
เรียกว่าเขินรึเปล่านะ? ไม่ม้างงงง
ก็แค่ไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก
“เออ แบมแบม ฉันคงไม่ได้นั่งข้างนายนะตอนอยู่บนเครื่อง
ฉันต้องนั่งรวมกับคุณมิโน แล้วก็คนอื่นๆ ตรงโซนประชุม
แต่ฉันจัดให้นายนั่งข้างคุณมาร์คกับคุณฮันบินไปแล้ว โอเคป่ะ?”
“อ่า โอเค...แล้วเราไปกี่วันเหรอ?”
“ก็ยังไม่แน่ชัดเรื่องเวลากลับนะ ถ้าประชุมเรื่องธุรกิจเสร็จวันไหน
ก็กลับวันนั้นแหละ”
“โอเค” แบมแบมจบบทสนทนากับจองกุกเมื่อเจ้าชายเขต 1
ถูกมิโนลากตัวไปคุยด้วยเรื่องธุรกิจอีกเช่นเคย นัยน์ตากลมสอดส่องมองหาผู้พันประจำเขตที่น่าจะมาถึงแล้ว
“มาร์คฮยอง!” แบมแบมเรียกผู้พันที่เดินเข้าไปในห้องน้ำสนามบิน
ร่างบางเดินตามเข้าไป ก่อนจะพบกับมาร์คที่กำลังจัดเนกไทของตัวเองหน้ากระจก
ร่างโปร่งสบตากับแบมแบมในกระจกก่อนที่จะยิ้มบางๆ
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ คุณแบมแบม” แบมแบมยืนนิ่งอยู่กับที่ในขณะที่มาร์คก้มหัวให้เขาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินผ่านตัวเขาไป
ร่างบางรู้สึกเหมือนกับโดนตบหน้าแรงๆ ด้วยคำพูดของอีกคน
...มาร์คฮยองรู้แล้ว
รู้ทั้งหมดแล้วสินะ...
“เพราะแบบนี้ไง ถ้าไม่รู้จักกันมากกว่าชื่อก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก” ร่างบางพูดกับตัวเอง ก่อนจะล้างหน้าที่เริ่มมีหยาดน้ำตาไหลออกมาเบาๆ
“คุณฮันบินโอเครึเปล่าครับ น่าอิจฉานะครับ ขนาดหน้าช้ำแล้วยังหล่อได้อีก”
จองกุกพูดขำๆ แต่คิมฮันบินก็ทำแค่หัวเราะเล็กน้อยและยิ้มบางๆ
โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ร่างสูงนั่งนิ่งบนเบาะเครื่องบินริมทางเดิน ก่อนที่จะเหลือบตาไปมองแบมแบมที่นั่งเงียบข้างๆ
มาตั้งแต่ขึ้นเครื่อง
...เป็นอะไร...
นึกอยากจะถามออกไปแต่ก็ไม่กล้า
เขาแค่อึดอัดและไม่ชินกับแบมแบมโหมดนี้เท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าแบมแบมคงจะหายเอง
ฮันบินเหลือบไปมองมาร์คที่นั่งติดริมหน้าต่างเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่มาร์คก็ทำแค่ส่ายศีรษะแบบส่งๆ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
เวลาผ่านไปนานหลายนาที
หลังจากกินอาหารบนเครื่องบินเสร็จ หนังท้องตึงหนังตาหย่อน
แบมแบมก็เริ่มเข้าสู่โหมดชาตพลังงานทันที ร่างบางโงนเงนไปมาเหมือนหาที่พักพิง
แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะก้มหน้าหลับลงกับเข่าตัวเอง
คิมฮันบินมองแบมแบมที่นั่งฟุ่บลงกับเข่าตัวเอง
ร่างสูงสะกิดอีกคนแล้วถาม
“ทำแบบนั้นมันเมื่อยนะ ถ้าตื่นขึ้นมานายจะ...เอ่อ...เธอ...คุณ
คุณจะปวดคอได้นะ”
“…”
เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ตอบ คิมฮันบินก็จัดการดึงร่างบางเข้ามาใกล้ๆ
แล้วปล่อยให้หัวของแบมแบมซบลงตรงไหล่เขา ผู้หมวดยิ้มบางๆ
เมื่อได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะของคนตัวเล็ก
“ฮะ...ฮยอง”
“...”
“มาร์คฮยอง...” ฮันบินมองแบมแบมที่ละเมอพูดออกมา
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม “มาร์คฮยอง...กลับมาเป็น...เหมือนเดิมเถอะนะ”
“…”
“แบม..ขอร้อง”
พลั่ก!
คิมฮันบินผลักหัวของแบมแบมไปกระแทกกับไหล่มาร์คจนแบมแบมสะดุ้งตื่น
ร่างบางไม่ได้เอะใจอะไรก่อนที่จะหลับคาไหล่มาร์คต่อไป
โดยที่ผู้หมวดทำได้แค่หยิบหนังสือพิมพ์ออกมาอ่าน
...ฉันไม่ใช่พ่อสื่อ
ถ้าอยากจะบอกก็บอกเอาเองแล้วกัน...
“เหอะ คิดบ้าอะไรอยู่วะ คิมฮันบิน”
[แบมแบมฉันสั่งให้คนรถขึ้นไปจัดห้องให้นายแล้วนะ
ส่วนห้องของฉันจะอยู่ชั้นสี่ ถ้ามีอะไรก็ขึ้นไปได้นะ
แล้วก็ห้องของคุณมาร์คกับคุณฮันบินคือห้องที่อยู่ถัดจากนายเลย พวกเขาจะอยู่ตลอด 24
ชั่วโมง ระหว่างที่ฉันไม่อยู่คุณมาร์คกับคุณฮันบินจะคอยช่วยนายเอง แล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้อยู่พานายไปส่งถึงที่พักนะ
พอดีว่าฉันต้องรีบไปประชุมน่ะ แล้วจะซื้อขนมไถ่โทษให้นะ ซารางฮาจา <3]
แบมแบมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเสียงฝากข้อความสิ้นสุดลง
เขาลืมเปิดโทรศัพท์ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน กระทั่งตอนนี้ก็ปาไป 5 โมงเย็นแล้ว แบมแบมมองมาร์คที่ยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วมองมาทางเขาด้วยใบหน้าเย็นชา
รวมถึงคิมฮันบินก็เช่นกัน
...ใจเย็นน่าแบมแบม...
“ฮันบินฮยองกับมาร์คฮยองไม่จำเป็นต้องตามแบมมาก็ได้นะ
ที่พักอยู่ใกล้แค่นี้เองแบมเดินกลับเองได้”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะเป็นคำสั่งของคุณจองกุก” แบมแบมกัดฟันแน่นอย่างใจเย็น
เขารู้สึกแย่กับคำว่า ‘ครับ’ และสีหน้าเย็นชาของผู้พันมาร์ค
รวมถึงน้ำเสียงที่เริ่มตีตัวออกห่าง
“เพราะถ้าคุณแบมแบมเป็นอะไรขึ้นมาก็คงแย่ คุณจองกุกเป็นห่วงคุณมากนะครับ”
“แล้วฮยองสองคนล่ะเป็นแบบจองกุกรึเปล่า?”
“…”
“เลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ แบมอึดอัดนะที่ฮยองทั้งสองคนเริ่มไม่เหมือนเดิม”
แบมแบมรวบรวมความกล้าก่อนที่จะพูดออกไป แต่ผลที่ได้กลับมากลับเป็นเพียงความเงียบจากทั้งสองคนตรงหน้าเท่านั้น
...โอเค
เข้าใจแล้ว...
แบมแบมกำหมัดแน่นก่อนที่จะดันตัวเองขึ้นจากม้านั่งในเขตสวนสาธารณะ
แล้วเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไร แน่นอนว่าทั้งมาร์คและฮันบินก็เดินตามเขาไป
ฮันบินเริ่มพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“คุณแบมแบมอยากทานอะไรอีกรึเปล่า
เดี๋ยวผมจะไปหามาให้”
“…”
“รึว่าอยากกลับที่พักแล้ว”
“ไปให้พ้นๆ เลย”
“…”
“แบมโคตรเกลียดพวกพี่สองคนเลยว่ะ!!
ออกไปให้พ้น!!” แบมแบมผลักมาร์คและฮันบินที่เดินขนาบอยู่ข้างหลังให้ออกห่าง
ร่างบางทำท่าจะวิ่งหนีออกมาแต่คิมฮันบินรั้งข้อมือบางเอาไว้ก่อน
ตากลมสบตากลับนัยน์ตาคมที่เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่คิมฮันบินกลับไม่พูดอะไรออกมา
“ผ่อนเบาลงบ้างนะ ฮันบินฮยอง...มาร์คฮยอง...”
“...”
“สมองน่ะ...ใช้มากไปมันก็ไม่ดีหรอก” แบมแบมสลัดมือของฮันบินที่รั้งข้อมือเขาอยู่ออก
ก่อนจะวิ่งออกมาจากตรงนั้น
เมื่อเห็นว่าวิ่งออกมาไกลพอควรร่างบางจึงยืนหลบอยู่หลังต้นไม้แล้วหอบหายใจ
พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้วแต่เขากลับทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาไม่ยอมกลับบ้าน
แบมแบมรู้สึกแย่ไม่น้อยที่เขาฉุนแล้ววิ่งออกมา แต่ก็ไม่อยากอยู่ตรงนั้นเพราะเขาอึดอัดที่จะต้องมองหน้าผู้พันและผู้หมวดทั้งสองคน
“เดี๋ยวค่อยกลับไปแล้วกัน” แบมแบมถอนหายใจออกมาเบาๆ
ก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงข้างที่มีโทรศัพท์อยู่
ร่างบางมองหน้าจอที่มีแอพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมาบอกว่า ‘คุณได้รับข้อความใหม่’
“ใครไลน์มาอ่ะ? จองกุกประชุมเสร็จแล้วเหรอ? ไม่น่าจะไวขนาดนี้นี่” แบมแบมเลื่อนกดเปิดข้อความที่เด้งขึ้นมา ปรากฎให้เห็นหน้าต่างแชทของใครบางคนที่ส่งข้อความมาให้เขา
...ดะ
เดี๋ยวนะ ทำไม...
BB Kung : นายกำลังเหงาอยู่รึเปล่า นกน้อย? :D
Spoil :: Chapter : 14
‘BB
Bird : บีบีคุงฮยองผมอยากเห็นหน้าฮยองจัง ^^
อยากฟังเสียงด้วย ฮยองอยู่เขตไหนเหรอ เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ยฮะ? คือว่าผมเรียกตัวเองว่าแบมได้มั้ย >O<’
‘BB
Kung : ใจเย็นๆ นะ นกน้อย = =^ เดี๋ยวฉันจะส่งรูปฉันไปให้
รอแปปนะ’
‘BB
Bird : โอเคครับ’
‘BB
Kung ส่งรูปภาพถึงคุณ’
พรึ่บ!
‘…’
‘…’
‘อ๊ากกกกกก!!!!! หล่อมากกกกกก!!!!’
.
.
.
‘นั่นจะไปไหน?!’
‘ขึ้นเสียงใส่ผมทำไม? คุณต้องพูดดีๆ
ตามที่จองกุกสั่งไม่ใช่เหรอ?’
‘แบมแบม!’
‘เรียกผมว่า ‘คุณ’ สิครับ
คุณต้วนอี้เอิน’
.
.
.
‘เมื่อกี้ที่ฮยองจูบแบม ฮยองรู้สึกยังไงเหรอ…’
‘…’
‘…’
‘ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย’
ความคิดเห็น