คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : FSK : 10
10
“หืมมม ทำไมคุ้นๆ
นะ”
“...”
“นี่มันทะเลสาบที่จุนฮเวเคยพามานี่นา!!”
แบมแบมตะโกนเสียงดังเมื่อนึกได้ว่าที่ที่มาร์คพามาตกปลาวันนี้คือทะเลสาบที่จุนฮเวเคยพาเขามา
และก็เป็นทะเลสาบที่สามารถมองลงมาเห็นได้จากบ้านของมาร์คด้วย
“เมื่อกี้นายว่าไงนะ”
“เอ่อ...คือ เปล่าครับ...แบมแค่...เอ่อ”
“นายมีสัมพันธ์ลับๆ
กับจุนฮเวงั้นเหรอ?!” มาร์คจ้องแบมแบมเขม็ง
ร่างบางได้แต่ก้าวถอยหลังพรืดเมื่อมาร์คทำหน้าเหมือนจะจับส่งเขาเข้าคุกอย่างวันแรก
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะมาร์คฮยอง
คือจุนฮเวน่ะ...จุนฮเวเป็นคนดีจริงๆ นะ”
“นายติดต่อกับพวกทิฟจริงๆ
ด้วย พวกนั้นเป็นคนเลวนะไม่รู้เหรอ”
“โห้ย มาร์คฮยอง
ฟังแบมก่อนสิ จุนฮเวเป็นคนดีจริงๆ นะ ตอนที่เจอจุนฮเวครั้งแรกอ่ะ
แบมเป็นลมเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่กองกำลังทิฟบุก
แล้วจุนฮเวก็อุตส่าห์ให้แบมขี่หลังด้วยแหละ แถมยังคุยกับแบมเหมือนเพื่อนเลย
ไม่เคยทำร้ายแบมด้วย”
“นั่นมันก็แค่กลลวงต่างหาก
นายไว้ใจหมอนั่นไม่ได้หรอก”
“ไว้ใจได้สิมาร์คฮยอง
จุนฮเวยังเคยบอกเลยว่าเขาอยากเป็นทหาร” แบมแบมถกขากางเกงขึ้นก่อนจะเอาขาหย่อนลงไปในน้ำ
ผู้พันมาร์คยังคงง่วนอยู่กับเบ็ดตกปลาก่อนที่เขาจะตอบเมื่อหย่อนเบ็ดลงในทะเลสาบ
“นายไม่รู้เหรอว่าจุนฮเวเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”
“ไม่รู้หรอก
รู้แค่ว่าพี่ของจุนฮเวเป็นหัวหน้ากองกำลังทิฟ...” แบมแบมนึกย้อนไปถึงเมื่อตอนที่เขาโดนซ้อมจนบาดเจ็บหนัก
ในตอนนั้นคนที่จะฆ่าจะแกงเขาก็คือฮวงจื่อเทาพี่ชายของจุนฮเว
“มันอันตรายมากรู้รึเปล่า
ถ้านายไปยุ่งกับคนแบบนั้น ยิ่งถ้านาย...”
“พอเถอะน่าฮยอง
ผม...แค่ไม่อยากเอาฐานะของคนอื่นมาเปรียบเทียบ”
“…”
“การที่เราเกิดมาทั้งที่เลือกเกิดไม่ได้มันโคตรน่าอึดอัดเลย
อย่างจุนฮเวที่ต้องคอยระวังไม่ให้ถูกทหารในเมืองจับ หรือแม้กระทั่งตัวแบมเองก็ตาม...”
มาร์คเหลือบตามองแบมแบมที่มองออกไปสุดริมทะเลสาบ ร่างโปร่งไม่ได้พูดหรือถามอะไรไปมากกว่านั้น
เพราะว่าเขาเข้าใจในคำบอกเล่านั้นดี...
“มาร์คฮยองนี่มีพรสวรรค์เนอะ เก่งไปหมดทุกด้านเลย” แบมแบมพูดขึ้นหลังจากที่มาร์คตกปลาขึ้นมาได้ตัวแล้วตัวเล่า
จนมันเต็มถังไปหมด
“นายก็ชอบอวยฉันตลอดเลย
เป็นอะไรเนี่ยห๊ะ?”
“ก็เป็นแฟนของมาร์คฮยองไง”
“ห๊ะ?!!” ผู้พันมาร์คแทบจะปล่อยเบ็ดตกปลา
ใบหน้าหล่อหันมองคนตัวเล็กที่มองมาที่เขาตาแป๋ว “เมื่อกี้นายพูดอะไรออกมานะ?”
“ก็เป็นแฟน...”
“เดี๋ยว! ทำไม?
ทำไม...นาย...ถึง...เอ่อ”
“ร้อนเหรอฮะมาร์คฮยอง”
“หะ...หา?”
“ทำไมต้องหน้าแดงด้วยอ่ะ”
มาร์คยิ่งกระวนกระวายเข้าไปใหญ่เมื่อแบมแบมยังคงมองมาที่เขาเช่นเดิม
ผู้พันต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นเมื่อแบมแบมเริ่มหัวเราะอย่างชอบใจ
“แบมเป็นแฟนคลับตัวยงของมาร์คฮยองเลยนะ
ถ้าเพอร์เฟ็คได้เหมือนมาร์คฮยองก็คงดี” มาร์คพ่นลมหายใจออกมาเมื่อแบมแบมให้ความนัยน์ของคำว่า
‘แฟน’ เป็นอีกความหมายหนึ่ง
...อะไรของแกวะไอ้มาร์ค
แฟนอะไรกัน แบมหมายถึงแฟนคลับหรอก โคตรหลงตัวเองเลย...
“ก็ดี” ผู้พันไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ร่างโปร่งเก็บรวบเบ็ดตกปลาพร้อมกับปลาในถังแล้วเดินกลับโดยที่ไม่ได้รอแบมแบมเลยสักนิด
...เปล่างอนนะ
ไม่ได้งอนเลยจริงๆ...
“ทิ้งแบมไว้กลางทางอีกแล้ว” แบมแบมบ่นงึมงำอย่างหัวเสียหลังจากที่มาร์คโดนแจ๊คสันลากตัวไปเพราะประธานาธิบดีเรียกพบ
ราวกับแบมแบมไม่ได้อยู่ตรงนี้ มาร์คไม่หันมาหาหรือบอกอะไรเลยสักคำ
พอรู้ว่าโดนเรียกตัวก็เดินออกไปเลย
“เชอะ เดินเล่นคนเดียวก็ได้ ไม่ง้อมาร์คฮยองหรอก”
แบมแบมกัดฟันพูดอย่างเคืองๆ ทั้งๆ ที่เขากับมาร์คมาซื้อของกลับไปทำอาหารแท้ๆ
แล้วทำไมมาร์คจะต้องโดนเรียกตัวตลอดเลย
...ฮันบินฮยองจะโดนเรียกไปด้วยรึเปล่านะ...
อยู่ๆ
ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาแบมแบมรีบก้าวฉับๆ ไปที่ธรรมเนียบ อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อวานล่ะเพราะน่าจะมีทหารมากวาดๆ
ออกไปบ้างเลยไม่เดินลำบากเท่าไหร่ แปลกตรงที่ว่าทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาวแท้ๆ
ทำไมแถวบ้านมาร์คฮยองถึงไม่มีหิมะตกกันนะ แถมยังตกปลาได้เฉย
...เมืองนี้นี่มันอะไรกัน...
ปึ้ก!
“โอ๊ะ! ขอโทษครับ
ผมไม่ได้มองทาง” แบมแบมหันไปก้มขอโทษขอโพยคนที่เขาเดินชนยกใหญ่
พอเงยหน้าขึ้นมองถึงได้รู้ว่า คนที่เขาชนคือจินฮวานนั่นเอง
“สวัสดีครับพี่จินฮวาน…บะ...บังเอิญจังเลย
พี่มาทำอะไรที่นี่เหรอฮะ?”
“ฉันมากับบีไอ”
“อ่อ ครับ” แบมแบมรู้สึกกดดันเมื่ออีกคนทำท่าทีเฉยเมยแถมยังส่งสายตาเย็นยะเยือกมาให้อีกต่างหาก
“นี่ แบมแบม”
“คะ…ครับ”
“ตามฉันมานี่แปปนึงได้มั้ย
ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
แบมแบมเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
ความเสียวสันหลังวาบไม่ใช่เพราะอากาศที่หนาวเหน็บแต่เป็นเพราะสายตาของจินฮวานที่มองมาด้วยความไม่เป็นมิตร
จินฮวานพาเข้าเดินเข้ามาในตรอกที่แบมแบมจำได้ว่าเขาเคยหลบเข้ามาเจอคิมแทฮยองในนี้
วันนี้คงไม่โชคดีเหมือนวันนั้น...
“แบมแบม…นายรู้จักฉันมาก่อนรึเปล่า”
เป็นคำถามที่ฟังดูแปลก และพาให้แบมแบมไม่เข้าใจไปในเวลาเดียวกัน
ร่างบางส่ายหน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร
“นายไม่รู้จักฉัน
แล้วนายทำร้ายฉันทำไม?”
“พี่พูดเรื่องอะไรน่ะครับ”
“นายรู้จักเจ้าชายจองกุกจากเขต
1 รึเปล่า”
“ทะ...ทำไมล่ะฮะ”
“ฉันถามไง!!” เสียงตะคอกทำให้แบมแบมสะดุ้งตัวโยน
ร่างบางรีบพยักหน้างึกงักทันทีเพราะเดาไม่ออกเลยว่าคนตรงหน้าเคืองอะไรเขา
แล้วจะทำอะไร
...อะไรของเขากันนะ...
“แต่นายก็ไม่รู้จักฉันใช่มั้ย”
“…”
“ถึงนายจะไม่รู้จักฉัน
แต่ฉันก็รู้จักนายนะกันต์พิมุกต์”
“พะ...พี่จินฮวานทำไมถึงรู้ว่า...”
“ก็เพราะแกแย่งจองกุกไปจากฉันไง!
ไอ้หน้าด้าน!” จินฮวานกระชากคอเสื้อแบมแบมจนมันยับยู่ยี่
แบมแบมบีบข้อมืออีกคนเพื่อให้จินฮวานปล่อย แต่มันกลับไม่เป็นผล “ฉันคบกับเขามาตั้งนานแล้ว! แกไม่รู้เหรอ?!”
“ปล่อยผมนะ!”
“แล้วแกก็กำลังจะแย่งมาร์คไปทั้งๆ
ที่แกก็หมั้นกับจองกุกอยู่มันหมายความว่ายังไงวะ?!”
“ผมบอกให้ปล่อยผมไง!
ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!” จินฮวานปล่อยคอเสื้ออีกคนแรงๆ
จนแบมแบมกระแทกลงกับพื้น
“อ่อ ฉันก็ลืมไป
สมบัติของราชวงศ์เขต 7 ทนมือทนเท้าไม่ได้หรอก เป็นนกน้อยในกรงทองมาตลอด 17 ปีสินะ
อยู่กินสบายๆ แย่งสามีคนอื่นเค้าไปทั่ว”
“ผมไม่ได้แย่งนะ!”
“งั้นอธิบายมาสิกันต์พิมุกต์ว่าทำไมจองกุกถึงไปเป็นคู่หมั้นนายได้น่ะ”
“นั่นก็เพราะพี่คริสตายหรอก
ผมไม่ได้แย่งเขามานะ เพราะพี่คริสตายจองกุกก็เลยต้องหมั้นกับผมแทน” แบมแบมเริ่มรู้สึกว่าเขากำลังจะขาดสติ
ร่างบางพูดไปเสียงสั่นไปเพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่เขาไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียวว่าอีกคนต้องการอะไร
“งั้นแสดงว่าถ้าไม่มีแกทุกอย่างก็จะจบสินะ”
จินฮวานหยิบมีดออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินเข้ามาหาเขา
แบมแบมมองมีดนั่นอย่างตกใจก่อนจะกระเถิบถอยหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขากำลังจะตายเหรอ...เขากำลังจะถูกฆ่ารึเปล่า
“ยะ...อย่าเข้ามานะ”
“นายไม่เคยได้ยินว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุเหรอแบมแบม”
“พี่เป็นบ้าไปแล้วนะพี่จินฮวาน!
อย่ามายุ่งกับผม”
“นายควรจะร้องขอชีวิตนะ
ไม่ใช่มาสั่งฉัน”
“ผมจะฟ้องฮันบินฮยอง! ผมจะบอกฮันบินฮยองว่าพี่จะฆ่าผม!”
“งั้นเหรอ? นายคิดว่าฉันที่อยู่กับเขามาเกือบสองปีกับนายที่เจอแค่ไม่กี่เดือนเขาจะเชื่อใครกันล่ะ?”
“ฮันบินฮยองต้องเชื่อผม!”
จินฮวานหยุดนิ่งอยู่กับที่มองแบมแบมที่ตัวสั่นแล้วน้ำตาไหลพราก
เสียงตะโกนด้วยความมั่นใจในประโยคสุดท้ายของแบมแบมทำให้จินฮวานยกยิ้มมุมปากขึ้น
“อะไรกัน นายชอบบีไองั้นเหรอ”
“ผม...ผม...”
“เหอะ
ฉันก็นึกว่านายสนิทกับมาร์คมากกว่านะเนี่ย ที่ไหนได้ก็แค่ชอบคนมีเจ้าของหรอกเหรอ”
“…”
“ขอโทษนะ
แต่คนนี้น่ะ ฉันไม่ให้หรอก” จินฮวานเก็บมีดเข้ากระเป๋า
เขายิ้มอย่างผู้ชนะก่อนที่จะเดินออกไปจากตรอก
“จินฮวานฮยอง สวัสดีครับ” ยูคยอมเดินเข้าไปสวัสดีรุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอมานาน ร่างสูงกับจินฮวานพูดคุยถึงสารทุกข์สุกดิบต่างๆ
นานาตามประสาพี่น้องที่สนิทกันมาก่อน ก่อนที่คิมยูคยอมจะสังเกตเห็นแบมแบมอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของหน้าธรรมเนียบ
เพื่อนตัวสูงยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปทัก
“ไง แบมแบม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“…”
“แบมแบม?” ยูคยอมก้มหน้าเช็คสีหน้าของเพื่อนตัวเล็กที่เอาแต่ปั้นหน้านิ่งไม่พูดไม่จาอะไรและเหม่อลอย
รึบางทีแบมแบมอาจจะโกรธเขาเรื่องที่ไม่ยอมมาหากันจนจะเดือนหนึ่งอยู่แล้ว
แกรก
“จิน” เสียงผู้หมวดฮันบินเรียกจินฮวานที่นั่งรอเขาเกือบครึ่งชั่วโมงได้
คนตัวเล็กบ่นนิดบ่นหน่อยแต่นั่นก็ทำให้ฮันบินยิ้มกับท่าทางงอนๆ ของอีกคน
การกระทำทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของแบมแบม
“บีไอฮยอง!”
“เออ
ไม่กลับบ้านเลยนะนาย”
“ฮ่าๆ ขอโทษครับ
พอดียองแจมันให้อยู่เป็นเพื่อนน่ะ” คิมฮันบินส่ายหัวอย่างเอือมระอายูคยอม
ก่อนจะหันไปสบตากับแบมแบมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงไม่ได้พูดทักทายอะไรเพราะเขาไม่รู้ว่าจะชวนคุยยังไงดี
เช่นเดียวกับแบมแบมที่สมองโล่งคิดอะไรไม่ออก
“จิน กลับกันเถอะ”
“ไม่มีธุระอะไรแล้วเหรอ”
“อืม
ว่างทั้งวันเลย...” ฮันบินพูดเสียงค่อยลงมองคนตัวเล็กที่เขย่งเท้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา
ก่อนที่ริมฝีปากนิ่มนั่นจะแตะกับริมฝีปากเขาไม่กี่วินาทีคนตรงหน้าก็ผละออก
ความเงียบเข้าครอบงำทันที
จินฮวานยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ฮันบินก็กำลังงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ร่างสูงถามจินฮวานเสียงเบาว่ามีอะไรรึเปล่า
แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือส่ายหัวเล็กน้อย จับมือเขาแล้วเดินออกมา
ทิ้งให้แบมแบมกับยูคยอมมองตามหลังทั้งสองคนที่เดินจากไปด้วยความเงียบ
“แบมแบม นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่า แบมไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
“บะ...แบบไหนล่ะ”
แบมแบมเม้มปากก่อนจะก้มหน้าลง มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหน้าตัวเอง
ความรู้สึกแฉะชื้นบริเวณฝ่ามือยิ่งทำให้เขารู้สึกหนาวเข้าไปอีก
แบมแบมพยายามกลั้นทั้งน้ำตาและเสียงสะอื้นจนเขารู้สึกเกร็งหน้าอกและคอไปหมด
ร่างบางพยายามสลัดภาพทั้งหมดที่เพิ่งเห็นออกไปจากหัว
แต่เหมือนยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งเด่นชัดขึ้นมาในจิตใจมากเท่านั้น
“แบมแบม นายร้องไห้ทำไม?!”
ยูคยอมที่ตกใจเมื่ออยู่ๆ อีกคนก็ร้องไห้ออกมา ร่างสูงทำได้แค่เพียงลูบหลังอีกคนเบาๆ
“ฮึก…ยูค...ฮึก
ทำไมมันเจ็บจัง เจ็บเหมือนกำลังจะตายเลย ฮึก...แบมไม่อยากร้องไห้เลยยูค
ฮือ...ทำไมล่ะ...ทำไมแบมต้องร้องไห้ล่ะยูค...ทำไมน้ำตามันถึงไหลลงมาเองล่ะ”
“แบม…”
“ทำยังไงให้ความรู้สึกนี้มันหายไปล่ะยูค…ฮึก...แบมไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย”
ร่างบางทั้งปาดน้ำตาทั้งทึ้งผมตัวเองจนยูคยอมอดห่วงไม่ได้
ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกคนเป็นอะไรแต่สัญชาตญาณความเป็นเพื่อนก็ย่อมอยากช่วยให้อีกคนลืมความทุข์นั้นไป
“แบมอยากลืมเรื่องพวกนั้นรึเปล่า”
“อยากสิ...ฮึก...อยากเอามันออกไปจะแย่อยู่แล้ว...ฮึก”
“ฉันมีอยู่วิธีหนึ่งนะ
นายจะลืมมันไปเลย”
“อะไรเหรอ”
แบมแบมมองยูคยอมด้วยดวงตาแดงก่ำ เพื่อนตัวสูงยิ้มน้อยๆ
พร้อมก้มดูนาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายกว่าๆ
“นายอยากลองเข้าผับของที่นี่มั้ยล่ะ...รับรองว่านายจะลืมทุกอย่าง
โดยเฉพาะเรื่องที่อยากลืม”
...ลืมจริงๆ
น่ะเหรอ...
แบมแบมมองตัวเองในกระจกร้าน
Sebastein Suit คนตัวเล็กหันหน้าไปมาจนเซโล่เจ้าของร้านมึนแทน
แต่ก็อดทึ่งในฝีมือตัวเองไม่ได้ที่เปลี่ยนไอ้เด็กที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์นี่มาเป็นเซ็กซี่น่าค้นหาได้อย่างแตกต่างกันลิบลับ
เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดบน
กางเกงขายาวที่ทำให้ขานั่นดูเรียวเล็กยิ่งดูดีเมื่อคาดเข็มขัดสีน้ำตาลมียี่ห้อไว้ตรงเอวบาง
รองเท้าหนังมีส้นคล้ายๆ ผู้หญิงทำให้แบมแบมดูสูงขึ้นและดูสง่า
แต่อะไรจะไปเทียบเท่ากับทรงผมซอยสั้นข้างแล้วเซตเล็กน้อยสีดาร์กมะฮอกกานี้บราวน์
รวมถึงใบหน้าเรียวที่กรีดอายไลน์เนอร์และใส่คอนแทคเลนส์สีเทา
...โอ้ววว
เซ็กซี่...
“พี่เซโล่ฮะ ผม…ผมว่ามันแปลกๆ”
“แปลกตรงไหนห๊ะ
นี่แหละหล่อเฟ่อร์ นายดูเท่จะตาย ดูเซ็กซี่มากด้วย ทำไมฉันถึงได้เก่งแบบนี้นะ
จับหมามาเปลี่ยนเป็นสิงห์ได้นี่ เมพจริงๆ ฮ่าๆๆ”
…พูดอะไรเกรงใจลูกค้าบ้างก็ได้นะครับ
-_-...
“แต่พี่ครับ ผมรู้สึกไม่มั่นใจยังไงก็ไม่รู้ ดูไม่เหมือนตัวเองเลย” แบมแบมพูดเสียงเอื่อยแล้วมองดูเงาตัวเองในกระจกไม่ละสายตา
ราวกับว่าผู้ชายตรงหน้านี่คือใคร
“นายมีของดีก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์สิ”
“ผมไม่เห็นว่าจะมีอะไรดี”
“ไม่มีอะไรดีตรงไหนห๊ะ
นี่ถ้านายเดินออกจากร้านไปเชื่อฉันได้เลยว่าทุกคนต้องหันหลังมองตามตาถล้น”
“เหวอ
งั้นผมไปเปลี่ยนดีกว่า”
“เห้ยๆๆ ได้ไง ใส่ๆ
ไปเถอะ เนี่ยเฟี้ยวจะตาย ฉันว่าฉันดูดีแล้วนะ จะยกให้นายดูดีกว่าก็ได้”
“แต่ว่าพี่...”
“ห้ามเถียงเว้ย!
เชื่อฉันแต่งแบบนี้แหละปังมาก! ดีไซเนอร์จากฝรั่งเศสแบบฉันขอยืนยัน!” เซโล่ผลักแบมแบมให้ก้าวไปที่หน้าร้านแต่ร่างบางกลับรั้งตัวเองไว้แล้วไม่ยอมออกจากร้าน
“ไม่เอาอ่ะ! ผมไม่กล้าออกไป”
“จะกลัวอะไรนายดูดีซะขนาดนี้
โดดเด่นจะตายไป”
“นั่นแหละครับผมถึงไม่อยากไป...” แบมแบมสะดุ้งเสียงกระดิ่งหน้าร้าน ก่อนจะหันไปมองคนที่เปิดประตู
ร่างบางเบิกตาขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นยูคยอมที่เดินเข้ามา
“พี่ เอาทรงที่เคยตัดประจำนะ...ว้าว”
ยูคยอมมองแบมแบมที่ยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วยิ้มแหยๆ ให้กับเขา
ร่างสูงมองอีกคนหัวจรดเท้าต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะพูดอะไร “พะ…พี่
ทำยังไงให้แบมแบมเป็นอย่างนี้เนี่ย?”
“ดูดีใช่มั้ยล่ะ!
เห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่าดูดี!” ประโยคหลังเซโล่หันมาบอกกับแบมแบม
ก่อนจะหันกลับไปถามยูคยอมอีกคำถาม “นายช่วยพูดในสิ่งที่เห็นหน่อยได้รึเปล่า
อธิบายความเป็นศิลปะที่ฉันสรรสร้างให้ไอ้เด็กไม่มั่นใจในตัวเองนี่ให้เค้าฟังหน่อยสิ”
“ก็...” ยูคยอมหันกลับไปมองเพื่อนจากต่างถิ่นอีกครั้ง
ร่างสูงไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น
...เขินอะไรของนายเนี่ยคิมยูดยอมมม?!...
“นายดูสูงขึ้นนะ…อ่า...ดูดีมาก ก็เท่ดี คือ...สวยอ่ะ
สวยแล้วก็เท่...มัน...มันดูเซ็กซี่นะ เอ่อ...พยายามอย่ายิ้มให้ใครที่นั่นล่ะ”
“หะ...ห๊ะ”
“ฉันหมายถึง...ถ้ามีคนตามนายมาถึงที่บ้าน
ฉันไม่รู้ด้วยนะ”
08.30 P.M
เสียงเพลง Dj got us falling in love ของ Ushar ดังสนั่นผับประจำเขต 5
หรือที่ผู้คนในเขตเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า ‘Forgotten Pub’ สถานที่เริงรมณ์ที่ทำให้ทุกคนลืมเรื่องแย่ๆ
ที่ตนประสบพบเจอแล้วปล่อยตัวปล่อยใจไว้ในคืนนี้ แน่นอนว่าต้องอายุมากกว่า 16 ปี
เนื่องจากประชากรน้อยจึงลดอายุลงมาถึง 16 ปี จากอายุ 18 ปี
“ทำไมถึงอยากมาล่ะจิน” คิมฮันบินเอ่ยถามคนข้างๆ
ที่กระดกแก้วมาร์ตินี่ลงคอเหมือนไม่รู้สึกอะไร จินฮวานถือว่าเป็นคนคอแข็งมากถ้าเทียบกับบรรดานักดื่มหลายๆ
คน
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน
อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นที่ที่เราเจอกันครั้งแรกก็ได้”
“แต่จินก็รู้นี่ว่าที่นี่มีพวก...”
“เอาน่า มีบีไออยู่จะกลัวอะไร” จินฮวานหันกลับไปมองคิมฮันบินที่ยิ้มกลับเขาเล็กน้อย
คิมฮันบินที่ปกติแทบจะแต่งตัวในเครื่องแบบอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้ดูดีมากด้วยเสื้อเชิ้ตสบายๆ
กับทรงผมที่เซตเล็กน้อยแค่นั้นก็ชวนให้มองแล้ว
“จินยังจำได้เลยว่าในตอนนั้นมาร์คก็อยู่ด้วย หมอนั่นดูดีมากเมื่ออยู่ในสถานที่แบบนี้”
“จะพูดถึงมันทำไม”
“ทำไมล่ะ บีไอกับมาร์คก็เคยสนิทกันนี้
แต่น่าเสียดายนะที่ในตอนนั้นคิงประจำ Fogotten Pub เป็นมาร์ค ไม่ใช่บีไอน่ะ”
“ฉันไม่อยากได้ตำแหน่งพวกนั้นหรอก ตำแหน่งที่วัดกันแค่รูปร่างภายนอก”
จินฮวานยักไหล่เล็กน้อยเหมือนไม่ได้ใส่ใจที่ฮันบินพูดสักเท่าไหร่ ร่างสูงมองผู้คนที่ค่อยๆ
เดินเข้ามาจนแน่นผับ อาจเพราะว่าผับนี้เปิดเฉพาะฤดูหนาว
และวันนี้ก็เป็นวันแรกของปีที่เปิดด้วยคนก็เลยแห่กันมาตรึม
...ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ...
แบมแบมบ่นในใจมาตลอดทางจนกระทั่งเดินมาถึงประตูหน้าทางเข้าผับโดยที่มียูคยอมเดินจูงอยู่ข้างหน้า
ในขณะร่างบางได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตามองผู้คนที่เดินสวนระหว่างทาง
ยิ่งเดินเข้าใกล้ผับมากเท่าไหร่คนก็ยิ่งเยอะ
“แบมแบมนายเลิกก้มหน้าสักทีเถอะ” ยูคยอมลากแบมแบมมาถึงหน้าผับก่อนที่จะปล่อยมือ
แล้วบอกให้อีกคนเงยหน้าขึ้น
“แต่ยูค…แบมไม่ชินอ่ะ
แบมไม่เคยเข้าไปในนั้นเลยด้วย แล้วในนั้นมันจะมีอะไรบ้างแบมยังไม่รู้เลย”
“มันก็มีเพลงแดนซ์มันส์ๆ นั่นแหละ
มีเครื่องดื่มที่จะทำให้นายอารมณ์ดี มีผู้คนมากมายที่เราจะได้ทำความรู้จัก...”
“เฮ้! เธอตรงนั้นน่ะ...” ทั้งแบมแบมและยูคยอมหันกลับไปมองตามสียงเรียก
ก็พบว่าเป็นกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งประมาณ 5 คน อายุน่าจะมากกว่าพวกเขาสองสามปีได้ “คนที่หน้าสวยๆ เสื้อเชิ้ตดำอ่ะ ชื่อไรเหรอ?”
“เอ่อ...”
“จีบได้ป่ะ?” เสียงฮิ้วของเพื่อนๆ
ในกลุ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะยิ่งทำให้แบมแบมทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะพูดอะไร
ยูคยอมโอบไหล่แบมแบมก่อนจะดึงเข้ามาใกล้ๆ แล้วจ้องพวกรุ่นพี่เขม็ง
“อะไรวะยูค
เด็กมึงเหรอ?”
“หาพี่ลู่หานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปซะล่ะ”
“มึงพูดอย่างนี้กับรุ่นพี่เหรอคิมยูคยอม”
“ผมพูดอะไรเหรอรุ่นพี่โอเซฮุน” แบมแบมยิ่งรู้สึกกดดันมากกว่าเดิมเมื่อบรรยากาศอบอวลไปด้วยอารมณ์แห่งความเลือดร้อน
แบมแบมต้องเป็นฝ่ายรีบลากยูคยอมเข้ามาในผับแทน
ร่างบางรีบปิดหูเพราะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอย่างไม่ตั้งตัวในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆ
ปรับตัวให้ชินกับเสียงเพลง
“นายน่าจะให้ฉันได้ปล่อยหมัดใส่มันสักเปรี้ยงนะ”
“อย่าเลยยูค ยูคก็เห็นว่าพวกพี่เขาดูน่ากลัวจะตาย”
แบมแบมผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่ต้องเห็นเพื่อนตัวเองโดนรุมโทรมอยู่ข้างนอก
“เอ้อ ฉันเพิ่งรู้ว่านายย้ายไปอยู่กับผู้พันมาร์คนี่
ทำไมล่ะ”
“เรื่องมันยาวอ่ะ”
“อ่า ไม่เป็นไร...แล้วนี่บอกผู้พันรึยังว่าจะมาผับ?”
“ต้องบอกด้วยเหรอ?”
“เฮ้ย! นายไม่ได้บอกเหรอ?!”
“ก็ยังไม่เจอมาร์คฮยองเลยนี่นา”
“ตายแล้วแบมแบม...” ยูคยอมพ่นลมหายใจแล้วเอามือตบหน้าผาก
ไม่ตายวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปตายวันไหน
แล้วนี่ถ้ามาร์ครู้ว่าเขาพาแบมแบมมาเปิดโลกกว้างในผับนี่ไม่จับเขาไปฆ่าแกงเลยเหรอ
ขนาดตอนที่แบมแบมจะชิ่งเข้าป่าตอนนั้นยังโหดใส่เขาเลย
“ยูคๆๆ ตรงนั้นน้ำอะไรอ่ะ?! น่ากิน!” ยูคยอมมองตามนิ้วมือของแบมแบมที่ชี้ไปที่บาร์เครื่องดื่มแล้วกลืนน้ำลาย
“เอ่อ...”
“อยากกินอ่ะ! ไปกินกันเถอะๆ!” ไม่ทันไรยูคยอมก็โดนแบมแบมลากไปซะเอง
คนตัวเล็กดูจะร่าเริงกับผับมากกว่าที่จะเขินอายซะอีก ผิดกับที่ยูคยอมคิดไว้ลิบลับ
“อันไหนอร่อยอ่ะยูค?” แบมแบมมองขวดค็อกเทลสีสวยที่เรียงอยู่หลังบาร์
ก่อนที่บาร์เทนเดอร์หน้าหล่อจะเดินเข้ามาถามเขา
“หือ? เธอเป็นคนของเขต 5 เหรอ
ทำไมไม่คุ้นหน้าเลยล่ะ” แบมแบมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า ร่างบางผงะเลยน้อยเพราะบาร์เทนเดอร์หน้าคล้ายใครบางคน
แต่ฟังจากเสียงแล้วไม่น่าจะใช่
...ทำไมหน้าเหมือนมาร์คฮยองเลย...
“คือ...ผมเพิ่งย้ายมาน่ะครับ”
“อ่อ งั้นชอบค็อกเทลแบบไหนล่ะ?”
“ผมไม่เคยกินมาก่อน...แต่ก็อยากกิน”
“ไม่อยากโดนกินบ้างเหรอ?” แบมแบมขมวดคิ้วให้บาร์เทนเดอร์
ก่อนที่ยูคยอมที่อยู่ข้างๆ จะหันมาแยกเขี้ยวใส่คนที่อยู่หลังบาร์
“มึงอย่าม่อโจอี้ คนนี้ม่อให้ตายก็ไม่ติด” บาร์เทนเดอร์หรือที่ยูคยอมเรียกโจอี้ส่งเสียง
‘อ้าว’ เล็กน้อยเมื่อเห็นยูคยอม
“อ้าว มึงเองเหรอ แล้วนี่...แฟนมึง?”
“เปล่า”
“งั้นกูก็ม่อได้”
“มึงไปแย่งกับพี่มึงนู่นไป” ยูคยอมพูดก่อนจะหยิบ Manhattan
ที่บาร์เทนเดอร์อีกคนวางไว้ให้เขาขึ้นจิบเบาๆ
ในขณะที่โจอี้กำลังขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“มาร์คอ่ะนะ? กับ...เอ่อ ขอโทษ นายชื่ออะไรนะ?”
“แบมแบมครับ”
“อ่า แบมแบม ทำไมอ่ะ? เด็กมาร์คเหรอ?!”
“กูก็ไม่ได้หมายความแบบนั้น พี่มึงก็แค่...เอ่อ
ไม่รู้สิ” ยูคยอมเลือกที่จะไม่ตอบบาร์เทนเดอร์หน้าหล่อ โจอี้จึงทำแค่ส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมาให้ความสนใจกับแบมแบม
“เพิ่งเคยดื่มครั้งแรกเหรอ อืม...งั้นลอง Dry
Martini น่าจะเหมาะกับนายนะ”
“จะมอมเหล้าเพื่อนกูเหรอไอ้เหี้ย”
...ขนาดพูดเสียงเบาแล้วแมร่งยังได้ยินอีกนะ
เชี่ยยูค...
“โอเคๆ งั้น...Tequila อ่อนๆ”
โจอี้ดีดนิ้วดังเปราะก่อนจะหันไปหยิบนู่นนี่นั่นมาผสม แบมแบมมองอย่างใจจดใจจ่อทุกๆ
การ Mix ของโจอี้ จนกระทั่งเตกีล่ามาวางอยู่ตรงหน้า
“ค่อยๆ จิบนะ
ห้ามกระดกเด็ดขาด” ยูคยอมที่นั่งอยู่ข้างๆ
หันมาเตือนแบมแบมที่ทำหน้าอยากจะดื่มมันเต็มที ร่างบางพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ
จิบตามที่ยูคยอมบอก
“อี๋! แหวะ!”
“ฮ่าๆ
ทำไมทำหน้างั้นอ่ะ? ฉันผสมไม่อร่อยเหรอ”
“รสชาติมัน...แค่กๆ...กะ...ก็อร่อยดีครับ”
“อร่อยแล้วแหวะทำไม?”
โจอี้หัวเราะเล็กน้อยให้แบมแบมที่ค่อยๆ จิบเตกีล่าลงคอช้าๆ ก่อนจะตามมาด้วยแก้วที่สองและสามจนร่างบางหน้าเริ่มแดงแต่ก็ดูมีสติอยู่
น้องชายของผู้พันประจำเขตชวนแบมแบมคุยนู่นนี่นั่นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ยูคยอคออกไปที่ฟลอร์แล้ว
เวลาเริ่มย่างเข้า 4 ทุ่มอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับจำนวนคนที่เยอะขึ้นจนแน่นผับ
“แบมแบมนายยังโอเคอยู่มั้ยเนี่ย? หน้านายแดงแล้วนะ”
“โอเคสิครับพี่โจอี้...”
...เสียงนี่ไปแล้วนะตัวเธอ...
“เฮ้ย
ฉันว่านายกำลังมึนนะ พอก่อนดีมั้ย?” โจอี้รีบคว้าแก้วเตกีล่าที่แบมแบมกำลังจะยกขึ้นจิบอีกครั้ง
แต่ร่างบางกลับไม่ให้เตกีล่ากับโจอี้ง่ายๆ
มือบางดึงแก้วกลับก่อนจะกระดกลงคอจนโจอี้เหวอ
“ขอโทษนะครับ แบมแบมใช่มั้ย?” น้ำเสียงทุ้มเรียกให้เขาได้ยินจากด้านหลัง แบมแบมหันมองผู้ชายตัวสูงหน้าคมผมสีดำขวับที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่
“ฉันชื่อคิมมินกยูนะ อยากไปฟลอร์ด้วยกันมั้ย”
แบมแบมพยักหน้างึกๆ
แล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาโจอี้
“แบมไปเต้นดีกว่า...เดี๋ยวแบมมานะ”
แบมแบมยิ้มให้โจอี้ ก่อนที่จะถูกมินกยูลากไปที่กลางฟลอร์
โดยที่โจอี้ได้แต่มองตามทั้งสองคนอย่างไม่มั่นใจว่าจะปล่อยไปดีมั้ย
...ไว้ใจได้มั้ยนะ
หมอนั่นน่ะ...
“บีไอ ออกไปเต้นกันมั้ย?”
“ไม่ล่ะ จินไปเถอะ”
“ทำไมล่ะ
ไปด้วยกันเถอะ นะๆๆ” ฮันบินมองจินฮวานที่หน้าเริ่มขึ้นสี
แต่ก็พอรู้ว่าอีกคนยังไม่เมาหรอก
ร่างสูงยืนอยู่กับที่สักพักก่อนที่จะหันหน้ามองไปยังฟลอร์ที่มีคนมากมายกำลังออกสเต็ปกับเพลง
Tic tok ของ Kesha
ร่างสูงเกือบจะละสายตาจากผู้คนเหล่านั้นถ้าเขาไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นใบหน้าที่คุ้นตาของใครคนหนึ่ง
แบมแบม
แบมแบมที่กำลังยืนยิ้มอยู่กับที่
ร่างบางโงนเงนไปมา ใบหน้าขึ้นสีเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
นัยน์ตาหวานเยิ้มที่เหลือบขึ้นมองผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังขยับตามจังหวะเพลงช่างน่าหลงใหล
เอวบางถูกรวบจากผู้ชายตัวสูงที่เต้นอยู่ข้างหน้าเขาจนใบหน้าของแบมแบมแนบกับแผ่นอกกว้าง
...หมอนั่นใครกัน...
“บีไอ มองอะไรน่ะ?”
“…”
“บีไอ?”
“เปล่า ไม่มีอะไร
อยากไปเต้นไม่ใช่เหรอ ไปสิ” ฮันบินลากจินฮวานให้เดินออกไปที่ฟลอร์ด้วยกัน
ก่อนที่จะมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ แบมแบมกับมินกยู
จินฮวานเต้นไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
เช่นเดียวกับแบมแบมที่ไม่รู้สึกถึงการมาเยือนของคนรู้จัก
“ทำไมนายไม่เต้นล่ะแบมแบม”
“งือ...แบมไม่เคยเต้นนน
แบมเต้นไม่เป็นอ่าครับบบ”
“แล้วแฟนนายหายไปไหนล่ะ
คนที่มาด้วยกัน”
“ยูคยอมอ่ะเหรอออ
ไม่ใช่แฟนแบมซะหน่อยยย หายไปไหนก็ไม่รู้ววว...อืม..ทิ้งแบมไว้อีกแล้วว”
“อ่าว
แล้วแบบนี้นายจะกลับกับใครล่ะ?”
“แบมกลับคนเดียวก็ด้ายยย
โด่วว” คิมมินกยูยักยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูแบมแบมที่แทบไม่มีสติ
แต่ถึงเสียงจะเบาแค่ไหน คนที่ตั้งใจฟังแต่แรกอย่างคิมฮันบินก็ได้ยิน
“งั้นวันนี้กลับกับฉันก็ได้เนอะ”
แบมแบมถูกมินกยูลากออกไปจากฟลอร์ก่อนที่จะกลับมานั่งตรงบาร์เครื่องดื่มที่เดิม
คนตัวสูงกว่าโอบไหล่อีกคนที่กำลังโงนเงนๆ ก่อนจะหันไปสั่ง absinthe กับบาร์เทนเดอร์
“บีไอ...จะไปไหนอ่ะ”
“ฉันไปห้องน้ำแปปนึง
เดี๋ยวมา” ฮันบินออกมาจากฟลอร์ ก่อนจะนั่งลงตรงบาร์ถัดจากแบมแบมไปสามที่นั่ง
ร่างสูงสั่งเครื่องดื่มแล้วเหลือบตามองพฤติกรรมของมินกยู
“นายลองดื่มนี่สิ ฉันเลี้ยงเอง”
“ขอบคุณครับบ
มินกยูฮยองง” แบมแบมรับแก้วมาจากมินกยูที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกระดกขึ้นเล็กน้อย
แต่ไม่ทันที่จะได้ดื่มเข้าไปมากกว่านี้แก้วข้างหน้าก็ถูกกระชากไปจากมือบาง
เช่นเดียวกับแขนข้างซ้ายที่ถูกกระชากให้ยืนขึ้น เขาได้ยินเสียงโวยวายของมินกยู
ก่อนที่เพลงที่เปิดจะถูกปิดลง
ซ่า!
“เฮ้ย มึง!
มึงทำเหี้ยอะไรวะ?!” มินกยูโวยวายหลังจากที่ถูก absinthe
สาดใส่จนเปียกไปหมด
“มึงใส่อะไรลงไปในแก้ว”
“เรื่องของกู!!
มึงเสือกไรวะ?!”
“กูถามว่ามึงใส่ผงอะไรลงไปในแก้ว?!”
ฮันบินตะคอกใส่อีกคนด้วยความเดือด ร่างสูงกำแก้วค็อกเทลจนมันบาดมือ
ก่อนที่จะขว้างใส่มินกยูที่อารมณ์เดือดไม่ต่างกัน “มึงเอายาปลุกเซ็กซ์ไปให้แม่มึงกินเองไปไอ้เหี้ย!!”
คิมฮันบินจูงแบมแบมที่ไม่ได้สติออกมาจากผับ
โดยไม่สนใจมินกยูที่กำลังปัดเศษแก้วออกจากเสื้อ และผู้คนที่มองตามหลังเขาไป
“Fu*king Bit*h!”
ฮันบินลากแบมแบมออกมาไกลจากผับพอควร
ก่อนที่จะผลักร่างบางจนอีกคนกระแทกกับต้นไม้ แบมแบมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปนกับเสียงหัวเราะเหมือนไม่ได้สติ
คิมฮันบินมองอีกคนอย่างหัวเสียก่อนจะตะโกนใส่แบมแบมที่มองเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“ไอ้มาร์คอยู่ที่ไหน?!!”
“...อืม...ไม่พูดถึงมาร์คฮยองเซ่
แบมงอนมาร์คฮยองอยู่น้า”
“นายเข้าไปทำอะไรในผับ?!
ยูคยอมพามาเหรอ! แล้วใครใช้ให้แต่งตัวแบบนี้?!”
“โธ่...อะไรกันล่ะ
ยูคยอมกับพี่เซโล่ยังบอกว่าดูดีเลย คิกๆ...อืม...ฮ่าๆ”
“แบมแบม!
นายเป็นบ้าอะไรของนายห๊ะ?! นายรู้มั้ยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้านายดื่มไอ้นั่น?!!”
“ก็ดื่มไปแล้วนี่นา
ฮะๆ...ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย”
“อะไรนะ?! ดื่มไปแล้ว?!!
ไอ้บ้าเอ้ย!!!”
“ฮยองจะอารมณ์เสียทำไมเนี่ยยยย…”
ฮันบินจับไหล่แบมแบมแน่นก่อนที่จะตะคอกใส่ร่างบางที่ยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเขา
“นายรู้มั้ยว่ามันใส่ยาลงไป!!
ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้?! ทำไมไม่รู้จักระวังตัวบ้าง?! ถ้าฉันไม่อยู่ตรงนั้น พรุ่งนี้เช้านายจะไปอยู่ตรงไหนห๊ะ?! แบมแบม! ถ้าไม่แคร์ตัวเองก็แคร์คนอื่นที่เค้าเป็นห่วงนายบ้างเถอะ!!”
“...อืม...แบมขอโทษนะ...ฮันบินฮยอง”
คิมฮันบินได้แต่กัดฟันแน่นและพยายามระงับอารมณ์ที่คุกกรุ่นอยู่ในอก
ร่างสูงหันหลังให้แบมแบมที่ยืนโงนเงนหาที่พักพิง แบมแบมกอดผู้หมวดจากด้านหลังแล้วยิ้มบางๆ
“แบมขอโทษน้า...”
“...”
“ขอบคุณมากนะ...ฮันบินฮยอง”
“...”
ฮันบินหันกลับมามองหน้าแบมแบมที่เงยหน้ามองเขา
นัยน์ตากลมที่ใส่คอนแทรคเลนส์สีเทาน่าดึงดูดยิ่งขึ้นเมื่อต้องกับแสงจันทร์
ใบหน้าขาวกับริมฝีปากอิ่มสีสวยที่ชวนให้เขาก้มมอง
คิมฮันบินรู้สึกเหมือนสติของเขากำลังเตลิดเปิดเปิง
ร่างสูงอยากจะหันหน้าไปทางอื่นแต่กลับทำไม่ได้ มือหนาข้างหนึ่งลูบใบหน้าบางแผ่วเบา
ก่อนที่มืออีกข้างจะดึงเอวบ้างให้เข้ามาใกล้ๆ
“...ฮันบินฮยอง แบม...เวียนหัวจัง”
“แบมแบม”
“…อืม”
“ฉันจูบนายได้มั้ย” ไม่มีคำตอบอะไรจากร่างบาง
แบมแบมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสบตากับนัยน์ตาคมของอีกคน
ยิ่งใบหน้าของฮันบินยื่นเข้ามาใกล้หัวใจดวงน้อยก็เริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
ภายในหัวของเขาขาวโพลนไปหมด ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัด
ไม่มีแม้กระทั่งเสียงของแมลงหรือจิ้งหรีดรำไร
แบมแบมไม่ได้ขัดขืนอะไร
เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรมากกว่าเมื่อได้เห็นคิมฮันบินในระยะใกล้ขนาดนี้
หัวใจของเขาสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าควรผลักออกหรือปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปดี
‘ฉะ…ฉัน ฉันป้อนให้ก็ได้ อะ...โอเคนะ’
‘ขอโทษ พอดีฉันก็แค่...เป็นห่วงนาย’
‘ก็แบมแบมเป็นคนสำคัญของฉันนี่’
‘ฉันบอกเองไม่ใช่เหรอ?’
‘ว่าฉันจะปกป้องนาย’
พลั่ก!
แบมแบมผลักคิมฮันบินออกก่อนที่ร่างบางจะวิ่งออกไปจากตรงนั้น
โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงเรียกของคิมฮันบิน
คนตัวเล็กวิ่งออกมาลัดเลาะป่าเล็กน้อยที่เขาจำได้ว่าเป็นทางลัดไป Lions
Path แบมแบมหยุดวิ่งก่อนจะก้มหน้าลงแล้วไอออกมายกใหญ่
“แค่กๆ…แค่กๆ แค่ก แค่ก!” ร่างบางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความทรมาณจนมาสคาร่าเปรอะข้างแก้มทั้งสองข้าง
ความรู้สึกร้อนในช่องอก กระเพาะและลำคอทำให้แบมแบมรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
ร่างบางปาดคราบบนริมฝีปากออก
รู้ทั้งรู้ว่ามันคืออะไรแต่ก็เลือกที่จะมองคราบบนมือนั่น
...เลือด
เลือดอีกแล้วเหรอ...
“ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะ
ทำไมถึงยังไออกมาเป็นเลือดอีกล่ะ…” แบมแบมมือไม้สั่นไปหมด
ใบหน้าของมาร์คและฮันบินตีรวนอยู่ในหัว รวมถึงคำพูดมากมายที่ดังสลับกันไปมา
เช่นเดียวกับความร้อนในร่างกายที่เหมือนไฟกำลังจะแผดเผาเขาให้ตายทั้งเป็น
“ฮันบินฮยอง…”
แบมแบมร้องเรียกคนที่เขาวิ่งหนีมาเพราะไม่อยากให้เห็นเขาที่กำลังจะสำรอกออกมาเป็นเลือด
รึว่าเขาแคร์มาร์คงั้นเหรอ? ถึงได้วิ่งหนีออกมา
แบมแบมพยุงตัวเองแล้วค่อยๆ ยึดต้นไม้ทีละต้นเพื่อให้เดินกลับถึงบ้านของมาร์ค ก่อนที่ร่างบางจะล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง สติสัมปะชัญญะค่อยๆ เลือนลางและโลกของเขาก็กลายเป็นสีดำในที่สุด
_________________________________________________
[Spoil] : Chapter : 11
‘ฉันไม่มีค่ากับนายเลยสินะแบมแบม’
‘…’
‘ทั้งๆ ที่ฉันเป็นห่วงแทบตาย แต่นายกลับไม่รับรู้ถึงมันเลย’
‘แบมขอโทษนะมาร์คฮยอง’
‘…’
‘แต่แบมเหนื่อย...เกินกว่าที่จะฟังความเป็นห่วงมากมายของมาร์คฮยองแล้ว’
.
.
.
‘แบมแบม! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?!’
‘อย่าบอกใครนะ...ฉันขอร้องล่ะ จุนฮเว’
.
.
.
‘ฉันแค่ถาม...ไปตามมารยาท’
‘แบมก็คิดไว้อยู่แล้วแหละ’
‘ก็ดี...จะไปไหนก็ไป’
‘แบมไปอยู่แล้วล่ะ อาจจะไปแล้วไม่กลับมาอีกเลยก็ได้’
‘…’
‘ฮันบินฮยองไม่ต้องห่วงหรอก
แบมจะไม่อยู่ให้ฮยองรำคาญอีกแล้ว’
ความคิดเห็น