คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
Prologue
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มแผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง ตลาดที่กำลังมีการก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของใครหลายคนในพื้นที่นี้ต่างรีบพากันเก็บข้าวเก็บของเพราะเริ่มมีฝนตกปรอยลงมา ผู้คนส่วนใหญ่ทั้งในสวนสาธารณะและสถานที่อื่นๆ ที่อยู่กลางแจ้งเริ่มกลับเข้าเคหสถานบ้านเรือนของตน นาฬิกาที่อยู่ตรงเสาหลักเมืองเดินเข็มวินาทีไปเรื่อยๆ และมันกำลังจะบอกได้ว่าหลังจากนี้หนึ่งนาทีจะเริ่มเข้าสู่เวลาหกโมงเย็น หรือก็คือเวลาที่ผู้คนไม่สามารถมาเดินขวักไขว่ตามสถานที่การแจ้งได้เนื่องจากกฎของพื้นที่เขตนี้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน
‘แบมแบม’ ท้าวแขนมองออกไปนอกหน้าต่างของปราสาท ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยไปยังหอนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ห่างออกจากปราสาทที่ตนอยู่ไปประมาณห้าร้อยเมตร ก่อนที่ดวงตาจะเหลือบมามองตลับนาฬิกาพกสีเงินของตัวเองที่บ่งบอกว่าอีก 30 วินาที ตัวเมืองจะเงียบสงบ ภายนอกปราสาทจะมืดสนิทเปรียบดังดินแดนรกร้างที่ไม่มีคนอยู่ แม้แต่ตามบ้านช่องของชาวบ้านก็ไม่มีแสงไฟสลัวให้เห็น จะมีก็แต่ภายในปราสาทที่เขาอยู่เท่านั้น
15 วินาที
10 วินาที
5 วินาที
และ 0 วินาที...
นัยน์ตากลมหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาได้ยินแค่เพียงเสียงสายลมอันแผ่วเบาที่พัดมาจากฝั่งตะวันออกของตัวปราสาท หมอกเบาบางเริ่มปกคุมไปทั่วเขต ไม่มีเสียงไฟ ไม่มีเสียงใดๆ ราวกับว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่
...มันเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้วล่ะมั้ง
“ไม่สิ...ก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” แบมแบมพูดกับตัวเองเสียงแผ่วเบา เขาเลื่อนม่านสีทึบปิดหน้าต่างเอาไว้ เจ็บปวดทุกครั้งที่มองออกไปข้างนอกนั่นหลังหกโมงเย็น แน่นอน...ใครจะอยากเห็นเมืองตัวเองกลายเป็นแบบนี้ เมืองที่ท่านพ่อของเขาหรือก็คือพระราชาของที่นี่อุตส่าห์ปกครองมาอย่างสงบสุข ขึ้นชื่อได้ว่าเขต 7 แห่งนี้ได้รับความสนใจมากที่สุดในฐานะ ‘Delight Area’ หรือก็คือเป็นเขตเมืองที่สงบสุขและน่าอยู่ที่สุด
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเขตเมืองแห่งนี้ถูกสาป...เพราะแพ้สงครามให้กับเขต 1
เพราะพระราชาถูกปวงพระชนม์อย่างโหดร้าย...
พ่อของเขาตายในสนามรบ...
หลังจากเมืองที่เคยสงบสุขกลับถูกเข้ายึดพื้นที่ คนจากเขต 1 เข้าครอบคุมเขตของเขาและจัดการวางกฎ และใช้อำนาจทั้งหมดในเรื่องของเวทย์มนต์และไสยศาสตร์ทำให้เมืองนี้ถูกสาป และสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนทุกคนรวมถึงกษัตริย์และคนในปราสาทออกมาเดินเพล่นพล่านหลังหกโมงเย็นจนถึงหกโมงเช้าของอีกวัน เรียกง่ายๆ ว่าให้ถูกขังอยู่ภายในตัวปราสาทเท่านั้น
แต่การเสียเมืองเสียเขตครั้งนี้ ก็ไม่น่าเสียใจเท่ากับการถูกประกาศให้กลายเป็น ‘เมืองที่ถูกหลงลืม’ หรือที่ผู้คนเรียกกันว่า ‘Forsaken Area’
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แบมแบมเหลือบมองไปทางประตูห้อง ที่เหมือนจะมีคนมาเคาะอยู่อย่างนั้น เพียงไม่นานเสียงเคาะนั่นก็หยุดลงแล้วกลายเป็นเสียงเรียกแทน
“คุณหนูคะ กษัตริย์ให้ดิฉันมาเรียกลงไปทานมื้อเย็นค่ะ”
แบมแบมพูดผ่านประตูบานใหญ่นั่นออกไปด้วยน้ำเสียงโทนปกติ จนกลายเป็นติดจะเย็นชา
“รู้แล้ว บอกท่านพี่ว่าเดี๋ยวฉันจะลงไป”
“คะ...ค่ะ” คนรับใช้หน้าประตูห้องตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ก่อนที่จะเดินไปทางทางเดินที่ตนมา
เมื่อเห็นว่าคนรับใช้หน้าประตูน่าจะเดินออกไปแล้ว เขาจึงค่อยๆ ผลักประตูไม้ออกช้าๆ แล้วเดินไปตามระเบียงทางเดินก่อนจะลงมายังชั้นล่างและมุ่งตรงไปทางห้องอาหาร
สายตามืดมนและเหม่อลอยของคนตัวเล็กมองไปทางหัวโต๊ะที่มีบุคคลตัวอย่างนั่งฟุบอยู่ แผ่นหลังใหญ่นั่นยกขึ้นและต่ำลงเป็นจังหวะแสดงให้เห็นว่าคนตัวใหญ่นี้กำลังฟุบหลับ แบมแบมเดินเข้าไปใกล้พี่ชายคนโตที่อยู่ในชุดเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็ค ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มบางๆ แล้วพยายามปั้นน้ำเสียงให้เย็นชา
“..ฮยอง”
“...”
“ฮยอง...ตื่น...” แบมแบมหลุดยิ้มและหัวเราะเล็กน้อยพลางส่ายหัวให้กับการฝืนตัวของตัวเอง
น่าจะรู้นี่นาแบมแบม ไม่ว่ายังไงนายก็ไม่มีทางเย็นชากับพี่ชายของนายได้หรอก
เมื่อคิดได้ดังนั้น คนเป็นน้องชายก็เปลี่ยนโหมดเป็นน้องชายผู้น่ารักสดใสเหมือนเดิม
“ฮยอง~ ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ” พูดไม่พอ ร่างบางยังเขย่าๆ แขนคนเป็นพี่ให้เงยหน้ามองตนเอง
“บี...เจบีฮยอง...บีไม่ตื่นใช่มั้ย ได้!”
ตุ้บ!!
“โอ๊ยยยย!! ตีลงมาได้หลังฉัน...เกิดซาดิสต์อะไรขึ้นมาเนี่ยห๊ะ? แบมบี้?!” คนเป็นพี่บ่นทันทีหลังจากถูกตีแล้วกระเด้งตัวขึ้นมา ‘อิมแจบอม’ เอามือลูบหลังตัวเองปอยๆ เพราะน้ำหนักที่ลงมาไม่ใช่น้อยๆ
“ก็ตัวไม่ยอมตื่นอ่ะ! กล้าหลับกลางโต๊ะอาหารแบบนี้ไม่กลัวถูกลอบปวงพระชนม์รึไง”
“แล้วทำไมตัวต้องใช้ศัพท์ทางการด้วยเนี่ย? ก็บอกแล้วว่าไม่ชอบๆ”
“ทีคนรับใช้ตัวยังให้ใช้ได้เลย”
“ก็นั่นมันคนรับใช้แต่ตัวเป็นน้องชายเค้านะ อย่าใช้ศัพท์แปลกๆ แบบนั้นอีกล่ะ”
แบมแบมทำสัญลักษณ์มือโอเค ก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้ทางฝั่งซ้ายของพี่ชายใหญ่ออกแล้วนั่งลง มือบางจับช้อนและส้อมขึ้นก่อนที่สายตาจะเหลือบมองหาใครอีกคน
“ไอ้เนียร์เหรอ?” แจบอมถามน้องเล็กสุดที่เผลอสะดุ้งหลังจากถูกถามจี้จุด ก่อนที่แบมแบมจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อะไร? เค้าเปล่าซะหน่อย ก็แค่มองอาหารบนโต๊ะว่าจะกินอะไรก่อนดี”
“ถ้าไอ้เนียร์ได้ยินมันคงจะเสียใจนะ ตัวก็น่าจะคืนดีกับมันได้แล้ว ทะเลาะกันมาเกือบจะสองปีแล้วนะ ไม่เบื่อรึไง” แจบอมถามไปด้วยพลางสนใจกับอาหารการกินตรงหน้าไปด้วย เช่นเดียวกับแบมแบม
“ก็เนียร์ฮยองเผด็จการกับเค้าตลอดอ่ะ เนียร์ฮยองต่างหากที่ต้องมาขอโทษเค้า”
“ตัวก็ขอโทษได้ แค่เดินไปขอโทษมันจะไปยากอะไร?”
“ตัวไม่มาเป็นเค้าตัวไม่เข้าใจหรอก! อย่างน้อยตัวก็ยังได้ออกไปเดินเล่นนอกปราสาทตอนหกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น แต่ตัวดูเค้าดิ เค้าถูกเนียร์ฮยองสั่งห้ามไม่ให้ออกไปเดินข้างนอกปราสาทเลย ทำได้แค่มองคนในเขตของเราจากหน้าต่างห้องของเค้าเท่านั้นเอง!” แบมแบมพูดออกมาด้วยความโมโหและน้อยใจล้วนๆ คนตัวเล็กเบ้หน้าอย่างไม่พอใจเมื่อนึกถึงคำสั่งห้ามของพี่ชายคนรองที่ห้ามตนเอาไว้
‘พี่ขอสั่งว่าให้แบมอยู่แต่ในปราสาทเท่านั้น ห้ามออกจากตัวปราสาท เข้าใจที่พี่พูดมั้ย?’
เชอะ!!...ทีตัวเองล่ะแอบขี่ม้าหลวงออกไปได้หน้าตาเฉย แบมรู้ แบมเห็นนะเฮ้ย!
“โธ่~ ตัวหัดมองโลกในแง่ดีบ้างสิ ไอ้เนียร์มันก็แค่เป็นห่วงตัวนะ มันไม่อยากให้ตัวได้รับอันตราย”
“แล้วทีผู้ปกครองแผ่นดินอย่างตัว แล้วก็ผู้สืบทอดคนต่อไปอย่างเนียร์ฮยองนี่ไม่อันตรายเลยเนอะ”
“เค้ากับไอ้เนียร์ดูแลตัวเองได้”
“เค้ายิงธนูเป็น! เค้าก็ดูแลตัวเองได้...โอ๊ย!! ตัวเหยียบเท้าเค้าทำไมเนี่ยย?!!”
“ก็ตัวบอกว่าดูแลตัวเองได้ เผลอแป๊ปเดียวก็โดนเค้าโจมตีละ ถ้าเท้าเค้าเป็นลูกธนูนี่ ตัวก็คงม้องเท่งไปละ”
“แค่โดนลูกธนูยิงใส่เท้านี่เค้าถึงกลับตายเลยเหรอ?”
“ก็ถ้าลูกธนูมันอาบยาพิษล่ะ เชื่อเถอะขนาดเค้าก็ยังเป็นห่วงเลย เค้าก็คงจะทำแบบไอ้เนียร์นั่นล่ะ”
“ทำไมตัวไม่เข้าใจเค้าเลยอ่ะ!! ทำไมต้องหวงโลกภายนอกขนาดนั้นด้วย”
“เค้าไม่ได้หวงโลกภายนอกนะ เค้าก็แค่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัว”
“เหรอ?! อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าตัวมาเป็นคนที่ไม่เคยได้ออกไปเหยียบโลกภายนอก 17 ปีเต็มอย่างเค้า ตัวจะพูดแบบนี้มั้ย!”
“โลกภายนอกมันไม่ได้ดีอย่างที่ตัวคิดนะ”
“แต่เค้าเชื่อว่าโลกในปราสาทมันแย่กว่าโลกภายนอกหลายร้อยเท่า!!”
“ตัวชักจะเข้าใจอะไรยากมากขึ้นทุกวันแล้วนะ!!”
“ตัวขึ้นเสียงใส่เค้า...ตัวรู้มั้ยว่าตัวขึ้นเสียงใส่เค้า!!”
“ก็ตัวไม่ฟังเค้าเลย!”
“อะไร? ทะเลาะอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น”
พี่ชายใหญที่ได้ตำแหน่งเป็นถึงกษัตริย์และน้องชายเล็กที่เป็นสมบัติของปราสาทและราชวงศ์หยุดโต้เถียงกันโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองผู้มาเยือนห้องครัวคนใหม่
‘จินยอง’ หรือบุคคลในครอบครัวเรียกว่า ‘จูเนียร์’ มองทั้งสองคนสลับกันไปมา ใบหน้าของเขาแอบเย็นชาเล็กน้อย มันสมองของราชวงศ์ตวัดสายตามองไปทางพี่ใหญ่แล้วเอ่ยถาม
“เจบี...?”
“เปล่า...ไม่มีอะไร ฉันแค่เพลียกับการเดินตระเวนเขตมากไปหน่อย” แจบอมหยุดทุกการกระทำ เขาขยี้ผมสีดำตัดสั้นของตัวเองพลางถอนหายใจแล้วก้มหน้าทานอาหารมื้อเย็นต่อ พี่ชายคนรองจึงหันไปถามน้องเล็ก
“แบ...”
“ผมอิ่มแล้ว ผมขอตัว” แบมแบมปลีกตัวออกมาจากห้องครัวทันที ทิ้งให้กษัตริย์วัย 22 ปีและพี่ชายคนรองมันสมองของราชวงศ์ที่คลานตามกันออกมาอยู่ภายในห้องครัวด้วยกันสองคน จนกระทั่งแจบอมเอ่ยปากพูดออกมาพร้อมกับวางช้อนและส้อมลง สีหน้าของเขาฉายแววกังวลและเคร่งเครียด
“นับวันแบมเริ่มต่อต้านขึ้นเรื่อยๆ ฉันกลัวว่าต่อไปน้องจะไม่ฟังตามที่เราสั่งอีก”
“...”
“แล้วสิ่งที่ทั้งนายและฉันกลัวมันจะเกิดขึ้น”
“...”
“ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันว่าฉันคงรับไม่ได้”
จูเนียร์เดินเข้าไปตบบ่าอิมแจบอม พี่ชายใหญ่เงยหน้าขึ้นมองอย่างหาความเห็น ก่อนจะเหลือบมองรอยแผลสดที่ต้นแขนที่เหมือนจะเพิ่งได้มาใหม่ของพี่ชายคนรอง
“ถ้าแบมโตกว่านี้ฉันเชื่อว่าน้องจะต้องเข้าใจ”
“ว่าโลกภายนอกที่เราออกไป...มันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด”
20.30 น.
...ทนไม่ไหว = ไม่ทนแล้วเว้ย!...
แบมแบมจัดแจงวางเหรียญทองที่เขาแอบไปขโมยมาจากคลังในของกษัตริย์ก่อนจะใส่ลงในถุงผ้ากำมะหยี่สีแดง คนตัวเล็กหยิบผ้าคลุมเก่าๆ ออกมาวางไว้บนเตียงใกล้ๆ กัน รวมถึงกระตุกเศษผ้าที่เขามัดปลายของผ้าเก่าๆ หลายผืนรวมกันให้ยาวพอที่จะลงไปถึงพื้นเบื้องล่างปราสาทได้ ร่างบางทำการโยนผ้าที่เขาคิดว่ามันยาวพอและแข็งแรงพอลงไปทางหน้าต่าง น้ำเสียงใสกระซิบกับตัวเองด้วยความดีใจที่อย่างน้อยมันก็ใกล้กับพื้นข้างล่างพอสมควร ก่อนที่ร่างบางจะมัดเศษผ้ากับคานไม้ที่ยื่นยาวออกมาทางหน้าต่าง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แบมแบมหันหน้ามองไปทางประตูห้องที่ณ บัดนี้มีคนมาเยือน และน้ำเสียงพร้อมกับสรรพนามในการเรียกนั่นก็ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าเป็นใคร
“ตัว...ตัวหลับรึยัง? เค้าขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย?”
แบมแบมรีบผละออกมาจากหน้าต่างก่อนจะเก็บของทุกอย่างที่เขาเตรียมไว้สำหรับคืนนี้ลงใต้เตียง แล้วรีบขึ้นไปห่มผ้านอนบนเตียงพลางพยายามปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอราวกับว่าเขากำลังหลับอยู่
แกรก
เสียงประตูเปิดออก อิมแจบอมปิดประตูเสียงเบาเมื่อเห็นว่าคนน้องหลับไปแล้ว คนเป็นพี่เดินเข้าไปใกล้เตียงก่อนจะลูบใบหน้าคนเป็นน้องแผ่วเบา แล้วปัดปอยผมที่ตกลงมาบดบังดวงตาออก
“แบม...ตัวอึดอัดใช่มั้ยที่ตั้งแต่ตัวเกิดมาท่านพ่อก็จากไป แถมตัวยังไม่เคยได้ออกไปข้างนอกก็โดนสั่งห้ามจากเค้าและก็เนียร์เพราะกฎของกษัตริย์เขต 1”
“…”
“ตัวรู้สึกแย่ใช่มั้ยที่ไม่เคยได้มองหน้าคนในเขตเราในระยะใกล้ รู้สึกเหมือนกับว่าถูกขังอยู่ในปราสาทตลอดเวลา”
“…”
“แต่ที่เค้าทำไปเพราะอยากให้ตัวปลอดภัยนะ...เพราะว่าข้างนอกมันไม่ได้ดูน่าอยู่อย่างที่ตัวคิดหรอก”
“…”
“เค้าแค่อยากให้ตัวรู้ว่าที่เค้ากับเนียร์ทำไปเพราะรักตัวนะ...และเพราะมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”
“…”
“ตัวคือสมบัติของราชวงศ์นี้ ถ้าตัวคลาดสายตาไปแล้วเค้ากับเนียร์จะทำยังไงล่ะ”
23.00 น.
อิมแจบอมออกไปแล้ว...เล่นเอาแบมแบมเกือบหลับเหมือนกัน ก็เล่นเข้ามาตั้งแต่สองทุ่มครึ่งจนตอนนี้ปาไปห้าทุ่มแล้ว แถมอิมแจบอมยังมาหลับคาเตียงแบมแบมอีกต่างหาก แล้วเล่นจับมือแบมแบมไม่ปล่อยแบบนี้เขาก็หนีไปไหนไม่ได้น่ะสิ จะหลับก็ไม่กล้าหลับเพราะกลัวว่าถ้าหลับไปแล้วเกิดแบมแบมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็จะแอบออกไปจากปราสาทตามที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ ก็ต้องออกไปในเวลาแบบนี้นี่แหละ
แต่ความจริง...ช่วงเช้าเขาก็ออกไปได้นะ
แต่อิมแจบอมจะชอบส่งคนรับใช้ให้มาเคาะประตูเรียกเขาหรืออาจจะมาส่องดูแทบทุก 5 นาทีแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ นอกจากจะหนีไปไหนไม่ได้เขาก็กลัวว่าจะถูกจับได้แล้วถูกสั่งให้ปิดตายหน้าต่างเพียงหนึ่งเดียวที่มองเห็นข้างนอกได้ในห้องของตัวเอง
เพราะฉะนั้น...ขอโทษนะฮะพี่บี
แบมแบมค่อยๆ ลุกจากเตียง ขาเรียวย่อลงไปหยิบถุงเงินและเสื้อคลุมที่เขาซ่อนไว้ แบมแบมใส่ถุงเงินลงไปในกระเป๋ากางเกง มือบางก็เอื้อมหยิบผ้าคลุมมาคลุมตัว ส่องกระจกดูว่าเขาปิดหน้าปิดตาแบบนี้แล้วมันโอเคมั้ย
ร่างบางเดินไปทางหน้าต่างก่อนจะเกาะขอบหน้าต่างไว้แล้วมองลงไปข้างล่าง ลมหนาวโบกพัดมาทำให้เขาต้องกระชับผ้าคลุมเข้าหาตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
“ขอโทษนะพี่บี...เนียร์ฮยอง...แต่เพราะพี่สองคนบังคับแบมเอง”
“ลาก่อนนะราชวงศ์ของแบม แล้วสักวันแบมจะกลับมาใหม่อีกครั้ง”
แบมแบมไต่ตามผ้าลงมาจนเกือบจะถึงพื้นเบื้องล่าง คนตัวเล็กกระโดดจากปลายผ้าลงมาหนึ่งช่วงตัวของเขาทำให้เขาร้องโอดโอยเล็กน้อยเพราะรู้สึกปวดตุบที่ข้อเท้า ก่อนที่แบมแบมจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง
“นี่น่ะเหรอ พื้นหญ้าที่เขาว่านิ่ม...ก็นิ่มจริงๆ นั่นแหละ”
คนตัวบางเดินไปตามทางพื้นหญ้าและพื้นคอนกรีต ตลอดทางร่างบางยิ้มอย่างตื่นเต้นที่ได้ลงมาจากตัวปราสาท
“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ...มืดแบบนี้เราจะไปมองเห็นทางได้ยังไงกัน ช่างมันเถอะ...อย่างน้อยก็ยังมีแสงจันทร์ล่ะนะ”
คนตัวเล็กเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูขนาดใหญ่ แน่นอนว่าความอยากรู้ย่อมมากกว่าความระแวดระวัง แบมแบมมุดผ่านช่องเล็กๆ ที่เป็นรอยแตกหักของประตู โดยที่ไม่ลืมที่จะเหลือบมองปราสาทที่เป็นโลกทั้งใบตลอดอายุ 17 ปีของเขา ก่อนที่คนตัวเล็กจะเลือกทิ้งมันไว้ด้านหลัง แล้วเดินฝ่าประตูกั้นเขตออกไป
โดยที่ไม่รู้เลยว่า หลังประตูบานนี้และข้างหน้า...เขาจะต้องเจอกับอะไร
ความคิดเห็น