ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่มือตำนานเทพเจ้ากรีก-โรมัน

    ลำดับตอนที่ #99 : โอดิสซิอุส-Odysseus กับการผจญภัย 10 ปี

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 61





    โอดิสซิอุส หรือตามแบบโรมันเรียกว่า "ยูลิซิส" เป็นกษัตริย์แห่งเมืองอิธากะ-Ithaca มีคู่ครองคือนางเพเนโลปี้ เป็นวีรบุรุษอีกคนในตำนานกรีกที่มีชื่อเสียงที่สุดครับ เรื่องราวของโอดิสซีอุสนั้น ปรากฏในมหากาฬย์โอดิสซีย์ และก็ยังมีบทบาทสำคัญในมหากาฬย์อีเลียตอีกด้วย โดยตอนต้นของเรื่องคือโอดินซิอุสเป็นผู้เข้าร่วมในศึกสงครามทรอย แต่เรื่องราวของเขาอันเป็นเหตุการณ์หลักนั้นเป็นเหตุการณ์หลังจากสงครามกรุงทรอยหรือสงครามโทรจันจบได้ไม่นาน 

    เมื่อทรอยตกแก่กองทัพกรีกแล้ว บรรดานักรบกรีกที่มีชีวิตเหลือรอดจากสงครามโทรจัน ต่างพากันเดินทางกลับบ้าน ยกเว้นโอดิสซิอุสเพราะระหว่างที่กลับนั้นหลังไปเยือนอิสมารัสและถูกชาวเมืองโจมตีจนต้องออกเดินเรือ เรือของเขาและบริวารก็ถูกพายุโหมกระหน่ำ จนถูกซัดพาไปยังเกาะของพวกกินบัว ที่นี่บริวารของเขาถูกมอมด้วยอาหารที่มีลักษณะเป็นบัว เมื่อเหล่าบริวารกินเข้าไปก็เกินอาการหลงลืมบ้านเกิดเมืองนอน คิดแต่อยากกินและพักที่นี่ต่อ จนโอดิสซิอุสผิดสังเกตุว่าบริวารของตนหายไปนานมากเขาจึงออกตามหา และพาบริวารกลับเรือ และเดินทางต่อได้



    เรือของโอดิสซิอุสถูกซัดพามายังเกาะของยักษ์ไซคลอปส์ โดยศิลปิน Arnold Böcklin (1896)

    ทว่าต่อมาคลื่นน้ำก็แปรปรวนต่อ เรือของโอดิสซิอุสและบริวารถูกซัดมายังเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเกาะนี้เป็นที่อยู่ของยักษ์ไซคลอปส์ ที่มียักษ์ไซคลอปส์นามโพลิฟิมัส-บุตรแห่งเทพโพไซดอน เป็นเจ้าของเกาะ มันได้ล่อลวงบริวารของโอดิสวิอุสไปกินทีละคนๆ โอดิสซิอุสเมื่อรู้เรื่องก็ตรงเข้าไปหวังจะช่วยลูกน้องแต่ก็ดันถูกจับเข้าไปในถ้ำถิ่นยักษ์ตนนั้นรวมกับบริวารที่ถูกลวงมาก่อนหน้าและยังไม่ทันได้จับกินเสียเอง

    โอดิสซิอุสนั้นคิดวางแผนหาทางรอดนึกได้ว่าตนและบริวารทุกคนพกเหล้าไวน์มาด้วยจำนวนหนึก เขาได้ทำการมอมเหล้าเจ้ายักษ์ และชวนคุยเรื่องต่างๆ จนยักษ์เกิดรู้สึกชอบพอโอดิสซิอุสขึ้น จึงกล่าวว่า "เจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะกินเจ้าเป็นคนสุดท้ายละกัน ไหนบอกชื่อเจ้ามาซิ ข้าจะได้จำไว้" 

    โอดิสซิอุสตอบไปว่า "นามของข้าคือไม่มีใคร" ว่าจบเจ้ายักษ์ก็คว้าบริวารของโอดิสซิอุสอีกสองคนกินเข้าไปและหลับ จังหวะนั้นโอดิสซิอุสและบริวารก็ได้ใช้ดาบของพวกตนประสานกันทิ่มแทงลงไปที่ตาของยักษ์โพลิฟิมัสจนมันตาบอด เจ้ายักษ์แผดเสียดังลั่น และเรียกพี่น้องมันมาช่วย เมื่อพี่น้องมันมาถึงก็ถามว่า "เรื่องอะไรเป็นอย่างไร" มันก็ร้องไห้และตอบว่า "ไม่มีใครทำร้ายข้า" เหล่าพี่น้องต่างคิดว่าโพลิฟิมัสเกิดทำร้ายตนและบ้าไปแล้วจึงพากันแยกย้ายกันไป ส่วนพวกของโอดิสซิอุสนั้นต่างพากันใช้ตอนที่พวกยักษ์คุยซักถามกันหนีออกมาแล้ว

    ต่อมาเรือของโอดิสซิอุส แล่นเรือไปถึงเอโอเลียซึ่งที่อยู่ของเอโอลัส-Aeolus เทพเจ้าแห่งสายลม พระองค์ได้ให้ถุงลม แก่โอดิสสิอุสเพื่อจะได้ไม่ติดขัดในการเดินทางอีก แต่บรรดาลูกเรือคิดว่าเป็นถุงสมบัติจึงเปิดถุงปล่อยให้ลมพัดออกไปหมด ลมพัดพาเรือไปถึงดินแดนเลสติโกเนียน มนุษย์ครึ่งคนครึ่งยักษ์ จับเอาลูกเรือไปกิน จนบริวารของโอดิสซิอุสแทบจะหมดเกลี้ยง


    เซอร์ซี นางแม่มดใหญ่ในตำนานกรีก ภาพโดย John William Waterhouse  (1849-1917)


     ส่วนที่เหลือต้องพากันรีบแล่นเรือหนีมาถึงเอเอีย ก็ไม่วายพบความวุ่นอีก เพราะที่นี่เป็นที่อยู่ของจอมแม่มดในตำนานกรีกนามเซอร์ซี-Circe คราวนี้นางแม่มดได้สาปให้บริวารของโอดิสซิอุสกลายเป็นหนูไปทีละคนหลังจากที่เหล่าบริวารพากันดื่มกินอาหารที่นางเตรียมให้ นางนำสัตว์เหล่านั้นมาทำคอเลคชั่นสัตว์ของนาง  


    โชคดีที่เทพเฮอร์มีสผ่านมาแถวนั้นและเห็นเข้าพอดี พระองค์ได้กระซิบหูบอกโอดิสซิอุสว่า "หย่าเข้าใกล้เซอร์ซีระวังนางสาป" ว่าเสร็จโอดิสซิอุสก็พยักหน้ารับ จากนั้นโอดิสซิอุสก็ถามเทพเฮอร์มิสต่อว่าจะช่วยบริวารตนได้อย่างไร พระองค์จึงประทานพืชสมุนไพรที่ชื่อโมลี่-Moly ที่มีฤทธิ์ต่อต้านคำสาปของนางแม่มดเซอร์ซีให้แก่โอดิสซิอุส เขาและบริวารจึงหลุดพ้นจากคำสาป เมื่อเซอร์ซีพบว่าโอดิสซิอุสสามารถต้านเวทมนตร์ของนางได้นางก็หลงรัก นางจึงชวนให้โอดิสซิอุสหยุดพักซึ่งตรงกับความต้องการของโอดิสซิอุสในยามนั้นพอดี 


    โอดิสซิอุสได้อยู่พักกินกับนางเซอร์ซีและได้เสียกัน ฝ่ายโอดิสซิอุสนั้นลืมตัวเผลออยู่กินกับคนรักจนเวลาผ่านไปนานถึงหนึ่งปีก็มีบริวารของเขาคนหนึ่งชวนกลับบ้าน เขาจึงต้องจำใจลาคนรักเพื่อกลับบ้าน ก่อนจากไปนางเซอร์ซีก็ได้ให้คำแนะนำสิ่งต่างๆและกล่าวว่าเขาจะไม่มีวันเดินทางกลับบ้านเมืองได้ ถ้าไม่ไปพบนักพยากรณ์ตาบอดชาวทีบิสชื่อ เตเลสิแอส ซึ่งอยู่ในแดนคนตายหรือนรกใต้พิภพ


    ดังนั้นโอดิสซิอุสจึงเดินทางไปแดนยมโลก (หรือบางตำนานก็ว่าอยู่บนโลกคนเป็นแต่ใช้เครื่องสังเวยอัญเชิญเตเลสิแอสให้ปรากฎต่อหน้าตน) ในการเดินทางครั้งนึ้เขาได้นำแกะสองตัวไปด้วย เมื่อมาถึงแดนนรกเขาก็เชือดแกะสองตัวเมื่อเหล่าวิญญาณและภูติผีปีศาจได้กลิ่นเลือดก็พากันเข้ามาหวังจะดื่มเลือด และหนึ่งในดวงวิญญาณเหล่านั้นก็มีเตเลสิแอสด้วย เตเลสิแอสพยากรณ์ว่า โอดิสซีอุสจะต้องเจออุปสรรคอีกมาก และเตือนให้โอดิสสิอุสระวังอันตรายเมื่อเดินทางไปถึงดินแดนสุริยเทพ เมื่อรับคำพยากรณ์เสร็จโอดิสซิอุสก็เดินทางต่อ


    ระหว่างทางเรือของโอดิสซีอุสได้ผ่านเกาะของไซเรน ซึ่งเขาเคยได้ยินเรื่องมนต์เพลงมรณะของไซเรนมาก่อน จึงสั่งให้ลูกเรือเอาขี้ผึ้งอุดหูไว้ ส่วนโอดิสซีอุสนั้นทรงปรารถนาจะฟังเพลงของเหล่าไซเรน จึงให้ลูกเรือมัดพระองค์ไว้กับเสากระโดงเรือแทนและไม่ต้องอุดหู ซึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงเพลง โอดิสซีอุสก็พยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการเพื่อจะโดดลงน้ำว่ายไปยังเกาะของไซเรนทว่าเชือกที่มัดนั้นแน่นหนามาก เขาจึงรอดจากพวกไซเรนมาได้ จนมาถึงช่องแคบในทะเลที่มีสัตว์ร้ายดูแลอยู่คือ

     

    ซิลล่า- Scylla กับคาริบดีส-Charybdis อสุกาย 6หัวและอสุรกายน้ำวน ซิลล่าได้จับลูกเรือซึ่งเป็นบริวารของโอดิสซิอุส 6 คนกิน แต่เรือก็สามารถแล่นผ่านช่องแคบไปได้ จนมาถึงเกาะสุริยเทพ ลูกเรือผู้หิวโหยได้แอบไปฆ่าวัวศักดิ์สิทธิ โดยไม่ฟังคำเตือนของโอดิสสิอุส สุริยเทพจึงจัดการให้เรือแตก ต้องผจญ กับ วังนํ้าวนคาริบดีส ซึ่งดูดทุกอย่าง ลูกเรือจมหายหมด  แม้แต่ไม้ที่เขาเกาะพยุงตัว เหลือแต่โอดิสสิอุสที่ลอยตัวตามกระแสคลื่นมาเกยฝั่งเกาะโอจิเจีย-Oqyqia อันเป็นที่อยู่ของนางไม้นามคาลิปโซ่-Calypso



    คาลิปโซ่ และโอดิสซิอุส ภาพโดย Jan Styka (1901)


     เมื่อคาลิปโซ่เห็นหน้าของโอดิสซีอุส เธอก็ตกหลุมรักเขาทันที โอดิสซิอุสอาศัยอยู่กับคาลิปโซ่ได้เจ็ดปี ระหว่างที่เขาอยู่กับนาง เขาได้รับพรทางเทพให้คงร่างเป็นหนุ่มอยู่เช่นนั้น และหากเขารับปากตกลงจะอยู่กับนางไม้นี้ตลอดไป โอดิสซิอุสก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์ มีความสุขอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด บนเกาะแห่งความฝัน 


    แต่โอดิสซอุสไม่ตกลง เขาเลือกเดินทางกลับบ้านต่อ และเขาก็ทำสำเร็จ ซึ่งนับรวมแล้ว กว่าเขาจะเดินทางถึงบ้านเกิดก็กินเวลาไป 10 ปี  เมื่อมาถึงอิธากะเขาก็ได้ปลอมตัวเป็นชายชราขอทานไปดูลาดเลาบ้านและคนรักตน ซึ่งมีแต่คนรักใช้นามอาร์กอสที่จำเขาได้ 


    ระหว่างที่ตามหาคนรักนั้นอาร์กอสเล่าว่ามีเจ้าชายจากแดนอื่นมากมายมาจียขอแต่งงานกับเพเนโลปี้แต่นางก็ไม่เอานางรอโอดิสซิอุสผู้เดียว เธอประกาศใช้คันธนู และขวาน12 ด้ามของโอดิสซิอุสมาใช้ในการแข่งขัน เธอบอกกับพวกชายที่มาจีบว่าเธอยินดีแต่งงานกับคนที่สามารถยิงธนูทะลุขวานสิบสองด้ามได้ บรรดาเหล่าเจ้าชายและชายธรรมดาผู้มาจีบทั้งหลายไม่มีใครทำได้ 


    ในที่สุดโอดิสสิอุสจึงขอเข้าร่วมการแข่งขัน พวกผู้ดูแลพากันพัวเราะเยาะ แต่ปรากฎว่าโอดิสสิอุสทำสำเร็จ เขาแสดงตัวกลับเป็นโอดิสซิอุสคนเดิม และยิงพวกอริจนหมด ฝ่ายเพเนโลปี้ที่คอยผลการประลองอยู่ในห้องได้ออกมาพบสามีของเธอ ภายหลังที่การต่อสู้สิ้นสุดลง ทั้งสองได้มีความสุขอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง หลังที่ต้องจากกันเป็นเวลานาน และได้ใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป



    โอดิสซิอุสและเพเนโลปี้ ภาพโดย Jan Styka

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×