ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่มือตำนานเทพเจ้ากรีก-โรมัน

    ลำดับตอนที่ #98 : เจสัน-Jason กับภารกิจขนแกะทองคำ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 61






    วีรบุรุษอีกคนจากตำนานตำนานกรีกครับ คนนี้มีชื่อว่าเจสัน เป็นผู้สร้างตำนานเจสันกับขนแกะทองคำอันโด่งดัง อันที่จริงตำนานวีรบุรุษเจสันคนนี้นั้นมีหลายเวอร์ชั่นทีเดียวครับ แต่ที่นี้ผมจะเอาแบบที่นิยมมากที่สุดมาเล่าให้ผู้อ่านอ่านกันนะครับ

    เจสันคนนี้ก็คือบุตรชายของกษัตริย์แอสัน-Aeson แห่งนครอีโอคุส-Iolcus และเจสันเองก็สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้าอีกทีหนึ่ง ก็คือมีศักดิ์เป็นหลานของเทพเฮอร์มีสครับ 

    เมื่อครั้งที่เจสันยังเป็นเด็ก กษัตริย์แอสันพระบิดาของเขาก็ได้ถูกปลงชนม์และแย่งบัลลังก์โดยท้าวพีเลียสซึ่งเป็นญาติของแอสัน หลังที่พระบิดาของเจสันจากโลกไปได้ไม่นา เจสันก็ถูกเซนทอร์ที่ชื่อไครอนรับไปเลี้ยงที่ภูเขาเพลิออน ซึ่งไครอนก็คอยอบรบสั่งสอนเลี้ยงดูและสอนวิชาต่างๆให้แก่เขา 

    หลังจากอยู่กินกับไครอนมานานจนมาถึงวัย 20 เจสันก็ได้ออกจากภูเขาเพลิออน เพื่อท้วงกรรมสิทธิ์อันแท้จริงในการเป็นกษัตริย์คืน ระหว่างทางเจสันได้เดินทางมาจนถึงลำธารที่ไหลเชี่ยวกรากซึ่งเขาต้องข้ามมันไป 

    ในขณะนั้นมีหญิงชราผู้น่าสงสารกำลังพยายามที่จะข้ามลำธารที่ไหล่เชี่ยวนั้น เจสันเกิดความสงสารเลยเข้าช่วยหญิงชราโดยอุ้มนางขึ้่นนั่งบนบ่าและพาข้ามลำธารน้ำนั้น 

    พอเจสันข้ามลำธารมาถึงฝั่งแล้วพยายามจะวางหญิงชราลงแ ต่หญิงชราที่เขาอุ้มมานั้นกลับหายไปเสียแล้ว และเบื้องหน้าของเขากลับมีหญิงงามแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ แต่ดูแล้วมิใช่มนุษย์ธรรมดา  หญิงคนนั้นมีรัศมีอันเรืองรองแผ่กระจายออกมาจากร่าง 

    ที่แท้นางคือ เทพีเฮร่า ราชินีแห่งสรวงสวรรค์ นั้นเอง นางพึงพอใจเจสันเป็นอันมาก ถึงกับสัญญากับเจสันว่าหากเขาเตือนร้อนพระนางจะช่วยให้เขารอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง และพระนางก็หายไป

    เจสันตลึงกับเหตุการณ์ที่ตนเพิ่งได้ประสบเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้สติก็รู้ว่าสายมากแล้ว และเมื่อสำรวจสิ่งต่างๆก็พบว่ารองเท้าข้างหนึ่งได้หายไป แต่เขาก็พยายามไม่ฟุ้งซ่านและออกเดินทางไปยังนครอีโอคุสต่อ เพื่อทำภารกิจของตนให้ได้บรรลุเสียที


    กษัตริย์พีเลียสชะงักอยู่ที่บันได เมื่อเห็นชายหนุ่มที่มีรองเท้าข้างเดียวมาเข้าเฝ้า ภาพปูนเปียกจากปอมเปอี ประมาณ ศตวรรษ ที่ 1


    เมื่อเจสันมาถึงและได้เข้าเฝ้าพีเลียสซึ่งตอนนี้มีศักดิ์เป็นพระราชา พีเลียสก็นึกถึงคำพยากรณ์ขึ้นมาได้ ในตอนที่พีเลียสขึ้นครองราชใหม่ๆ พระองค์ได้เดินทางไปรับคำพยากรณ์ของตนที่วิหารเทพพยากรณ์เดลฟี ในคำพยากรณ์นั้นบอกกับพีเลียสว่า "ให้ระวังคนแปลกหน้าที่ใส่รองเท้าข้างเดียว" 

    เมื่อเห็นเจสันอ้างสิทธิ์บัลลังอย่างกล้าหาญ  พระองค์ก็หลาดกลัวมาก เพราะรู้ทันทีว่าเจสันคือบุคคลในคำพยากรณ์ที่พระองค์ต้องระวัง และพีเลียสเองจะทำร้ายเจสันตรงๆก็ไม่ได้ เพราะมันจะเป็นการผิดกฎมณเฑียรบาล ดังนั้นพีเลียสจึงออกอุบายแก่เจสันว่า หากเจสันนำขนแกะทองคำมาให้พระองค์ได้ พระองค์จะสละบัลลังก์ให้ ซึ่งเจสันก็ตอบตกลง ภายในใจของพีเลียสตอนนั้นคิดเพียงแต่ว่าเจสันคงทำงานนี้ไม่สำเร็จแน่ๆ

    เจสันได้เป่าประกาศหาลูกเรือและผู้ที่สนใจที่จะร่วมการผจญภัยไปกับเขา แล้วเจสันยังหานายช่างต่อเรือฝีมือเยี่ยมเพื่อต่อเรือใช้เดินทางไปหาขนแกะทองคำอีกด้วย ซึ่งนายช่างคนนนี้ก็คืออาร์กัสนั่นเอง เรือที่เจสันสั่งทำนับเป็นเรือใหญ่กว่าที่อาร์กัสเคยต่อ กว่าจะขึ้นรูปได้ อาร์กัสต้องพึ่งความฝันที่เทวีมิเนอร์วามาเข้าฝันบอกวิธีทำ แถมยังมีท่อนไม้โอ๊กขนาดใหญ่มาวางรอไว้ในอู่ต่อเรือ อย่างหาที่มาไม่ได้ อาร์กัสรู้ว่านั่นคือ เทวโองการ จึงรีบทำงานท้าทายอย่างเต็มกำลังจนต่อเรือสำเร็จ เจสันเลยเรียกเรือลำนี้ว่า "อาร์โก" 


    ความพิเศษของเรืออาร์โกลำนี้ก็คือ ส่วนหัวของเรือสามารถพูดเองได้!! ซ้ำยังมีพลังอำนาจในการเอ่ยคำพยากรณ์ พร้อมกับเตือนภัยและให้คำแนะนำต่างๆได้อีกด้วย และหลังจากที่เรือเสร็จสิ้น ก็ได้มีผู้สนใจเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้มารายงานตัวกับเจสัน ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่ไม่ธรรมดา

    เขาได้ ลินซิอัส-Lynceus ผู้มีสายตาแหลมคม มองเห็นได้ไกล ไทฟิส-Tiphys ผู้รู้จักตำแหน่งดาวมาเป็นต้นหน เซเตสและแคเรส-Zetes and Calais ลูกชายของโบริอัส เทพเจ้าแห่งลมเหนือเป็นผู้นำลมมาให้ หากเจอภาวะลมสงบเงียบ ได้เฮอร์คิวลิสผู้ทรงพลังสามารถต่อกรกับยักษ์และอสูรร้าย ออฟิอุส-Orpheus นักดนตรี ผู้ที่เสียงพิณของเขาสามารถเยียวยาคืนพลังให้แก่พลฝีพายผู้เหนื่อยอ่อน 


    อีกทั้งแฝดคัสเตอร์และพอลลักซ์-Castor and Pollux ซึ่งไม่รักอะไรมากเกินไปกว่าการต่อสู้ ที่สำคัญยังมีวีรสตรีอีกผู้หนึ่งที่กลายเป็นลูกเรืออาร์โก นั่นคือ แอตตาแลนตา ผู้มีฝีเท้าเบา นางมีความสามารถที่จะกระโดดไปบนยอดคลื่นลูกแล้วลูกเล่า และคนอื่นๆอีกมากมายรวมแล้วได้ 50 คน มาร่วมเป็นคณะเดินทาง



    เจสันและคณะบนเรืออาร์โก ภาพโดย Howard Johnson


    จสันและคณะได้เรียกตนเองว่า "กลุ่มอาร์โกนอต" จากนั้นเมื่อพวกเขาคิดว่าตนเองพร้อมกันแล้วและจะเริ่มออกเดินทาง อุปสรรคเกิดก็ขึ้น นั่นคือไม่มีใครฉุดเรือลงน้ำได้ ไม่ว่าจะใช้คนฉุดมากเท่าไหร่ ขนาดเฮอร์คิวลิสยังหมดปัญญา หัวเรืออาร์โกจึงร้องบอกให้ ออฟิอัสเล่นพิณ เท่านั้นเอง เสียงพิณทำนองเสนาะก็พาเรือเคลื่อนลงน้ำได้อย่างง่ายดาย

    แต่ทว่าเมื่อลงเรือได้แล้ว ปัญหาต่อมาก็เกิดต่อ นั่นคือ ขนแกะทองคำอยู่ที่ไหนละ และก้อีกเช่นเคย พวกเขาก็ได้หัวเรืออาร์โกช่วยไว้ หัวเรือบอกแก่คณะว่า เป้าหมายของพวกเขาคือดินแดนสุดขอบโลก  เมืองคอลคิส (ซึ่งปัจจุับันคือส่วนหนึ่งของประเทศตุรกี สมัยก่อนคงไกลสุดของพวกเขากระมัง) 

    ซึ่งแน่นอนว่าต่อให้ออกเรือและรู้ว่าจะต้องเดินทางไปที่ใด แต่ระหว่างทางก็ไม่ได้โรยด้วยกรีบกุหลาบแน่นอน เพราะระหว่างการเดินทางของเจสันและคณะต่างประสบภยันอันตรายต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็น ที่เกาะเลมนอสที่ต้องเผชิญกับนักรบหญิงอเมซอน > เผชิญกับโพไซดอน เทพแห่งท้องทะเล > เรือฝ่ากระแสน้ำที่รุนแรง ซึ่งไหลออกมาจากมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ ผ่านช่องแคบบอสฟอรัส >  ไปเจอเกาะลอยซึ่งมีหน้าผาหินกระทบกัน มันจะบดเรือทุกลำที่ผ่านเข้าไป > ต่อสู้เผชิญกับสัตว์ ประหลาดในตำนานต่างๆ  


    ไม่ว่าจะเพราะมันเป็นตำนานหรือเพราะโชคช่วย หรือจะอะไรก็ตามพวกเขาก็รอดมาได้ และได้มายังเมืองคอลคิสได้สำเร็จ แต่ทว่าระหว่างทางก็ได้เสียลูกเรือฝีมือดีไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน เมื่อมาถึงเมืองคอลคิสได้ เจสันก็ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์เออิทิสแห่งเมืองคอลคิสและทูลขอขนแกะทองคำกันดื้อๆ เลยทีเดียว ซึ่งก็แน่นอนว่า ใครจะไปให้ล่ะ 


    แต่พระราชายังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม คำอ้างโองการเทพที่เจสันกล่าว ทำให้พระองค์กริ่งเกรงอยู่ในที จึงใช้วิธีกำจัดคณะเรืออาร์โก ด้วยการมอบภารกิจท้าทายที่ไม่มีทางทำสำเร็จให้ปฏิบัติคือ ให้เจสันต้องไปปราบวัวบรอนซ์ที่มีลมหายใจเป็นไฟให้เชื่อง เอามันเทียมไถแล้วไถสนามหว่านฟันมังกร เจสันรู้ว่านี่เป็นอุบายกำจัดตน แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ระหว่างที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้น นางมีเดียธิดาของกษัตริย์เออิทิสที่เกิดหลงรักหนุ่มต่างเมืองอย่างเจสันก็ได้แฝงตัวเข้าช่วยเหลือ มีเดียเชี่ยวชาญในศาสตร์แม่มดจึงรู้ทางของวิเศษ เธอมอบหินวิเศษใช้ปราบวัวให้แก่เจสัน


    วันรุ่งขึ้นเจสันใช้หินวิเศษของมีเดียปราบวัวบรอนซ์จนอยู่หมัด ซ้ำยังจับมันเทียมแอก เออิทิสที่ดูอยู่ กัดฟันด้วยความหงุดหงิด พระองค์ส่งฟันมังกรให้เจสันเอาไปหว่าน หวังว่า เมื่อฟันมังกรกระทบพื้นก็จะกลายเป็นกองทัพทหารยนต์ และพวกมันย่อมลุกขึ้นรุมฆ่าเจสันเป็นแน่ 



    เจสันและมีเดีย ภาพโดย John William Waterhouse , 1907


    คราวนี้แผนกำจัดของพระองค์จะสัมฤทธิ์ผล และมันก็เป็นดังนั้นจริงๆ เกิดทหารยนต์ที่กลายร่างจากฟันมังกรเป็นกองทัพ ทำเอาเจสันหมดปัญญา เมื่อไม่รู้จะทำยังไงดี ก็ควักหินวิเศษของมีเดียขว้างออกไปถูกทหารตนหนึ่ง ทหารยนต์ตนนั้นคิดว่าหินก้อนนั้นลอยมาจากมือทหารอีกคนในกลุ่มเดียวกัน ก็หันกลับไปเล่นงานทันที ทำให้ทหารยนต์ที่โดนเพื่อนกระแทกก็หันมาฟันล้มลงไปโดนเข้ากับอีกคน อีกคนก็หันหน้ามาตี จากนั้นก็ล้มต่อเนื่องกันระเนระนาด พอลุกขึ้นได้ต่างก็ตีกันทำร้ายกันเป็นชุลมุน สุดท้ายกลายเป็นไล่ฆ่ากันเอง จนตายหมดทั้งกองทัพ เออิทิสตกตะลึง ได้แต่นิ่งงันแล้วกลับวัง แค่นั้นเจสันก็รู้แล้วว่า เออิทิสไม่มีวันยอมให้ขนแกะทองคำแก่เขา


    ทีนี้เจสันก็รู้ว่าตนเหลือทางเดียวแล้ว นั่นคือ "การขโมย" นั่นเอง ที่ตัดสินใจแบบนี้เพราะรู้ว่า ตอนนี้เจ้าหญิงมีเดียเข้าข้างอยู่ เขาเพียงหลอกล่อด้วยคำสัญญา (ไม่แน่ใจว่า เจสันจะรักนางหรือไม่) และนางมีเดียก็เชื่อ มีเดียจึงเข้ามานำเจสันไปยังพระอุทยานหลวงในส่วนที่ลึกที่สุดซึ่งไม่เคยมีใครทราบมาก่อนว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ในพระอุทยานนอกจากเชื้อพระวงศ์ 


    นางพาเจสันมายังเนินเขาที่ไม่สูงมากพร้อมทั้งชี้ให้เจสันเห็นต้นโอ๊ตยักษ์ที่มีแสงที่ทองส่องประกายซึ่งนั้นก็คือขนแกะทองคำที่ถูกแขวงไว้บนกิ่งต้นโอ๊ตเพื่อเป็นการบูชาเทพแอรีสเทพเจ้าแห่งสงคราม เจสันดีใจที่ขนแกะทองคำที่ตนตามหาจะเข้ามาใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น แต่แล้วก็ปรากฏมังกรยักษ์พุ่งออกมาจากด้านหลังต้นโอ๊ตนั้น มันเป็นยามชั้นดี มันคอยเฝ้าขนแกะทองคำ มันเป็นมังกรที่กษัตริย์เออิทิสใช้ให้เฝ้าขนแกะทองคำ มันไม่เคยหลับเลยมาเป็นเวลาหลายปีแล้วเพราะมันไม่หลับนี่แหละจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปเอาขนแกะทองคำ


    ครั้งนี้เจสันก็ได้มีเดียช่วยอีกครั้ง มีเดียได้ร่ายคาถาทำให้เจ้ามังกรผู้เป็นยามหลับเสีย จังหวะนั้นเจสันก็ปีนขึ้นไปนำขนแกะลงมา และพามีเดียขึ้นเรืออาร์โกกลับไปยังดินแดนที่ตนจากมา สร้างความพิโรธให้แก่เออิทิสผู้เป็นพระราชบิดาของมีเดียเป็นอย่างมาก


     พระองค์ทรงส่งพระราชโอรสพระองค์โตเดินทัพเรือไปจับเจ้าหญิงมีเดียกลับมาพร้อมกับการถล่มเรืออาร์โกให้พินาศ แต่เจ้าหญิงมีเดียทรงช่วยเจสันอีกครั้ง โดยให้เรืออาร์โกแวะพักเรือยังเกาะแห่งหนึ่ง กองเรือของพระเชษฐาก็แวะตามหมายที่จะจับเจ้าหญิงมีเดีย สุดท้ายเจ้าหญิงมีเดียก็สังหารพระเชษฐาของนางเอง แต่บางตำนานก็ว่าเจสันเป็นผู้สังหารเจ้าชายแห่งคอสคิส


    เออิทิสเห็นดังนั้นยิ่งเสียพระทัยหนักมากเข้าไปอีก ไหนจะเสียขนแกะทองคำ เสียนางมีเดีย (ลูกสาว) แล้วยังเห็นลูกชายถูกพี่สาวฆ่า พระองค์จึงต้องตามเก็บเศษซากศพทีละชิ้นๆ ให้ครบร่าง เหตุนี้เอง เรืออาร์โกจึงได้ทิ้งห่างออกไป เริ่มกลับเข้าการผจญภัยตามเส้นทาง และยังได้เจออุปสรรคอีกหลายอย่างก่อนกลับถึงบ้านอย่างสวัสดิภาพ ลูกเรือที่ร่วมเดินทางต่างอำลาเจสันและเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตน เจสันกับมีเดียยังคงร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อเอาบัลลังก์อันชอบธรรมคืนมาจากกษัตริย์พีเลียส



    เจสันแสดงขนแกะทองคำต่อกษัตริย์พีเลียส 


    เจสันเฝ้าได้เข้าเฝ้ากษัตริย์พีเลียส ถวายขนแกะทองคำแล้วทวงสัญญา แต่พีเลียสก็ยังคงนิ่งเฉย และก็เป็นครั้งที่ร้อยแปด มีเดียก็สาสาที่จะช่วยเจสันเช่นเดิม นางปลอมตัวเป็นหมอวิเศษเร่ขายยาชุบตัวให้เยาว์วัย พระราชธิดาของกษัตริย์พีเลียสสนใจก็เรียกมาถาม และสนใจมากเข้าไปอีก หลังจากโดนลมปากนางมีเดียเป่าหู นางอยากให้พระบิดากลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง จึงนำนางมีเดียเข้าเฝ้า 


    นางแม่มดก็จัดการพิสูจน์ นางตั้งพิธีแล้วเอาหม้อใหญ่ขึ้นตั้งใส่ยาวิเศษลง พอเคี่ยวได้ที่ก็เอาแกะแก่ใส่ลงไป มีเดียร่ายเวทย์กำกับ...ครู่เดียว แกะแก่ก็กลายเป็นลูกแกะปีนออกมา กษัตริย์พีเลียสเห็นกับตาก็เชื่อสนิท จึงตัดสินใจเข้าไปในหม้อด้วยพระองค์เอง แต่คราวนี้นางมีเดียไม่ได้ร่ายคาถาอะไรทำให้พีเลียสถูกต้มตายคาหม้อ เจสันจึงได้บัลลังก์คืน


    ทว่าเมื่อเจสันได้ขึ้นเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอีโอคุส พสกนิกรกลับต่อต้านเจสัน ด้วยไม่พอใจที่พระราชาของพวกเขาที่จงรักภักดีจะใช้วิธีที่สกปรกไม่มีความเป็นวีรบุรุษแย่งชิงมาด้วยฝีมือของอิสตรีเช่นนี้ เจสันทนพลังแห่งประชาชนไม่ไหวจึงสละราชบัลลังก์ แล้วแต่งตั้งให้ อาคัสตัส ผู้เป็นพระราชโอรสแห่งกษัตริย์พีเลียสขึ้นครองราชบัลลังก์ต่อไป ส่วนเจสันก็ได้พามีเดียเดินทางไปพักพิงยังเมืองโครินทร์ที่มีกษัตริย์ครีออนเป็นผู้ปกครอง ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันและมีบุครสองคน


    เหมือนเรื่องของเจสันจะจบลงด้วยความสุข แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ตอนท้ายๆ ของเรื่อง เจสันไปมีรักใหม่เป็นลูกสาวเจ้าเมือง ซึ่งเขาต้องการแต่งงานกับเธอในฐานะเมียเอก ทำให้มีเดียชอกช้ำและที่สุดก็กลายเป็นแค้นเคือง นางจัดการฆ่าคู่รักของสามี ฆ่าลูกสองคน แล้วขึ้นราชรถของตนเหาะหายไปตลอดกาล ทิ้งให้เจสันเดียวดาย และต่อมาก็ตายอย่างอนาถ เหตุเพราะหัวเรืออาร์โกหักลงมากระแทกหัวทำให้คอหักอีกต่างหาก อนาถยิ่งนัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×