ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่มือเทพปกรณัมญี่ปุ่น - Japanese mythology

    ลำดับตอนที่ #44 : สุคุนะบิโคนะ-Sukunabikona เทพเจ้าแห่งออนเซ็น

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 65






    สุคุนะบิโคนะ หรือบางทีจะรู้จักกันในชื่อสุคุนะฮิโคนะ-Sukunahikona เป็นหนึ่งในเทพเจ้าของศาสนาชินโต ที่มีปรากฎทั้งบันทึกโคจิกิและนิฮอนโชกิ กล่าวกันว่าท่านเป็นเทพรูปร่างเล็ก เป็นบุตรของคามิมุสุฮิโนะคามิ-Kamimusuhi-no-kami เทพผู้สร้าง (ตามที่ระบุในบันทึกโคจิกิ) หรือบุตรของทาคามิมุสุบิโนะมิโคโตะ-Takamimusubi-no-mikoto เทพเจ้าแห่งเกษตรกรรม (ตามที่ระบุในบันทึกนิฮอนโชกิ) โดยเทพสุคุนะบิโคนะถูกรู้จักในฐานะเทพแห่งเวชศาสตร์,เหล้าสาเก,น้ำพุร้อน(ออนเซ็น),การกำเนิดแผ่นดิน,การกสิกรรม,ฝนและไสยเวทย์

    ตามตำนาน มีเรื่องเล่าว่า  เทพองค์นี้ได้นั่งเรือขนาดเล็กที่เรียกกันว่า อามาโนคากามิฟุเนะ-Amanokagamifune (天乃羅摩船  ) มาจากโพ้นทะเลเข้ามายังดินแดนญีปุ่น อนึ่ง เนื่องจากคำว่า 羅摩 ยังสามารถอ่านว่า รามา ได้ด้วย จึงทำให้มีคนเสนอทฤษฎีกันว่า เป็นเทพจากทางฮินดูของอินเดีย จนถึงขั้นตั้งฉายาให้ว่าเป็นเทพผู้อพยพย้ายถิ่นกันเลยทีเดียว เทพสุคุนะบิโคนะยังเป็นสหายคนสนิทของเทพผู้ครองแผ่นดิน โอคุนินูชิ-Ookuninushi-no-mikoto เนื่องจากตอนที่นั่งเรือมาถึงแหลมมิโฮะ ได้ถูกโอคุนินูชิพบเข้า (สมัยที่โอคุนินุชิยังไม่ได้เป็นเทพหรือรวมแผ่นดิน) ทั้งคู่ได้เดินทางร่วมกันเพื่อสานต่อภารกิจการกำเนิดแผ่นดินด้วยการรวมแผ่นดิน จนกลายเป็นสหายร่วมเดินทางไปครับ



    เทพสุคุนะบิโคนะในบ่อน้ำพุร้อนและเทพโอคุนินูชิ (ตามลำดับจากทางซ้าย)

    มีครั้งหนึ่งที่สุคุนะบิโคนะเกิดล้มป่วย โอคุนินูชิจึงนำตัวเขาไปแช่ในบ่อน้ำพุร้อนแห่งโดโงะ แล้วจู่ๆ สุคุนะบิโคนะก็หายป่วยทันที ศิลาที่สุคุนะบิโคนะขึ้นไปกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีปรีดาที่หายป่วยก็ถูกเรียกกันว่า ทามะโนะอิชิ-Tamanoishi (玉の石) ซึ่งก็ยังมีรอยเท้าขนาดเล็กอยู่ และสามารถไปชมได้ที่โดโงะออนเซ็นในจังหวัดเอฮิเมะครับ 

    นอกจากนี้ยังได้รับการนับถือว่าเป็นผู้ที่สอนให้ผู้คนรู้จักการทำสุราเมรัย (สาเก) จึงถูกยกให้เป็นเทพแห่งการกสิกรรมและเหล้าสาเก ทั้งยังกล่าวกันอีกว่าเป็นผู้ประดิษฐ์ไสยเวทย์เพื่อใช้ในการรักษาและปัดเป่าความเจ็บป่วยด้วย

    ในตอนท้ายของการเดินทาง กล่าวกันว่า สุคุนะบิโคนะได้หายจากโลกนี้ไปโดยการกระโดดลงกองเมล็ดข้าวแล้วเด้งสปริงไปสู่ดินแดนแห่งนิรัดรภพ โทโคโยะโนะคุนิ-Tokoyo no Kuni (常世の国 ) โทโคโยะโนะคุนินั้นกล่าวว่าเป็นโลกนิรันดร์ ต่างจากปรโลกหรือโลกของผู้วายชนม์ โยมิโนะคุนิ-Yomi no Kuni (黄泉の国 ) 


    *เกร็ดความรู้เพิ่มเติม


    ศาลเจ้าสุคุนะฮิโคนะ-Sukunahikona-jinja





    ศาลเจ้าสุคุนะฮิโคนะแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างอาคารสูงๆ ในเขตเมืองโดโชมาจิ-Doshomachi ของจังหวัดโอซาก้า กล่าวกันว่าเริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยเอ็นเน ในปี 1780 เลยล่ะครับ ซึ่งถือได้ว่าเก่าแก่อยู่พอสมควร อีกทั้งเมืองโดโชมาจิยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งเวชภัณฑ์ยา” และถือเป็นหนึ่งในที่ประดิษฐานของเทพสุคุนะบิโคนะ และเทพชินโนชิ-Shinnoshi เทพเจ้าแห่งยาของทั้งญี่ปุ่นและจีน ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงและมีความสำคัญไม่แพ้ศาลเจ้าอื่นๆ 

    ของขึ้นชื่อของศาลเจ้าแห่งนี้ได้แก่เครื่องรางเสือกระดาษ-Hariko no Tora ซึ่งยังเป็นของฝากเมืองโอซาก้าอันเป็นที่นิยมเป็นเครื่องรางป้องกันโรคภัยไข้เ มีต้นกำเนิดในปี 1822 เมื่อเกิดอหิวาตกโรคระบาดในโอซาก้า ศาลเจ้าได้ปรุงยาลูกกลอนชื่อ "Kotosakkiyuo-in" ขึ้น โดยทำพิธีปลุกเสกให้คุ้มครองให้แคล้วคลาดจากโรคภัย แล้วแจกจ่ายให้กับประชาชนพร้อมกับเครื่องรางเสือโดยไม่คิดมูลค่า ว่ากันว่าหลังจากนั้นโรคภัยก็หยุดระบาด

    นอกจากนี้ วันที่ 22-23 พฤศจิกายน ของทุกปี ที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีเทศกาล Shinno-sai ซึ่งเป็นเทศกาลปิดท้าย (Tome no Matsuri หรือ The End Festival) เทศกาลประจำปีของโอซาก้าทุกปีจะมีประชาชนผู้ศรัทธาจำนวนมากมาสักการะศาลเจ้าด้วยกิ่งไผ่ที่มีกระดาษรูปเสือ เชื่อว่าจะช่วยปัดสิ่งชั่วร้ายออกจากชีวิตได้นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่มีการจัดเทศกาลเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี สีเหลืองทองของใบต้นแปะก้วยในบริเวณโดยรอบศาลเพิ่มเสน่ห์และทำให้นักท่องเที่ยวพบกับบรรยากาศแห่งความผ่อนคลาย


    การเดินทาง

    การเดินทางมาเที่ยวโอซาก้ายังศาลเจ้าซูคูนาฮิโคนะ จินจะ โดยรถไฟสาย Sakaisuji Line ลงที่สถานี Kitahama Station แล้วเดินต่ออีกราว 2 นาที ในบริเวณไม่ไกลจากศาลเจ้าซูคูนาฮิโคนะ จินจะ มีพิพิธภัณฑ์ทางการแพทย์ (Museum of medicine) จัดแสดงประวัติและนิทรรศการเกี่ยวกับศาสตร์ทางการแพทย์ในอดีตให้นักท่องเที่ยวได้ชม


    โดโงะออนเซ็น-Dogo Onsen (道後温泉)




    โดโงะออนเซ็นนั้น เป็น 1 ใน 3 สถานออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี และยังมีการบันทึกไว้ในบันทึกนิฮอนโชกิอีกด้วย ออนเซ็นแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึยามะ จังหวัดเอะฮิเมะบนเกาะชิโกกุ  ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสิ่งที่ทำให้โดโงะออนเซ็นแห่งนี้ต่างจากที่อื่นก็คือ ตัวอาคารที่คงรูปแบบไว้เหมือนเดิม ตั้งแต่ตอนที่สร้างในปี 1893 และเรื่องเล่าในตำนานถึง 2 เรื่อง หนึ่งคือตำนานของนกกระยาง ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นตำนานเกี่ยวกับหินที่ถูกเรียกว่า ทามะโนะอิชิ ที่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ Dogo Onsen (บ่อน้ำพุร้อนโดโงะ) 

    ตำนานเกี่ยวกับนกกระยางนั้นมีอยู่ว่า มีนกกระยางตัวหนึ่งมารักษาหน้าแข็งที่บาดเจ็บของมันด้วยการลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อนนี้จนมันหายดี และผู้คนที่เห็นการกระทำของนกกระยางตัวนี้ก็ได้ลงแช่น้ำตามนกกระยางตัวนั้นและสุขภาพของพวกเขาก็ดีขึ้น ตำนานอีกเรื่องหนึ่งมีอยู่ว่ามีเทพองค์หนึ่งไม่สบายและท่านก็ได้ถูกแนะนำจากเทพอีกองค์ให้มาลงแช่ที่บ่อน้ำพุร้อนนี้ และเทพองค์นี้ก็หายจากอาการเจ็บป่วยนั้น ด้วยความดีใจท่านก็ได้ลุกขึ้นเต้นรำบนก้อนหินทำให้มีรอยเท้าของเทพองค์นี้จารึกไว้บนหินก้อนนั้น ก้อนหินนั้นเลยได้ถูกเรียกต่อๆกันมาว่า ทามะโนะอิชิ และปัจจุบันได้ถูกนำแสดงอยู่ที่โดโงะออนเซ็น



    ศิลาหินทามะโนะอิชิ


    อีกสิ่งที่ทำให้สถานที่นี้มีชื่อเสียงมาจากการที่ครั้งหนึ่งออนเซ็นแห่งนี้เคยเป็นที่พักผ่อนของนัตสึเมะ โซเซกิ (1867–1916) ปรมาจารย์ด้านวรรณกรรมของญี่ปุ่นสมัยใหม่ ซึ่งจากการที่เขามาใช้บริการอยู่ออนเซ็นนี้ก็ได้มีการเขียนผลงานที่อ้างอิงถึงออนเซ็นนี้ในงานเขียนของเขาด้วย ในปัจจุบัน โดโงะออนเซ็นอาคารหลักจึงเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีในฐานะที่เป็น “บ่อน้ำร้อนบตจัง” ซึ่ง(บตจัง) เป็นตัวละครหลักในเรื่องของโซเซกิที่เคยเขียนไว้นั่นเอง อีกทั้งในอดีตโดโงะออนเซนยังเป็นจุดหมายปลายทางของครอบครัวจักรพรรดิที่เดินทางมาบ่อยที่สุด 

    ตั้งแต่สมัยโบราณ การอาบน้ำใน ออนเซ็นOnsen (บ่อน้ำพุร้อน) นั้นถือว่าเป็นการบูรณะ, ผ่อนคลายและฟื้นฟูทั้งร่างกาย,จิตใจและจิตวิญญาณ คุณสมบัติของการแช่น้ำในบ่อน้ำพุร้อนนั้นมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การช่วยบรรเทาอาการปวดข้อหรือปวดกล้ามเนื้อ ช่วยด้านความสวยความงาม อาทิเช่น การปรับปรุงคุณภาพผิวและเพิ่มความอ่อนเยาว์ของผิว ซึ่งผู้หญิงญี่ปุ่นนั้นจะให้ความสำคัญในการดูแลผิวมาก ไม่ว่าเธอจะเป็นหญิงสาวหรือผู้สูงอายุ และคนพื้นเมืองนั้นกล่าวกันว่าการได้ลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อนถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากธรรมชาติที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้

    จนถึงวันนี้ Dogo Onsen ยังคงได้รับความนิยมไม่เพียงแต่สำหรับคนพื้นเมืองแต่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวด้วย ทำให้บ่อน้ำพุร้อนนี้มักจะเต็มแน่นไปด้วยผู้คนโดยเฉพาะในช่วงเย็นก่อนอาหารค่ำ


    การเดินทาง


    วิธีการเดินทางโดยรถไฟ

    นั่งรถไฟ JR Tokaido · Sanyo Shinkansen จากสถานีโตเกียวไปยังสถานีโอกายาม่า จากนั้นก็เปลี่ยนขบวนเป็น JR Limited Express Shiokaze เพื่อเดินทางต่อมาถึงสถานีมัตสึยามะ หลังจากนั้นก็นั่งรถราง Iyo Railway ซึ่งมุ่งหน้าไปยังโดโกะออนเซ็นมาจากสถานีมัตสึยามะ ระยะเวลาในการเดินทางรวมประมาณ 7 ชั่วโมง 30 นาที ราคาที่นั่งอิสระรวม 19,420 เยน

    วิธีการเดินทางโดยเครื่องบิน

    เส้นทางจากสนามบินฮาเนดะมาถึงสนามบินมัตสึยามะมีเครื่องบินของสายการบิน ANA และ JAL บินให้บริการ 6 เที่ยว / วัน ระยะเวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที ราคาที่นั่งธรรมดา 38,590 เยน นอกจากนี้ จากสนามบินนาริตะก็จะมีเครื่องบินของสายการบิน Jetstar บินให้บริการ 3 เที่ยว / วัน ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ราคา 6,370 เยน

    เส้นทางจากสนามบินมัตสึยามะมาถึงโดโกะออนเซ็นมีรถลีมูซีนบัสวิ่งให้บริการประมาณ 40 นาที ราคา 460 เยน

    วิธีการเดินทางโดยรถบัส

    ส่วนรถบัสมีทั้งรถบัส “Dream Matsuyama” ซึ่งวิ่งให้บริการจากสถานีโตเกียวผ่านสถานีชินจุกุมาถึงสถานีมัตสึยามะและรถบัส “Orange Liner Ehime” ซึ่งวิ่งให้บริการมาจากสถานีชินจุกุ โดยทั้งหมดเป็นรถบัสกลางคืน ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง ราคา 5,900 เยน

    หลังจากนั้นก็นั่งรถราง Iyo Railway จากสถานีมัตสึยามะมาถึงโดโกะออนเซ็นใช้เวลา 25 นาที ราคา 160 เยน


    ที่มาข้อมูลเพิ่มเติม


    • https://www.panasonic.com/th/consumer/aspire/vol407/dogo-onsen.html
    • http://www.japan555.com/dogo-onsen/
    • https://www.talonjapan.com/dogo-onsen/
    • https://www.jatschool.com/index.php?route=module/pageview&path=570&catagory=8
    • https://mumeaw.com/travel/asia/japan/osaka/sukunahikona-jinja/

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×