ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่มือตำนานเทพเจ้ากรีก-โรมัน

    ลำดับตอนที่ #109 : เพอร์ซิอุส-Perseus ผู้กำราบเมดูซ่า

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 61







    วีรบุรุษจากตำนานกรีกอีกคนครับ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อราชาโพลีเดคคีส ติดประกาศทั่วเมืองว่าหากผุ้ใดหาของที่ประหลาดที่สุดแก่ราชาได้ก็จะมีรางวัลให้ เย็นวันนั้นมีผู้คนมากมายที่ได้รับเชิญเพื่อนำของขวัญที่น่าประหลาดใจมาถวายแก่ราชา และเพอร์ซิอุสก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับเชิญให้ไปงาน 

    ต่างคนต่างมอบของขวัญให้ราชา พอถึงทีเพอร์ซิอุสให้ของขวัญราชา เพอร์ซิอุสไม่มีอะไรจะให้จึงตรัสถามราชาว่าท่านต้องการสิ่งใดเล่า ราชาทรงตรัสว่าข้าอยากได้หัวของนางกอร์กอน  เพอร์ซิอุสจึงรับปากว่าจะยอมหามาให้ 

    งานนี้เขาได้รับของวิเศษมากมายจากเทพเพื่อใช้กำจัดนางเมดูซ่า ดังนี้ อาธีนาให้โล่วิเศษสำหรับป้องกันดวงตาที่สามารถบังคับให้จ้องตาทำให้กลายเป็นหิน เฮอร์มิสให้ยืมรองเท้าแตะติดปีก เฮฟเฟสตัสให้ดาบและฮาเดสให้ยืมหมวกล่องหน 

    ถึงเพอร์ซิอุสจะได้ของวิเศษจากเทพมากมายแต่เพอร์ซิอุสก็ไม่รู้ว่าจะเจอนางกอร์กอนได้ที่ไหน แต่รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะรู้ นั่นคือ ไปถามสามพี่น้องเกรย์สามพี่น้องเกรย์เป็นอดีตคนรับใช้ของนางกอร์กอน ก่อนที่พวกนางจะโดนสาป 

    สามพี่น้องเกรย์คือ หญิงชราสามคนที่เป็นพี่น้องกัน แต่มีดวงตาแค่ดวงเดียวซึ่งผลัดกันใช้ ตอนแรกที่เพอร์ซิอุสพยายามถาม นางทั้งสามก็ไม่ยอมตอบเพราะไม่อยากทรยศผู้เคยเป็นเจ้านายมาก่อน จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้คำตอบ เพอร์ซิอุสจึงได้ฉกเอาดวงตาซึ่งเป็นของสำคัญของสามพี่น้องไป พร้อมกับขู่ว่าหากไม่ยอมบอกที่อยู่ของนางกอร์กอนจะทำลายดวงตาทิ้งนางเกรย์ทั้งสามถึงยอมบอกที่อยู่ของนางกอร์กอนพอเพอร์ซิอุสรู้ที่อยู่ก็รีบไปที่ที่นางกอร์กอนอยู่

    ในจังหวะนั้นนางกอร์กอนเมดูซ่าอยู่ที่พักคนเดียวเพราะพี่อีกสองคนไปหาอาหาร เพอร์ซิอุสได้ช่องรีบลงมาตัดหัวนางเมดูซ่าจนขาดกระเด็น ในตอนนั้นนางเมดูซ่ากำลังอุ้มทองพอดี จะโดนสังหารง่ายๆก็ไม่แปลก ลูกของเมดูซ่าได้ใช้คอของเมดูซ่าออกมาดูโลก ลูกที่ว่านี้คือลูกของเมดูซ่าและโพไซดอน หนึ่งในนั้น คือ ม้าบินเพกาซัส และนักรบยักษ์ไครซาเออร์ผู้ถือดาบทอง 

    แต่ลูกของเมดูซ่าก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอกแต่ตอนนั้นสเตโนกับยูไรออลีก็กลับมาจากการหาอาหารและเห็นเข้าพอดีจึงรีบเข้ามาโจมตีเพอร์ซิอุสเพื่อแก้แค้นให้เมดูซ่าที่ถูกฆ่าโดยใช้มนต์สะกดให้เพอร์ซิอุสจ้องตา เพื่อให้เพอร์ซิอุสกลายเป็นหิน

    แต่เพอร์ซิอุสใช้โล่วิเศษที่ได้รับจากเทพีอาเธนามาบังมนต์สะกดไว้ได้ พอดีจากนั้นโล่ก็ทำหน้าที่เป็นกระจกทำให้สเตโนและยูไรออลีเห็นตัวเองในกระจกเลยกลายเป็นหินไปแทน แล้วเพอร์ซิอุสก็ขึ้นขี่บนหลังม้าบินเพกาซัสแล้วควบเพกาซัสบินหายไปบนท้องฟ้า 

    ตำนานยังมีต่อว่าระหว่างที่เพอร์ซิอุสกำลังควบม้าบินเพกาซัสเพื่อกลับเมืองของตนเอง  เพื่อนำนางหัวเมดูซ่าไปถวายเพื่อเป็นของขวัญแก่ราชาโพลีเดคคีส   ทว่าตอนนั้นเลือดที่หยดจากคอของนางเมดูซ่าหยดลงสู่ทะเลและหยดลงไปถูกสาหร่ายทำให้สาหร่ายกลายเป็นปะการังในทะเล ต่อมาทะเลนี้จึงได้ชื่อว่า "ทะเลแดง" และเลือดยังกระเซ็นไปถูกพื้นดินทำให้เกิดงูพิษชนิดหนึ่งบนทะเลทรายซาฮาราตั้งแต่นั้นมา 



    รูปปั้นเพอร์ซิอุสในปี ค.ศ. 1801 โดย Antonio Canova


    ระหว่างทางที่เพอร์ซิอุสควบม้าบินเพกาซัสอยู่นั้นจู่ๆก็เกิดพายุลมแรงทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เมื่อไม่สามารถเดินทางต่อไปได้เพอร์ซิอุสจึงมองหาที่พัก แล้วเพอร์ซิอุสก็เห็นเกาะอยู่เกาะหนึ่งที่นั่นเป็นที่อยู่ของยักษ์แอสลาสผู้แบกโลก(บางตำนานก็ว่าแบกสวรรค์) เขาจึงควบม้าบินเพกาซัสแล้วดิ่งตรงไปที่เกราะแห่งนั้น   

    เมื่อลงถึงพื้นดินยักษ์แอสลาสก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วถามเพอร์ซิอุสว่า “เจ้ามาที่แห่งนี้ทำไม” เพอร์ซิอุสจึงตอบไปว่าข้ามาเพื่อขอพักที่นี่สักคืนหนึ่งแต่ยักษ์แอสลาสไม่ยอมจึงขับไล่เพอร์ซิอุสให้ออกจากดินแดนของตน แต่เมื่อยักษ์แอสลาสยังเห็นว่าเพอร์ซิอุสยังอ้อนวอนขอพักให้ได้ยักษ์แอสลาสจึงขู่ว่าหากไม่ยอมไปแต่โดยดีจะใช้อำนาจให้ถึงที่สุด 

    ฝ่ายเพอร์ซิอุสได้ยินเช่นนั้น จึงหยิบหัวนางเมดูซ่าออกมาจากถุง แล้วหันหน้าไปทางอื่นด้วยอำนาจวิเศษจากดวงตาของนางเมดูซ่าทำให้ยักษ์แอสลาสกลายเป็นหิน แล้วเพอร์ซิอุสก็ได้พักที่เกาะแห่งนั้นอย่างสมใจ เช้าวันต่อมาเพอร์ซิอุสก็ควบม้าบินเพกาซัสเพื่อออกเดินทางกลับต่อ 

    หลังจากที่เพอร์ซิอุสกำลังควบม้าบินเพกาซัสเพอร์ซิอุสก็บังเอิญเห็นสาวงามอย่างไม่น่าเชื่อกำลังร้องไห้ฟูมฟาย เพอร์ซิอุสจึงควบม้าบินเพกาซัสลงจอดที่แห่งนั้นแล้วถามนางว่า เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้ฟูมฟายเยี่ยงนี้ ตอนแรกนางไม่ยอมตอบแต่ประการใด เอาแต่ร้องไห้

     แต่ในที่สุดจึงยอมบอกว่าตนชื่ออันโดรเมด้าที่มาติดแบบนี้ก็เพราะว่าผู้มารดาของตนเป็นคนโอ้อวดว่าลูกสาวของข้า(ก็อันโดรเมด้านั่นแหละ)สวยงามกว่าใคร

    เจ้าสมุทรโพไซดอนโกรธมากจึงสั่งอสูรทะเลซูเตสให้โจมตีเมืองที่มารดาของอันโดรเมด้าอยู่จนราชาของเมืองนั้นสู้ไม่ไหวจึงจำใจต้องนำตัวนางอันโดรเมด้าจับล่ามโซ่ติดกับโขดหินรอให้อสูรทะเลซูเตสมากิน 

    เมื่อเพอร์ซิอุสคุยกับนางอันโดรเมด้าได้ไม่เท่าไรนัก อสูรทะเลซูเตสก็ปรากฏตัวขึ้นจากนั้นเพอร์ซิอุสก็เข้าต่อสู้กับอสูรทะเลซูเตสในระหว่างการต่อสู้ของเพอร์ซิอุสกับอสูรทะเลซูเตส




    นางอันโดรเมด้าและเพอร์ซิอุส วาดโดย William Etty (1787–1849)


    เพอร์ซิอุสก็ได้เอาหัวนางเมดูซ่าออกจากถุงแล้วนำมาให้อสูรทะเลซูเตสดูจากนั้นอสูรทะเลร่างยักษ์ก็กลายเป็นหินไปทันที หลังจากที่เพอร์ซิอุสกำจัดอสูรร่างยักษ์ได้ไม่นักเพอร์ซิอุสก็เดินทางกลับ 

    แต่หลังจากที่เพอร์ซิอุสกลับบ้านเมืองของตนเพื่อนำหัวนางเมดูซ่าไปถวายแก่ราชาโพลีเดคคีสเมื่อเพอร์ซิอุสเดินทางถึงพระราชวัง ก็พบว่าราชาโพลีเดคคีสกำลังข่มขืนแม่ตนเองอยู่ เขาจึงใช้อำนาจของหัวนางเมดูซ่าทำให้ราชาโพลีเดคคีสกลายเป็นหินแล้วยกตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์เสียเอง

    แต่หลังจากที่ราชาเพอร์ซิอุสครองราชได้ไม่นานก็คิดที่จะเปลี่ยนเมืองจึงเดินทางออกจากเมืองของตนแล้วเดินทางต่อไปเพื่อหาที่เหมาะ ๆ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งเมืองของตน 

    พอได้ที่แล้วก็เริ่มสร้างเมืองแล้ว ก็ให้เมืองของตนชื่อว่าเมืองไมชินี-Mycenae แล้วครองเมืองนั้นโดยมีชายาคือนางอันโดรเมด้าทั้งสองปกครองเมืองอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน เมื่อตายจากไปหลังจากได้ครองเมืองอย่างมีความสุขทั้งเพอร์ซิอุสและนางอันโดรเมด้าก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกลุ่มดาวสองกลุ่มอยู่คู่กันบนฟากฟ้าอย่างมีความสุขจนตราบเท่าทุกวันนี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×