ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่มือตำนานเทพเจ้ากรีก-โรมัน

    ลำดับตอนที่ #105 : เมลิอาเจอร์-Meleager กับท่อนฟืนแห่งชีวิต

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 61






    เมลิอาเจอร์ วีรบุรุษจากตำนานกรีก เขาคนนี้มีศักดิ์เป็นเจ้าชาย เป็นบุตรของราชินีอัลธาเอีย-Althaea แห่งนครกอลิดอน และกษัตริย์โอเนียส-Oeneus  เรื่องราวของเมลิเอเจอร์นั้นปรากฎในมหากาพย์ของโฮเมอร์

    ตามตำนานนั้น เมื่อยามที่เมลิอาเจอร์ยังเป็นทารกนั้น เทพธิดาแห่งโชคชะตาทั้งสามได้ปรากฏองค์ต่อหน้าพระนางอัลธาเอียพร้อมนำท่อนฟืนท่อนหนึ่งมาด้วย พวกนางได้โยนฟืนนั้นลงไปในเตาไฟและบอกกับพระนางอัลธาเอียว่า ชีวิตโอรสของพระนางจะยืนยาวเท่ากับช่วงเวลาที่ท่อนฟืนท่อนนี้ไหม้ไฟจนหมด จากนั้นเทพธิดาทั้งสามก็หายไป 

    ซึ่งเมื่อพระนางอัลธาเอียได้ทรงทราบคำทำนายแล้ว ก็รีบดับไฟและนำฟืนท่อนนั้นออกจากเตาก่อนจะนำไปเก็บไว้ในหีบเป็นอย่างดี หลังจากนั้น เจ้าชายน้อยเมลิอาเจอร์ก็ได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นชายหนุ่มที่แข็งแรงและเก่งกาจ ห้าวหาญ

     

    หลังจากเติบใหญ่ เมลิอาเจอร์ได้เข้าร่วมเดินทางไปกับเรืออาร์โกของเจสันเพื่อค้นหาขนแกะทองคำ และเมื่อการผจญภัยสิ้นสุดลงและได้ขนแกะทองคำกลับมาแล้ว เมลิอาเจอร์ก็เสด็จกลับมาประทับยังนครกาลิดอนของพระองค์ดังเดิม

     

    ในระหว่างนั้นเอง กษัตริย์โอเนียส พระบิดาของเมลิอาเจอร์ทรงหลงลืมเซ่นบวงสรวงเทพีอาร์เทมีส-เทพีแห่งจันทราและการล่าสัตว์  พระเทพีจึงพิโรธและส่งหมูป่ายักษ์เข้ามาโจมตีนครกาลิดอน 


    เจ้าหมูป่ายักษ์ได้ทำลายไร่นาและหมู่บ้านพินาศไปหลายแห่งทั้งยังสังหารผู้คนเป็นจำนวนมาก แม้ว่ากษัตริย์โอเนียสจะส่งกองทหารไปจัดการกับมันแต่ก็ไม่อาจสังหารมันได้ เนื่องจากหนังของหมูป่าตัวนี้หนาเกินกว่าอาวุธใดๆจะทำอันตรายได้ ทำให้พวกทหารที่ส่งไป ถูกหมูป่าทำร้ายจนบาดเจ็บล้มตาย  และทุกครั้งที่หมูป่าตัวนี้สังหารผู้คนและทำลายไร่นาแล้ว มันก็จะหนีเข้าไปอยู่ในป่าคาลิโดเนีย ทำให้ผู้คนเรียกมันว่า หมูป่าแห่งคาลิโดเนีย

     

    เมื่อทราบเรื่อง เมลิอาเจอร์จึงระดมผู้กล้าเพื่อออกไล่ล่าอสุรกายตัวนี้ โดยมีน้าชายทั้งสองของเขา นามว่า เฟลกซิปัสและทอกซัสได้เข้าร่วมในการล่าครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ เมลิอาเจอร์ยังได้ส่งสาส์นไปชักชวนเหล่าสหายวีรบุรุษที่เคยร่วมเดินทางค้นหาขนแกะทองคำให้มาช่วยกันล่าหมูป่ายักษ์แห่งคาลิโดเนียอีกด้วย



    เมลิเอเจอร์และนางแอตตาแลนตา ภาพโดย Jacob Jordaens

     

    หลังจากที่ทุกคนมารวมกันที่นครกาลิดอนแล้ว ก็ปรากฏว่า ในบรรดาเหล่าผู้กล้าที่มาร่วมขบวนไล่ล่าหมูยักษ์นี้ มีพรานสาวรูปงาม นามว่า แอตตาแลนต้ารวมอยู่ด้วย แม้ว่า จะมีวีรบุรุษหลายคนไม่พอใจที่เห็นหญิงสาวมาร่วมงานนี้ ทว่าเมลิอาเจอร์กลับพึงพอใจในความงามของนางตั้งแต่แรกเห็นและรับรองให้นางเข้าร่วมในการล่าครั้งนี้ด้วย


    เหล่าผู้กล้าเดินทางไปยังป่าคาลิโดเนียและเผชิญหน้ากับหมูป่ายักษ์ซึ่งบุกเข้าจู่โจมบรรดานายพรานอย่างดุเดือด ขนที่แข็งดังหินและหนังที่หนาของมัน ทำให้อาวุธของเหล่าผู้กล้าไม่อาจทำอันตรายมันได้ ผู้กล้าบางคนถูกหมูป่ายักษ์สังหารและทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

     

    หลังจากฝ่ายผู้ล่าถูกหมูป่ายักษ์สังหารไปถึงเจ็ดคน แอตตาแลนต้าก็สามารถยิงธนูตัดใบหูของมันขาดได้ เจ้าหมูป่ายักษ์แหงนหน้าขึ้นร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ทำให้เมลิอาเจอร์เล็งเห็นจุดตายซึ่งเป็นผิวหนังอ่อนนุ่มบริเวณหน้าอกของมัน เขาซัดหอกพุ่งเข้าทะลุหัวใจเจ้าอสุรกายและปลิดชีพมันลงได้สำเร็จ

     

    เมื่อหมูป่าถูกสังหารแล้ว เมลิอาเจอร์ได้กล่าวกับแอตตาแลนต้าว่า แม้เขาจะล้มหมูป่ายักษ์ลงได้ ทว่าในฐานะที่นางเป็นคนแรกที่เรียกเลือดจากมันได้ หมูป่าตัวนี้จึงถือเป็นสิทธิของนาง


    คำพูดของเขาทำให้เหล่าผู้กล้าอื่นๆไม่พอใจเป็นอันมาก ที่เจ้าชายหนุ่มยกเกียรติในการเป็นผู้พิชิตอสุรกายตัวนี้ให้กับหญิงสาว พวกเขาต่างคิดว่า เพราะ เมลิอาเจอร์หลงรักแอตตาแลนตา จึงยกหมูป่าตัวนี้ให้นาง เฟลกซิปัสและทอกซัส น้าชายทั้งสองของเมลิอาเจอร์ได้ต่อว่าหลานชายในเรื่องนี้ อย่างรุนแรง จนเขาบันดาลโทสะและต่อสู้กับคนทั้งสองจนพลั้งมือสังหารคนทั้งคู่


    เหล่าผู้กล้าอื่น ๆ ไม่พอใจการกระทำของเมลิอาเจอร์เป็นอันมาก จนพากันตัดขาดกับเขา และเมื่อพระนางอัลธาเอียทราบว่า โอรสของนางสังหารน้องชายทั้งสองของนางด้วยสาเหตุเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว พระนางก็กริ้วโกรธเป็นอันมาก และด้วยความโกรธจนขาดสติ พระนางอัลเธียจึงนำท่อนฟืนแห่งชีวิตของเมลิอาเจอร์ที่นางเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขายังเป็นทารกออกมาโยนใส่กองไฟจนมอดไหม้ไปหมดสิ้นและเมลิอาเจอร์ก็สิ้นชีวิตลงในทันที


    เมื่อพระนางอัลเธียได้เห็นศพของโอรส นางก็ได้สติและเกิดความเศร้าโศกที่บุตรชายต้องมาตายด้วยน้ำมือของนางผู้เป็นมารดา จากนั้นพระนางอัลธาเอียจึงได้ปลิดชีพของนางตายตามเมลิอาเจอร์ไปด้วย  



    ความตายของเมลิอาเจอร์ ประติมากรรมหินอ่อน ที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×