อามาเทราสึ-天照 หรือชื่อเต็มๆ คือ "อามาเทราสึโอมิคามิ-Amaterasu-ōmikami / โอฮิรุเมะโนมูชิโนะคามิ-Ōhirume-no-muchi-no-kami เป็นหนึ่งเทพเจ้าของญี่ปุ่น และเป็นเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาชินโตที่ชาวญี่ปุ่นนับถือ ถือได้ว่าเทพีอามาเทราสีคือราชินีแห่งสรวงสวรรค์
อาเทราสึเป็นเทพีแห่งดวงอาทิตย์และจักรวาล พระนางเป็นธิดาของเทพอิซานากิและเทพีอิซานามิ โดยเชื่อว่า พระนางเกิดจากน้ำที่หยดออกจากดวงตาข้างซ้ายของเทพอิซานากิ
ชื่อของพระนางมาจากคำว่า "อามาเทรุ-Amateru" อันแปลได้ว่า "ส่องประกายในแดนสวรรค์" ในขณะที่ชื่อเต็มของพระนาง "อามาเทราสึโอมิคามิ" นั้นมีความหมายว่า "มหาเทพีผู้ฉายแสงแห่งสวรรค์" ตามบันทึกโคจิกิและบันทึกนิฮอนโชกิ กล่าวกันว่าจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นนั้นได้สืบทอดเชื้อสายมาจากเทพีอามาเทราสึโดยตรงครับ
ตามตำนานที่เล่าขานกันมานั้นหลังจากที่โลกได้ถูกสร้างขึ้นและเกาะต่างๆอันเป็นที่อยู่ของมนุษย์ชาวญี่ปุ่นได้ถูกเนรมิตขึ้นแล้วก็มีการแบ่งเขตการปกครองกัน โดยเทพีอามาเทราสึได้ปกครองดวงอาทิตย์และสรวงสวรรค์ ส่วนเทพจันทราสึคุโยมิ-Tsukuyomi ผู้เป็นพระเชษฐา(พี่ชาย)ได้ปกครองช่วงเวลายามค่ำคืน ในขณะที่เทพวายุซูซาโนะโอ-Susanoo อันเป็นพระอนุชา(น้องชาย)ได้ปกครองท้องทะเล
ในช่วงเวลานั้นว่ากันว่าในโลกเรายังไม่มีกลางวันและกลางคืน พระนางอามาเทราสึได้ครองรักกับสึคุโยมิและได้ปกครองท้องฟ้าด้วยกัน ทว่าต่อมา เทพสึคุโยมิได้เกิดความคิดรังเกียจและได้ฆ่าเทพีแห่งอาหารอูเคโมชิ-Uke
Mochi เข้า การฆ่าครั้งนี้ทำให้เทพีอามาเทราสึเสียความรู้สึกและพิโรธอย่างมากจึงประณามสึคุโยมิว่าเป็นเทพที่ชั่วร้าย และพระนางก็ไม่เคยมองหน้าเทพสึคุโยมิอีกเลย และด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขตการปลดครองท้องฟ้าแยกออกจากกัน ทำให้เกิดกลางวันและกลางคืนขึ้นครับ
ส่วนอีกตำนานก็มีครับ เป็นเรื่องของการแข่งขันอันยาวนานระหว่างพระนางอามาเทราสึและเทพซูซาโนะโอ โดยจากที่มีการบันทึกไว้ ได้กล่าวว่าในศึกแข่งขันครั้งนั้นซูซาโนะโอเกิดแพ้ ทว่าพระองค์ไม่ยอมรามือกลับอาละวาดทำลายดินแดนสวรรค์และดินแดนมนุษย์รวมถึงทำลายนาข้าวของอามาเทราสึ ซูซาโนะโอขว้างม้าตัวหนึ่งลงบนเครื่องทอผ้าของพระนางและฆ่าคนรับใช้ที่เธอรักคนหนึ่งด้วยความโกรธ
เทพีอาเทราสึรู้สึกเศร้าและคับแค้นใจเป็นอย่างมากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร พระนางจึงไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหินแห่งหนึ่งในแดนสวรรค์ ทว่า การที่เทพีแห่งดวงอาทิตย์อย่างอามาเทราสึไปขังตนเองอยู่ในถ้ำ แสงอาทิตย์ที่เคยส่องมายังโลกและสวรรค์ก็หายไปด้วย เมื่อขาดแสงอาทิตย์ทั้งเทวาและมนุษย์ก็เกิดความเดือนร้อนครั้งใหญ่ พืชผักนานาชนิดแข็งตาย โลกตกอยู่ในความมืดมิดและความโกลาหล จนทวยเทพต้องช่วยกันวางแผนให้อามาเทราสึออกมาจากถ้ำ
ในตอนแรกนั้นเหล่าเทพพากันจัดงานเลี้ยงใหญ่ที่หน้าถ้ำ ทว่าพระนางอามาเทราสึก็ไม่ยอมออกมา ในเมื่อการจัดงานเลี้ยงใหญ่ที่หน้าถ้ำไม่เป็นผล ทวยเทพจึงวางแผนกันใหม่ ในคราวนี้เทพีอาเมโนะอุซุเมะ-Ame-no-Uzume เทพีแห่งรุ่งอรุณได้ออกตัวมาโชว์เต้นระบำหน้าถ้ำ จนพระนางอามาเทราสึสนใจและออกจากถ้ำได้ในที่สุด
แต่บางตำนานก็ว่าปวงเทพได้วางกระจกไว้ที่ปากทางเข้าถ้ำ จากนั้นเทพีอุซุเมะได้ ออกมาเต้นรำหน้าถ้ำ แต่ว่าในตำนานนี้ท่าเต้นของพระนางอุซุเทะเกิดเพี้ยน จนเทพเทพีที่มารวมตัวกันต้องหัวเราะทั้งๆที่สถานการณ์ที่เลวร้ายยังอยู่ ยิ่งเทพีอุซุเทะเต้น เสียงหัวเราะของเทพเทพีในที่นั้นก็ดังขั้นเรื่อยๆ หัวเราะ หัวเราะ แล้วก็หัวเราะ
ด้วยเสียงหัวเราะที่มากขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งความคิดที่มืดมนของอามาเทราสึก็ถูกขัดจังหวะและจากความอยากรู้อยากเห็นที่แท้จริงพระนางก็หยุดความอันหมองหม่นชั่วครู่และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
พระนางเปิดประตูถ้ำและมองออกไป และในขณะนั้นใบหน้าที่เปล่งประกายของพระนางก็สะท้อนอยู่ในกระจก
ในช่วงเวลานั้นพระนางเห็นว่าพระนางสวยงามเพียงใดและจำได้ว่าความสุขและเสียงหัวเราะยังคงมีอยู่ในโลกนี้ที่เปล่งออกมาจากเธอและเปล่งออกมาจากทุกคน
และนั่นคือวิธีที่ อามาเทราสึออกจากถ้ำ พระนางลืมเลือนความโกรธและความท้อแท้ของพระนางและเข้าร่วมการเต้นรำของเทพีอุซุเมะที่เป็นผู้ริเริ่มการเต้น
และอย่างไรก็ดี หลังเหตุการในกุการณ์ในครั้งนั้น เทพซูซาโนะโอก็ถูกลงโทษโดยการถูกขับเนรเทศออกจากแดนสวรรค์ แต่ต่อมาเทพซูซาโนะโอก็ได้กลับตนทำความดีและได้คืนดีกับพระนางอามาเทราสึพร้อมกับได้มอบดาบคุซานากิ-Kusanagi เป็นของขวัญแด่พระนางอีกด้วย
เทพีอามาเทราสึ วาาดโดย อายะ คาโต้-Aya
Kato
*เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
ศาลเจ้าอิเซะ-The Ise Grand Shrine
ศาลเจ้าอิเซะ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนที่เมืองอิเซะ จังหวัดมิเอะ-Mie เป็นศาลที่ยกบูชาแก่มหาเทพีอามาเทราสี ถือเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เพราะถือเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของญี่ปุ่น
ทั้งยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้มากกว่า 8 ล้านคนต่อปี ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนคริสตกาลหรือตรงกับ พ.ศ. 539 เพื่อถวายความศรัทธาแด่เทพีสุริยา และถือเป็นที่สถิตย์ของพระนาง
โดยตั้งแต่ยุคอาซูกะทางราชสำนักจะส่งเจ้าหญิงหรือเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงที่ยังไม่ผ่านการเสกสมรสมาเป็นหัวหน้านักบวชหญิงหรือไซโอประจำศาลเจ้าอิเซะ
กระทั่งถึงยุคราชสำนักเหนือ-ใต้ ระบบไซโอจึงสิ้นสุดลง
แต่ปัจจุบันทางราชสำนักก็ยังคงส่งเจ้าหญิงหรือเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงมาเป็นหัวหน้านักบวชหญิงโดยหัวหน้านักบวชหญิงคนปัจจุบันคือ
ซายาโกะ คูโรดะ หรืออดีตเจ้าหญิงซายาโกะพระราชธิดาพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
ซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้านักบวชหญิงสูงสุดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560
นอกจากนี้ศาลเจ้าอิเซะยังเป็นที่เก็บรักษากระจกศักดิ์สิทธิ์ยาตะหนึ่งในสามสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับองค์จักรพรรดิญี่ปุ่นที่ใช้ในพระราชพิธีราชาภิเษก ทำให้เวลาที่จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็ต้องมาทำพิธีที่นี่ และเป็นหน้าที่ที่พระจักรพรรดิ์ของญี่ปุ่นต้องมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นประจำทุกปีอีกด้วย
ศาลเจ้าอิเสะ
นอกจากตัวศาลเจ้าหลักแล้วก็ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ
กระจายกันอยู่ในป่ายักษ์รอบๆ กว่า 125 แห่ง โดยมีศาลเจ้าหลักคือ ในคู-Naiku (ศาลเจ้าด้านใน เชื่อว่าเป็นที่สถิตย์ของเทพีอามาเทราสึ) และ
เกะคู-Geku (ศาลเจ้าด้านนอก เชื่อว่าเป็นที่สถิตย์ของเทพโทโยเกะ-Toyouke) การกราบไหว้สักการะศาลเจ้าอิเสะปกติแล้วเราจะเริ่มจาก
เกะคู → ในคู ส่วนชื่อทางการของเกะคูก็คือ「โทโยะอุเคะไดจิงงู」โดยจะบูชาเทพเจ้าผู้ปกปักษ์รักษาอุตสาหกรรมการผลิตปัจจัย
4 หรือเทพโทโยเกะก่อน แต่ก่อนที่จะมีการสักการะใดๆก็ต้องมีการล้างมือและปากก่อนโดยจะมีโจซุยะ
ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับชำระล้างมือและปากก่อนเข้าสักการะนั่นเอง
ส่วนวิธีการล้างมือนั้น ก่อนอื่นให้โค้งคำนับ 1
ครั้งก่อนและใช้มือขวาหยิบกระบวยขึ้นมาเพื่อตักน้ำชำระล้างมือซ้าย
ต่อไปก็สลับเป็นใช้เป็นซ้ายถือกระบวยแทนเพื่อตักน้ำชำระล้างมือขวา เมื่อล้างมือเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ใช้มือทั้ง 2
ข้างจับกระบวยตั้งขึ้นเพื่อให้น้ำที่เหลือในกระบวยไหลลงมาชำระล้างด้ามจับกระบวยจนสะอาด
และวางกลับคืนที่เดิม สุดท้ายก็โค้งคำนับอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าภายในบริเวณมีศาลเจ้าเยอะแยะมากมาย
แต่วิธีการสักการะบูชาก็เหมือนกันหมด คือ โค้งคำนับ 2 ครั้ง ตบมือ 2 ครั้ง
และโค้งคำนับอีก 1 ครั้ง
หลังจากสักการะเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก่อนจะเดินทางกลับเราสามารถแวะซื้อเครื่องรางจากศาลเจ้าแห่งนี้ได้
โดยเครื่องรางแต่ละชิ้นก็จะมีความหมายที่แตกต่างกันไป
แล้วแต่ว่าใครต้องการเสริมดวงด้านใด พกใส่กระเป๋าไว้เป็นเวลาหนึ่งปี
หลังจากนั้นเราควรนำเครื่องรางนั้นมาคืนที่ศาลเจ้าใดก็ได้ในญี่ปุ่นเพื่อนนทำการเผาทำลายและขอบคุณที่ปกป้องเรามาตลอดทั้งปี
ในสมัยโบราณนั้นมีคนเดินทางมายังศาลเจ้าแห่งนี้เยอะมาก
จนเริ่มมีการก่อร่างสร้างร้านค้าและที่พักเพื่อรองรับผู้ที่เดินทางมาแสวงบุญจนกลายมาเป็นเมืองอิเสะขึ้นมาในภายหลัง ที่นี่(ศาลเจ้าอิเซะ)ยังเป็นจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดัง
ช่วงชมซากุระจะเป็นปลายเดือนมีนาคม - เดือนเมษายน
ส่วนใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
โจซุยะ สถานที่สำหรับชำระล้างมือและปากก่อนเข้าสักการะ ภาพโดย Matcha เว็บไซต์แมกกาซีนแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
การเดินทางมา ศาลเจ้าอิเสะ
จากเกียวโต: เริ่มต้นที่สถานีเกียวโต
นั่งรถไฟสาย Kintetsu Limited Express มาลงสถานีอิซุกาวะ-Isuzugawa
Station ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
จากนั้นต่อรถแท๊กซี่อีกประมาณ 5 นาทีไปลงบริเวณทางเข้า
เสาโทริอิ ตรงสะพานอุจิบาชิ-Ujibashi
จากโอซาก้า: เริ่มต้นที่สถานีอุเอะฮอนมาจิ-Uehonmachi
นั่งรถไฟสาย Kintetsu Limited Express มาลงสถานีอิซุกาวะ-Isuzugawa Station ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 53
นาที จากนั้นต่อรถแท๊กซี่อีกประมาณ 5 นาทีไปลงบริเวณทางเข้า
เสาโทริอิ ตรงสะพานอุจิบาชิ-Ujibashi
ความคิดเห็น