คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : BABY VAMPIRE - INTRO
VAMPIRE
HAEEUN
Note: เป็นอินโทรที่คิดว่ายาวที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา55555 ไม่อิงความจริง โปรดใช้จินตนาการในการอ่านนะคะ .__. ขอให้สนุกกับ33หน้าเวิร์ดของเราน้า ♥
BABY VAMPIRE
แวมไพร์ถูกหลายคนนิยามว่าเป็นมนุษย์เลือดเย็น ฆ่าทุกสิ่งได้โดยไม่รู้สึกอะไร..
มีอายุเป็นพันเป็นล้านปี และ เป็นอมตะ
แวมไพร์มีทั้งพวกเลือดบริสุทธิ์และเลือดผสม
น่าเสียดายหน่อย เพราะข้อมูลล่าสุดที่เพิ่งค้นพบเมื่อหลายร้อยปีก่อนบอกไว้ว่า แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ออกตามล่าพวกเลือดผสมและจัดการปลิดชีวิตทิ้งอย่างไม่ใยดี..
ไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่ชัด และ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้แวมไพร์เลือดผสมยังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่
แล้วถ้ามีล่ะ?
ปึก!
เสียงหนังสือที่ปิดลงตามแรงมือของคนอ่านส่งเสียงดังออกมาพร้อมกับอีกหนึ่งเสียงที่เหมือนจะมีอะไรตกลงมา
นั่น
ตรงริมระเบียงนั่น
เงาจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมาทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตที่ตกลงมานั่น
ใช่.. มันมีชีวิต
แต่ตกลงมาได้ยังไง?
สองขาค่อยๆพาตัวเองออกไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูระเบียง มือข้างหนึ่งจับไม้เบสบอลไว้ อีกข้างหนึ่งค่อยๆบิดลูกบิดประตู
มันอาจจะเป็นโจรก็ได้..
แกร๊ก..
มีเพียงความเงียบที่ปกคลุม แสงจากดวงจันทร์ส่องสว่างจนมั่นใจว่าที่ตรงนี้ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต
แล้วเมื่อกี้คืออะไร ?
ผมหันมองซ้ายขวา ข้างบนระเบียงและด้านล่าง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
"!!!" ผมหยุดจังหวะการเดินไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะค่อยๆยกเท้าขึ้นมาดูสิ่งที่เพิ่งจะเดินเหยียบไป..
ของเหลว
สีแดง
!!
คราบเลือดติดอยู่ที่เท้าของผม กับพื้นตรงนั้น!
สิ่งที่ผมเห็นก็คงไม่ได้ผิดแน่ๆ
มีอะไรบางอย่างอยู่ตรงแถวๆนี้จริงๆ
ผมก้าวเท้าเดินต่ออย่างใจเย็นกลับเข้าไปในห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ ปิดประตูแล้วค่อยๆกดเปิดสวิตซ์ไฟแถวๆนั้น
"อ๊ากกก!!"
เสียงคนร้อง! ใช่ ในห้องนี้มันควรจะมีผมที่เป็นเจ้าของห้องอาศัยอยู่คนเดียวแต่ตอนนี้มันไม่ใช่..
"ใคร" ผมค่อยๆเอ่ยถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาร้องแบบนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องดีหรอก
ในขณะที่ตาของผมก็ค่อยๆสอดส่องหาสิ่งมีชีวิตเจ้าของเสียงนั้นไปด้วย..
" ปิด.. ปิด ไฟ.." เสียงเล็กตอบกลับมานั่นทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมทำตาม ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่ผมควรจะกลัวหรือไม่ก็ห่วงตัวเองมากกว่านี้
สิ่งที่ผมสงสัยคือ เขาเข้าห้องผมมาโดยที่ไม่ผ่านสายตาผมได้ยังไง
"ปิดแล้ว.. ทีนี้คุณจะออกมาได้หรือยัง"
สิ้นเสียงของผม ด้านหน้าก็ปรากฏเงาของคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ทำให้ผมต้องรีบหันกลับไปมอง
ผู้ชาย..
ตัวเล็ก..
และขาวมาก แม้จะอยู่ในที่มืด
ผิวซีดเหมือนคนตายเลย..
"คุณ.. เป็นใครน่ะ?"
ร่างของผู้ชายตัวเล็กเพียงแค่ฮึมฮัมชื่อตัวเองในลำคอ ดูเหมือนชื่อจะยาวเหยียดเหมือนว่าเขาพูดทั้งชื่อทั้งนามสกุลมาด้วยแบบนั้น
โอเค.. ผมจะทำแผลที่แขนนั่นให้ก่อนแล้วกัน
หมับ!
"มะ.. ไม่ต้อง.." และนั่นทำให้ผมต้องยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก ไม่ทำแผลแล้วมันจะหายมั้ยน่ะ?
ทงเฮถอนหายใจยาวก่อนจะหันหน้าไปมองอย่างอื่นแทน จะว่าหวงตัวหรอ คงไม่มั้ง เล่นเข้าห้องผมมาซะขนาดนี้คำว่าหวงตัวคงตัดออกไปได้เลย
ในห้องนี้ก็มีแต่ความมืดกับแสงสลัวๆจากดวงจันทร์ที่ทำให้พอรู้ได้บ้างว่าอะไรๆเป็นอะไร
"เห้ย!!!!"
ร่างหนาหันกลับมาอีกทีถึงกับตกใจเบิกตากว้างกับสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
แผลนั่นมันควรจะอยู่สิ!
เงียบ..
..จนได้ยินเสียงหายใจของคนสองคน..
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่แผลใหญ่ขนาดนั้นจะหายไปภายในเวลาไม่ถึงนาที เขาไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ เมื่อกี้คนตรงหน้าเขายังกุมแขนที่มีเลือดโชกอยู่เลย
ความคิดในสมองตีกันยุ่ง เมื่อหาเหตุผลที่ฟังขึ้นไม่ได้สักนิด ถ้าจะประติดประต่อเหตุการณ์ประหลาดๆนี่ก็..
ตกลงมาจากข้างบน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชั้นไหน
เดินเข้ามาในห้องโดยที่แม้แต่หางตาก็ไม่เห็น
เสียงร้องที่ดังลั่นเมื่อมือของผมกดเปิดสวิตซ์ไฟ
และ
แผลใหญ่ที่ต้นแขนที่สามารถหายไปได้ในเวลาไม่ถึงนาที
“คุณคงไม่ได้มาเล่นมายากลกับผมหรอก.. ใช่มั้ย”
“มายากล ?” ใบหน้าหวานเอียงถาม พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเล็กๆนั่น
“ก็.. แผลนั่นมัน..”
คนตัวเล็กมองที่แขนของตัวเองก่อนจะเงยขึ้นกลับมามองหน้าผมเหมือนเดิม เหมือนว่ามันปกติ
ใช่สิ! มันปกติสำหรับเขา แต่กับผมมันไม่ใช่นี่!
“นี่มีชื่อให้เรียกหรือเปล่า?” ผมถามย้ำเขาอีกครั้ง และครั้งนี้เขาส่ายหน้าให้
“อ่า.. แล้วจะเรียกว่าอะไรเนี่ย” ทงเฮถอนหายใจพรืดก่อนจะทำการคิดชื่อใหม่ให้อีกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย
“อืม.. ฮยอกแจ เอามั้ย?” ทงเฮถามพร้อมกับยิ้มกว้างให้ ถึงแม้คนคนนี้จะดูแปลกๆไปบ้างแต่มันน่าแปลกยิ่งกว่าที่มันไม่ได้ทำให้เขากลัวว่าจะมาทำร้ายตัวเองเลยสักนิด
ดวงตาคู่สวยที่เหมือนมีประกายอยู่ในนั้นมันเรียบนิ่งอยู่ตลอด..
“....” ร่างเล็กเพียงแค่พยักหน้าหงึกๆให้ ทำให้ผมดำแซมเทาของตนเองนั้นเคลื่อนตามแรง มันยิ่งเสริมให้คนคนนี้ น่ารัก..
“โอเค.. แล้วเรียกพี่ว่าพี่ทงเฮ แบบนี้โอเคมั้ย” ทงเฮส่งยิ้มบางๆไปให้ จากที่เขาดูคนตรงหน้านี่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแน่ๆ
รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน แต่ทงเฮเห็นได้ว่าในสายตานั่นมันว่างเปล่าขัดกับรอยยิ้มนี่มากๆ..
ตัวเล็กแค่นี้มีปัญหาอะไรต้องแบกรับไว้ขนาดนั้น..
“แล้วนี่เราอายุเท่าไหร่ ทำไมถึงได้ตกลงมาแบบนั้นล่ะ ดึกขนาดนี้ไม่กลับบ้านหรอ” ร่างหนารัวคำถามใส่คนตัวเล็กที่ได้แต่ยืนทำตาใสรอเขาพูดจบ
“ไม่อยากกลับ.. อันตราย..”
ทงเฮขมวดคิ้วหน่อยๆกับคำพูดแปลกๆนั่นก่อนจะคลายสงสัย คงกลัวมั้ง กลับบ้านคนเดียว..
“..โดนตามมา หนีไม่ได้ เลยตก..” คิ้วเข้มของอี ทงเฮขมวดเข้าหากันอีกครั้งกับคำพูดแปลกๆของคนตรงหน้า โดนตามมา งั้นหรอ? แล้วหนีอะไรมา ?
“หนี?”
“พวกเลือดบริสุทธิ์..”
!!!
“หมายความว่ายังไง?”
“แวมไพร์..”
!!!!
อี ทงเฮ เบิกตากว้าง เมื่อคำพูดของคนตรงหน้าเหมือนจะชวนให้ไม่เชื่อ แต่สายตานั่นกลับนิ่งสนิทเหมือนเดิม ไม่ได้ฉายแววว่าล้อเล่นหรือโกหกแต่อย่างใด..
“หนีพวกเลือดบริสุทธิ์มางั้นหรอ?” เขานึกถึงหนังสือที่เขาเพิ่งเปิดอ่านก่อนหน้าที่จะได้เจอกับร่างบางนี่ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์กำลังตามไล่ล่าพวกเลือดผสมมาจนถึงทุกวันนี้..
ฮยอกแจ คงเป็นหนึ่งในนั้น
“อือ”
“อยู่ที่นี่ก่อนไหม โลกของแวมไพร์อยู่ที่ไหนหรอ”
“ไกลมาก ถ้ากลับไปจะกลับมาไม่ได้อีกแล้ว” ดวงตาหลุบต่ำลงก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาเหมือนเดิม
เหมือนกับว่ามันไม่มีอะไร
“ถ้าพี่จะให้เราอยู่ที่นี่ก่อนล่ะ?”
“….” ฮยอกแจเพียงแค่ส่งยิ้มมาให้
แต่อี ทงเฮ เหมาว่านั่นคือคำตอบว่าตกลง
“อืม.. แวมไพร์โดนแสงไม่ได้จริงหรือเปล่า” เพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องนี่เงียบไปมากกว่านี้ ทงเฮจึงหาเรื่องเพื่อที่จะคุยกับร่างบางนี้ต่อ เผื่อว่าเขาจะเข้าใจโลกของแวมไพร์จริงๆขึ้นบ้าง
“…..” เคยคิดว่าตัวเองพูดน้อยแล้ว แต่พอมาเจอแวมไพร์ตัวน้อยนี่เขาถึงกับต้องยอม นอกจากการพยักหน้าหงึกหงักแล้วก็เพียงแค่ตอบรับบางคำ และบางคำตอบเท่านั้น
แต่.. โดนแสงไม่ได้ งั้นก็ต้องหาอะไรมาปิดหน้าต่างเอาไว้
คิดได้ดังนั้นทงเฮจึงดันคนตัวเล็กให้นั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปรื้อค้นของในห้องเก็บของ
โชคดีที่ตอนกีฬาสีของคณะเขาเก็บผ้าคลุมสีดำเอาไว้ ร่างหนาจัดการต่อเก้าอี้ขึ้นเอาผ้าสีดำทึบไปปิดหน้าต่างซ้อนผ้าม่านไว้อีกที กว่าจะเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปอีกวันแล้ว
ยังดีที่มีเรียนตอนบ่าย
“กินเลือดเป็นอาหารหรือเปล่า?”
“..ไม่กิน..”
“ฮยอกแจ.. เวลาตอบพี่ตอบให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม ถามคำตอบคำแบบนี้พี่ไม่รู้เรื่องเลย”
“เฮ้อ..” เอ้า!! แวมไพร์ก็ถอนหายใจเป็นหรอวะ (?)
“I don't know how to answer that but I’m understand”
0.0 !!
พูดภาษาเดียวกับเขาไม่ค่อยได้แต่มารัวอังกฤษใส่เขาเนี่ยนะ
เอาเถอะ จากที่เขาแปลมาได้นิดๆก็เหมือนฮยอกแจจะบอกว่าเข้าใจที่ผมพูดแต่ตอบกลับไม่เป็น
“โอเคๆ ไม่เป็นไร ถามคำตอบคำก็ได้.. กินอะไรเป็นอาหาร”
“แอปเปิล.. น้ำตาล..” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันหน่อยๆ เมื่อคิดหาคำพูดมาแทนสิ่งที่ตัวเองกินเป็นอาหารไม่ได้ ทงเฮยิ้มขำ ท่าทางเด็กๆแบบนี้เจ้าตัวจะรู้หรือเปล่าว่ามันน่ารักมากขนาดไหน
“พวกอมยิ้ม น้ำตาลแท่งแบบนั้นหรือเปล่า” ดวงตาเล็กวาวขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบพยักหน้ารัวๆ
แวมไพร์ตัวนี้แปลกดีเนอะ..
“แล้วอย่างนี้ดึกๆจะมากัดคอพี่มั้ยเนี่ย” ผมหยอกเขาเล่นๆไป แล้วก็แน่นอนฮยอกแจเพียงแค่ยิ้มตอบกลับมา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่นั้น.. ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นสิ่งที่ฮยอกแจทำ ถึงผมจะไม่ได้กลัวว่าเขาจะมาทำร้ายแต่การได้เห็นอะไรแบบนี้ก็ทำให้ใจผมหวั่นขึ้นมานิดๆแฮะ
ปากเล็กยิ้มกว้างก่อนเขี้ยวทั้งสองข้างจะค่อยๆโผล่ออกมา แต่ไม่นานเขาก็หุบปากฉับพร้อมกับอมยิ้มกลั้นขำ
แบบนี้จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงเล่า !! T0T
“แสบเหมือนกันนะเรา”
“ไปนอนได้แล้ว ดึกแล้ว” ร่างเล็กส่ายหน้าพรืดทันทีที่เขาพูดจบ
“พี่ทงเฮ..นอน.. ฮยอก...มอง”
“หืม?” เขาหมายถึงจะให้ผมนอนแล้วเขามองดูผมนอนหน่ะหรอ? จะน่ารักไปแล้ว ฮยอกแจ!
“หึหึ แล้วแวมไพร์เขาไม่นอนกันเหรอครับ?” ผมจ้องหน้าถามเขา ถ้าตาไม่ได้ฝาดผมเห็นหน้าที่ขึ้นสีของเขาด้วย
อ่า.. ฮยอกแจ เพิ่งมาได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ผมพูดว่าเขาน่ารักไปกี่รอบแล้วเนี่ย!
“ไม่นอน.... ครับ” ผมยิ้มให้กับท่าทางของเขาที่พยายามจะสื่อสารกับผม มันดูน่ารักมากจริงๆนะในสายตาของผมน่ะ
“งั้นบอกฝันดีพี่หน่อยได้ไหม”
“อ่า.. ฝันดีครับ พี่ทงเฮ..”
แวมไพร์ฮยอกแจนี่มันเด็กน้อยจริงๆเลย.. ♥
- To be continued. –
TALK : อะไรคือเกิดอยากแต่งแนวนี้ขึ้นมาอ่ะ.////. อยากแต่งแบบนี้มากๆ555555 ไม่รู้ตอนนี้มันยาวไปหรือเปล่า หวังว่าจะมีคนอ่านนะคะ .__. จริงๆจะอัพตั้งแต่วันกลับจากคอนแล้ว แต่กลับมาปุ๊บสอบเลยสามวันติด เพิ่งมีเวลามาอัพนี่แหละหนา
TALK2 : ได้โปรดติดตามเรื่องนี้ คิดว่ายาวแน่ๆ (นี่ถึงกับขอร้อง555555) ถึงภาษามันจะกร่อยๆแต่เราตั้งใจมากนะ >0<
Thx. U & enjoy reading ^^
ความคิดเห็น