ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ledel ~Ledy Idel~

    ลำดับตอนที่ #4 : Episode 0 Litieas World / ข้อมูลเสริม

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 53


    ข้อมูลเสริม

     

    Aenor มนุษย์ที่คงลักษณะเดิมแต่มีเชื้อสายของ Ledal ไม่สามารถใช้ความสามารถฟอร์ซและไซได้

     

    Renor มนุษย์ที่ได้รับลักษณะเด่นของ Ledal สามารถใช้ฟอร์ซหรือไซ อย่างใดอย่างหนึ่งได้

     

    Ledal เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์แต่ถูกให้เหนือกว่า เป็น Renor ที่มีผลของพันธุ์หวนกลับสู่บรรพบุรุษ ที่เป็น Ledal Original นอกจากการใช้ฟอร์ซหรือไซอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังมีความสามารถในการกลายเป็นเพศหญิง ตามบรรพบุรุษ Ledal Original ที่เป็นมนุษย์ประดิษฐเพศหญิงล้วน

     

    World of Nine Sky โลกแห่งจิตใจของเหล่า Ledel ที่เป็นผลสืบเนื่องต่อจาก Ledal Original ที่มีสภาพจิตใต้สำนึกพิเศษในโลกของจิตใจที่จะเชื่อมเข้ากับแดนของจิตใจทั้ง 9 แห่ง โดยเป็นเป็น 8 แห่งล้อม 1 แห่งตรงกลาง ซึ่ง Ledal Original ทั้ง 108 จะอยู่ในโลกทั้ง 9 แห่งมากกว่า 1 ได้แต่ Ledal ปัจจุบันอยู่สถิตย์ได้เพียง 1 แห่ง มีข่าวลือว่ามี Ledal Original ที่พิเศษอยู่ 2 คนที่อยู่ได้ทั้ง 9 แห่งเลย ในปัจจุบันจะใช้เป็นหลักในการแบ่งสภาพของ Ledal ที่จะมี 9 ลักษณะตรงตามสถานที่แต่ละแห่งของโลกแห่งจิตใจพิเศษทั้ง 9 แห่งนี้

    1.นภา_มีลักษณะของผู้หญิงทั้งหมดทั้งร่างกายและจิตใจเพียงแต่มีเพศชาย มีหน้าอกบ้าง

     

    2.วายุ_มีลักษณะของผู้หญิงสุ่มหลายอย่างแต่ไม่ทั้งหมดแยกเป็นอย่างๆทางกายภาพ

     

    3.วรุณ_มีจิตใจที่ใกล้เคียงหรือเหมือนผู้หญิง มีรสนิยมแบบผุ้หญิง

     

    4.อรุณ_มีทักษะในงานของผู้หญิงสูงมากผิดปกติ

     

    5.อัสนี_มีเสียงแบบผู้หญิงและสรีระแบบผู้หญิง

     

    6.เมฆา_เกิดการสลับเพศชั่วคราวขึ้นมาในบางครั้งตามการหวั่นไหวของจิตใจ

     

    7.หมอก_เกิดบุคลิคของผู้หญิงและเสห์น่ความเยาย้วนแทรกขึ้นมาเป็นบางครั้ง

     

    8.เหมันต์_มีใบหน้าหวานสวยหรือน่ารักใกล้เคียงผู้หญิงตามแต่คน

     

    9.ราตรี_ มีทรงผมและดวงตากับสัมผัสบางอย่างแบบผู้หญิง

      

     

    Garden สถานที่ให้การศึกษาในด้านการเรียนกับเหล่าเด็กๆที่มีคุณสมบัติ ทั้ง Aenor Renor และ Ledal เพื่อให้เรียนรุ้และใช้ความสามารถได้อย่างถูกต้อง สูงสุด รวมทั้งเป็นกองกำลังรับจ้างจัดการปัญหาตามการว่าจ้างของแต่ละประเทศ เพื่อเป็นการฝึกฝนในสนามรบจริงไปในตัว แต่เบื้องหลังมันคือสถานที่ควบคุมเหล่าผู้ใช้ฟอร์ซและผู้ใช้ไซ ให้อยู่ในกฏระเบียบ รุ้จักกติกาสังคมเพื่อไม่ให้เกิดสงครามเนสซารีอุสครั้งที่ 2 ขึ้นมาได้อีก

     

    แม้การ์เด็นท์แต่ละแห่งจะมีวีธีการบริหารงานต่างกัน แต่มีจุดรวมเดียวกันคือไม่มีระบบไล่ออกเนื่องจากต้องการควบคุมเอาไว้ จึงใช้ระบบสิทธิ์ต่างๆที่จะได้มานอกเหนือจากสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่จะได้แน่นอน และถ้ากระทำผิดมากๆจะโดนริบสิทธิ์ตามการพิจารณา อนึ่งพวกที่ติดบัญชีดำจะโดนริบบางอย่างแน่นอน

     

    User of Force เหล่าผู้ใช้พลังชีวิต(Life Aura)ที่มีมากเกินในการสร้างพลังพิเศษเหนือความสามารถธธรรมดาขึ้นมา ที่เรียกว่า ฟอร์ซ(Force) ดังคำกล่าวว่าผู้ใช้ฟอร์ซคือผู้ใช้พลังงานจากร่างกาย คลื่นพลังที่แผ่ออกมาตอนใช้งานจะแผ่ตรงและแข็งกระด่าง และสามารถจัดหลักการใช้งานได้ 6 อย่างดังนี้

    1.เสริมพลัง การเอามาเสริมทักษะทางร่างกายโดยตรง ทำให้ความสามารถทางร่างกายสูงขึ้นมากกว่าเดิม

    2.ปลดปล่อย การรวบรวมฟอร์ซและควบคุมมันให้คงสภาพตามต้องการ ในระยะห่างที่ไม่สัมผัสกับร่างกายโดยตรงแม้แต่น้อย

    3.เปลี่ยนผล การเปลี่ยนคุณสมบัติของตัวพลังงานฟอร์ซ เช่น ทำให้นิ่ม แข็ง ยืดและอีกมากตามแต่จะคิดและทำ

    4.แปรรูป การเปลี่ยนฟอร์ซเป็นรูปร่างที่คมชัดขึ้นมา

    5.ควบคุม การใช้ฟอร์ซไปสื่อแทรกเข้าไปในสิ่งอื่นๆและทำการควบคุมสิ่งนั้นๆด้วยฟอร์ซที่ใช้เป็นสื่อ

    6.แปลงธาตุ การเปลี่ยนฟอร์ซเป็นธาตุธรรมชาติต่าง เช่น ไฟ น้ำ แสง เป็นต้น

     

    มีการแบ่งระดับความสามารถของการใช้งานเป็นหน่วยอักษรดังนี้

    EX – คือสิ่งที่ไม่สามารถวัดได้ผลความสามารถสูงเกินขอบเขตการเปรียบเทียบ

    S – คือความสามารถระดับพรสวรรค์เรียนรู้เร็ว ใช้คล่องงานและพัฒนาตัวเองได้เร็ว

    A – คือความสามารถระดับชำนาญ

    B – คือความสามารถระดับใช้งานจริงได้ในระดับทั่วไป

    C – คือความสามารถที่พอใช้งานได้เป็นชิ้นเป็นอัน และต้องปรับปรุงเพิ่มอีก

    D – คือระดับความสามารถแค่ผ่านผลการทดสอบ

    E – คือระดับการฝึกฝนที่ยังอยู่ในระหว่างทดสอบ

    F – คือระดับที่บ่งบอกใช้อะไรไม่ได้ทั้งนั้นเลย

     

    มีเท็คนิคการฝึกฝนที่เป็นหลักกว้างๆดังนี้

    เท็คนิคการควบคุมพลังงานฟอร์ซ

    /พื้นฐาน

    1.สัมผัส การควบคุมพลังงานฟอร์ซให้ปกคลุมรอบตัวจนมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ เป็นเท็คนิคเริ่มแรกสุด

    2.เร่งอนุภาค การเร่งจังหวะพลังงานฟอร์ซที่ใช้ให้เพิ่มความรุนแรงในการเคลื่อนไหว และเพิ่มระดับการแผ่กระจายกับความหนาแน่น ของพลังงานฟอร์ซให้มากกว่าปกติ

    3.ลดอนุภาค เท็คนิคตรงข้ามกับเร่งอนุภาคที่ลดลงให้น้อยกว่าปกติ เพื่อใช้หลบการตรวจจับ

    4.เอกลักษณ์ เท็คนิคที่สร้างสรรค์เป็นวิชาในรูปแบบต่างของตนเอง จะสร้างขึ้นเองหรือสืบทอดตามเงื่อนไขการใช้ก็ได้

     

    /ประยุกต์

    1.สัมผัสถ่ายทอด เป็นการประยุกต์จากเท็คนิคสัมผัสที่นำมาใช้แผ่ฟอร์ซผ่านสิ่งของที่ถือติดกับตัวจนเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย การใช้งานอาร์มเป็นทางหนึ่งของการฝึกใช้เท็คนิคในด้านนี้

     

    2.บีบอัดอนุภาค เป็นเท็คนิคขั้นสูงอีกระดับของเร่งอนุภาค เป็นการบีบอัดการเร่งอนุภาคไปรวมกันที่จุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย เพื่อทำให้ส่วนนั้นทรงพลังจนเกินขอบเขตปกติไป

     

    3.หยุดอนุภาค เป็นเท็คนิคขั้นสูงอีกระดับของหยุดอนุภาค ที่เป็นการลบร่องรอยไม่ให้ตรวจจับพลังงานฟอร์ซที่กำลังใช้อยู่ได้

     

    4.สัมผัสครอบคลุม เป็นเท็คนิคขั้นสูงอีกระดับของสัมผัส ที่ขยายขอบเขตสัมผัสรอบตัวให้กว้างออกไปในรูปร่างต่างโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง

     

    5.คงสภาพอนุภาค เป็นเท็คนิคผสานระหว่าง เร่งอนุภาค+สัมผัสที่ควบคุมสภาพของการเร่งอนุภาคนั้นให้อยู่นานต่อไปเรื่อยๆ

     

    6.เคลื่อนอนุภาค เป็นเท็คนิคผสานระหว่าง ลดอนุภาค+สัมผัสที่ควบคุมพลังงานฟอร์ซบางส่วนให้มากขึ้นจากจากส่วนอื่นๆโดยรวมได้ เพื่อใช้งานในหลายๆได้

     

    7.ผนึก -  เป็นเท็คนิคการใช้งานพิเศษที่ใช้ความชำนาญในทุกๆด้าน เพื่อรวบรวมและอัดแน่นพลังงานฟอร์ซไปที่จุดๆหนึ่งให้มากที่สุด

     

     

    User of Psy เหล่าผู้ใช้พลังอำนาจที่กล้าแข็งทางจิตวิญญาณ(Soul Spirits  )ที่แตกต่างเป็นพิเศษ ที่เรียกว่า ไซ(Psy) ดังคำกล่าวว่าผู้ใช้ไซคือผู้ใช้พลังงานจากจิตวิญญาณ คลื่นพลังที่แผ่ออกมาตอนใช้งานจะแผ่ปลิวไสวและอ่อนไหว และสามารถจัดหลักการใช้งานได้ 10 อย่างดังนี้

     

    1.เทเลคิเนซิส ความสามารถในการใช้อำนาจจิตขยับสิ่งของต่างๆ ระดับที่มากก็ยิ่งควบคุมจำนวนและปริมาณได้มากขึ้น ความสามารถในระดับสูงเทเลคิเนซิสนั้นสามารถรวมมวลพลังงานจิตเพื่อใช้โจมตีได้

     

    2.เทเลพาธี ความสามารถในการสื่อสารทางจิต ที่สามารถรับรู้ความคิดของคนหรือได้ยินเสียงที่ไกลออกไปได้ รวมทั้งส่งภาพที่เห็นมาไปให้คนอื่นได้อีกด้วย ระดับที่เพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้รัศมีในการได้ยินเพิ่มขึ้น ความซับซ้อนในการฟัง รวมทั้งจำนวนคนที่ส่งภาพไปให้ก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ความสามารถในระดับสูงของเทเลพาธีนั้นสามารถเค้าแทรกแซงจิตใจ ให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ขัดกับสติของตัวเองได้

     

    3.เทเลโพเทชั่น ความสามารถในการเคลื่อนย้ายมวลสารไปที่อีกจุดหนึ่งได้ โดยข้ามภาพวัตถุทางกายภาพทั้งปวงได้ สามารถเคลื่อนย้ายมวลสารเข้าแทรกแซงวัตถุได้โดยไม่เกี่ยวกับความแข็งของวัตถุ ระดับที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้ระยะที่เคลื่อนที่ จำนวนที่เคลื่อนที่ น้ำหนักของสิ่งที่จะเคลื่อนย้าย ระยะทางของสิ่งที่จะเคลื่อนย้ายที่ห่างมือที่ทำได้ จะเพิ่มมากขึ้น ความสามารถในระดับสูงของเทเลโพเทชั่นจะทำให้เกิดการบิดเบือนมิติได้

     

    4.ไซโคเมทรี่ ความสามารถในการอ่านความทรงจำของสิ่งของและสิ่งมีชีวิตได้ รวมทั้งอ่านประสบการณ์ทั้งหมดของสิ่งที่สัมผัสมาเป็นของตัวเองได้ รวมทั้งสามารถเข้าใจระบบการทำงานของสิ่งที่อ่านในสภาวะปัจจุบันได้ดีเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ระดับที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้อ่านความทรงจำในสิ่งที่อ่านมีระยะกว้างขึ้น การอ่านประสบการณ์จะได้รับมามากขึ้น การรบรู้ถึงการทำงานของสิ่งที่อ่านจะละเอียดขึ้น ความสามารถในระดับสูงของไซโครเมทรี่ คือดีฟไดร์ทหรือการดำดิ่งลงสู่โลกแห่งความทรงจำกับโลกของจิตใจของผู้ที่ถูกสัมผัสได้

     

    5.โฟโต้กราฟฟี่ความสามารถในการบันทึกภาพถ่ายพลังจิตลงในฟิมม์หรือสิ่งที่บันทึกภาพและเสียงได้ ต้องอาศัยกล้องหรืออุปกรณ์เก็บภาพต่างๆเป็นตัวช่วยด้วย ไม่สามารถถ่ายลงบนสิ่งบันทึกตรงด้วยตัวเองได้ ภาพที่ถ่ายจะเป็นภาพที่นึกเอาไว้ในหัวไม่เกี่ยวกับภาพที่ถูกกล้องถ่ายในเวลานั้นแต่อย่างใด ระดับที่สูงขึ้นจะทำให้คุณภาพของตัวภาพดีขึ้น จำนวนในการถ่ายในแต่ละครั้งเพิ่มมากขึ้น ความถี่ในการถ่ายต่อเนื่องเพิ่มขึ้น สมาธิในการถ่ายที่ต้องรวบรวมสั้นลง ความสามารถที่สูงขึ้นของโฟโต้กราฟี่นั้นจะสามารถแทรกแซงภาพที่ถูกถ่ายออกมาให้เปลี่ยนไปตามต้องการได้

     

    6.ฮิวปุนอย ความสามารถในการสะกดจิตที่ต้องอาศัยการจ้องตาหรือได้ยินเสียงพูดของผู้ใช้ โดยจะแตกต่างกับเทเลพาธีตรงที่ผู้ที่โดยจะไร้สติไปเลย ควบคุมได้แม้แต่ความทรงจำ ระดับที่สูงขึ้นจะทำให้สามารถสะกดจิตคนได้ง่ายขึ้น ดวงตาจะมีแสงเปล่งหรือเปลี่ยนสีตาเวลาที่ใช้ความสามารถรวมทั้งตั้งความซับซ้อนในการสะกดจิตได้สูงขึ้น ความสามารถที่สูงขึ้นของฮิวปุนอยจะสามารถจัดการกับความทรงจำและจิตใจของตัวเองได้ ผู้มีความสามารถด้านนี้สูง เทเลพาธีกับไซโคเมทรี่ที่มีระดับต่ำกว่าจะไม่สามารถแทรกแซงจิตใจได้เลย

     

    7.ฮิวลิ่งค์ความสามารถในการส่งจิตของตัวเองส่วนหนึ่งไปให้ผู้อื่น เพื่อทำการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการรักษาอาการบาดเจ็บและอาการป่วยของตัวเองสูงมากขึ้นจากระดับปกติ สามารถใช้กับตัวเองได้และยังใช้กลับด้านทำให้เกิดอาการป่วยแทนได้ ระดับที่สูงขึ้นความเร็วในการรักษาจะเพิ่มมากขึ้น ปริมาณที่ใช้พลังจิตจะน้อยลงไป สามารถใช้แบบห่างมือได้ไกลขึ้น สามารถแผ่เป็นรัศมีรอบตัวได้กว้างขึ้น ความสามารถในระดับสูงของฮิลิ่งค์นั้นคือรีแพร์ที่นอกจากสิ่งมีชีวิตแล้ว ยังสามารถว่มแวมสิ่งของได้ในระดับหนึ่งด้วย(ต้องไม่เกี่ยวกับการขอวัสดุเพิ่มกว่าที่มี) 

     

    8.อินซิงค์ ลางสังหรณ์ของผู้มีพลังจิต ที่จะเป็นเหมือนการรับรู้ทางจิตที่จะรับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นเพราะอยู่หลังวัตถุได้ เรื่องที่จะกำลังเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ระดับที่สูงขึ้นจะทำให้ระยะทางที่รับรู้เพิ่มมากขึ้น ความชัดเจนในการรับรู้ละเอียดขึ้น ความสามารถในระดับสูงของอินซิงค์มี 2 อย่าง อย่างแรกคือเนตรที่จะมองทะลุได้และอย่างที่สองคือการรับรู้เรื่องราวของอนาคตได้

     

    9.ไซโครการ์ดกำแพงพลังจิตที่เกิดจากความรู้สึกในการปฏิเสธต่อสิ่งๆหนึ่ง ผู้ใช้ไซสามารถทำได้ทุกคนในระดับกลาง กำแพงพลังจิตมี 2 ประเภทอย่างแรกคือ กำแพงพลังจิตที่ป้องกันพลังงานวัตถุที่กระทำต่อร่างกาย และอีกอย่างคือกำแพงพลังจิตที่ป้องกันการรุกล้ำเข้ามาในจิตใจ ระดับที่สูงขึ้นจะทำให้ความแข็ง ความกว้าง จำนวนจะเพิ่มมากขึ้น ความสามารถที่สูงขึ้นของไซโครการ์ดจะเป็นแค่เกิดเอกลักษณ์ในการใช้ตามแต่คนที่ใช้

     

    10.เอ็กเทรด พลังจิตพิเศษตามแต่คนที่ใช้ไซจะสร้างสรรค์ขึ้นมา จะเกิดจากการรวมพลังจิตต่างๆหรือความสามารถแปลงธาตุหรือจะสร้างใหม่ก็ตามแต่ใจผู้ใช้จะรังสรรค์ขึ้นมาเอง

     

    มีการแบ่งระดับความสามารถในแต่ละอย่างเป็นหน่วยตัวเลขดังนี้

    เลเวล 7 ผลของพลัง ระยะ ขอบเขต ปริมาณ แทบไม่มีจำกัดแล้วแต่ใจผู้ใช้

    เลเวล 6 ผลขอของพลังทุกอย่างใช้ได้ตามใจระยะที่ตามองเห็น แค่คิดก็แสดงผลได้แล้ว

    เลเวล 5 ผลของพลังอยู่ในระดับสูงมากกว่า 2 เท่าของเลเวล 4

    เลเวล 4 ใช้พลังในด้านนั้นได้ในระดับเคยชินในการใช้ชีวิตประจำวัน

    เลเวล 3 ใช้พลังในด้านนั้นได้ทั่วไปต้องมีเงื่อนไขถึงจะแสดงประสิทธิ์ภาพดีขึ้นได้

    เลเวล 2 ใช้พลังในด้านนั้นในระดับน้อยมีขีดจำกัดในหลายๆด้านอย่างชัดเจน

    เลเวล 1 มีผลและความรู้สึกรับรู้สัมผัสในด้านนั้นขึ้นมา

    เลเวล 0 ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆกับไซในลักษณะนั้น

     

     

    Arm ตามความหมายจริงๆคืออุปกรณ์เก็บอาวุธรูปแบบพิเศษ แต่ในหมู่ผู้ใช้ฟอร์ซกับไซจะเข้าใจว่าเป็นอาวุธดัดแปลงพิเศษสำหรับการใช้ฟอร์ซกับไซ ซึ่งจริงๆหน้าที่ของอาร์มคือการเก็บรูปร่างอาวุธให้พกพาสะดวก และต่อระบบพิเศษสำหรับการใช้งานร่วมกับฟอร์ซและไซได้ ทั้งเก็บกัก่ายเทพลัง เพื่อให้ใช้ในการต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่พังไปซะก่อน รวมทั้งระบบบรรทึกผู้เป็นเจ้าของเพื่อไม่ให้มีใครใช้งานได้นอกเหนือตัวผู้ใช้ โดยตอนที่เก็บอยู่ในรูปแบบพกพานอกจากเจ้าของแล้วจะสั่งปลดการเก็บไม่ได้

     

    การใช้งานจะมี 2 คำสั่งคือปลดปล่อย(ลิลิส)และเก็บผนึก(รีโหลด) ลิลิสคือคำสั่งรับพลังละปล่อยรูปร่างจริงๆออกมาจากรูปแบบเก็บพกพา รีโหลดคือคำสั่งตรงข้ามนั้นคือการรับพลังและเก็บรูปร่างให้อยู่ในแบบพกพาสะดวก จนปัจจุบันยังถือว่าเป็นเท็คโนโลยีที่ดีสุดในการสร้างอาวุธของผู้ใช้ฟอร์ซกับไซ แม้ผุ้คิดค้นจะสร้างมันขึ้นมาเกิดกว่า 50 ปีแล้วก็ตาม แต่มันยังถูกนับเป็นผลงานสุดยอดการคิดค้นเป็นอันดับ 1 ในหมู่ผู้ใช้ฟอร์ซและไซไม่เสื่อมคลายอยู่ดี

     

    Duel การประลองในการ์เด็นท์เพื่อลดการออกไปก่อปัญหาในเมือง จึงมีการสร้างสนามประลองและระบบการประลอง เพื่อให้พวกผู้ใช้ฟอร์ซกับไซมาใช้ประลองกันเองได้ตามกฏที่กำหนด และการลงประลองก็จะเสียค่าเดิมพ้นกันด้วยโดยมากจะเป็นเงินแต่ก็มีอย่างอื่นด้วย และคนดูเองก็สามารถลงพนันขันต่อเชียร์กันได้จึงได้รับความนิยมมากในหมู่นักเรียของการ์เด็นท์

     

    ระบบของการประลองจะแบ่งเป็น จำนวนคน เงื่อนไขเพื่อเป็นแต้มต่อหรือเป็นตัวบทลงโทษที่เสริมลงไป ทั้งแบบรายบุคคลหรือตัวทั้งทีมที่ลงประลอง และที่ถูกใจพวกนักเรียนคือสถานที่หรือวิชั่น ที่สามารถจำลองสมรภูมิต่างๆได้ตามต้องการ โดยจำนวนคนจะตกลงกันเองได้ถ้าไม่ได้ติดบัญชีดำหรือถูกลงโทษ เงื่อนไขแล้วแต่อัตราและความเห็นของอาจารย์สามารถต่อรองได้ ส่วนสมรภูมิจะเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกท้าที่จะสามารถเลือกได้ ยกเว้นทีมถูกท้าโดนลงโทษหรือติดบัญชีดำ จะโดนริบสิทธินี้ไปให้ฝ่ายที่ท้าแทน

     

    Black List เหล่านักเรียนตัวป่วนที่สร้างปัยหาไม่หยุดหย่อนจนเกิดอภัยจะโดนคัดชื่อเข้าบัญชีดำ โยอาจารยคุมประพฤติจะมีสิทิขาดในการสั่งการ และบางทีมจะโดนแจกอาจารย์ที่ปรึกษาเฉพาะให้ด้วย เพื่อให้ลงโทษริบสิทธิ์ในการประลองเพื่มเป็นพิเศษได้ โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากตัวนักเรียนที่ติดบัญชีดำเลย

     

    ตัวอย่างเช่น ทีมเคลเบลอสของเซโร่ติดบัญชีดำอันดับ 78 จาก 100 และโทษการริบสิทธิ์ประจำเฉพาะตัวของทีมนี้ก็คือ ริบสิทธิ์การปฏิเสธการรับคำท้าของผู้ที่ท้า ริบสิทธิการเลือกสมรภูมิในสนามประลอง เพิ่มโทษจำนวนคนที่จะมากกว่าสมาชิกของทีมเคลเบลอสตลอด(ในกรณีที่อีกฝ่ายมีคนมากกว่า 3 คน) เพิ่มโทษต้องเพิ่มเงื่อนไขทุกครั้งที่ลงประลอง โดยโทษที่เพิ่มจะขึ้นกับอาจารย์ที่ปรึกษา เนื่องจากก่อปัญหาทะเลาะวิวาทเป็นประจำแต่ก็ยังทำงานได้ดีจึงถูกพิจารณาริบสิทธิ์เฉพาะการลงประลอง

     

    ทีม คือการรวมตัวของคนมากกว่า 2 คนขึ้นไปเป็นสมาชิกในนามเดียวกัน

     

    กลุ่ม คือการรวมตัวของทีม 2 ทีมขึ้นไปโดยยังมองแยกทีมในส่วนรายละเอียด

     

    กองกำลัง คือการรวมตัวของกลุ่มมากว่า 2 กลุ่มขึ้นไป และมีผู้นำ 1 คน ในบางการ์เด็นท์จะมีการแบ่งเป็นกองกำลังเอาไว้ให้เป็นหลักเลย เหมือนอย่างการ์เด็นท์ของไฮน์โอแวนทืและโครแลนท์เดีย

     

    ไลเซ็นต์ สิทธิพิเศษของทีมหรือกลุ่มที่ส่งผลต่อการยืมอำนาจของทางการ์เด็นท์ที่สังกัด ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้โดยตรง มีเงื่อนไขและขีดจำกัดและจำนวนการใช้ที่แน่นหนา แม้แต่ทีมที่ก่อปัญหาตลอดไม่ขาดอย่างเคลเบลอส(เซโร่ เรนัส อาเลน) ก็ยังได้ไลเซ็นต์มา 1 อย่างเช่นกัน เพราะทีมหรือกลุ่มที่สร้างผลงานดีเด่นออกมาแม้จะเป็นทีมที่มีปัญหาก็มีสิทธิ์ที่จะได้ไลเซ็นท์เช่นกัน และไลเซ็นต์ของเคลเบลอสคือ

     

    ไพร์ต ออฟ เคลเบลอส(เกิตร์แห่งสุนัขเฝ้าประตูนรก) เมื่อเคลเบลอสประกาศใช้ไลเซ็นต์นี้ คู่กรณีของเคลเบลอสจะต้องเคลียร์ปัญหากับทีมนี้เอาเอง โดยไม่สามารถเรียกร้องความผิดชอบจากทางการ์เด็นท์ได้ และทางการ์เด็นท์จะคุ้มครองคนรอบตัวสมาชิกเคลเบลอสให้ด้วย เพื่อไม่ให้มีการพาลไปลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องที่เป็นคนรอบตัวได้ ถ้ายังฝืนลงมือทำคู่กรณีนั้นจะเป็นศัตรูกับการ์เด็นท์ในทันที เงื่อนไขการใช้คือสมาชิกของเคลเบลอสทุกคนจะต้องเห็นพ้องร่วมกันว่า ตกลงจะจัดการปัญหานี้ในฐานะเคลเบลอสด้วยกัน 3 คนและไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร เคลเบลอสเป็นทีมแบบวีรทรชนจึงได้ไลเซนต์ในลักษณะนี้มา ขีดจำกัดคือ 1 เรื่องต่อ 1 การใช้งานโดยไม่ซ้ำซ้อนกันถ้าเรื่องเก่ายังไม่จบจะไม่สิทธิ์ใช้กับเรื่องใหม่ได้ ต้องยุติเรื่องเก่าอย่างสมบูรณ์ไปแล้วเท่านั้น    

      

    Class หลักสูตรชั้นเรียนละหัวข้อเลือกเรียนที่แต่ละคนจะเลือกเรียนได้อย่างอิสระ(เทียบเป็นอาชีพก็ได้) มีรูปแบบการเลือกในลักษระผสมได้หลากหลายดังนี้

    /สายพิเศษ สายที่ดำเนินไปในลักษณะเฉพาะทางร่วมกันจากหลายๆสาย ที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันจนไปถึงสาย

    /สายเสริม เลือกสายเฉพาะทางแต่มีเอาสายอื่นมาเสริมเพิ่มเติมด้วย

    /สายเงื่อนไข เลือกสายที่มีเงื่อนไขว่าจะต้องผ่านสายที่ระบุมาจนครบตามที่กำหนด ถึงจะไปสายที่ต้องการได้

    /สายกระจาย สายที่มีการแบ่งแยกย่อยในสายไปตามถนัดได้อีกแล้วแยกไปตามความถนัด

    /สายควบ สายที่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน 2 สาย และต้องผ่านขั้นไปพร้อมกันถึงจะไปสายปลายทางได้

    /สายตรง สายเฉพาะทางที่มีทางตรงทางเดียวไล่ต่ำไปหาสูงตรงๆเลย

    /สายรวม เป็นสายที่เรียนรู้ในกลุ่มเดียวกันหลายๆแขนง จึงไม่สามารถไปขั้นที่สูงกว่าในแต่ละสายได้ ถ้าสามารถแตกฉานทั้งหลุ่มได้จะถือว่าขึ้นไปอีกสายที่สูงกว่าได้เองโดยปริยาย

    /สายแยก สายที่จะแบ่งออกไปในตอนกลางหรือท้ายได้แต่มีที่มาตอนเริ่มแบบเดียวกัน

    /สายผสม สายที่มีการเอาสายที่สนับสนุนกันได้มารวมกันเลย ทำให้เรียนรู้สายใหม่จากการผสมสายดั้งเดิมของทั้ง 2 สายได้

     

    Ark อาร์คคือทักษะวิชารูปแบบเฉพาะตัวพิเศษ ที่สืบทอดกันมาในตระกุล ในสำนัก ที่จะมอบให้รุ่นสู่รุ่นในฐานะผู้สืบทอดในลักษณะต่างๆ ทั้งแบบสืบทอดในสายเลือด สืบทอดจากการการไปขอเรียนรู้และได้รับการยอมรับ จากต้นตระกุลสู่ปลายตระกุล จะมีรูปแบบการต่อสู้ในแบบของตนตามอารคที่เรียนมา ท่าไม้ตายต่างๆก็จะได้มาจากการเรียนอาร์คนั้นๆไปถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว

     

    ส่วนเท็คนิคจะเป็นรูปแบบที่มีสอนโดยทั่วไปตามคลาสที่เข้าเรียนในการืเด็นท์ ไม่ถูกนับเป็นอาร์คแต่อย่างใด เพราะอาร์คที่เป็นรุปแบบเฉพาะจะไม่มีสอนในการ์เด้นท์อย่างแน่นอน   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×