คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่7
มาลงแล้วค่ะ บทที่7 บทนี้ คิดไม่ค่อยจะออกเท่าไร แต่ก็ พยายามเต็มที่ค่ะ มาอ่านกันแล้วก็ มาคอมเม้นท์กันบ้างน่ะค่ะ จะได้เอามาปรับปรุงค่ะอ่านกานได้เลย
**********************
บทที่7
“อิ อิ เอิ้ก เอิ้ก เอื่อกๆๆๆ ฮ่า ฮ่าๆ ตลกอ่ะ ยิ่งนึกก็ยิ่งขำ ฮ่า ฮ่าๆๆ เออ นี้ ฮะฮ่า นายนี้ เอื้อก กินแล้วเป็นไงบ้างล่ะ รสชาติอ่ะ สงสัยคงจะรสชาติดีน่ะ ฮ่าๆๆๆ”ฉันพูดพลางขำไปด้วย
“นี่ฉันบอกว่าห้ามขำไงเล่า ไม่รู้เรื่องรึไง”
“รู้เรื่อง แล้วไงก็ฉันจะขำ ไมเกี่ยวกะนายซะหน่อยนิ”ฉันพูดแล้วทำหน้าลอยหน้าลอยตา ไม่สนใจอีตาสีคราม
“ฮึ เธอนี่ บอกฉันมาหน่อยสิ ว่า เธอใส่อะไรบ้าง แล้วเธอทำมันทำไมล่ะ หะ”
“ทำไมฉันต้องบอกนาย นายเป็นอะไรกับฉันอ่ะ หะ ฉันถึงต้องบอกนาย ทำไมนายต้องมาถามฉันล่ะ”
“ก็... ก็... ก็เธอเป็นคนแกล้งฉันนิ”
“ฉันแกล้ง แต่ฉันก็ไม่บอก”
“บอกมาน่ะ ยัยเต้าหู้บูด”
“ถ้าไม่บอกล่ะ อีตาน้ำครำ”
“เธอไม่บอก ฉันก็จะ จะ จะ จับเธอถ่วงน้ำ”
“เหรอ งั้นฉันจะฆ่านาย”
“นี่ ยัยเ....”
“นี่ เป็นอะไรกันนักหนา หะ ถึงได้ทะเลาะกันเป็นประจำเลย ฉัน เบื่อเว้ย”กำปั้นตะคอกใส่ฉันกับสีครามหลังจากที่ฟังการฉันทะเลาะกับอีตาสีครามมานานมากแล้ว
“เรื่องของนายว่ะ”ฉันกับอีตาสีครามพูดพร้อมกัน
“นี่ นายพูดตามฉันเหรอ”
“อะไรกัน เธอนั้นแหละ ตามฉัน ยัยเต้าหู้บูด”
“นายนั้นแหละ ตาม คิดไม่ออกรึไงถึงได้ตามฉันนะ หะ”
“แต่นี้ เธอตามฉันต่างหากล่ะ ฉันเปล่าตะ...”
“อะไรๆ ใครตาม นายนั่นแหละตาม ใช่มั้ยค่ะ เอ่อ แล้วก็ที่เปล่าน่ะ เปล่าปฏิเสธว่าตามฉันใช่มั้ยล่ะ หึ”ฉันชิงพูดแล้วทำตาปริบๆ
“เปล่าน่ะ คะ คือ ไม่ใช่อย่างนั้นน่ะ”
“ไอ้ที่เปล่าเนี่ย ก็คือ เปล่าปฏิเสธใช่มั้ยค่ะ อิ อิ”
“แต่”
“หยุดค่ะ ไม่ต้องพูดค่ะ ฉันรู้ว่าคุณซึ่งในน้ำใจของฉันที่นายได้ตามฉันค่ะ พอน่ะค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วน่ะค่ะ”
“ฮึ อะไรกัน ก็เธอเล่นพูดเองเออเองคนเดียว”นายสีครามพูดโต้ขึ้นมา
“อะไร ใครเออเองคนเดียว ถ้าเออเองคนเดียว ก็ต้องอยู่คนเดียวซิแต่นี่อะไรล่ะ สามคนเชียวน่ะ นายเนี่ยบ้าไปรึปล่าว หะ เอ้ รึว่านับเลขไม่เป็นกันแน่ ฮึ คุณสีคราม”ฉันพูดออกไปโดยนายสีครามไม่มีโอกาสได้พูดต่อเพราะครูระเบียบเข้ามาขัดจังหวะพอดี เหอ เหอ ครูคะ หนูรักครูค่ะที่มาขัดจังหวะ ถึงแม้ว่าครูจะเข้มงวดมากๆ ดุนักเรียนได้ทุกเวลาและทุกสถานการณ์ แต่ยังไง วันนี้ หนูขอรักน่ะค่ะ ครูเบียบ อิ อิ
“นักเรียน เดี่ยวออกไปปราศรัยที่ล่ะคนน่ะ”ครูเบียบพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มๆ เย็นๆและมาดของครูที่ดุไว้ได้อย่างดีมาก ชนิดที่ครูเบียบโผล่มา รังสีผวาไม้เรียวก็โลดแล่นไปปกคลุมนักเรียนทันที
“แล้วก็ออกไปตามลำดับน่ะ โดยเริ่มที่ นางสาว บุศกร คนแรกน่ะ มายังล่ะ”
“มาแล้วค่ะ”ฉันพูดขึ้นอย่างรวดเร็วจนครูเบียบมองด้วยหางตา
“นี่ บุศกร เธอรู้มั้ยว่า เธอไม่ควรพูดรวดเร็วพรวดพราดแบบนั้น มันไม่งาม ไม่เหมาะสมกับกุลสตรีไทย รู้มั้ย”ครูเบียบดุฉันพลางมองฉัน กอดอกและขยับแว่นตา
“อ่อ ค่ะ”
“นี่ บุศกร พูดรับคำครู ต้องพูดว่าเข้าใจแล้วค่ะ ไม่ใช่อ่อ ค่ะเข้าใจมั้ย”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”ฉันพูด เอ่อ ครูเบียบค่ะ ที่หนูนึกไปเมื่อกี้ขอถอนคืนค่ะ ครูดุอย่างกะว่าหนูพูดว่าครูยังงั้นแหละ
“เฮ้อ ก็ ค่อยดีขึ้นมาหน่อยเอาล่ะที่นี่ก็”
“ที่สองก็ กำปั้นน่ะ”
“ครับ”
“แล้วก็สุดท้ายก็สีครามค่ะ”
“ครับ”นายสีครามรับคำ ครูเบียบมองฉันด้วยหางตาอีกครั้งแล้วก็เดินออกไป
“เฮ้อ”
“ไงล่ะ โดนดุเลย สมอ่ะ ฮะ ฮะๆๆ”
“สมอะไร สมน้ำหน้าเหรอ”ฉันถาม
“เธอพูดเองน่ะ”
“เอ๊ะ นาย”ฉันพูดเสียงสูง ท่าทางเอาเรื่อง
“แหะ แหะ เอาล่ะ พอๆ เออ นี่เธอขึ้นเป็นคนแรกเหรอ ขอให้โชคดีน่ะ”นายสีครามพูดอวยพรฉัน ฉันจึงมองด้วยหางตา แล้วเปลี่ยนมามอง
“นี่ นายอวยพรฉันทำไม นายอยากให้ฉันแพ้ไม่ใช่เหรอ แพ้ก็เป็นเบ้นาย ใช่มั้ยล่ะ นายมาอวยพรทำไม ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่ะ ฉันว่า นายไปอวยพรให้ยัยโบตั่นดีกว่า ได้ยินว่าอ้อนครูมาเป็นพิธีกรแทนพี่ผัสชา ไม่ใช่เหรอ อย่ามาอ้อนฉันให้เสียเวลาเลย”
“ทำไมฉันต้องไปอวยพรให้เค้าด้วยล่ะ”
“ก็ ก็ ก็เค้าเป็น เอ่อ เป็น อ่อ แฟนไง ฟ.แฟนไง เป็นแฟนกะนาย ท่าทางหวงซะ”
“ฉันไม่ได้เป็นแฟนกะเค้า”สีครามพูดด้วยท่าทางเครียดอีกครั้ง
“อ่อ งั้นเหรอ อื๊อ ฉันจะพยายามเชื่อน่ะ”
“เธอเชื่อซิ”
“ฮึ ไม่รู้ซิ เออ อย่ากวนฉันแล้ว ได้ป่ะ ฉันจะอ่านบท”ที่จริง จะเรียกว่าท่องจะดีกว่า ฉันพูดแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านไม่สนใจอะไรอีก แต่ในใจกลับคิดเรื่องคำที่สีครามอวยพร ด้วยท่าทางเครียดๆ แล้วยังมาเครียดเรื่องฉันโดนตบอีก นายนี่เป็นอะไรของเค้า โอ๊ย ช่างเถอะ หยุดคิดเถอะ สิ่งที่คิด คือ เวทีข้างหน้าน่ะ แถมคนแรกซะด้วย โอ๊ย ฉี่จะแตกแล้ว โอ๊ย ลืมเรื่องอีตาสีครามซะทีซิ
“โอ๊ย ลืมซิ ลืม”ฉันพึมพำออกมาพร้อมกับสะบัดหัวหลายๆทีจากนั้นก็มาพูดอีก
“ลืมๆๆๆๆ”
“เฮ้ เธอเป็นอะไร บ้าไปแล้วเหรอ”
“เฮ้ย ลืม เอ๊ะบ้าเหรอ ใครว่าฉันบ้าเนี่ย ได้ยินแว่วๆแฮะ”
“นี่ เป็นไรไปเนี่ย”นายสีครามถาม
“เอาะ ปล่าว ไม่ได้เป็นไร เออ นายแหละบ้า บ้ามากด้วย ใช่สินายบ้า ใช่บ้า ฉันไปล่ะ”ฉันพูดพึมพำจนนายสีครามฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง และฉันก็ออกจากหลังเวทีไปขึ้นเวทีเพราะเค้าเรียกแล้ว
“เฮ้ย อะไรของเค้าอ่ะ”นายสีครามหันไปถามปั้นอย่างงง”
“จะไปรู้เหรอ”
“เป็นไรของเค้า”นายสีครามพึมพำแล้วรีบวิ่งตามเอินไป
“นายไปไหนน่ะ คราม”ปั้นพูดขึ้นแต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะครามวิ่งไปแล้ว
“อะไรกันเนี่ย นี่ต้องอยู่คนเดียวเหรอเรี่ย เฮ้อ ถ้ามีนุ่นก็ดีซิ”ปั้นคิดแล้วนึกยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงคนที่พูดถึง จากนั้นก็มาคิดอะไรได้
“นี่ ยัยเกาลัด แกไม่คิดจะให้ฉันมีบทบ้างเลยรึไงฟ่ะ ฟังไอ้ 2 คนนี้ทะเลาะกัน มันเบื่อเว้ย”
“^_^ แหะ แหะ เรื่องของนาย”ผู้แต่ง
“อ้าว T_T”
คนแรกเหรอเนี่ย โอ๊ย ไม่เป็นไร คนแรกก็ดีเหมือนกัน จะได้หมดๆไป โอ๊ย ขาฉัน อย่าสั่นได้มั้ย ขอล่ะ โอ๊ย กระเพาะปัสสาวะ ขอล่ะ อย่าเพิ่งทำงานให้มันเต็มตอนนี้ ได้มั้ยเนี่ย โอ๊ย ทำไม ฉันถึงใจเต้นจังล่ะ ฉันคิดในใจพร้อมๆกับเดินไปหาครูระเบียบจึงไม่ได้สังเกตว่าสีครามวิ่งตามมา
“เอินๆ”
“ใครมาเรียกฉันอีกล่ะเนี่ย”ฉันพึมพำกับตัวเองและหันหลังกลับไป
“อ้าว นี่นายเรียกฉันทำไมเนี่ย”
“เอ่อ คือ มาอวยพรน่ะ โชคดีน่ะ”
“หะ อืม เอ่อ ขอบใจ”ฉันพูด มาอวยพรทำไมอีกเนี่ย
“คือ ฉันรู้น่ะ ว่าเธอตื่นเต้นมาก”
ก็ใช่อ่ะดิ รู้ได้ไงเนี่ย
“แล้วไง”ฉันพูดแต่นายสีครามก็ไม่ตอบกลับยืนมองหน้าฉันแล้วเอื้อมมาจับมือฉันไว้แล้วเอามือฉันมากุมไว้ด้วยมือ ของสีครามทั้ง 2 ข้าง ฉันตกใจจึงพยายามดึงออกแต่นายสีครามก็จับแน่นมาก จึงดึงออกไม่ได้
“เอ่อ นี่ นายปล่อยฉันน่ะ”
“ฉัน แค่ อยาก บอก ว่า โชคดีน่ะ ถึงแม้ว่าจะตื่นเต้น จะกังวลมากซักเพียงใดก็ตาม แต่เธอก็คิดว่า สิ่งที่เธอจะพูด คือสิ่งที่เธอ กำลังพยายามพูดกับฉันหรือ กับใครก็ตาม เธอก็คงจะลดความกังวลไปได้น่ะ ฉัน เอ่อ ฉัน จะเป็นกำลังใจให้น่ะ โชคดีน่ะ เอิน ในโลกนี่ ไม่มีสิ่งได้ที่เธอทำไม่ได้ ไม่ใช่เหรอ”นายสีครามพูดแล้วปล่อยมือฉัน จากนั้นก็เดินกลับไป ปล่อยให้ฉันยืนนิ่ง อึ้งไป
“ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งไหนที่เธอทำไม่ได้ คุ้นๆน่ะ ฉันพูดให้นายฟังตั้งแต่เมื่อไรเหรอ”ฉันพึมพำ
“บุศกร มาได้แล้ว”ครูระเบียบเรียกฉันที่ยืนนิ่งแข็งเป็นรูปปั้น
“อ่อ อ่อ ค่ะ”ฉันพูดแล้วรีบเดินไปหาครูระเบียบ แหะ แหะ รับคำเป็นอ่อ ค่ะอีกแล้ว หวังว่าครูเบียบคงไม่ว่าหรอกน่ะ
“ขึ้นไปได้เลย”ครูระเบียบบอก
“ค่ะ”ฉันพูดแล้วหายใจเข้าปอดไปเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจ จากนั้นก็ขึ้นเวทีไป พยายามก้าวขาขึ้นไปพลางนึกคำที่สีครามบอก
“พยายามพูดกับนายเหรอ”ฉันพึมพำอย่างเหม่อลอย แล้วจากนั้นก็หายใจเข้าไปเฮือกใหญ่อีกครั้งแล้วจากนั้นก็เดินไปหายัยโบตั่นที่ถือไมโครโฟนไว้แล้ว เมื่อเดินมาถึง ฉันก็รู้สึกว่า มีความมั่นใจมากขึ้น ความตื่นเต้นก็ลดลง รู้สึกว่า หลังจากตานี้จับมือแล้ว รู้สึกดีขึ้นแฮะ ฉันคิดในใจแล้วจึงมองไปหน้าเวที
“สวัสดีค่ะ พี่ๆ น้องๆและเพื่อน ๆชาว แสงประทีปโยธาทุกๆคน”ยัยโบตั่นพูดเกริ่นนำด้วยเสียงแปร๋นๆ
“ในวันนี้ เพื่อนๆต่างก็รู้ดีว่าวันนี้เป็นวันที่มีการปราศรัยของผู้สมัครเข้าเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียน เอาล่ะค่ะ ที่นี่ เราจะมาแนะนำผู้สมัครคนแรกเลยน่ะค่ะ ดิฉันจะบอกประวัติเค้าสักนิดนึงน่ะค่ะ”ยัยโบตั่นพูดแล้วปรายหางตามาที่ฉัน แต่ฉันก็ยืนเชิด นิ่ง ไม่สะทกสะท้านอะไร ถึงแม้ว่าตอนนี้ ฉันอยากที่จะเข้าห้องน้ำใจจะขาดก็ตาม
“ผู้สมัครเบอร์ 1 ชื่อว่า บุศกร ณภาพงศ์ ชื่อเล่นชื่อ เอิน อยู่ห้อง ม.5/2 ค่ะ ที่นี่ เราก็มาฟังการปราศรัยของเค้ากันเลยค่ะ” ยัยโบตั่นพูดจบก็ยืนไมโครโฟนมาให้ฉัน แต่มันยังไม่ถึงมือฉันยัยนี้ก็ดันทำไมโครโฟนตกพื้น
“อุ้ย ตายจริง”ยัยโบตั่นทำกระแดะพูด
“นี่ เอินตื่นเต้นจนทำตกเลยเหรอ”ยัยโบตั่นพูด หลังจากนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังไปทั่วหอประชุม อยากจะแกล้งฉันเหรอ ยัยโบตั่น ได้จะได้เจอกัน
“เอ่อ จริงๆก็กะว่าจะไม่ทำตกหรอกค่ะ แต่พอดีว่า ไมโครโฟนเนี่ย มือของฉันยังไม่ได้แตะเลย ฉะนั้นก็แสดงว่าฉันไม่ได้ทำตกน่ะสิค่ะ คนที่ทำตก สงสัยเป็นพวกมือไม้อ่อน ทำอะไรโดยไม่คิดดีแต่แกล้งคนอื่นไปวันๆก็เท่านั้น ใช่มั้ยค่ะ โบตั่น”ฉันพูดเหน็บกับโบตั่นเสร็จ เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีก ครั้งนี้ไม่ใช่โห่ฉันแต่กลับเป็นว่าโห่โบตั่นแทน จนยัยนี้ ทำหน้าไม่พอใจ ได้แต่ยืนนิ่งแข็งมองฉันไว้อยู่นานจนอาจารย์เรียก
“นี่ พิธีกรน่ะลงมาได้แล้ว จะยืนเป็นรูปปั้นอยู่ทำไมล่ะ”
“ค่ะ อ่อ ค่ะจะลงไปแล้วค่ะ”ยัยโบตั่นตอบรับแล้วปรายหางตามามองฉันอีก จากนั้นจึงเดินกะฟัดกระเฟียดลงไปด้วยความเสียหน้าและเจ็บใจ
“สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆและเพื่อนๆชาวแสงประทีปโยธาทุกคนค่ะ ดิฉัน ชื่อบุศกร หรือจะเรียกกันว่าเอินก็ได้น่ะค่ะ ดิฉันอยู่ห้องม.5/2ค่ะ จุดประสงค์ในการที่ฉันมาสมัครเป็นประธานนักเรียนก็คือ สิ่งแรกเลย การอยากลองดูค่ะ ว่าการสมัครแข่งกับผู้ที่ได้ตำแหน่งมาก่อน คะแนนและผลจะออกมาเป็นอย่างไร และ เพื่อนๆจะให้ความไว้วางใจอย่างไรบ้าง และ ถ้าหากฉันได้เป็นประธานนักเรียน ฉันก็อยากจะพัฒนาโรงเรียนในด้านต่างๆที่ยังไม่ดีอยู่ เช่น เรื่องแก๊งอันธพาลในโรงเรียน แบบนี้เป็นต้น ดิฉันเชื่อว่า ในโรงเรียนนี้มีน้อย น้อยมากเลยที่เดียวแต่ก็ยังมี แต่ยังไงก็ตามการไม่มีก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าใช่มั้ยค่ะ ฉะนั้น จุดประสงค์ในการมาสมัครของดิฉันเนี่ย ก็คือการอยากที่จะลองดูว่าเป็นยังไงเมื่อได้มาแข่งกับ ผู้สมัครที่ได้ครองแชมป์มาแล้วหลายปีกับอีกคนถึงไม่ได้เป็นประธานมาก่อนแต่ก็เป็นผู้ที่เด่นในโรงเรียนมากเลยที่เดียวซึ่งก็เด่นกันทั้งสองคนค่ะและอีกอย่างนึงก็คือ หากดิฉันได้เป็น ดิฉันก็อยากที่จะพัฒนาโงเรียนนี้ที่มีดีทุกด้านอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิมและการกำจัดอันธพาลด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น เพื่อนๆก็ลองพิจารณาดูน่ะค่ะ ว่า เบอร์ 1 จะเป็นยังไงบ้าง เพื่อนๆก็ลองไปคิดกันดูน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ เอ่อ แล้วก็ ถึงแม้ว่าดิฉันเป็นผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็สามารถที่จะเป็นประธานได้ ใช่มั้ยค่ะ”ฉันปราศรัยเสร็จก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น ฉันจึงวางไมโครโฟน แล้วมายืนนิ่งเพื่อรอยัยโบตั่นที่เดินขึ้นมามาถามคำถาม
“ฮึมๆค่ะ ที่นี่เราจะถามคำถามของผู้สมัครเบอร์1กันเลยน่ะค่ะ”ยัยโบตั่นยังคงพูดด้วยเสียงแปร๋นๆเช่นเคย
“คิดยังไงถึงมาสมัครค่ะ”ยัยโบตั่นถามแล้วมองฉันด้วยสายตา เธอเสร็จฉันแน่
“ดิฉันคิดว่า ดิฉันพูดไปแล้วน่ะค่ะกับคำถามนี้ในการปราศรัยของดิฉันแต่ ดิฉันจะตอบใหม่ก็ได้ค่ะ เผื่อว่าคุณยังไม่ได้คิดจะฟังน่ะค่ะ ดิฉันมาสมัคร ก็เพราะว่า อยากจะลองดูว่ามาสมัครแล้วมีคู่แข่งเป็นถึง คนเด่นดังในโรงเรียนแล้วมันจะเป็นไงบ้างน่ะค่ะ แล้วก็อยากที่จะมาพัฒนาโรงเรียนนี้ให้ดีขึ้นด้วยในเรื่องของแก๊งอันธพาลในโรงเรียนที่มีน้อยมากให้หมดไปค่ะ”ฉันตอบคำถามแล้วมองยัยโบตั่น
“ค่ะ แล้วก็ อีกคำถามหนึ่งคือ...”ยัยโบตั่นพูดไม่ทันจบก็มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งเดินมาบนเวทีแล้วมากระซิบกับยัยโบตั่นแต่ด้วยความที่หูฉันดี แม้เสียงกระซิบก็ได้ยิน แหม นึกแล้วก็ภูมิใจในตัวเอง ทั้งหูดี จมูกก็ดีอีกต่างหาก เอ้ คล้ายอะไรน๊า หมาไง อิ อิ ถึงแม้จะเป็นหมาแต่ได้ฟังเสียงกระซิบ ก็เป็นเรื่องดีน่ะเนี่ย หึ หึ
“ชู้ ชู้ ชิบ ชิบ ชุ้ ชุ้ A@!#$%^&*&*()_@#$!%^$”
“ว่าไงน่ะ จริงเหรอ”ยัยโบตั่นพูดออกมาด้วยความตกใจ
“ค่ะ จริงค่ะ ครูระเบียบว่าตอนนี้เลยค่ะ”
“เอ่อ อืม เธอลงไปก่อนไป”ยัยโบตั่นบอกแล้วหันมามองฉันแล้วเริ่มพูดต่อ
“เอ่อ เรามีการเปลี่ยนพิธีกรนิดนึงน่ะค่ะ โดยเปลี่ยนเป็นพี่ผัสชากับเจ้สอดค่ะ”ยัยโบตั่นพูดจบก็มีเสียงโห่ร้องออกมาอีก สงสัยโห่ไล่ยัยโบตั่นแน่ๆ จากนั้นยัยโบตั่นก็เดินออกไปด้วยความเสียหน้าแล้วต่อมาพี่ผัสชาสุดน่ารักและเรียบร้อย โอ๊ย ที่ร้ากของฉัน นี่แกคิดจะผิดเพศเหรอยัยเอินอิ อิ กับเจ้สอดก็เดินมาบนเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน ดิฉัน นางสาวผัสชาค่ะ”พี่ผัสชาพูด จากนั้นเจ้สอดก็พูดต่อ
“สวัสดีค่ะ ทุกๆคนในห้องประชุมทุกคน ฉัน ฮึ้มๆ เจ้สอดสุดสวยแห่งแผ่นพับก็อดซิบรายสัปดาห์ค่ะ วันนี้เจ้กับผัสชาจะมาเป็นพิธีกรแทนโบตั่น”
โห เจ้ พูดนานยังกะว่า เจ้ไม่มีวันได้พูดแล้วงั้นแหละ
“ค่ะ ที่นี่เราจะมาถามคำถามกับผู้สมัครเบอร์หนึ่งกันเลยน่ะค่ะ”พี่ผัสชาพูด
ดีค่ะพี่ ถ้าขืนปล่อยให้เจ้แกพูด รับรอง อีกนานกว่าจะได้ถามอ่ะ พอดีว่าแกเป็นคนบ้าไมโครโฟนมั้งค่ะ อิ อิ
“คำถามแรกน่ะค่ะ คุณเป็นคนที่เติบโตที่ญี่ปุ่น ได้เรียนได้อยู่ที่ญี่ปุ่นมากี่ปีค่ะ”
“ได้อยู่ที่ญี่ปุ่นมา ประมาณ 15 ปีค่ะ”ฉันตอบ จากนั้นเจ้สอดก็มาถามต่อ
“คิดว่าประเทศไทยกับญี่ปุ่นมีความแตกต่างกันยังไงบ้างในด้านของการเรียน เช่น การที่คุณได้เรียนที่ญี่ปุ่นกับเรียนที่ไทยมีความแตกต่างกันยังไงบ้างค่ะ”
“เอ่อ ก็มีความต่างกันบ้างน้างเรื่องค่ะ...”
โอ๊ย ต่างยังไงล่ะ คำถามยากชะมัดตอบไงดีเนี่ย
“ก็ต่างกันตรงเรื่องของการได้ไปโรงเรียนค่ะ ตอนแรก จะได้ไปเช้ากว่านี้แต่พอได้มาอยู่ที่นี่ก็ได้ไปช้าหน่อยค่ะ”
เฮ้อ ก็พอถูไถไปได้บ้างอ่ะน่ะ เฮ้อ เจ้ ถามคำถามที่มันไม่ยากได้ป่ะเนี่ย แต่ก็ไม่ยากอ่ะน่ะ แต่ก็กว้างไปนิดนึง แฮ่ แฮ่ วันนี้ทำไมสมองแฟบยังงี้เนี่ย
“แล้วมาคำถามสุดท้ายค่ะ การได้มาเรียนที่นี่คุณมีความรู้สึกยังไงต่อโรงเรียนนี้บ้าง”
“การได้มาเรียนที่นี่ ก็รู้สึกดีค่ะ มีเพื่อนก็เยอะดีค่ะ มีครูที่ดี ดุยังไงก็ดุอย่างงั้นตลอด”ฉันพูดแล้วลอบมองครูเบียบ แต่แกก็ไม่มีอาการสะดุ้งอะไร ออกจะมองฉันเพลินๆด้วย แปลกแฮะ
“มีเพื่อนที่ดี ที่แสนดียังไงก็ดียังงั้นตลอด คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค หรือจะเรียกว่ามีมารผจญก็ไม่ผิดน่ะค่ะ มาขัดบ้าง แต่ก็ไม่ทำให้ดิฉันมีความรู้สึกที่ไม่ดีค่ะ กลับทำให้ดิฉันกล้ามากขึ้นและพยายามมากขึ้นกว่าเดิม และยังทำให้ดิฉันรู้ค่ะว่า เพื่อนคนไหนดีและไม่ดีค่ะ”ฉันตอบแล้วลอบมองยัยโบตั่นที่ทำหน้างอและเจ็บใจที่คงรู้ว่าฉันพูดเหน็บไป เฮอะก็สะใจดี เห็นหน้ายัยนี้ แล้วแค้น แค้นมาก มาตบหน้าฉันเหรอ รู้จักฉันน้อยไปแล้วย่ะ ยัยโบตั่น
“ค่ะ นี่คือการปราศรัยของผู้สมัครเบอร์ 1 น่ะค่ะ เป็นการปราศรัยที่จบไปแล้ว”พี่ผัสชาพูดแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ฉันยิ้มตอบแล้วจึงเดินลงเวทีไป
“เอ้อ โล่งไปเลย ผ่านไปซะที”
“เอาล่ะ บุศกร การเลือกตั้งจะมีในวันที่ 5 มิถุนายนน่ะ”
“ค่ะ”
“เออ ที่พูดว่าครูดุเรี่ย หมายถึงใครรึปล่าว”
“เอาะ อ่อ คือ ก็ หมายถึง ครู ครูทุกคนน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“อืม เมื่อกี้ก็พูดได้ดีใช้ได้น่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”ฉันตอบแล้วยกมือไหว้ พลัน ความสงสัยเรื่องคนอื่นก็ดผล่มาในสมองทันที
“เอ่อ ครูเบียบค่ะ”
“มีอะไร”
“คือ เอ่อ เมื่อกี้ที่โบตั่นลงเวทีไป มีอะไรรึปล่าวค่ะ”ฉันพูดแล้วหันไปมองยัยโบตั่นที่มองมาทางฉันด้วยสีหน้า เธออย่ามาเจือกเรื่องของฉัน แต่ฉันมองยัยโบตั่นด้วยสีหน้าสะใจ
“ทำไมเหรอ”
“ก็ปล่าวค่ะ แค่เป็นห่วงค่ะ ว่าเค้าเป็นอะไรไปน่ะค่ะ”
“อ่อ เหรอ เธอนี่ดีน่ะ รู้จักเป็นห่วงเพื่อน คือ โบตั่นพูดไม่ค่อยดี แถมทำไมโครโฟนหล่นพื้นอีก แล้วก็ถามในสิ่งที่ ที่เธอก็พูดแล้ว ครูก็เลยให้ผัสชาขึ้นแทนน่ะ”
“ค่ะ หนูไปก่อนน่ะค่ะ”
“อ่อ ใช่ ไปนั่งที่หลังเวทีเหมือนเดิมน่ะ ครูมีอะไรจะบอกน่ะ”
“บอกตอนนี้ไม่ได้เหรอค่ะ”
“แต่ครูว่า บอก พร้อมๆกันเลยดีกว่า ไป ไปได้ได้แล้ว”
“ค่ะ”ฉันรับคำแล้วเดินไปที่หลังเวทีสวนกับปั้นที่ไปหน้าเวที
“เอ่อ เอิน พูดได้ดีนี่”
“เหรอ ขอบใจ”ฉันตอบแล้วเดินไปที่หลังเวทีต่อ
“ไง พูดได้ก็เอ่อ”นายสีครามพูดเมื่อฉันเดินมาถึงหลังเวที แหม นายสีคราม ฉันมาไม่ทันไรก็เห่าต้อนรับเลยเหรอ ฉันนึกในใจแล้วก็ขำ อิ อิ ฉันด่าในใจแล้วตานี้ก็ไม่รู้ หึ หึ ก็ดีน่ะ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีกน่ะ แถมได้หลอกด่าอีก โอ๊ย สะใจๆ
******************************
เป็นยังไงบ้างค่ะ อ่านกันมาแล้ว ก็มาคอมเม้นท์กันบ้างเน้อ จะได้เอาไปปรับปรุงค๊า
สงกรานต์แล้วก็เล่นกันอย่างระมัดระวังและเล่นกันสนุกๆน่ะค่ะ ขอให้เปียกกันถ้วนหน้าจ้า
ความคิดเห็น