ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประธานนักเรียนสุดหล่อ กะ รองประธานสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 49


    บทที่ 5

    “นายนี้มันหน้าด้านจริงๆเลย”
    “เหรอ เอางี้ ฉันมีข้อตกลงอะไรกับเธอหน่อย”
    “ข้อตกลงอะไรของนายอีกล่ะ”
    “ก็ ถ้าฉันช่วยเพื่อนเธอได้ เธอจะตอบแทนอะไรฉันได้บ้างล่ะ”นายสีครามถาม
    “จะให้ตอบแทนอะไรของนาย ก็ในเมื่อนายเป็นประธานก็ต้องจัดการเรื่องนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”ฉันถามกลับ
    “นี่ เธอลืมไปแล้วรึไงว่าฉันเป็นก็จริง แต่ก็อีกไม่นานก็มีการเลือกตั้ง อาจจะมีคนมาโค่นตำแหน่งฉันก็ได้”นายสีครามท่วง
    “จะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้งก็ไม่เกี่ยวกะฉันนี้ นายจะเอาไง ก็ว่ามาซิ”
    “เธอกล้ามาสมัครแข่งกับฉันรึปล่าวละ อ่อ ฉันจะให้ไอ้ปั้นสมัครอีกคน”นายสีครามพูดแล้วหันไปบอกนายปั้น
    “เฮ้ย อะไรของแกวะ ไอ้คราม”นายปั้นพูดขึ้นมาเพราะไม่รู้เรื่องอะไรที่เพื่อนตัวเองพูดมาสักนิด
    “เหอะน่า ว่าไงล่ะ กล้ามั้ยล่ะ”
    “แล้วทำไมฉันต้องสมัครด้วย”
    “แล้วเธออยากช่วยเพื่อนเธอรึปล่าวล่ะ”
    “ก็อยาก แต่ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปสมัครเพื่อแข่งกะนายด้วย แล้วก็เพื่อนของนายอีกคน”ฉันพูดแล้วก็จ้องหน้าพวกของนายสีครามทีละคน
    “แต่เธอต้องสมัคร นี่ เขียนชื่อลงไปเลย”
    “ไม่สมัคร”
    “ต้องสมัคร”
    “ก็บอกว่าไม่ๆๆๆๆๆๆๆสมัครไงเล่า ฟังไม่รู้เรื่องรึไงว่าไม่...”ฉันพูดตะคอกใส่
    “สมัคร นี่ไงแบบฟอร์ม กรอกซะดีๆ”นายสีครามพูดตะคอกกลับแล้วกระแทกแบบฟอร์มลงบนโต๊ะ
    “บอกว่าไม่ ไม่เข้าใจภาษาคนรึไง บอกว่าไม่ก็ไม่ซิ”
    “ถ้าเธออยากช่วยเพื่อนของเธอ ก็ต้องสมัคร รึว่าอยากให้เพื่อนเธอเนี่ย โดนพวกนั้นรังแกอีก ว่าไงจะเอารึไม่เอา”
    “แต่ ยังไงก็เป็นหน้าที่นายนี่จะให้ฉันเกี่ยวด้วยทำไม”
    “งั้นก็แสดงว่าเธอไม่กล้านะซี โธ่เอ้ย แค่สมัครแค่เนี่ยก็ไม่กล้า ป๊อดไปรึปล่าว คุณเอิน”สีครามพูดอย่างเป็นต่อ อะไรนะ ไม่กล้าเหรอ ป๊อดเหรอ นายกล้าว่าฉันเหรอ ก็เอาซิ มาลองกันสักตั้งก็ได้
    “ทำไมจะไม่กล้า ฉันนะกล้าอยู่แล้ว เอามาซิแบบฟอร์มนะ”ฉันพูดแล้วเขียนชื่อลงในแบบฟอร์มจนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้นายสีคราม
    “ก็แค่เนี่ย แต่ว่า ฉันลืมบอกอะไรไปนิดนึงอ๊ะ ตายจริง ฉันลืมไปได้ไงเนี่ย”นายสีครามพูดแล้วทำท่าตกใจ
    “อะไรของนายอีกละ”
    “ก็ฉันจะบอกว่า อืม หากเธอแพ้ฉันต้องเป็นเบ้ฉัน ช่วยยกกระเป๋าฉันทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน ว่าไงล่ะ หะ”นายสีครามพูดแล้วยักคิ้วใส่อย่างเป็นต่อ
    “อ้าว ก็ ก็ไหนเมื่อกี้ นายไม่ได้บอกฉันนี่”ฉันพูดอย่างตกใจ
    “ก็ฉันบอกว่า ฉันลืมไง”
    “เอ๊ะ ยังงี้ก็แกล้งกันน่ะสิ”
    “แกล้งอะไร แกล้งยังไง ไม่เห็นรู้เรื่อง”นายสีครามพูดแล้วทำหน้าอินโนเซ้นส์ ไม่รู้เรื่อง
    “งั้นฉันไม่สมัคร”
    “ได้ไงละ ฉันลืมบอกไปอีกอย่างนึงว่า กรอกใบสมัครแล้ว ไม่สามารถคืนคำหรือยกเลิกอะไรก็ตามที่มีในใบสมัครฉบับนี้ได้ ถ้าอยากยกเลิกจริงๆเธอก็มาเปนเบ้ฉันก็ได้ จะได้หมดเรื่อง ว่าไงละ”
    “ไม่มีทาง ฝันไปเถอะ คนอย่างฉันไม่มีวันไปเป็นเบ้นายแน่นอน”
    “ให้มันแน่เถอะ”
    “แน่อยู่แล้ว”
    “เออ อีกอย่างนึงเนี่ย ที่ฉันจะบอก”
    “อะไรอีกละ อย่าบอกนะว่าอะไรอีก ถ้ามีเงื่อนไขอะไรอีก ฉันจะไม่ลงแข่งแล้ว จะบอกให้ ต่อให้ฉันไปวิ่งรอบสนามสัก รอบ ฉันก็ไม่มีวันไปเป็นเบ้นาย จำไว้ด้วย”
    “ได้ ฉันจะจำไว้ ที่ฉันจะบอกคือ วันที่2เดือนหน้าจะมีการเลือกตั้ง เธอมีเวลาแค่ 2 อาทิตย์ เตรียมตัวหาเสียงได้แล้ว ไปละ”
    “อืม ฉันไม่ลืมแน่” ฉันพูดไล่หลังนายสีครามไป โธ่เอ้ย ไม่น่าพลาดเลย เพราะนายคนเดียวเลย ทำไมถึงชอบหาเรื่องนักนะ ฉันไปทำอะไรให้นายรึไงถึงได้จองล้างจองผลาญฉันแบบนี้ คอยดูนะ ให้ถึงทีฉันก่อนเหอะ ฉันจะเอาคืนนายให้หนักแน่ ฮึ้ม

    “อ้าว เอิน รอนานยัง มาขึ้นรถได้แล้ว จะได้กลับบ้าน”
    “ก็นานแล้วน่ะสิ โกมัวแต่ชักช้าอยู่ได้แล้วเอินขอไปซื้อของก่อนสิ”
    “ซื้ออะไรอีกอ๊ะ”
    “ก็อุปกรณ์ของชมรมน่ะโก”
    “เออ งั้นก็ขึ้นรถ เร็วเข้า”แล้วฉันก็ขึ้นรถแล้วโกกับรถในระดับความเร็วก็เท่าเดิมเหมือนกับตอนเช้าจนทรงผมฉันดูยุ่งๆพันกันไปหมด
    “ถึงแล้ว ซื้อที่นี่ก็แล้ว เดี่ยวโกไปเดินเล่นพลางๆนะ ซื้อเสร็จแล้วก็รออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”โกพูดเมื่อรถมาจอดแถวห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
    “อืม”
    “เฮ้อ จะซื้อล็อกไหนดีล่ะเนี่ย”ฉันพึมพำเมื่อเดินผ่านล็อกต่างๆ
    “แล้วไหนล็อกที่เกี่ยวกับการถักโครเชร์ล่ะเนี่ย”
    “อ๊ะนี่ไง”

    “สวัสดีค่ะ ต้องการอะไรค่ะ”เสียงพนักงานต้อนรับพูดขึ้น
    “คือต้องการ อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการถักโครเชร์น่ะค่ะ”
    “อ่อ ได้ค่ะ นี่ไงค่ะ แล้วคุณต้องการไหมพรมสีอะไรดีค่ะ”
    “เอ่อ ขอสีแดง ชมพู ฟ้า แล้วก็น้ำเงินค่ะ”
    “อ่อ ได้ค่ะ แต่ถ้าจะเอาสีอื่นที่ไม่ใช่น้ำเงินจะได้มั้ยค่ะ เพราะสีน้ำเงินหมดน่ะค่ะ”
    “อ่อ เหรอค่ะแล้วมีสีไหนใกล้เคียงบ้างล่ะค่ะ”
    “สีครามค่ะ ได้มั้ยค่ะ”
    “เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ”สีครามเหรอ ฉันไม่มีวันเอาหรอก นึกแล้วก็นึกถึงอีตาสีครามทุกที
    “เอาเถอะค่ะ น่ะค่ะ ถ้าเอา เดี่ยวพี่จะลดให้เลยน่ะค่ะ เนี่ยทั้งหมดก็ราคา 195 บาท เดี่ยวพี่ลดให้เหลือเพียง194 บาทน่ะค่ะน้อง เนี่ยจริงๆพี่ไม่ค่อยลดหรอกน้อง นี้พี่ลดเต็มที่แล้วนะค่ะ”
    “ลดแล้วเหรอค่ะพี่ นี้เต็มที่แล้วหรอค่ะ”ฉันพูด พี่แกลดให้อย่างมาก ลดให้ตั้งบาทนึงแนะ
    “เต็มที่แล้วค่ะ เอาน่ะค่ะ เอา พี่จะใส่ถุงให้”
    “เอ่อ งั้นเอาก็ได้ค่ะ แต่พี่ ลดอีกหน่อยเหอะพี่ ร้านพี่ออกจะสวย ลดหน่อยเถอะนะค่ะ น่ะค่ะ พี่ขา”เออ เอาก็ได้ ถ้าเอาแล้วแกจะลดก็เอาดีกว่า ดีกว่าซื้อของแพง
    “เอ่อ คงไม่ได้หรอกน้อง เดี่ยวพี่ก็ขาดทุนซิค่ะ”
    “โธ่ พี่ ไม่ขาดทุนหรอกค่ะ พี่ออกจะสวยและน่ารักขนาดนี้ แถมหุ่นพี่เนี่ยก็สเลนเดอร์มาก ไปเป็นนางงามร้านค้า เอ้ย นางงามจักรวาลเนี่ยได้เลยน่ะค่ะ เผลอๆไปเป็นนางเอกหนังคู่กับพี่ติ๊กก็ได้สบายๆเลยน่ะค่ะ ร้านพี่ก็สวยไม่มีวันขาดทุนอยู่แล้ว เห็นมั้ยค่ะ คนมาร้านพี่ออกจะเยอะแยะ เหอะน่าพี่ ลดให้หน่อยเถอะ น่ะค่ะ พี่ขา พี่สุดซวย เอ้ย สุดสวยคะ”
    “เอ่อ เอา ก็ได้ค่ะ ว่าแต่ พี่สวยจริงๆเหรอค่ะ อุ้ย ตายแล้ว ว่าทำไมถึงมีคนเข้าร้าน ที่แท้พี่ก็สวยนี่เอง อิ อิเลยค่ะน้องพี่ลดให้ เหลือ 150 บาทเลยค่ะ ถูกๆค่ะ เนี่ย พี่ก็สงสัยมานานแล้วนะ ว่าทำไมมีแต่คนเข้าร้าน ที่แท้ พี่ก็สวยนี่เอง อิ อิ พี่ขอบคุณน้องมากนะค่ะที่มาชมว่าพี่สวย เนี่ย พี่จะบอกอะไรให้นะ ไม่เคยมีใครกล้าชมว่าพี่สวยตรงๆเลยนะ”พี่เจ้าของร้านได้ทีก็คุย
    “จริงเหรอค่ะ”ฉันพูดเออออไปกับแกด้วย
    “จริงซิน้อง เนี่ยพี่ไม่อยากจะคุย สงสัย คนอื่นต้องแอบไปชมพี่กันลับๆแหงๆเลย ฮึ สงสัยพี่คงสวยมากเลยนะ เอานี่จ๊ะ พี่ลดให้อีกเหลือ 100 นึงเลยเอา ถูกๆ”
    “อ๊ะ ขอบคุณค่ะขอให้พี่สวยวันสวยคืนน่ะค่ะ ไปล่ะค่ะ”
    โห พี่คนนี้บ้ายอได้สุดยอด ถึงแม้แกจะบ้ายอแต่แกก็ทำฉันได้ของถูก อิ อิ แล้วจะไปไหนต่อดีล่ะเนี่ย แล้วโกอยู่ที่ไหนเนี่ย แล้วฉันอยู่ตรงไหนของห้างล่ะ อย่าบอกน่ะ ว่าหลงอ๊ะ ไม่มีทาง ฉันต้องหาโกให้เจอ โกจ๋า โกยู่ไหน กรุณาส่งเสียงหน่อย บ็อกๆๆ อ้าว เป็นสุนัขซะงั้น
    “จะทำไงดีล่ะเนี่ย”ฉันพูดแล้วมองซ้ายมองขวาเห็นก็เห็นแต่ผู้คนแต่ก็ไม่เห็นโก เอ้ โกจอกรถไว้ไหนเนี่ย อ่อ ใช่แล้วหน้าห้างสรรพสินค้า แล้วหน้าห้างไปทางไหนล่ะเนี่ย ไปทางไหนดี ซ้าย รึขวา เอ๊ะหรือว่าข้างหน้า หรือว่าข้างหลังดี เอ้ โยนเหรียญดีกว่า ถ้าออกหัวก็ขวา ถ้าก้อยก็ซ้าย เอาล่ะน่ะ โยนแล้ว

    ฉึบ

    “อ้าว ยัยคุณเอินมาโยนเหรียญอะไรแถวนี้เนี่ย”
    “เอาเหรียญฉันคืนมานะ”ฉันพูดเมื่อเห็นว่านายสีครามมาเอาเหรียญไป เหรียญยังไม่ตกพื้นด้วยซ้ำ อีตานี่ก็ดันมารับเหรียญซะเฉย
    “ไม่ให้ ถ้าเธอไม่บอกว่าเธอโยนเหรียญทำไม”
    “เอ๊ะ นายนี้ ทำไมถึงได้ชอบหาเรื่องฉันนัก หะ”
    “ไม่ได้หาเรื่องนะ แต่เธอก็ไม่บอกฉันเอง เอ๊ะ หรือว่าเธอหลงทางเนี่ย เพิ่งมาเมืองไทยก็เงี่ย หลงทาง เด็กจริง เด็กมากๆ”
    “ฉันไม่ได้หลง นี่   นายเอาเหรียญคืนมานะนายสีคราม”
    “เธอบอกฉันก่อนสิ”
    “เอ๊ะ ก็บอกให้เอามาไง เอามานะ นาย... นาย นายน้ำครำ” ฉันพูดแล้วเปลี่ยนสรรพนามซะเลยชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเค้านัก
    “เธอเรียกใครว่า น้ำครำ”
    “ก็นายไง นายน้ำครำน้ำครำๆๆๆๆ”
    “อยากเรียกก็เรียกไปนะ ยัยเต้าหู้บูด”
    “อะไรนะ เต้าหู้บูดเหรอ”
    “ก็ใช่น่ะสิ ยัยเต้าหู้บูด ฮ่ะ ฮ่า ยัยเต้าหู้บูดๆ”
    “เออ แล้วนี่เธอ มาทำอะไรที่นี่หนะ”นายสีครามถามแล้วมองของในมือฉัน
    “มาซื้อไหมพรมเหรอ ก็เหมือนกับพี่สาวฉันน่ะสิ นี่อย่าบอกนะว่าเธออยู่ชมรมเย็บปักน่ะ โอ้ย อยากจะหัวเราะให้ความหล่อเพิ่มขึ้น อย่างเธอ เย็บปักอะไรกับเค้าเป็นด้วยเหรอเนี่ย เหลือจะเชื่อ”นายสีครามพูดแล้วทำหน้าเหลือเชื่อแกมตกใจ ทำไม คนอย่างฉันเย็บปักเป็นมันน่าหัวเราะมากเลยรึไง

    “ทำไมจะไม่เป็น ของแค่เนี่ย ง่ายๆกล้วยๆแม้ปิดตาฉันก็ทำได้ย่ะ อย่ามาดูถูกไปเถอะนายน้ำครำ”
    “อ่อ เหรอ แล้วฉันจะเชื่อนะ”นายสีครามพูด เอ๊ะ เมื่อกี้ อีตานี่พูดว่ามีพี่สาวเหรอ มีเหรอเนี่ย
    “นี่ นายมีพี่สาวด้วยเหรอ”
    “ก็ใช่น่ะสิ ประธานชมรมเธอไง”
    “พี่ฟ้านะเหรอ”
    “ใช่ ทำไม”
    “พี่ฟ้าเค้าออกจะนิสัยดี ออกจะแสนดี สวยและน่ารัก ไม่เห็นจะเหมือนกับนายเลย นิสัย โอ้ย ไม่อยากจะพูด”
    “อะไร พูดมานะ”
    “ไม่พูดถ้านายไม่ให้เหรียญฉัน”
    “เหรอ งั้นค่อยเอาชาติหน้า ตอนบ่ายๆน่ะ ไปล่ะ”
    “นี่ เดี่ยวเอาเหรียญฉันคืนมานะ”ฉันพูดแต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะตานั้นวิ่งไปไกลแล้ว
    “โธ่ เอ้ย เจอตานี่ที่ไร มีเรื่องให้ปวดหัวทุกทีเลย”ฉันคิดแล้วหันซ้ายหันขวา
    “จะหาโกทางไหนดีล่ะ เหรียญก็หมดแล้วด้วยเป็นเพราะอีตาน้ำครำคนเดียวเลย”ฉันพึมพำโดยไม่รู้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้

    “อ้าว หวัดดีจ๊ะ เอิน มาทำอะไรเหรอ”
    “เอ่อ หวัดดีค่ะ พี่ฟ้า คือว่าเอินมาซื้อไหมพรมน่ะค่ะ”
    “อ่อ พี่ก็มาซื้อเหมือนกัน นี่ไง”พี่ฟ้าพูดพร้อมกับชูถุง
    “อ้าว ซื้อสีครามเหมือนกันเลยนะ”
    “อ่อ ค่ะ”ที่จริงไม่คิดว่าจะซื้อหรอก ถ้าเค้าไม่ลดให้
    “แล้วเห็นครามรึปล่าวอยู่ห้องเดียวกันใช่มั้ย”
    “อ่อ เห็นไปทางนู้นหนะ”ฉันพูดแล้วชี้ทางให้ดู
    “อ่อ ขอบใจน่ะ แล้วนี่มากับใครเหรอ”
    “มากับโกค่ะ แต่ไม่รู้หายไปไหนน่ะสิค่ะ หาอยู่ตั้งนานแล้ว”
    “อ่อ พี่เห็นอยู่ร้านไอติมหนะ ร้านไอติมตรงนั้นหนะ”พี่ฟ้าพูดแล้วชี้ไปที่ร้านไอติม
    “อ่อ เหรอค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ”
    “อ่อ จ๊ะ ไปแล้วน่ะ บายจ๊ะ”
    “ค่ะ”แล้วพี่ฟ้าก็เดินไป ส่วนฉันก็รีบเดินไปที่ร้านไอติม

    “อ้าว เอิน ซื้อเสร็จแล้วเหรอ”
    “อืม เสร็จแล้ว ไปโกกลับกันเหอะ”
    “เดี่ยวดิ โกยังกินไอติมไม่หมดเลยนะ”โกพูดแล้วชี้ไปที่ไอติมรสบลูเบอรี่ รสโปรดของฉัน
    “งั้นก็รีบๆเข้าสิค่ะ”
    “อืม”
    “งั้นเอินกินด้วยดีกว่า โกเลี้ยงหน่อยดิ นะ นะ นะโกนะ”
     “ไม่”
    “โธ่ เลี้ยงหน่อยสิ นะ”
    “ไม่”
    “โกใจร้าย แค่นี้ก็เลี้ยงไม่ได้ โกรู้มั้ยว่าเอินกำลังเครียด เครียดมั่กมาก เครียดจริงๆนะ ถ้าโกไม่เชื่อ ก็ลองจับหัวเอินดูสิ ร้อนมากเลยใช่มั้ย”

    เกี่ยวกันเหรอเนี่ย เครียดแล้วหัวร้อนมีด้วยเหรอเนี่ย

    “เครียดเหรอ เอินเครียดเป็นด้วยเหรอเนี่ย”
    “ก็เป็นนะสิ หมามันยังเครียดได้เลย แล้วทำไมเอินจะเครียดไม่ได้ละ นะโก เลี้ยงหน่อยเหอะ นะ นะ นะค๊า”
    “อ๊ะ โกเลี้ยงก็ได้ ไปเลือกซิ”
    “เย้ โกใจดีจังเลย รักโกที่สุดเลย”แล้วฉันก็วิ่งไปที่ตู้ไอติมทันที
    “เหอะน่า เมื่อกี้ยังว่าเราใจร้ายเลย อ้าว เสียงไรเนี่ย น่าเกลียดมาก”โกพูดแล้วหาต้นเสียง

    ตุด ตู๊ด ตุด ตู๊ด ตุ รุด อิก อิกเอิ๊กๆๆๆๆ แหวะๆอ๊วกๆแผละๆฮ่าๆๆ ตุด...

    “อ้าว ที่แท้ก็เสียงโทรศัพท์ยัยเอิน เสียงอะไร น่าเกลียดมากๆ เสียงอะไรก็ไม่รู้ มีครบเลยทั้งเสียงอ๊วก หัวเราะและอีกสารพัดสารเพ เสียงที่ดีกว่านี้ไม่มีแล้วรึไงเนี่ย แล้วใครโทรมาเนี่ย”แล้วโกก็ดูที่หน้าจอโทรศัพท์
    “อ้าว ม๊าโทรมาเหรอเนี่ย”แล้วโกก็รีบรับโทรศัพท์

    “ฮัลโหล”โกรับโทรศัพท์ด้วยเสียงดีใจที่เสียงใหญ่มาก

    “ฮัลโหล” ม๊ารับโทรศัพท์แล้วสมองก็ประมวลผลออกมาว่าไม่ใช่เสียงเอินแต่เป็นเสียงผู้ชาย แล้วม๊าก็ตกใจ

    “นั้นใครน่ะ ผู้ชายเหรอ มาคุยที่โทรศัพท์ยัยเอินได้ไง แฟนยัยเอินเหรอ ทำไมไม่ให้ฉันรู้จักบ้างล่ะ แล้วทำไมยัยเอินถึงมีแฟนเร็วจัง มาประเทศไทยได้ไม่กี่วันก็มีแฟนแล้วเหรอ หน้าตาเป็นไง หล่อรึปล่าว หล่อเท่าพี่
    ติ๊กของฉันรึปล่าวเนี่ย แล้วเธอเป็นใคร...”ม๊าพูดด้วยเสียงแหลมและพูดรัวจนโกไม่มีช่องว่างในการพูด

    “อ้าว ม๊า จำเสียงปันไม่ได้รึเนี่ย นี่ปันเองม๊า”
    “อ้าว จริงเหรอลูก ม๊าก็นึกว่าว่าไม่ใช่”
    “นี่ ปันจริงๆฮะ แล้วม๊ามีอะไรรึปล่าวฮะ”
    “อ่อ วันนี้ ที่บ้านเราจัดงานเลี้ยง เป็นงานระดับบริษัทเลยน่ะลูก เป็นบริษัทของพ่อ เค้าฉลองเกี่ยวกับการที่บริษัทได้กำไรทะลุเป้านะลูก กลับมาเร็วๆหน่อยละ”
    “ฮะ แล้วจะรีบกลับฮะ”
    “จ๊ะ”

    “อ้าวโก ใครโทรมาเหรอ”ฉันพูดเมื่อเห็นว่าโกกำลังพูดโทรศัพท์อยู่กับใครก็ไม่รู้ที่โทรศัพท์ของฉัน ขณะเดินมาจากที่ไปซื้อไอติม
    “อ่อ ม๊าโทรมา บอกว่าให้กลับบ้านด่วนเลย ที่บ้านมีงานเลี้ยงหนะ ไอติมหนะ ไม่ต้องกินแล้วไปกลับ”
    “แต่โก นี่เค้าซื้อมาแล้วนะ เอากลับบ้านได้ป่ะ”
    “เอากลับก็ละลายหมดน่ะสิ ไป กลับ”
    “เอ่อ ก็ได้”ฉันพูดแล้วทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก
    “น้องไอติมจ๋า ชาตินี้เราคงไม่ได้เจอกันอีก ไว้ชาติหน้าเราค่อยเจอกันน่ะจ๊ะแล้วพี่จะไปรอให้น้องไอติมมาละลายในปากพี่ที่ทางช้างเผือก ขอให้น้องไปนอนที่ถังขยะอย่างมีความสุขนะจ๊ะ ฮือฮือ พี่ไปละ บาย”
    “เฮ้ย ยัยเอินไม่ได้กินไอติมนี้ ถึงกับเพี้ยนไปเลยเหรอ”
    “เค้าไม่ได้พี้ยน แต่เค้าแค่เสียดายนะ”
    “เออ พอเหอะ ไปได้แล้ว”แล้วโกก็ออกแรงควายลากฉันไปจากร้านไอติมทันที

    “กลับมาแล้วค่ะ”ฉันตะโกนจนได้ยินกันสามบ้านแปดบ้าน
    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอลูก รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำกันได้แล้วไป งานจะเริ่ม ทุ่มนึงน่ะ เดี่ยวเสื้อผ้าม๊าเอาไปให้น่ะจ๊ะ”
    “แล้วใส่ชุดธรรมดาไม่ได้เหรอม๊า อย่างชุดนอนหรือชุดกางเกงยีนก็ได้ ไม่ได้เหรอค่ะ”
    “ไม่ได้ นี่เป็นงานระดับบริษัทของพ่อนะลูก จะแต่งตัวปอนๆไม่ได้น่ะ”
    “ค่ะ ม๊า”ฉันตอบเสียงอ่อยแล้ววิ่งขึ้นบนห้องนอนแล้วเข้าไปอาบน้ำทันทีเพราะอีกไม่นานงานจะเริ่มแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะไปซื้อของกับโกได้นานขนาดนี้เนี่ย

    ก๊อก ก๊อกๆๆๆ

    “เอิน นี่ม๊าเองลูก”
    “ค่ะ ม๊าเข้ามาได้เลยค่ะ ประตูไม่ได้ล็อก”
    “เอา นี่ชุดจ๊ะลูก”
    “โห ม๊าสวยจังเลย”ฉันชมเมื่อเห็นชุดราตรียาวสีน้ำเงินที่ม๊าใส่อยู่แล้วม๊าก็ทำผมที่สวยมากมีไข่มุกติดอยู่ที่ผมด้วย เริดมั่กค่ะ
    “จ้า แหมไม่ต้องชมหรอก ม๊าหนะสวยอยู่แล้ว เอานี่ชุดกับรองเท้ารีบไปเปลี่ยนได้แล้ว แขกเริ่มมากันแล้ว”
    “ค่ะ”ฉันพูดแล้วมองชุด เป็นชุดราตรีสีฟ้าอ่อน โห นี่ฉันต้องใส่ชุดนี่เหรอเนี่ย แถมรองเท้าส้นก็ สู๊ง สูงจะออกมาเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เฮ้อ แล้วฉันก็ใส่ชุดแล้วไปส่องกระจก
    “ก็ดูดีแฮะ”ฉันพูดแล้วรีบใส่รองเท้า อุ้ย เป็นรองเท้าส้นสูงสีฟ้าซะด้วย ถ้าหนูใส่แล้วล้มในงาน ม๊าอย่าดุหนูนะค่ะแล้วฉันก็ รีบไปเพราะถ้าเดี่ยวม๊ามาตามอีกรอบฉันจะเจ็บหูอีก เพราะพลังบิดหูของม๊าเป็นแน่

    แกร็ก

    ฉันเปิดประตูแล้วหันซ้ายหันขวา ฮ้า ไม่มีคนไปหาโกดีกว่า

    ก๊อก ก็อกๆๆ

    “โก นี่เค้าเอง”

    ก๊อก ก็อกๆๆ

    “โก อยู่รึปล่าว”เอ๊ะ หรือว่าโกไปแล้ว ฉันเลยลองเปิดประตูดู ไม่ล็อกอีกแล้ว

    แกร็ก

    “โกไม่อยู่ซะด้วย ไปคนเดียวก็ได้”ฉันพึมพำแล้วออกจากห้องไปขึ้นบันไดเพื่อเข้างาน

    “โห สวยจัง”ฉันอุทานเมื่อเข้างานเลี้ยงบนชั้นสูงสุดของบ้าน ในงานมีคนมากหน้าหลายตาที่ฉันไม่รู้จัก แถมงานก็ดูหรูเริดซะจนไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
    “อ้าว เอินมาอยู่นี้นี่เอง ตามหาตั้งนาน”
    “แล้วโกมานานแล้วเหรอ”ฉันถามแล้วมองโกที่ใส่สูทซะเสียโก้หรูยังกับผู้บริหารระดับสูง โอะ โอะ พี่ชายฉันเองฮะ ฮ่ะ ฮ่า
    “ก็สักพักแล้วละ โกไปก่อนนะจะไปหาสาวสักหน่อยอิ อิ”แล้วโกก็เดินไปปล่อยให้ฉันยืนอยู่คนเดียว   จะไปไหนล่ะเนี่ย

    “เอ่อเอิน เอินจ๊ะ เอินรึปล่าวจ๊ะ”เอ๊ะ ใครมาเรียกฉันเนี่ย แล้วฉันก็หันกลับไปดู
    “อ้าว นุ่น มาด้วยเหรอ”
    “จ๊ะ พ่อฉันเป็นผู้จัดการของบริษัทที่เค้าจัด แล้วพ่อก็เลยให้ฉันมาด้วย เห็นว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเจ้าของบริษัท สวยจังเลยเนอะ แล้วเอินล่ะจ๊ะ มากับใครเหรอ”
    “อ่อ เอ่อ คือ คือว่าบ้านหลังนี้เป็นของป๋าฉันเอง แล้วป๋าก็คือเจ้าของบริษัทด้วย”
    “อ่อ จริงเหรอเนี่ย งั้นก็แสดงว่านุ่นได้รับเกียรติได้คุยกับเจ้าของงานแล้วสิ”นุ่นพูดแล้วอมยิ้ม
    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนุ่น ฉันไม่ค่อยอยากจะใส่เลย ชุดนี่เนี่ย อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว”ฉันพูดแล้วยิ้มกับนุ่น วันนี้นุ่นใส่ชุดสีชมพูอ่อนซึ่งเข้ากับนุ่นมากมาย
    “เอ่อ เอินวันนี้เราขอบใจเอินมากเลยนะที่ช่วยเราไว้ที่ตึกวิทย์นะ”
    “อ่อ ไม่เป็นไรหรอก เดี่ยวพวกของอีตาน้ำครำก็จัดการเองแหละ ฉันไปตกลงไว้แล้ว”
    “ตกลง ตกลงอะไรเหรอ”
    “อ่อก็ คือเอ่อ พวกเค้าบอกว่า ถ้าจะให้จัดการกับพวกระย้า ฉันจะต้องสมัครเข้าเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียนนะ”
    “อุ้ย ตายจริง นี่เพราะนุ่นคนเดียวแท้ๆเลย”
    “ไม่ใช่หรอก เป็นเพราะตานั้นมากกว่า”
    “ตานั้นเหรอ”นุ่นพูดงงที่ฉันไปเรียกใครว่าตานั้น 
    “เอาะ อ่อ ไม่มีอะไรหรอกนุ่น ไปกินอะไรกันดีกว่า”ฉันพูดแล้วจูงนุ่นไปที่โต๊ะอาหารที่จัดไว้แบบบุฟเฟต์
    “อาหารเยอะจังเลยนะเอิน”
    “อืม”
    แล้วฉันกับนุ่นก็ตักอาหารมากินกันที่โต๊ะไม้หินอ่อน

    “อ้าว หวัดดีเอิน”
    “หวัดดีค่ะ พี่ฟ้า เอ่อ นี่นุ่นค่ะ เพื่อนของเอินเองค่ะ”
    “อ่อ รู้จักแล้ว อยู่ชมรมเดียวกันนี่ ใช่มั้ย”
    “ค่ะ”นุ่นตอบ

    “อ้าว ฟ้า ยืนอยู่ตรงนี้นี่เอง อ้าว นี่ใครละ”นายสีครามพูดกับพี่ฟ้าแล้วชี้มาที่ฉันด้วยท่าทางกวนบาทาเป็นที่สุด
    “ก็เอินไง จำไม่ได้เหรอ”
    “อ้าว ยัยเต้าหู้บูดเหรอเนี่ยลอกคราบซะจำไม่ได้เลย”
    “จำไม่ได้ก็อย่าจำ นายก็เหมือนกัน เปลี่ยนมาใส่สูท ลอกคราบซะจำไม่ได้เหมือนกันนั้นแหละ”ฉันแขวะใส่สีคราม
    “นี่ พอได้แล้ว อย่าทะเลาะกัน นี่มันในงานนะ”พี่ฟ้าหันมาดุฉันกับสีคราม
    “โดยเฉพาะนาย นะครามชอบทะละกับเอินเรื่อยเลย”
    “โธ่ ฟ้า ก็...”
    “พอๆเลย ทั้งสองคนเลย”พี่ฟ้าพูดเมื่อฉันทำท่าจะทะเลาะขึ้นมาอีก
    “งั้นพี่ไปทางนู้นก่อนดีกว่า นะ ไปละ”แล้วพี่ฟ้าก็เดินไป
    “เฮ้ย ปั้นทางนี้”นายสีครามหันไปเรียกกำปั้นเพื่อนของตัวเอง

    มาด้วยเหรอเนี่ย ช่างบังเอิญแท้ๆ

    “อ้าว นี่นายก็มาด้วยเหรอ”
    “ใช่ ถ้าไม่มาคงไม่เห็นหรอก”

    อ้าว ไอ้นี้

     “เอ่อ นุ่นไปทางนู้นดีกว่า วิวสวยมากเลย”ปั้นชวนนุ่นไปดูวิวอย่างกับคนที่รู้จักกันมานาน
    “อ่อ ก็ได้จ๊ะ ไปนะเอิน”
    “อ้าว แล้วฉันละ อ้าว”ฉันพูดแล้วหันไปมองนุ่นที่เดินไปกับปั้นแล้ว

    “โดนทิ้งก็เงี่ย”
    “นายว่าใครโดนทิ้ง หะ นายน้ำครำ”
    “อ่อ ก็คนแถวๆนี่ไง”นายสีครามพูดแล้วตวัดหางตามาที่ฉัน
    “นี่ นายว่าฉันเหรอ”
    “ปล๊าว ปล่าวซักหน่อย ฉันยังไม่เอ่ยชื่อเลยนะ”
    “นี่ นาย”
    “อะไรเหรอ จะบอกว่าฉันหล่อก็บอกมาเถอะ ฉันไม่ ปฏิเสธ หรอก”
    “หือ นายเนี่ยนะหล่อ โอ้ ให้ตายเถอะ นายต้องไปทำให้เซเว่นปิดฉันถึงจะเชื่อ”
    “เหรอ แล้วเธอละ สวยมากรึไง”
    “ฉันไม่ได้พูดซักหน่อย นายพูดเองนะ ว่าฉันสวย แล้วฉันก็เชื่อแล้วด้วย อิ อิ”
    “เฮ้อ คนไม่สวยก็เงี่ยละนะ ใครบอกก็เชื่อ”
    “โอ๊ย พอเถอะ ฉันขี้เกียจเถียงแล้ว เออ ถามไรหน่อยดิ”
    “ถามมาซิ แต่ถ้าฉันไม่รู้ก็ไม่ตอบนะ”

    หือ อีตานี่ ถามอะไรหน่อย ทำเล่นตัวชะมัด

    “ก็ นุ่นกะปั้นเค้ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร”
    “ก็ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว พ่อปั้นกะพ่อนุ่น เค้าทำงานที่บริษัทพ่อเธอมาตั้งนานแล้ว ทั้งสองเลยรู้จักกันตั้งแต่นั้นมาไง”
    “อ่อ จริงเหรอเนี่ย”
    “ก็ใช่นะสิ ไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ยถึงไม่รู้เนี่ย”
    “ก็ตอนนี้รู้แล้วไง นายจะไปไหนก็ไปเลยไป”
    “ไล่เหรอ เธอนั้นแหละไป”
    “นายนั้นแหละ”
    “ก็บอกว่าเธอไง”
    “แต่ฉันบอกว่านาย”
    “แต่ฉันว่าต้องเธอ”
    “เฮ้อ”ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “ฉันไปก็ได้ ไม่อยากจะเถียงกับนายให้เปลืองน้ำลาย ชิ”แล้วฉันก็เดินไปจากที่นายสีครามยืนอยู่โดยไม่รู้ว่านายสีครามแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว

    “นี่ เธอ”
    “ตามมาทำไมเนี่ย หะ”ฉันพูดแล้วหันไปทางต้นเสียงที่ฉันนึกว่าน่าจะเป็นนายสีคราม

    “อ๊ะ อ้าว เอ่อ ขอโทษค่ะ”ฉันพูดเมื่อเห็นว่าไม่ใช่สีคราม

    “ไม่เป็นไรครับ”
    “แล้วคุณมีอะไรกับฉันรึปล่าว”ฉันพูดแล้วสังเกตท่าทาง นายนี้ ท่าทางจะเพลย์บอย แฮะ
    “อ่อ ปล่าวครับ แค่อยากรู้จักกันเอาไว้ครับ”
    “อ่อ เหรอค่ะ”
    “ครับ ผมชื่อ เบน เป็นลูกของเจ้าของห้างสรรพสินค้าดังๆในเมืองไทย ห้างของผมมีทั้งในสาขาไทยและต่างประเทศเลยนะครับ พอดีว่าพ่อผมเป็นเพื่อนสนิทที่สนิทมากๆของเจ้าของบริษัทที่จัดงานในวันนี้นะครับ ผมก็เลยได้เข้าๆออกๆบ้านนี้อยู่บ่อยๆเลยละครับ”
    “อ่อ เหรอค่ะ”ฉันพูด นายเบนอะไรนี้เนี่ย ท่าทางอวดชะมัด ป๋าฉันมีเพื่อนสนิทคือพ่อของนายสีครามไม่ใช่เหรอ นายนี้ ไม่รู้จริงแล้วมาอวด

    “เอาะ แล้วคุณชื่ออะไรครับ”นายเบนพูดแล้วทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้
    “เอินค่ะ”
    “เอ่อ แล้วมากับใครเหรอครับ”
    “อ่อ ไม่ได้มากับใครหรอกค่ะ”ฉันพูดแล้วยิ้ม ก็ไม่ได้มากับใครจริงๆนี่ ก็ฉันเดินออกมาจากห้องแล้วเข้างานมาเองคนเดียวนี่นา

    “งั้นเหรอครับ ไม่ได้มากับใครแล้วได้รับเชิญ งั้นก็แสดงว่าคุณท่าทางจะสำคัญนะครับ ผมเห็นว่าคุณน่าจะยังเด็กแต่ได้มางาน แสดงว่าสำคัญมากนะครับ”
    “ค่ะ”สำคัญสิ สำคัญอยู่แล้ว ลูกเจ้าของบริษัทไม่สำคัญให้มันรู้ไป
    “ถามจริงนะครับ คุณเป็นใครครับ”
    “อยากรู้เหรอค่ะ”
    “ใช่ อยากรู้ ในงานนี้” เบนพูดแล้วผายมือไปรอบๆ
    “นอกจาก เจ้าของบริษัทจะมีใครสำคัญไปกว่าผมอีก ใช่มั้ยครับ”

    สำคัญเหรอเนี่ย เพิ่งรู้

    “แล้ว สมมุติว่าลูกเจ้าของงานเนี่ย สำคัญมากมั้ยค่ะ”
    “ก็ สำคัญนะครับ เออ ผมมีเรื่องอยากเล่าให้ฟังนะครับ ฟังนะครับ เป็นเรื่องตลกน่ะครับ”
    “เอ่อ ก็ได้ค่ะ”เล่ามาแต่ก็ไม่ค่อยอยากฟังหรอก
    “ก็ เมื่อกี้ ผมเห็นคนไม่คุ้นหน้าอยู่คนนึงเลยเข้าไปทัก เห็นว่า ชื่อ ปันอะไรประมาณนี่แหละครับ”

    โกแน่ๆ

     “บอกว่าเป็นลูกเจ้าของบริษัท ผมก็เลยให้บอกว่า เจ้าของชื่ออะไร บอกได้ด้วยนะครับ แถมภรรยาของเจ้าของบริษัทยังรู้อีก และยังรู้ด้วยว่าเค้าเพิ่งกลับมาจากไหนแถมยังรู้อีกว่าลูกเค้าอายุเท่าไร สงสัยคงไปหาข้อมูลมาเยอะนะครับ ฮ่าฮ่า”เบนพูดแล้วหัวเราะ แล้วจิบไวน์
    “เฮ้อ ผมว่า ถึงแม้ผมจะไม่ได้ทำงานที่บริษัท แต่ผมก็รู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของบริษัทนี่ดี ลูกของเจ้าของบริษัทยังอยู่ที่ญี่ปุ่น ยังไม่กลับมา แล้วพวกนั้นมาอ้าง น่าตลกสิ้นดี นะครับ ฮ่า ฮ่า”ฉันฟังเบนพูดแล้วยิ้มๆแต่ในใจทั้งขำนายนี่ที่มาอวดและอารมณ์เดือดที่เอาครอบครัวฉันมาอ้างว่ารู้จักกันมานาน ทั้งที่ฉันไม่เคยเห็นนายนี่เลยตั้งแต่เกิด ฉันอยากจะบอกจริงๆเลยว่า ลูกเจ้าของบ้านหนะ กลับมาแล้วย่ะ ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไงย่ะ รู้เรื่องครอบครัวฉันเหรอ ฮึ ฉันยังไม่เคยเห็นนายเลย เพิ่งเคยเห็นด้วยซ้ำ มาบอกว่ารู้เรื่องดี อวดดีชะมัดนายนี้

    “อ่อ เหรอค่ะ”ฉันพูดแล้วทำหน้ายิ้มนิดๆ
    “ครับ แล้วนี้คุณเป็นใครผมยังไม่รู้เลย”
    “ฉันเป็นลูกเจ้าของบริษัทค่ะ”
    “เหรอครับ ฮ่า ฮ่า ตลกจัง อย่ามาอำผมซะให้ยากเลยครับ”
    “นี่คุณไม่เชื่อเหรอค่ะ หุ หุ ฉันดีใจนะค่ะที่คุณตลก ฮ่า ฮ่า”ฉันพูดแล้วเออออไปกับอีตานี่ด้วย แล้วมองไปที่ม๊าที่กำลังเดินมา
    “เอ่อ นั้น ภรรยาของเจ้าของบ้านใช่มั้ยค่ะ”ฉันทำทีเป็นถาม
    “อ่อ ใช่ครับ แหม คุณเอินเนี่ยก็รู้ดีนะครับ”
    “ค่ะ ขอบคุณ แต่ถ้าฉันจะบอกคุณว่านี่ ม๊าหรือ แม่ฉันเอง คุณจะว่าไงค่ะ”
    “ผมไม่เชื่อหรอกค...”

    แล้วม๊าก็เดินมาคุยกับฉันพอดี

    “อ้าว เอิน มาอยู่นี่เอง ไหนปันล่ะลูก แม่อยากให้ลูกไปรู้จักผู้ใหญ่เค้าหน่อยนะจ๊ะ แล้วครามกับฟ้าละ แม่เห็นแค่แวบๆเองไปอยู่ไหนกันหมดละเนี่ย”
    “เอ่อ นี่เป็นเรื่องจริงเหรอครับ”นายเบนพูดแล้วทำหน้าเอ๋อๆ
    “ค่ะ ฉันเป็นลูกเจ้าของบริษัท แล้วคนที่ชื่อปันด้วยนะค่ะ ที่นี่เชื่อรึยังค่ะ”
    “เอ่อ เชื่อครับ เอ่อ งั้น ผมไปก่อนนะครับ”นายเบนพูดแล้วเดินไป ท่าทางนายนี้จะหน้าแตกไปหลายวัน อิ อิ สะใจ

    “ใครเหรอลูก”ม๊าถาม
    “อ่อ เห็นว่าชื่อเบนอะไรนี่แหละค่ะ”
    “อ่อ ลูกเจ้าของห้าง ไม่ได้สนิทอะไรมากหรอก แค่เคยรู้จักกับป๋าตอนสมัยเรียนก็แค่นั้นเอง”
    “อ่อ ค่ะ”
    “แล้วนี้ไปไหนกันหมดละเนี่ย ม๊าตามหาตั้งนานแล้ว อ้าว นั้นไง มากันแล้ว”
    “สวัสดีค่ะ/ครับคุณป้า”นายสีคราม พี่ฟ้า รวมถึงนุ่นและกำปั้นด้วยพูดพร้อมกัน นี่ทุกคนรู้จักกันหมดเลยเหรอ ช่างเป็นสิ่งที่บังเอิญแท้ๆ เพื่อนที่ฉันรู้จักกลับกลายมาเป็นเพื่อนที่มีพ่อแม่รู้จักกันหมดเลยด้วย โอ้ พระเจ้า สิ่งนี้คือสิ่งที่บังเอิญแท้ๆ
    “หวัดดีจ๊ะ อ้าว หนูนุ่นกับปั้นก็มาด้วยเหรอจ๊ะ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ดีนะที่มาจะได้มารู้จักกันไว้ไง รู้จักกันแล้วใช่มั้ย”
    “ค่ะ”
    “งั้น ป้าไม่กวนแล้วดีกว่า เชิญตามสบายนะจ๊ะ”ม๊าพูดแล้วเดินไป
    “เอ่อ เอิน เมื่อกี้คุยกะใครอยู่อ๊ะ”โกถาม
    “อ่อ คนที่ชื่อเบนอะไรนี่แหละ ทำท่าอวดดีชะมัด”
    “ใช่ มาหัวเราะโกเมื่อกี้นี่เอง”
    “ช่าง เค้าเถอะโก เอินแก้เผ็ดเค้าไปเรียบร้อยแล้วละ”
    “เอ่อ กำลังคุยถึงใครอยู่เหรอ”พี่ฟ้าพูดขึ้น
    “อ่อ ปล่าวหรอก เอ่อ ฟ้าไปดูตรงนู้นมั้ย วิวสวยมากเลย”
    “อืม ไปซิ”แล้วพี่ฟ้ากะโกก็เดินไปดูวิวกัน

    ทำไมวันนี้มีแต่คนอยากดูวิวกันนักก็ไม่รู้

    “เอ่อ นุ่นไป...”
    “เฮ้ นุ่น ไปตรงนู้นกันดีกว่า ไป”ฉันรีบพูดตัดหน้าปั้นแล้วรีบจูงมือนุ่นเดินไปจากตรงไป
    “อ่อ ได้จ๊ะ เอินไม่ต้องจูงก็ได้ ไม่ต้องรีบหรอกจ๊ะ”
    “ก็ถ้าไม่รีบ เดี่ยวปั้นก็มาเอาตัวเธอไปอีกนะสิ เออ แล้วทำไมนุ่นถึงไม่บอกเอินเลยละ ว่ารู้จักกับนายปั้นอะไรนั้นละ”
    “อ่อ ก็นุ่นไม่มีโอกาสจะบอกนี่จ๊ะ ขอโทษนะ”
    “ไม่เป็นไรหรอก จะไปไหนดีล่ะ ขี้เกียจอยู่ในงานแล้ว”
    “ไม่รู้เหมือนกัน นี่เป็นบ้านของเอิน เอินก็พาทัวร์หน่อยสิ นะ นะ”นุ่นขอร้อง
    “อืม ได้อยู่แล้ว”
    “งั้นไปชวนปั้นด้วยได้รึปล่าว”
    “อย่านะ เดียวปั้นจะพ่วงอีตาสีครามมาด้วย จะปวดหัวปล่าวๆ”
    “อืม ก็ได้จ้า”
    แต่ความปรารถนาของฉันก็จบลงเพราะมีเสียงขัดขึ้น
    “จะไปไหนกันเหรอ นุ่น และ ยัยเต้าหู้บูด”นายสีครามพูดขึ้น
    “มันเรื่องของฉัน เข้าใจ๊ ไปนุ่น”ฉันพูดแล้วลากนุ่นไปแต่ไม่วายนายสีครามกับนายปั้นก็ยังตามมา
     
    “ยังตามมาอีกเหรอเนี่ย ฉันพูดเมื่อเห็นนายสีครามยังเดินมาด้วยท่าทางสบายๆ
    “นุ่น ถอดรองเท้า”
    “ถอดทำไมเหรอ”
    “ก็จะได้วิ่งลงบันไดวนไง เราจะลงไปในบ้าน”
    “อืม ก็ได้แล้วฉันกับนุ่นก็ถอดรองเท้าแล้ววิ่งลงบันไดวนไปในบ้าน

    “เฮ้อ ไปแล้วใช่มั้ย”
    “อืม ใช่จะไปไหนดีละ”
    “ไปห้องฉัน อยากให้นุ่นช่วยอะไรหน่อย”
    “อะไรเหรอ”
    “เดี่ยวบอก มาเร็ว”ฉันพูดแล้วพานุ่นเข้าห้องไป
    “คือ จะให้นุ่นช่วยคิดหน่อยว่าจะ เขียนคำหาเสียงยังไงดี”
    “อ่อ แค่นั้นเอง ได้เลย”
    “เดี่ยวฉันพิมพ์เอง”ฉันพูดแล้วเปิดคอมพิวเตอร์
    “ก็เอาเป็น อะไรดีน๊า คิดก่อน”นุ่นคิดแล้วก็บอกฉัน แล้วฉันก็พิมพ์รวมทั้งจัดรูปแบบให้ดูดี เอาละที่นี่ ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นเบ้ตานั่นอีก ที่นี่ก็ ฝันไปเถอะนะ อีตาบ้า ว่าฉันจะต้องเป็นเบ้นาย เฮอะ ช้าไปหลายปีแสงเลยละ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับฉัน เดี่ยววันที่ประกาศผล นายต้องเหงื่อแตกพลั่กๆแน่
    “เสร็จแล้ว ที่นี่ก็พริ้น เย้ เสร็จสักที”
    “ใช่แล้ว พรุ่งนี้ก็หาเสียง”
    “ใช่ เดี่ยวนุ่นจะช่วย”
    “อืม ขอบใจ ที่นี่ นายสีคราม นายต้องเป็นเบ้ฉัน ไม่ใช่ฉันไปเป็นเบ้นาย เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับฉันเดี่ยวได้รู้กันแน่”
     “ไปเดินเล่นข้างล่างกันมั้ย”นุ่นชวน
    “ก็ดีเหมือนกัน ไป”

    “เฮ้ย ไอ้คราม ทำไมแกต้องไปแกล้งยัยเอินนั่นด้วยอ๊ะ ที่จริง เรื่องกำจัดเด็กอันธพาลเนี่ยก็เป็นหน้าที่แกอยู่แล้ว อย่าลืมซิ นายยังไม่ได้ถูกออกจากการเป็นประธานนะเว้ย”กำปั้นพูดเมื่อทั้งสองเลี่ยงออกจากงานมาพูดกันในสวน
    “เออ ฉันก็รู้ แต่ ฉันอยากแกล้งวะ น่าแกล้งดี”
    “งั้นเหรอ ฉันว่าไม่เห็นจะน่าแกล้งตรงไหนเลย แกก็รู้นี่ ว่ายัยเอินนะแสบขนาดไหนแกเคยบอกไม่ใช่เหรอว่ายัยเอินเคยเอาเสื้อผ้าของพี่ชายไปซ่อน อึ้ย ฉันไม่อยากจะนึกภาพ สงสัยล้อนจ้อนน่าดู”
    “แสบนะสิดี จะได้มันส์หน่อย ฉันว่า การเลือกตั้งนะ ไม่ฉันก็แกต้องชนะยัยเอินแหงๆ แกก็รู้ว่ายัยเอินเพิ่งย้ายเข้าโรงเรียนเรา รับรอง ไม่ชนะอยู่แล้ว”
    “เออ ถึงแม้ว่าฉันจะได้รับเลือกฉันก็ไม่เป็นเว้ย น่าปวดหัวซะขนาดนั้น เอาเวลาไปเหล่สาวยังดีกว่าอีก”
    “เหอะน่า นายช่วยฉันหน่อยเหอะ ฉันว่าจะให้นายเป็นประธาน ฝ่ายกิจกรรม”
    “เฮ้ย แกบ้าไปรึปล่าว ไม่เอาเว้ย”
    “เหอะน่า นะเพื่อน ช่วยหน่อย แกอยากให้ใครเป็นผู้ช่วยก็บอกฉัน แกหล่อซะขนาดนี้ สาวๆที่ไหนก็อยากทำทั้งนั้นแหละ”
    “ไม่เว้ย”
    “เหอะนะ เพื่อน ช่วยหน่อยเหอะ”
    “อืม ก็ได้เว้ย แกนี่มันจริงๆเลย”
    “เฮ้ย นั้น ยัยเต้าหู้บูดนี่ ไปหลบก่อน”

    “เออ นุ่น ไปในสวนกัน ไป”
    แล้วฉันกับนุ่นก็เดินกันเข้าไปในสวน
    “อากาศดีจังเนอะ เอิน”
    “อืม”
    “เอ๊ะ นั่นบ้านอะไรเหรอ”นุ่นพูดแล้วชี้ไปที่บ้านหมาหลังเล็กๆ
    “บ้านฟ็อก หมานะ”
    “ฟ็อก มานี้มา เร็ว มานี้มา จุ๊ จุ๊ จู๊ มามะ เร็วๆ มานี่มะ”ฉันเรียกฟ็อก
    “น่ารักจัง สงสัยว่าคงจะเฝ้าบ้านเก่งนะ ดูสิน้ำลายไหลยืดเลย”

    เกี่ยวกันเหรอเนี่ย

    “อ้าว เจอกันอีกแล้วนะ สงสัยว่าฉันหล่อแน่ๆ เธอถึงได้มาตามอยู่นะ ยัยเต้าหู้”
    “นี่ ฉันไม่ได้มาตามนาย เข้าใจไว้ด้วย”
    “แล้วฉันจะเชื่อละกัน”
    “เอ่อ นุ่นๆอยู่ไหนเนี่ย”
    “อยู่นี้”นุ่นบอกแล้วฉันก็ดู เล่นกับฟ็อกอยู่กับปั้นนั่นเอง
    “เออ วันนี่ไปซื้อไหมพรมเนี่ย ไปซื้อสีอะไรเหรอ”สีครามถาม
    “เรื่องของฉัน”ฉันตะคอกแต่สีครามไม่สนใจ
    “เหรอ อื้ม สีครามด้วยใช่ป่ะ เห็นฟ้าบอก นี่บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องอายหรอก”
    “ฉันอายตั้งแต่เมื่อไร ถึงแม้ว่าฉันจะซื้อสีครามแต่มันก็ไม่เกี่ยวกะนายนี่”
    “งั้นเหรอ งั้นสงสัยว่าเธอเธอคงคิดถึงฉันมากก็เลยซื้อสีครามมานั่งกอดไว้ ใช่มั้ยละ”
    “อี้ คิดถึงเหรอ ฝันไปเถอะย่ะ ฉันไม่มีวันคิดถึงนายหรอก จำไว้ด้วย นุ่น ไปในบ้านเถอะ”ฉันชวนแล้วเดินเข้าบ้านโดยมีนุ่นตามมาติดๆ
    “นั่งที่โซฟาตามสบายเลยนะ เดี่ยวฉันไปเอาน้ำมาให้”
    “จ๊ะ”

    ฉันเดินแล้วจัดแจงเดินมาในครัวพลันได้ยินเสียงของอีตาสีครามกับปั้น เข้ามาทำไมเนี่ย เสียอารมณ์จริงเลย

    “อ๊ะ นุ่น น้ำจ๊ะ”
    “ขอบใจจ๊ะ”
    “นี่ ฉันก็แขก เอาน้ำให้ด้วยซิ”
    “ฮึ แขกเหรอ ไม่น่าจะใช่นะ ฉันไม่เห็นว่าจะเป็นแขกตรงไหนเลย”
    “แขกนะฉันนะ เป็นอยู่แล้ว ไหนละ น้ำ น้ำที่เค้าเอาไว้ต้อนรับแขกนะ สงสัย เจ้าของบ้านนี้คงจะนิสัยไม่ดีไม่รู้จักต้อนรับแขกเลย”นายสีครามพูดพร้อมกับมานั่งที่โซฟา หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านแล้วพูดต่อ ยี้ ทำกับเป็นเจ้าของบ้านไม่มีผิดเลย ชิ
    “เฮ้อ เจ้าของบ้านหน้าตาไม่ดีแล้วยังนิสัยไม่ดีไม่ต้อนรับแขกอีก ใช้ไม่ได้เลย”นายสีครามพูดพร้อมกับทำท่าสะบัดหนังสือพิมพ์ที่ถืออยู่แล้วตั้งตาอ่าน ท่าทางยียวนชะมัด
    “ก็ได้ ที่นี่ จะเอาน้ำอะไรละค๊า ที่นี่มีทั้งน้ำแร่ น้ำนม น้ำผลไม้และอีกสารพัดน้ำที่ใช้ในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากท่อน้ำทิ้ง น้ำจากโถส้วม หรือว่าน้ำที่ไว้ถูพื้น จะเอาน้ำอะไรดีล่ะค่ะ”ฉันพูดพลางประชด
    “ก็เอาน้ำที่กินได้นะ เอามาเถอะ เอาน้ำที่มีคุณภาพหน่อยนะ ถ้าน้ำไม่ดีเดี่ยวผิวฉันเสียหมด” เฮอะ ผิวเสีย ใฮโซอะไรอย่างนี้
    “ได้ รอแปบละกัน”ฉันพูดแล้วเดินไปในครัว แล้วจัดการต้มน้ำตาล 1 ขวดผสมกับเกลืออีก 2 ขวด ต้มให้พอละลายแล้วนำมาผสมกับน้ำ
    “เอ้ น้ำอะไรดีล่ะ”
    “อ๊ะ ดีละ น้ำลำไยอบแห้ง สีมันดำๆดี ฮึ”ฉันพึมพำแล้วใส่น้ำลำไยไปครึ่งแก้ว ไม่อยากจะบอกน่ะค่ะว่า น้ำลำไยไม่มีความหวานค่ะเพราะตอนต้มเนี่ย ไม่ได้ใส่น้ำหวาน แล้วฉันก็ใส่น้ำตาลกับเกลือที่ต้มผสมกันลงไปอีกเกือบเต็มแก้ว แล้วก็จัดแจงใส่น้ำปลาลงไปอีกจนเต็มแก้วแล้วคนให้เข้ากันดีจนมองภายนอกก็เหมือนกับน้ำลำไยธรรมดาๆ ที่รสชาติไม่ธรรมดา ที่นี่นายน้ำครำ อยากกินมากใช่มั้ย ก็เอาไปเลย ส่วนของนายกำปั้น ก็เอาไปเป็นน้ำอัดลมธรรมดาก็แล้วกัน ฉันไม่อยากแกล้งเพราะนายปากไม่ได้เสีย
    “มาได้สักทีนะ ไปซะนานเลย ไปหลบในครัวรึไง”
    “นี่ จะนานไม่นานก็เรื่องของฉัน นี่ไง น้ำ เอาไปซิ
     “นี่ มันน้ำอะไรของเธอ”
    “อ้าว ก็ของนาย เป็นน้ำลำไยไง ลำไยนะดีนะ เป็นของไทย สนับสนุนของไทยไง ส่วนของปั้นก็เป็นน้ำอัดลมไง”
    “กินซิ อยากกินมากไม่ใช่เหรอ กินซิ”
    “เฮ้ย แกกินยังว่ะ”
    “กินแล้ว ไม่มีไรนี่ เออ เอิน ขอบใจที่เอาน้ำมาให้นะ”
    “อืม ไม่เป็นไร”
    “เออ แล้วทำไมแกไม่กินละ”
    “ใช่ ทำไมไม่กินละ เค้าว่ากันว่า เจ้าของบ้านเอาน้ำมาให้แล้วไม่กินเนี่ย เค้าว่ากันว่าเป็นคนที่เสียมารยาทมากไม่มีความเป็นผู้ดี๊ ผู้ดี”
    “ฉันนะ มารยาทดีอยู่แล้ว”นายสีครามพูดแล้วกระดกน้ำเข้าปาก เข้าไปอึกใหญ่ แต่พอน้ำสัมผัสกับลิ้นได้ตั้งแต่วินาที่แรกก็สะดุ้งทันที นายสีครามอมน้ำไว้แล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับทำสีหน้าพะอืดพะอม อยากจะอ๊วกและอยากจะคายน้ำทิ้ง ฉันจึงพูดขึ้นก่อน
    “อย่าคายนะ เดี่ยวพื้นเลอะ แล้วฉันอุตสาห์เอามาให้ กลืนซิ กลืนซิจ๊ะ น้ำหนะ อยากทานมากไม่ใช่เหรอจ๊ะ กลืนซิจ๊ะ กลืน เร๊ว กลืนเลย”

    เอื๊อก

    “นี่ เธอเอาน้ำอะไรมาให้ฉัน หะ ไหนๆ น้ำเปล่า ฉันขอน้ำเปล่าเร็วซิ น้ำเปล่านะ คอฉันจะแตกแล้ว”นายสีครามพูดแล้วเดินไปมาเหมือนหนูติดจั่น
    “แกเป็นอะ...”ปั้นจะถามแต่ฉันชิงพูดตัดหน้าไปก่อน
    “น้ำเปล่าเหรอ เป็นยังไงอ๊ะ ไม่รู้จักเลย ที่นี่มีแต่น้ำแร่ น้ำนม น้ำผลไม้ น้ำอัดลม โอ้ย ฉันไม่รู้จักน้ำเปล่า ตายแล้ว ทำยังไงดีอ๊ะ”ฉันพูดแล้วทำหน้าอินโนเซ้นส์ ไม่รู้เรื่อง
    “เธอๆๆแกล้งฉันเหรอ เฮอะ โอ๊ย คอฉัน ปั้นๆ แกช่วยหน่อยดิ”
    “อะไรวะ”
    “แกไปเอน้ำเปล่าให้หน่อยดิ”นายสีครามพูด”แล้วก็ไอ แคกๆออกมา
    “เออๆ ได้ แปบนึงนะ”ปั้นพูดแล้ววิ่งไปในครัวส่วนนุ่นก็นั่งตะลึงอยู่กับที่ และฉันก็ยืนทำสีหน้าไม่รู้เรื่องแล้วเข้าไปถามด้วยความห่วงไย
    “กินน้ำไปแค่เนี่ย ก็คอจะแตกแล้วเหรอ อุ้ย เอินขอโทษนะ เอินไม่รู้จริง จริ๊งเลยนะว่าครามเป็นคนบอบบาง อุ้ยน้ำเปล่าละได้รึยัง” ฉันพูดกับสีครามแต่นายสีครามก็พูดไม่ออกได้ไอ แคกๆออกมาแล้วจ้องหน้าฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    แคกๆๆๆๆๆๆ

    “อ๊ะ นี่น้ำ เอา คราม”ปั้นเอาน้ำมาให้ครามแล้วนายสีครามก็กระดกน้ำเข้าปากไปหลายอึกจนหมดแก้วแล้วหันมาจ้องหน้าฉันที่ทำท่าไม่รู้เรื่อง
    “เธอ แคกๆ เธอแกล้งฉันเหรอ”
    “ปล่าว ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็ฉันเห็นว่ามีน้ำใส่แก้วอยู่ ฉันก็เลยเอามาให้นายไง เป็นไง ฉันเป็นเจ้าของบ้านที่ดีมั้ย ฮึ”ฉันถามกลับ
    “เธอได้เจอดีแน่ ยัยเต้าหู้บูด”
    “เจอดีเหรอ ก็ดีสิ เจอดีก็ดีกว่าเจอร้ายนะ ใช่มะ”
    “เจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้ละกัน...แคกๆ...ไป ปั้นกลับดีกว่า”
    “อืม เอ่อ นุ่น กลับก่อนนะ”
    “จ๊ะ”นุ่นตอบแล้วนายสีครามกับปั้นก็เดินไป

    “เฮ้อ กลับกันไปได้สักที”
    “นี่ เอินไปแกล้งครามเค้ารึปล่าวจ๊ะ”
    “อ่อ ก็นิดหน่อยอ๊ะ แต่สะใจดี เฮอะ อยากมาลองดีกันก่อนก็ต้องเจอดียังงี้นี่แหละ”
    “อืม แล้วนี่นะน้ำรึว่าอะไรละ”
    “ก็น้ำนั่นแหละ แต่ใส่อะไรไปนิดหน่อย”
    “เหรอจ๊ะ”
    “อืม”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×