ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องของกิ่ง : ฉันคิดว่า...ฉันชอบเขา
ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง  ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง  มีหญิงสาวคนนึงนึงมองออกไปนอกร้าน ท่าทางของเธอ
เหมือนกับว่ากำลังรอใครบางคน  บรรยากาศของร้านอาหารมีแสงสว่างไม่มากนัก ทำให้ดูคลาสสิก 
อากาศของกรุงเทพในขณะนี้เย็นสบาย  เพราะมีฝนตก พร่ำๆ อยู่  เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงคนเปิดประตู
เธอก็หันไปมอง ใบหน้าที่ดูเบื่อ ๆ เมื่อกี้นี้  กลับมีรอยยิ้มกว้างแทน  เธอโบกมือให้กับคนที่เพิ่งเข้ามา
คนที่เพิ่งเข้ามาก็ยิ้มกว้างเช่นกัน  ขณะที่เดินมานั่งที่โต๊ะ  ซึ่งขณะนี้เหลือที่ว่างอีก 3 ที่เท่านั้น
“ ทำไมเธอมาเร็วจัง  นี่ฉันมาก่อนเวลาตั้งห้านาที ” 
คนที่เพิ่งเข้ามาพูดพลาง ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้เหมือนกับว่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน
“  ก็......ตีเทนนิสเสร็จก็มาเลย”  หญิงสาวพูดพลางมองเพื่อนตรงหน้าเธอ 
“ เออ....แล้ว ยัยกริ้ง กะ ยัยไหม มายังอ่ะ”
“ ถ้ามาก็เห็นแล้วซิ  ยัยกิ่งกะเด้ง”  หญิงสาวพูดพลางยิ้มน้อย ๆ  ทำเอาคนถามอยากจะเดินไปตบหัวซะให้รู้แล้วรู้รอด
“ นี่....แพนเค้ก บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกชื่อฉัน.....ฉันชื่อกิ่ง ไม่ใช่กิ่งกะเด้ง  ”  คนที่เพิ่งเข้ามา      พูดแล้วส่งค้อนไปให้
“ +5555” แพนเค้กหัวเราะร่า  ที่ได้ยั่วพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน
“ แพนนนนน  กิ่งงงงงงงง รอนานรึเปล่า”   
อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ท่ามกลางร้านอาหาร เป็นสิ่งเรียกความสนใจของคนทั้งร้านได้เป็นอย่างดี
แพนกับกิ่งรีบยกมือขึ้นแตะปากเป็นชิงเตือนว่าให้เบาเสียงหน่อย  ดูเหมือนเจ้าตัวจะนึกขึ้นได้ว่าเสียงดัง
จึงยิ้มอย่างเก้อเขิน ให้ทุกคน  หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาที่โต๊ะ  และก็มีสาวร่างเล็กอยู่ข้างหลังเธอ
“ นี่ไหม  เธอจะแหกปากทำไม  นี่ร้านอาหารนะยะ ไม่ใช่ผับ จะได้เสียงดัง” 
กิ่งพูดทันทีที่ไหมเดินมาถึงโต๊ะ และจิกตามองไหมที่ส่งเสียงดัง 
“ เออ...ใช่  เห็นมั้ย  ไหมเธอทำเอาคุณหนูกรุ้งกริ้งของเราอับอายไปด้วยเลย  จริงมั้ยยยยยย”
  แพนที่ทำเป็นดุไหม  หันมาแซวกริ้งหญิงสาวร่างเล็กที่เดินตามไหมมา
“ นี่ แพน บอก กี่ที่ๆ  แล้วว่าอย่าเรียกริ้งว่า “คุณหนู”  กริ้งไม่ชอบ”    กริ้งพูดแล้วส่งค้อนน้อย ๆ ไปให้แพน
“ พวกเธอมากันก่อน  แล้วยังไม่สั่งเครื่องดื่มอีกเหรอ  งั้นฉันสั่งเลยนะ  ฉันหิวน้ำ    พี่คะ” 
ไหมเอ่ยปาก แล้วหันไปเรียกพนักงาน 
“ ครับ  รับอะไรดีครับ”
“ เอาจินโทนิคค่ะ  และก็ขอสไปร์มาผสมด้วยนะคะ ”  ไหมพูด
“ ขอน้ำส้มค่ะ”  กริ้งตอบพนักงาน
“ฉันมาเหนื่อย ๆ งั้น...ขอแป๊ปซี่ล่ะกัน”  แพนเอ่ยขึ้น
“ ฉันขอ..... น้ำเปล่าล่ะกัน  แค่นี้แหละค่ะ”  กิ่งสั่งเป็นคนสุดท้าย
“ ครับ”  แล้วพนักงานก็เดินไป  4 สาวนี้ ดูอย่างผิวเผินแล้ว  ใครต่อใครคงแปลกใจ
ที่เห็นผู้หญิงที่ดูนิสัยต่างกันมาก กลับมานั่งคุยกันอย่างสนิทใจ  แพน ใส่เสื้อแขนสั้น
คอโปโลสีม่วงอ่อน  กางเกงขาสั้นสีขาว รองเท้าผ้าใบ  รวบผมเป็นหางม้าสูง 
ที่ข้างเก้าอี้ก็มีไม้เทนนิสวางอยู่  ดูเป็นสาวสปอร์ต
กิ่ง  สวมเสื้อคอเต่าสีครีมอ่อน  มีเสื้อสูทสีน้ำตาลแก่สวมทับ  กางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อสูท
รองเท้าคัทชู  เป็น Working  Woman  ไหม ใส่เสื้อสายเดี่ยวสีขาว  กระโปรงมินิสเกิร์ต  สีดำ 
รองเท้าส้นเข็ม ที่มีสายรัดข้อเท้า  ผมดัดเป็นลอนอ่อนๆ ย้อมสีน้ำตาลเข้ม ไฮไลท์ สีทอง  เป็นสาวเซ็กซี่
ส่วนกริ้ง  ใส่เสื้อแขนกุดสีชมพูอ่อน  กระโปรงที่ยาวถึงเข่าสีขาว  รองเท้าส้นเตี้ยสีครีม  รวบผมครึ่งหัว เป็นสาวหวาน และเรียบร้อย
“ สรุปว่า.....ไหมหิวน้ำ  หรือหิวเหล้ากันแน่จ้ะ” กริ้งเอ่ยแซวไหม  ทำให้กิ่งกับแพน  หัวเราะไหมอย่างไม่เก็บอาการ
“ กริ้งก็......เอาล่ะ....ทุกคน  ระหว่างทางที่ฉันมาที่นี่อ่ะนะ  ฉันก็คิดสิ่งนึงออก  ฉันว่า.....”
“ ไปเที่ยวผับไหนดี ใช่มั้ย ?”  กิ่งเอ่ยขึ้นขัดการพูดของไหม  ไหมค้อนประหลับประเหลือกไปให้กิ่ง 
“+555555 / +555555”  แพนกับกริ้งหัวเราะในท่าทีของไหม
“ ไม่ใช่.......ฉันหมายถึง  ตอนเนี้ย  พวกเราก็โต ๆ กันแล้ว แล้วก็ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น่าจะเล่าเรื่องประทับใจเช่น.
...เรื่องความรัก.....ฉันว่า  เอามาเล่าให้ฟังกันม่ะ” 
ไหมพูดแล้วตาลุกวาว  แต่กิ่งหน้านิ่วเหมือนรำคาญ  ส่วนแพนกับ  กริ้งมองหน้ากันแล้วเขิน ๆ 
“  อืม / ก็ได้จ้ะ  ” แพนกับ กริ้งตอบตกลง
“ แล้วกิ่งล่ะ”  ไหมหันไปทางกิ่ง
“  อืม...ก็....ก็ได้”  กิ่งตอบแบบไม่เต็มเสียง
“ ดี.....งั้นมาจับหลอดสั้นหลอดยาวกัน  ใครได้สั้นที่สุดก็เล่าก่อน  แล้วก็ตามลำดับนะ” 
ไหมหยิบหลอดออกมาจากกระเป๋าถือของตัวเอง
“ นี่เธอเตรียมการมาเลยใช่ม่ะ”  แพนถาม  ไหมไม่ตอบ ทำเป็นไม่ได้ยิน 
ทุกคนจับกันเรียบร้อยผลก็คือ  1. กิ่ง  2 .  แพน  3. ไหม  4 . กริ้ง
“ เอาล่ะ  งั้นเริ่มเลยล่ะกันนะ เอ้า เล่าเลยกิ่ง”  ไหมพูด 
กิ่งทำหน้านิ่ว แล้วเรื่องราวต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ออกมาจากปากของเธอ
                                                                                เรื่องของกิ่ง
    ตอนนี้ฉันยืนมองทิวทัศน์ที่สวยงาม ของประเทศ สวิตเซอร์แลนด์  สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกิ่ง  ตอนนี้เพิ่งเรียนจบ  ฉันเรียนจบแบบ 3 ปีกว่า  คุณพ่อคุณแม่ เลยให้มาเที่ยวประเทศในฝันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม  ฉันคิดว่ามันจะเป็นการเที่ยวธรรมดา  ฉันไม่รู้หรอกว่า  การมาเที่ยวในครั้งนี้ มันจะทำให้ฉัน..... เปลี่ยนไป......
“ อูย  หนาวจังแฮะ รู้งี้ใส่เสื้อหนากว่านี้ดีกว่า” 
ฉันพูดกับตัวเองและเอามือกอดตัวเองเอาไว้ อยู่ดีๆ ก็มีเสื้อคลุมมาคลุมอยู่ที่ไหล่ฉัน
“ หนาวมาก ๆ เดี๋ยวจะเป็นไข้นะครับ” 
มีเสียงนุ่มหูดังขึ้น เสียงนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ เอ่อ....คุณ....”  ฉันงง ๆ ที่อยู่ดี ๆ ผู้ชายคนนี้ก็มาเอาเสื้อของตัวเองมาให้ฉัน 
แต่ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะเดาสีหน้าที่มีแต่ความสงสัยของฉันออกจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“ ผมเห็นคุณบ่นหนาว ผมก็เลยสละเสื้อคลุมตัวเองให้คุณไงครับ  ผู้หญิงน่ะ
ทนกับอากาศหนาว ๆ ได้ไม่เท่าผู้ชายนะครับ”  เค้าพูดแล้วส่งยิ้มละไมมาให้ฉัน 
รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก
“ แล้ว...คุณเอามาให้ฉันทำไม  เราไม่รู้จักกันซักหน่อย”
“ แต่เราเป็นคนไทยเหมือนกันนี่ครับ  ก็คนไทยก็ต้องช่วยเหลือกันซิครับ  อย่างที่เค้าว่า....คนไทยไม่แล้งน้ำใจ”     
เค้าพูดแล้วส่งยิ้มที่ละไมเหมือนเดิมมาให้ฉัน  ทำให้หน้าที่มีสีระเรื่อ  กลายเป็นแดงก่ำขึ้นมาเสียดื้อ ๆ 
“ นี่คุณเป็นอะไรรึเปล่า  หน้าแดง ๆ  หรือว่า...คุณมีไข้”    ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดูเป็นกังวลขึ้นมา  “ ปะ......เปล่าค่ะ”   
ฉันยิ้มไปให้เค้า  มีบางอย่างบอกฉันว่า  เค้าไม้ได้มาร้ายแต่มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“ แล้วคุณชื่ออะไรรึครับ  ผมชื่อ เต้  พงษธร  จีรศิลป์ ครับ” 
เค้าเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน แถมยังแนะนำซะเต็มยศ  ฉันก็ต้องเต็มยศเหมือนกัน
“ ฉันชื่อ กิ่ง  กรกนก  ธีรวงศ์ชัย ค่ะ” 
           
    ฉันกับเค้าคุยกันถูกคอมาก  เมื่อคุยกับเค้าก็ได้รู้ว่าเค้าเป็นคนคุยสนุกมาก  ร่าเริง เค้าอายุมากว่าฉัน 3 ปี 
เรียนหมออยู่  ปี 6 เค้าบอกว่าช่วงนี้ เค้ามาพักผ่อนสมอง ด้วยการมาเที่ยวต่างประเทศ
“ แล้วน้องกิ่งพักที่ไหนล่ะครับ”
“ กิ่งพักที่  โรงแรม xxx ค่ะ”
“ จริงเหรอครับ”  เค้าพูดด้วยหน้าตาที่ตื่นเต้น
“ ค่ะ ทำไมรึค่ะ”
“ เปล่าครับ แค่อพาร์ทเม้นท์ ที่ผมพักน่ะ อยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรมที่น้องกิ่งพักพอดีเลย”
  เค้าพูดแล้วยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ 
“ เหรอคะ  บังเอิญจัง”
“ งั้น.....นี่ก็เกือบเย็นแล้ว  งั้นผมไปส่งที่โรงแรมน่ะครับยังไงก็ทางเดียวกัน”
“ ค่ะ” 
     
    แล้วฉันกับพี่เต้ก็เดินคุยกัน ระหว่างทาง  ฉันรู้สึกมีความสุขที่มีพี่เต้คอยเดินอยู่เคียงค้างแปลกนะ....ที่เรารู้สึกดีๆกับคนที่เพิ่งเคยรู้จัก  ปกติแล้วน่ะ  ฉันค่อนค้างจะเป็นคนมีเพื่อนยากเพราะมักจะใช้ เซ้นท์ในการเลือกเพื่อนเสมอ  แต่กับพี่เต้...มันไม่ใช่  เจอกันครั้งแรก หัวใจก็เต้นตูมตาม  แล้วอยากจะอยู่ยังงี้ไปเรื่อย ๆ  อยากจะคุยกับพี่เต้เรื่อย ๆ  อยากให้เวลาผ่านไปช้า ๆ  แต่ขณะที่ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว  ตรงหน้าฉันมันก็กลายเป็น โรงแรมที่ฉันพักไปซะแล้ว
“ งั้นพี่ส่งแค่นี้ก่อนนะ  บาย”
“ เอ่อ...พี่เต้คะ”  ฉันพลั้งปากเรียกพี่เต้ไป พี่เค้าหันมามองอย่างงง ๆ ฉันไม่อยากลากับพี่เต้  ฉันกลัวว่านี่..จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน  เค้าอาจจะเห็นฉันเป็นแค่คนที่รู้จักแบบผ่าน ๆ ก็ได้
“ น้องกิ่งเพิ่งมาที่สวิตเป็นครั้งแรกใช่มั้ยครับ งั้นเดี๋ยวพี่จะพาไปกินข้าวนะ 
เอาเป็น.....ตอนหกโมงครึ่ง พี่มารอที่ล็อบบี้โรงแรมล่ะกันนะครับ  ตกลงมั้ย”   
พี่เต้พูดแล้วยิ้มอย่างร่าเริง  ฉันจะได้เจอเค้าอีกใช่มั้ย 
“ ค่ะ  เดี๋ยวกิ่งมารอ”
“ แต่งตัวตามสบายนะครับ  บาย”
“ บาย”
 
        ฉันพูดแล้วมองพี่เต้ที่เดินขึ้นอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม  เย้!!  เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกับพี่เต้แล้ว  ฉันเดินเริงร่าเข้าห้องพัก แต่เมื่อเข้ามาถึงห้องพัก ก็กลายเป็นเป็นว่า ฉันไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง...ว่าทำไม...ฉันถึงได้อยากเจอพี่เค้านัก  รู้จักกันยังไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกสนิทใจกัน  คิดเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ออก ฉันจึงโทรไปหายัยฝ้ายเพื่อนที่มหา’ลัย 
“ โหล  มีไร”  เสียงยัยฝ้ายดังมาตามโทรศัพท์
“ ฝ้าย  ฉันมีอะไรจะปรึกษาหน่อย”
“ ว่ามาดิ”
“ คือ สมมุติว่า  แกไปเจอผู้ชายคนนึง  ที่เพิ่งรู้จักกัน  แต่เค้าเอาเสื้อคลุมมาให้  เพราะ  แกบ่นลอย ๆ ว่าหนาว  และเมื่อได้คุยกับเค้าก็ได้รู้ว่าเค้าเป็นคนสนุกสนาน  อบอุ่น  มีน้ำใจ  ใจดี  แล้วเมื่อเค้ายิ้มให้ หน้าแกก็เกิดแดงขึ้นมา หัวใจงี้เต้นตูมตาม  แล้วเมื่อแก กับ เค้าจะต้องจากกัน  แล้วแกก็ไม่อยากจากเค้าไป  แกอยากจะเดินคุยกันยังงี้ไปเรื่อย ๆ  อยากจะให้เวลาเดินช้า ๆ  แต่ว่าแกไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเค้า  แกคิดว่าไง”
“ ฉันว่า......ที่แกเล่ามาเนี่ยมันเกิดกับแกใช่ม่ะ”
“เอ่อ.................. ก็....ใช่    แล้วแกบอกฉันได้มั้ย  ว่าทำไม”
“  ไม่เห็นจะยาก  แกชอบเค้าแล้วไง”
“ ชอบ.....เหรอ ?”    ฉันหน้าแดงเมื่อคิดว่าฉันเกิดชอบพี่เต้ขึ้นมา 
“  แล้วถ้าแก  ไม่อยากจากเค้าไป  นั่นแหละ  ใช่เลย  เพราะเวลาเรารัก  หรือชอบใคร  เราย่อมไม่อยากจากคนที่เรารัก” 
ฝ้ายพูดต่ออย่างผู้ชำนาญ  ฝ้ายเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักของคณะเรา
“ จริงเหรอ ?”
“ แกก็ลองคิดทบทวนดูดี ๆ  ว่าแกชอบเค้าขึ้นมา หรือว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ  ถ้าแกชอบ ก็ค่อย ๆ ดูนิสัยเค้าไปเรื่อย ๆ  ถ้าเค้าเป็นคนดี แล้วก็รู้ใจตัวเองว่าชอบเค้า  รักเค้า  ก็บอกไปซะ  แต่ถ้าเค้าไม่ดี  ก็ตัดใจเหอะ แม้จะรักแค่ไหนก็ตาม  ลองคิดดูนะ”
“ อืม  ขอบคุณนะฝ้าย  ฉันจะลองคิดดู”
“ อืม  งั้นแค่นี้ก่อนนะ  บาย”
“ ขอบคุณสำหรับคำปรึกษานะ  บายจ้ะ” 
ฉันวางสายจากฝ้ายแล้วมาลองคิดดู  ฉันคิดแค่แป๊ปเดียวก็มีคำตอบอยู่ในหัวใจแล้ว 
ฉันขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วเอาหมอนมากอดพลางยิ้มกว้าง  ฉันคิดว่า
ฉัน.......ชอบพี่เต้ล่ะ
.............................................................................................................................................................
เหมือนกับว่ากำลังรอใครบางคน  บรรยากาศของร้านอาหารมีแสงสว่างไม่มากนัก ทำให้ดูคลาสสิก 
อากาศของกรุงเทพในขณะนี้เย็นสบาย  เพราะมีฝนตก พร่ำๆ อยู่  เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงคนเปิดประตู
เธอก็หันไปมอง ใบหน้าที่ดูเบื่อ ๆ เมื่อกี้นี้  กลับมีรอยยิ้มกว้างแทน  เธอโบกมือให้กับคนที่เพิ่งเข้ามา
คนที่เพิ่งเข้ามาก็ยิ้มกว้างเช่นกัน  ขณะที่เดินมานั่งที่โต๊ะ  ซึ่งขณะนี้เหลือที่ว่างอีก 3 ที่เท่านั้น
“ ทำไมเธอมาเร็วจัง  นี่ฉันมาก่อนเวลาตั้งห้านาที ” 
คนที่เพิ่งเข้ามาพูดพลาง ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้เหมือนกับว่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน
“  ก็......ตีเทนนิสเสร็จก็มาเลย”  หญิงสาวพูดพลางมองเพื่อนตรงหน้าเธอ 
“ เออ....แล้ว ยัยกริ้ง กะ ยัยไหม มายังอ่ะ”
“ ถ้ามาก็เห็นแล้วซิ  ยัยกิ่งกะเด้ง”  หญิงสาวพูดพลางยิ้มน้อย ๆ  ทำเอาคนถามอยากจะเดินไปตบหัวซะให้รู้แล้วรู้รอด
“ นี่....แพนเค้ก บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกชื่อฉัน.....ฉันชื่อกิ่ง ไม่ใช่กิ่งกะเด้ง  ”  คนที่เพิ่งเข้ามา      พูดแล้วส่งค้อนไปให้
“ +5555” แพนเค้กหัวเราะร่า  ที่ได้ยั่วพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน
“ แพนนนนน  กิ่งงงงงงงง รอนานรึเปล่า”   
อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ท่ามกลางร้านอาหาร เป็นสิ่งเรียกความสนใจของคนทั้งร้านได้เป็นอย่างดี
แพนกับกิ่งรีบยกมือขึ้นแตะปากเป็นชิงเตือนว่าให้เบาเสียงหน่อย  ดูเหมือนเจ้าตัวจะนึกขึ้นได้ว่าเสียงดัง
จึงยิ้มอย่างเก้อเขิน ให้ทุกคน  หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาที่โต๊ะ  และก็มีสาวร่างเล็กอยู่ข้างหลังเธอ
“ นี่ไหม  เธอจะแหกปากทำไม  นี่ร้านอาหารนะยะ ไม่ใช่ผับ จะได้เสียงดัง” 
กิ่งพูดทันทีที่ไหมเดินมาถึงโต๊ะ และจิกตามองไหมที่ส่งเสียงดัง 
“ เออ...ใช่  เห็นมั้ย  ไหมเธอทำเอาคุณหนูกรุ้งกริ้งของเราอับอายไปด้วยเลย  จริงมั้ยยยยยย”
  แพนที่ทำเป็นดุไหม  หันมาแซวกริ้งหญิงสาวร่างเล็กที่เดินตามไหมมา
“ นี่ แพน บอก กี่ที่ๆ  แล้วว่าอย่าเรียกริ้งว่า “คุณหนู”  กริ้งไม่ชอบ”    กริ้งพูดแล้วส่งค้อนน้อย ๆ ไปให้แพน
“ พวกเธอมากันก่อน  แล้วยังไม่สั่งเครื่องดื่มอีกเหรอ  งั้นฉันสั่งเลยนะ  ฉันหิวน้ำ    พี่คะ” 
ไหมเอ่ยปาก แล้วหันไปเรียกพนักงาน 
“ ครับ  รับอะไรดีครับ”
“ เอาจินโทนิคค่ะ  และก็ขอสไปร์มาผสมด้วยนะคะ ”  ไหมพูด
“ ขอน้ำส้มค่ะ”  กริ้งตอบพนักงาน
“ฉันมาเหนื่อย ๆ งั้น...ขอแป๊ปซี่ล่ะกัน”  แพนเอ่ยขึ้น
“ ฉันขอ..... น้ำเปล่าล่ะกัน  แค่นี้แหละค่ะ”  กิ่งสั่งเป็นคนสุดท้าย
“ ครับ”  แล้วพนักงานก็เดินไป  4 สาวนี้ ดูอย่างผิวเผินแล้ว  ใครต่อใครคงแปลกใจ
ที่เห็นผู้หญิงที่ดูนิสัยต่างกันมาก กลับมานั่งคุยกันอย่างสนิทใจ  แพน ใส่เสื้อแขนสั้น
คอโปโลสีม่วงอ่อน  กางเกงขาสั้นสีขาว รองเท้าผ้าใบ  รวบผมเป็นหางม้าสูง 
ที่ข้างเก้าอี้ก็มีไม้เทนนิสวางอยู่  ดูเป็นสาวสปอร์ต
กิ่ง  สวมเสื้อคอเต่าสีครีมอ่อน  มีเสื้อสูทสีน้ำตาลแก่สวมทับ  กางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อสูท
รองเท้าคัทชู  เป็น Working  Woman  ไหม ใส่เสื้อสายเดี่ยวสีขาว  กระโปรงมินิสเกิร์ต  สีดำ 
รองเท้าส้นเข็ม ที่มีสายรัดข้อเท้า  ผมดัดเป็นลอนอ่อนๆ ย้อมสีน้ำตาลเข้ม ไฮไลท์ สีทอง  เป็นสาวเซ็กซี่
ส่วนกริ้ง  ใส่เสื้อแขนกุดสีชมพูอ่อน  กระโปรงที่ยาวถึงเข่าสีขาว  รองเท้าส้นเตี้ยสีครีม  รวบผมครึ่งหัว เป็นสาวหวาน และเรียบร้อย
“ สรุปว่า.....ไหมหิวน้ำ  หรือหิวเหล้ากันแน่จ้ะ” กริ้งเอ่ยแซวไหม  ทำให้กิ่งกับแพน  หัวเราะไหมอย่างไม่เก็บอาการ
“ กริ้งก็......เอาล่ะ....ทุกคน  ระหว่างทางที่ฉันมาที่นี่อ่ะนะ  ฉันก็คิดสิ่งนึงออก  ฉันว่า.....”
“ ไปเที่ยวผับไหนดี ใช่มั้ย ?”  กิ่งเอ่ยขึ้นขัดการพูดของไหม  ไหมค้อนประหลับประเหลือกไปให้กิ่ง 
“+555555 / +555555”  แพนกับกริ้งหัวเราะในท่าทีของไหม
“ ไม่ใช่.......ฉันหมายถึง  ตอนเนี้ย  พวกเราก็โต ๆ กันแล้ว แล้วก็ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น่าจะเล่าเรื่องประทับใจเช่น.
...เรื่องความรัก.....ฉันว่า  เอามาเล่าให้ฟังกันม่ะ” 
ไหมพูดแล้วตาลุกวาว  แต่กิ่งหน้านิ่วเหมือนรำคาญ  ส่วนแพนกับ  กริ้งมองหน้ากันแล้วเขิน ๆ 
“  อืม / ก็ได้จ้ะ  ” แพนกับ กริ้งตอบตกลง
“ แล้วกิ่งล่ะ”  ไหมหันไปทางกิ่ง
“  อืม...ก็....ก็ได้”  กิ่งตอบแบบไม่เต็มเสียง
“ ดี.....งั้นมาจับหลอดสั้นหลอดยาวกัน  ใครได้สั้นที่สุดก็เล่าก่อน  แล้วก็ตามลำดับนะ” 
ไหมหยิบหลอดออกมาจากกระเป๋าถือของตัวเอง
“ นี่เธอเตรียมการมาเลยใช่ม่ะ”  แพนถาม  ไหมไม่ตอบ ทำเป็นไม่ได้ยิน 
ทุกคนจับกันเรียบร้อยผลก็คือ  1. กิ่ง  2 .  แพน  3. ไหม  4 . กริ้ง
“ เอาล่ะ  งั้นเริ่มเลยล่ะกันนะ เอ้า เล่าเลยกิ่ง”  ไหมพูด 
กิ่งทำหน้านิ่ว แล้วเรื่องราวต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ออกมาจากปากของเธอ
                                                                                เรื่องของกิ่ง
    ตอนนี้ฉันยืนมองทิวทัศน์ที่สวยงาม ของประเทศ สวิตเซอร์แลนด์  สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกิ่ง  ตอนนี้เพิ่งเรียนจบ  ฉันเรียนจบแบบ 3 ปีกว่า  คุณพ่อคุณแม่ เลยให้มาเที่ยวประเทศในฝันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม  ฉันคิดว่ามันจะเป็นการเที่ยวธรรมดา  ฉันไม่รู้หรอกว่า  การมาเที่ยวในครั้งนี้ มันจะทำให้ฉัน..... เปลี่ยนไป......
“ อูย  หนาวจังแฮะ รู้งี้ใส่เสื้อหนากว่านี้ดีกว่า” 
ฉันพูดกับตัวเองและเอามือกอดตัวเองเอาไว้ อยู่ดีๆ ก็มีเสื้อคลุมมาคลุมอยู่ที่ไหล่ฉัน
“ หนาวมาก ๆ เดี๋ยวจะเป็นไข้นะครับ” 
มีเสียงนุ่มหูดังขึ้น เสียงนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ เอ่อ....คุณ....”  ฉันงง ๆ ที่อยู่ดี ๆ ผู้ชายคนนี้ก็มาเอาเสื้อของตัวเองมาให้ฉัน 
แต่ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะเดาสีหน้าที่มีแต่ความสงสัยของฉันออกจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“ ผมเห็นคุณบ่นหนาว ผมก็เลยสละเสื้อคลุมตัวเองให้คุณไงครับ  ผู้หญิงน่ะ
ทนกับอากาศหนาว ๆ ได้ไม่เท่าผู้ชายนะครับ”  เค้าพูดแล้วส่งยิ้มละไมมาให้ฉัน 
รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก
“ แล้ว...คุณเอามาให้ฉันทำไม  เราไม่รู้จักกันซักหน่อย”
“ แต่เราเป็นคนไทยเหมือนกันนี่ครับ  ก็คนไทยก็ต้องช่วยเหลือกันซิครับ  อย่างที่เค้าว่า....คนไทยไม่แล้งน้ำใจ”     
เค้าพูดแล้วส่งยิ้มที่ละไมเหมือนเดิมมาให้ฉัน  ทำให้หน้าที่มีสีระเรื่อ  กลายเป็นแดงก่ำขึ้นมาเสียดื้อ ๆ 
“ นี่คุณเป็นอะไรรึเปล่า  หน้าแดง ๆ  หรือว่า...คุณมีไข้”    ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดูเป็นกังวลขึ้นมา  “ ปะ......เปล่าค่ะ”   
ฉันยิ้มไปให้เค้า  มีบางอย่างบอกฉันว่า  เค้าไม้ได้มาร้ายแต่มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“ แล้วคุณชื่ออะไรรึครับ  ผมชื่อ เต้  พงษธร  จีรศิลป์ ครับ” 
เค้าเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน แถมยังแนะนำซะเต็มยศ  ฉันก็ต้องเต็มยศเหมือนกัน
“ ฉันชื่อ กิ่ง  กรกนก  ธีรวงศ์ชัย ค่ะ” 
           
    ฉันกับเค้าคุยกันถูกคอมาก  เมื่อคุยกับเค้าก็ได้รู้ว่าเค้าเป็นคนคุยสนุกมาก  ร่าเริง เค้าอายุมากว่าฉัน 3 ปี 
เรียนหมออยู่  ปี 6 เค้าบอกว่าช่วงนี้ เค้ามาพักผ่อนสมอง ด้วยการมาเที่ยวต่างประเทศ
“ แล้วน้องกิ่งพักที่ไหนล่ะครับ”
“ กิ่งพักที่  โรงแรม xxx ค่ะ”
“ จริงเหรอครับ”  เค้าพูดด้วยหน้าตาที่ตื่นเต้น
“ ค่ะ ทำไมรึค่ะ”
“ เปล่าครับ แค่อพาร์ทเม้นท์ ที่ผมพักน่ะ อยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรมที่น้องกิ่งพักพอดีเลย”
  เค้าพูดแล้วยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ 
“ เหรอคะ  บังเอิญจัง”
“ งั้น.....นี่ก็เกือบเย็นแล้ว  งั้นผมไปส่งที่โรงแรมน่ะครับยังไงก็ทางเดียวกัน”
“ ค่ะ” 
     
    แล้วฉันกับพี่เต้ก็เดินคุยกัน ระหว่างทาง  ฉันรู้สึกมีความสุขที่มีพี่เต้คอยเดินอยู่เคียงค้างแปลกนะ....ที่เรารู้สึกดีๆกับคนที่เพิ่งเคยรู้จัก  ปกติแล้วน่ะ  ฉันค่อนค้างจะเป็นคนมีเพื่อนยากเพราะมักจะใช้ เซ้นท์ในการเลือกเพื่อนเสมอ  แต่กับพี่เต้...มันไม่ใช่  เจอกันครั้งแรก หัวใจก็เต้นตูมตาม  แล้วอยากจะอยู่ยังงี้ไปเรื่อย ๆ  อยากจะคุยกับพี่เต้เรื่อย ๆ  อยากให้เวลาผ่านไปช้า ๆ  แต่ขณะที่ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว  ตรงหน้าฉันมันก็กลายเป็น โรงแรมที่ฉันพักไปซะแล้ว
“ งั้นพี่ส่งแค่นี้ก่อนนะ  บาย”
“ เอ่อ...พี่เต้คะ”  ฉันพลั้งปากเรียกพี่เต้ไป พี่เค้าหันมามองอย่างงง ๆ ฉันไม่อยากลากับพี่เต้  ฉันกลัวว่านี่..จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน  เค้าอาจจะเห็นฉันเป็นแค่คนที่รู้จักแบบผ่าน ๆ ก็ได้
“ น้องกิ่งเพิ่งมาที่สวิตเป็นครั้งแรกใช่มั้ยครับ งั้นเดี๋ยวพี่จะพาไปกินข้าวนะ 
เอาเป็น.....ตอนหกโมงครึ่ง พี่มารอที่ล็อบบี้โรงแรมล่ะกันนะครับ  ตกลงมั้ย”   
พี่เต้พูดแล้วยิ้มอย่างร่าเริง  ฉันจะได้เจอเค้าอีกใช่มั้ย 
“ ค่ะ  เดี๋ยวกิ่งมารอ”
“ แต่งตัวตามสบายนะครับ  บาย”
“ บาย”
 
        ฉันพูดแล้วมองพี่เต้ที่เดินขึ้นอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม  เย้!!  เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกับพี่เต้แล้ว  ฉันเดินเริงร่าเข้าห้องพัก แต่เมื่อเข้ามาถึงห้องพัก ก็กลายเป็นเป็นว่า ฉันไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง...ว่าทำไม...ฉันถึงได้อยากเจอพี่เค้านัก  รู้จักกันยังไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกสนิทใจกัน  คิดเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ออก ฉันจึงโทรไปหายัยฝ้ายเพื่อนที่มหา’ลัย 
“ โหล  มีไร”  เสียงยัยฝ้ายดังมาตามโทรศัพท์
“ ฝ้าย  ฉันมีอะไรจะปรึกษาหน่อย”
“ ว่ามาดิ”
“ คือ สมมุติว่า  แกไปเจอผู้ชายคนนึง  ที่เพิ่งรู้จักกัน  แต่เค้าเอาเสื้อคลุมมาให้  เพราะ  แกบ่นลอย ๆ ว่าหนาว  และเมื่อได้คุยกับเค้าก็ได้รู้ว่าเค้าเป็นคนสนุกสนาน  อบอุ่น  มีน้ำใจ  ใจดี  แล้วเมื่อเค้ายิ้มให้ หน้าแกก็เกิดแดงขึ้นมา หัวใจงี้เต้นตูมตาม  แล้วเมื่อแก กับ เค้าจะต้องจากกัน  แล้วแกก็ไม่อยากจากเค้าไป  แกอยากจะเดินคุยกันยังงี้ไปเรื่อย ๆ  อยากจะให้เวลาเดินช้า ๆ  แต่ว่าแกไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเค้า  แกคิดว่าไง”
“ ฉันว่า......ที่แกเล่ามาเนี่ยมันเกิดกับแกใช่ม่ะ”
“เอ่อ.................. ก็....ใช่    แล้วแกบอกฉันได้มั้ย  ว่าทำไม”
“  ไม่เห็นจะยาก  แกชอบเค้าแล้วไง”
“ ชอบ.....เหรอ ?”    ฉันหน้าแดงเมื่อคิดว่าฉันเกิดชอบพี่เต้ขึ้นมา 
“  แล้วถ้าแก  ไม่อยากจากเค้าไป  นั่นแหละ  ใช่เลย  เพราะเวลาเรารัก  หรือชอบใคร  เราย่อมไม่อยากจากคนที่เรารัก” 
ฝ้ายพูดต่ออย่างผู้ชำนาญ  ฝ้ายเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักของคณะเรา
“ จริงเหรอ ?”
“ แกก็ลองคิดทบทวนดูดี ๆ  ว่าแกชอบเค้าขึ้นมา หรือว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ  ถ้าแกชอบ ก็ค่อย ๆ ดูนิสัยเค้าไปเรื่อย ๆ  ถ้าเค้าเป็นคนดี แล้วก็รู้ใจตัวเองว่าชอบเค้า  รักเค้า  ก็บอกไปซะ  แต่ถ้าเค้าไม่ดี  ก็ตัดใจเหอะ แม้จะรักแค่ไหนก็ตาม  ลองคิดดูนะ”
“ อืม  ขอบคุณนะฝ้าย  ฉันจะลองคิดดู”
“ อืม  งั้นแค่นี้ก่อนนะ  บาย”
“ ขอบคุณสำหรับคำปรึกษานะ  บายจ้ะ” 
ฉันวางสายจากฝ้ายแล้วมาลองคิดดู  ฉันคิดแค่แป๊ปเดียวก็มีคำตอบอยู่ในหัวใจแล้ว 
ฉันขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วเอาหมอนมากอดพลางยิ้มกว้าง  ฉันคิดว่า
ฉัน.......ชอบพี่เต้ล่ะ
.............................................................................................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น