คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : WGM... 9 ...
We got married
F.GC
มาแล้วคร่าาา มาแล้ว บอสเกิงมาดามฮี กลับมาหาทุกคนแล้ว
ตอนนี้ทั้งสองคนได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้าน(เรือนหอ)กันเรียบร้อยแล้วนะคะ
จะฟิน จะน่ารัก กันขนาดไหนนะ... อันนี้ต้องไปลองอ่านกันเองแล้วละ อิอิ
แต่ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่ฟางแต่งเองแล้วก็ฟินเอง แล้วก็ชอบมากๆ ด้วยก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
ยังไงก็บอกเล่าความรู้สึกต่อฟิคเรื่องนี้กันได้นะคะ จะคอมเมนต์ จะเมนชั่นมาบอกในทวิต
หรือจะแท็ก #ฟิคบอสเกิงมาดามฮี ก็ได้ ฟางอยากรู้ว่าคนอ่านชอบกันรึเปล่า ^^
> #ฟิคบอสเกิงมาดามฮี <
… 9 …
"เดี๋ยวผมขอคุยเรื่องรายละเอียดก่อนนะครับ" คังอินพูดกับทั้งหานเกิงและฮีชอล ทั้งสองคนจะผละจากของที่กำลังจัดเพื่อมาคุยกับคังอิน "ทีมงานติดกล้องไว้เรียบร้อยหมดแล้วนะครับ มีหมดทุกที่ยกเว้นในห้องน้ำ กล้องจะเริ่มทำงานตอนตี 5 แล้วก็หยุดตอนเที่ยงคืน จะมีกล้องหลักบางตัวที่จะคอยถ่ายตลอด 24 ชั่วโมง คือจะมีตรงส่วนครัว แล้วก็ส่วนนั่งเล่นนะครับ"
"ครับผม" หานเกิงรับครับ ส่วนฮีชอลนั้นเงยหน้ามองไปรอบๆ เพื่อมองหากล้องที่ทางทีมงานมาติดตั้งเอาไว้
"อาจจะแลดูลำบากหน่อยเพราะมีกล้องค่อนข้างเยอะ แต่ตอนตัดต่อเพื่อถ่ายทอดเราจะส่งให้คุณสองคนเช็คก่อน แล้วก็นี่ครับ" คังอินส่งของให้กับหานเกิงดูแล้วเหมือนเป็นรีโมทคอนโทลอะไรสักอย่าง
"กล้องทุกตัวสามารถควบคุมการหยุดหรือถ่ายได้ด้วยรีโมทอันนี้ ผมให้เอาไว้เผื่อเกิดเหตุจำเป็นที่จะต้องหยุดถ่าย"
"ขอบคุณนะครับ" หานเกิงรับมาก่อนจะส่งให้ฮีชอลเป็นเชิงว่าให้คนสวยเป็นคนเก็บไว้ แต่เจ้าตัวส่ายหน้าแล้วให้หานเกิงเก็บเอาไว้เอง
"ส่วนตอนกลางวันผมจะเช็คตารางงานของพวกคุณอีกที ถ้าเป็นวันที่มีทำภารกิจจะมีทีมงานมานะครับ ส่วนวันอื่นถ้าไม่มีงานแล้วอยู่ที่บ้านก็อาจจะมีทีมงานสลับมาบ้างเพื่อมาถ่ายแล้วก็มาเช็คกล้องที่ติดตั้งเอาไว้"
"ครับ ผมไม่มีปัญหาอะไรครับ" หานเกิงพูด
"ผมเองก็ไม่มีครับ น่าตื่นเต้นดีนะครับ อยู่กับกล้องแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้" ฮีชอลพูดยิ้มๆ
"ครับ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเลยนะครับ เดี๋ยวกล้องจะเริ่มถ่ายนะครับ แต่วันนี้จะไม่มีทีมงานคอยอยู่ถ่ายอะไร พวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ" คังอินพูดลา ซึ่งทั้งสองคนก็เดินไปส่งโปรดิวเซอร์หนุ่มและทีมงานที่หน้าบ้าน
"ฮีชอลเอาเสื้อผ้าไปเก็บใส่ตู้ก่อนสิ เดี๋ยวยับหมดหรอก" หานเกิงพูดเมื่อเห็นอีกคนเดินไปนั่งบนโซฟาทรงกลมหน้าโทรทัศน์
"อ่า... จริงด้วย" พูดอย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้น
"เดี๋ยวพี่ช่วยยกกระเป๋าขึ้นไปให้" พูดจบบอสหนุ่มก็ยกกระเป๋าเดินทางของมาดามฮีชอลเดินนำขึ้นไปยังชั้นลอยทันที
เมื่อเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นลอยนั้น ทางซ้ายมือเป็นส่วนสำหรับนอน ซึ่งมีเบาะนอนที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีเบจวางอยู่บนพื้นใกล้กับระเบียงไม้ ฝั่งตรงข้ามกับปลายที่นอนนั้นแบ่งสัดส่วนไว้เป็นที่สำหรับห้องแต่งตัวซึ่งมีตู้เสื้อผ้าติดตั้งเอาไว้และถัดไปอีกนิดเป็นห้องน้ำ
"ขอบคุณนะครับพี่เกิง" คนสวยส่งยิ้มขอบคุณให้ก่อนจะจัดการลากกระเป๋าตัวเองเข้าไปในส่วนห้องแต่งตัวและเริ่มเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้
"ฮีชอลทานมื้อกลางวันรึยัง" หานเกิงถามพร้อมกับเดินเอากรอบรูปสีแดงที่หยิบติดมือขึ้นมาด้วยไปวางไว้บนโต๊ะข้างที่นอน
"ทานแล้วครับ แล้วพี่เกิงล่ะ" คนที่อยู่ในห้องแต่งตัวร้องตะโกนตอบ
"เรียบร้อยแล้ว พี่ทานกับทีมงานแล้วล่ะ แล้วเย็นนี้จะทานอะไร คงต้องออกไปซื้อของสดมาเก็บไว้แล้วมั้งเนี่ย"
"อ่า... ลืมไป! พี่เกิงครับ พี่ฮีจินซื้อพวกของสด อาหารสำเร็จรูปมาให้ด้วย อยู่ในกล่องลังข้างล่าง ผมลืมไปเลย"
"อย่างนั้นหรอ เดี๋ยวพี่ลงไปเก็บของใส่ตู้เอง ฮีชอลก็จัดเสื้อผ้าไปก่อนแล้วกันนะ" ร่างสูงลุกจากที่นอนแล้วเดินกลับลงไปชั้นล่างก่อนจะเดินไปหยิบบรรดาของสดทั้งเนื้อ ผัก ผลไม้เก็บเข้าตู้เย็น และพวกอาหารแห้ง ขนมทานเล่นก็เก็บใส่ตู้ไว้เรียบร้อย
ชายหนุ่มตัดถุงคุกกี้ก่อนจะนำคุกกี้ที่อยู่ในซองเล็กๆ ใส่ขวดแก้วเอาไว้แล้วเอาไปวางเรียงไว้บนเคาน์เตอร์ที่ติดอยู่กับโต๊ะอาหาร แม้ภายนอกจะดูเป็นผู้ชายแมนๆ ที่คงไม่มีมุมน่ารักหรือละเอียดอ่อน แต่แท้จริงแล้วหานเกิงเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ เป็นอย่างมาก
"พี่เกิงนี่มีมุมน่ารักเยอะเลยนะครับ" เสียงที่ดังขึ้นอยู่ใกล้ๆ เรียกให้ชายหนุ่มที่กำลังวางเรียงขวดคุกกี้ให้เงยหน้าขึ้นมอง
"ยังไงครับ"
"ก็ดูจากที่พี่เกิงจัดบ้านไงครับ มีมุมน่ารักๆ เยอะไปหมด บนโต๊ะมีก็ต้นไม้ แล้วไหนจะเอาคุกกี้มาใส่ขวดอีก เป็นผมนะ ก็ใส่ถุงวางไว้อย่างนั้นแหละ" ฮีชอลพูดพร้อมกับนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหาร
"ไม่เหมาะกับพี่รึไง" อีกคนถามยิ้มๆ
"เปล่าหรอกครับ ผมว่าดูอบอุ่นดี"
หานเกิงยิ้มรับคำชมนั้นก่อนจะรินน้ำเย็นใส่แก้วแล้วยกไปบริการให้กับมาดามคนสวย "จัดของมาคงร้อนล่ะสิ ดื่มน้ำก่อน น้ำผลไม้ที่ฮีชอลเอามาพี่พึ่งเอาไปแช่เองยังไม่เย็นเลย"
"ขอบคุณนะครับ" คนสวยยิ้มให้ก่อนจะรับน้ำมาดื่ม "เย็นนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ"
"อือ...หิวรึยังล่ะ ฮีชอลอยากทานอะไรเดี๋ยวพี่ทำให้ทาน" หานเกิงถามพร้อมกับหันมองนาฬิกาที่วางอยู่บนตู้โชว์ นี่ก็ห้าโมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มไม่อยากจะให้ฮีชอลทานอาหารเย็นค่ำเกินไปนักแถมวันนี้คนสวยยังทั้งทำงานแล้วก็ต้องย้ายของเข้าบ้านอีกคงหมดแรงไปไม่น้อย
"ก็เริ่มหิวนิดๆ แล้วละครับ ว่าแต่... มีของพอไหมครับ ทำอะไรทานได้ไหม"
"ก็ได้อยู่นะ ผู้จัดการของฮีชอลเตรียมมาไว้เยอะอยู่ ถ้าเอาง่ายๆ เลยก็ข้าวผัด ไม่ก็สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ มีซอสสำเร็จอยู่มาอุ่นทานได้"
"ผมอยากทานข้าวผัดกิมจิ พี่เกิงทำให้หน่อยสิ" คนสวยร้องบอก
"ได้ เดี๋ยวพี่หุงข้าวก่อนแล้วกันนะ" บอสหนุ่มที่เปลี่ยนบทจากผู้บริหารมาเป็นพ่อครัวพูดก่อนจะเดินไปตักข้างใส่หม้อเพื่อเตรียมหุง
คนร้องอยากจะทานเริ่มทำตัวงอแงเมื่ออีกคนบอกต้องหุงข้าวก่อน "ไม่มีข้าวสุกหรอครับ ต้องหุงด้วยหรอ กว่าจะสุกกว่าจะทำเสร็จ ผมหิวตายเลย"
พ่อครัวหนุ่มยิ้มขำกับอาการงอแงของคนสวย ชายหนุ่มตั้งหม้อหุงข้าวกดไปกดมาไม่นานก็มีเสียงอัตโนมัติของหม้อร้องบอกว่าเริ่มการหุง แล้วจึงเดินมาหาคนที่นั่งฟุบไปกับโต๊ะอาหาร "แปบเดียวเอง ทานขนมปังรองท้องก่อนไหม"
"ไม่เอาครับ ทานเยอะเดี๋ยวอ้วน" เป็นดาราเรื่องรักษาหุ่นต้องมาก่อนเสมอ
"ไปนั่งดูโทรทัศน์รอก่อนสิ เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่เรียก"
"เสร็จเลยไม่ได้หรอ ผมอยากทานแล้วนินา" แก้มขาวๆ เริ่มพองเพราะเจ้าตัวอมลมเอาไว้ในปาก
"ก็ข้าวยังไม่สุกเลยจะเสร็จได้ไงเด็กดื้อ" พูดว่าอย่างไม่จริงจังนัก มือหนายกขึ้นบีบไปที่แก้มป่องๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยว ทั้งที่ในใจลึกๆ อยากจะก้มลงหอมแรงๆ ให้แก้มยุบเสียมากกว่า
"เรียกผมเด็กดื้ออีกแล้ว"
"ก็ฮีชอลเด็กกว่าพี่ แล้วก็ดื้อด้วยนินา เรียกเด็กดื้อก็ถูกแล้ว" หานเกิงยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นๆ นั้นเบาๆ "วันแรกที่พี่เจอไม่เห็นดื้อแบบนี้เลย"
"แล้วเป็นยังไงละครับ ดูหยิ่งๆ หรอ" คนตัวเล็กกว่าจ้องแล้วก็ถามด้วยความสนใจไม่ได้มีแววประชดประชันใดๆ
หานเกิงส่ายหน้า "ไม่ พี่ไม่เห็นว่าฮีชอลจะหยิ่งเลย แค่ระมัดระวังแล้วก็รู้จักการวางตัวต่อคนที่พึ่งเจอกันมากกว่า แต่ตอนนี้ดูเป็นกันเองกว่าเดิมเยอะเลย"
"พี่เกิงดูออกด้วยหรอ ส่วนใหญ่คนจะมองว่าผมมีภาพลักษณ์ที่นิ่ง หยิ่ง"
"พี่เป็นนักธุรกิจนะ เรื่องดูคนก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน อย่างฮีชอลน่ะถ้ากับคนที่ไม่สนิทด้วยก็จะนิ่งๆ ใช่ไหมละ"
หานเกิงเดินกลับเข้าไปตรงบริเวณครัวอีกรอบหลังจากได้ยินเสียงอัตโนมัติของหม้อหุงข้าวร้องบอกว่าข้าวสุกแล้ว ร่างสูงเปิดตู้เย็นหยิบเอาเนื้อหมูออกมา "ใส่หมูด้วยไหม หรือจะเอาไก่ดี"
"ไก่ดีกว่าครับ เอาไข่ดาวด้วยนะ"
"ครับคุณภรรยา" หานเกิงพูดเชิงล้อเลียนก่อนจะหยิบของมาจัดเตรียมเอาไว้ก่อนแล้วจึงเริ่มลงมือทำข้าวผัดกิมจิที่คุณภรรยาอยากทาน
"น่าแปลกดีนะครับ ผมรู้สึกสนิทกับพี่เกิงเร็วมากเลย" ฮีชอลพูดพร้อมกับย้ายตัวเองมายืนดูหานเกิงทำอาหารอยู่ที่อีกด้านของเคาน์เตอร์
"ก็ดีแล้วล่ะ เราต้องอยู่ด้วยกันอีกถ้าอึดอัดต่อกันก็คงจะไม่ดี ถ้ามีอะไรที่อึดอัด ไม่เข้าใจ ไม่พอใจก็ให้บอกพี่นะ อย่าเก็บเอาไว้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม" พูดไปมือทั้งสองข้างก็ทำข้าวผัดไปด้วย
หลังจากที่ทั้งฮีชอลและหานเกิงจัดการกับมื้อเย็นฝีมือของบอสหนุ่มเรียบร้อยแล้วก็ย้ายมายังส่วนของห้องนั่งเล่นโดยที่ฮีชอลนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟากลม ส่วนหานเกิงนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน
"ฮีชอล... ไม่อาบน้ำนอนหรอดึกแล้วนะ" หานเกิงเงยหน้าจากเอกสารขึ้นมองนาฬิกา
"หนังกำลังสนุกเลยครับ" คนถูกถามไม่ยอมละสายตาจากโทรทัศน์เลยสักนิด
"พรุ่งนี้มีงานไม่ใช่รึไงกัน ดึกแล้วนะฮีชอล" คนตัวสูงส่งเสียงทักอีกรอบ
"อีกแปบครับ กำลังสนุกเลย"
หานเกิงส่ายหน้ากับท่าทางเหมือนเด็กๆ นั้นก่อนจะวางปากกาที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะแล้วเดินอ้อมไปยืนบังโทรทัศน์ที่อีกคนกำลังนั่งดูอยู่
"พี่เกิงอะ" คนถูกก่อกวนส่งเสียงประท้วงอย่างไม่พอใจ
"จะห้าทุ่มแล้วไปอาบน้ำนอนได้แล้วนะ" หานเกิงพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมที่อยู่หลังแว่นสายตาที่ชายหนุ่มมักจะใส่เวลาอ่านหนังสือส่องประกายดุ
"ถ้าไม่ไปพี่จะอุ้มไปนะ" ไม่ใช่แค่พูดขู่แต่ขายาวๆ นั้นขยับก้าวมาชิดโซฟาที่คุณภรรยานั่งอยู่
"ไปก็ได้" คนที่กำลังจะถูกคุกคามพูดพร้อมกับค้อนใส่คนขู่แล้วจึงรีบลุกเดินขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อไปอาบน้ำ
"ดื้อจริงๆ เลย" แม้ปากจะพูดว่าแต่ใบหน้านั่นปรากฏรอยยิ้มขำ หานเกิงเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานก่อนจะอ่านเอกสารที่ค้างไว้ให้จบเขาตั้งใจจะรอให้ฮีชอลอาบน้ำและเข้านอนเสียก่อนถึงจะขึ้นไปข้างบน
ใช่... เหตุผลที่เขาไล่ให้ฮีชอลไปอาบน้ำนอนก่อนนั้นเพราะเขายังไม่พร้อมที่จะต้องเข้านอนพร้อมกับดาราดังคนนี้ เพียงแค่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านหัวใจของหานเกิงก็ทำงานหนักมากแล้ว ถ้าต้องให้เข้านอนพร้อมกันอีกหัวใจดวงนี่อาจจะหลุดออกจากอกก็เป็นได้ อย่างน้อย... ก็ขอรอให้ฮีชอลหลับก่อน เขาก็คงสามารถหลับตามได้ไม่ยากหรอก... มั้ง
แค่เมื่อกี้ต้องแกล้งทำเป็นดุ พูดว่าจะอุ้มฮีชอลไปอาบน้ำหัวใจของหานเกิงก็เต้นระรัวจะแย่แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยถ้าเกิดฮีชอลยังดื้ออยู่เขาจะทำยังไง คงต้องยอมแพ้แล้วปล่อยให้คนสวยนั่งดูหนังต่อไป หรือไม่ก็ต้องเป็นเขาเองที่ขอหนีขึ้นไปนอนก่อน
"พี่เกิง ไม่ขึ้นมานอนละครับ" เสียงทักที่ดังมากจากชั้นลอยเรียกสายตาคนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ให้เงยหน้าขึ้นไปมอง
ฮีชอลยืนเกาะระเบียงชั้นลอยพร้อมกับชะโงกหน้าลงมาตะโกนเรียก
คิ้วเรียวของหานเกิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกคนชะโงกหน้าออกมาแบบนั้น "เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก" ส่งเสียงดุไปเล็กน้อย "ฮีชอลนอนก่อนเลยพี่ขออ่านเอกสารเรื่องงานต่ออีกหน่อยก่อน งานด่วนน่ะ"
"อ่าครับ งั้นผมนอนก่อนนะ อย่าดึกมากนะครับ"
ฮีชอลขยับออกจากริมระเบียงไปแล้ว หานเกิงจึงหันกลับมาสนใจกระดาษในมือต่อ งานด่วนอะไรกัน... ทำเสร็จไปนานแล้ว ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อยืดเวลาออกไปอีกหน่อย
เวลาเลื่อนผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลา 23.30 แล้ว ฮีชอลคงหลับไปแล้ว หานเกิงจึงวางเอกสารลงบนโต๊ะ เดินไปปิดไฟตรงส่วนห้องนั่งเล่นเหลือเปิดไว้ตรงบันไดเท่านั้น ชายหนุ่มค่อยๆ เดินอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนที่กำลังนอนอยู่บนที่นอน มือยกขึ้นถอดแว่นสายตาวางไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ข้างหัวที่นอนก่อนจะสอดตัวเข้าใต้ผ้านวมผืนหนาด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
นอนบนที่นอนเดียวกัน ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองด้านข้างหวังจะแอบมองคนที่นอนอยู่ก่อนแต่แล้วลมหายใจก็แทบสะดุดเมื่อดวงตากลมโตของฮีชอลนั้นมองมาที่เขา จะหันหน้ากลับก็คงจะเป็นการกระทำที่เสียมารยาทจนเกินไปจึงขยับตัวนอนตะแคงหันไปหา
"ยังไม่หลับอีกหรอ" หานเกิงส่งเสียงถามนอนที่นอนมองเขาอยู่
"ยังครับ พอดี... นอนไม่ค่อยหลับ สงสัยยังแปลกที่อยู่ พี่เกิงเคลียร์งานเสร็จแล้วหรอครับ" คนสวยตอบพร้อมกับถามกลับมา
"อื้อ เสร็จแล้วล่ะ พี่นึกว่าฮีชอลจะหลับไปแล้วซะอีก ดึกมากแล้วนะ นอนได้แล้ว"
"ก็มันนอนไม่หลับนินา..." คนนอนไม่หลับบ่นออกมาเบาๆ ใช่... ฮีชอลนอนไม่หลับ แค่คิดว่าคืนนี้ต้องนอนร่วมที่นอนเดียวกันกับหานเกิงก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแล้ว
"หลับตาลงเดี๋ยวก็หลับเองนั่นแหละ" หานเกิงพูด ไม่อยากจะบอกเลยว่าสิ่งที่อยู่ในอกข้างซ้ายนั้นมันเต้นระรัวจนจะทะลุออกจากอกแล้ว
แต่เด็กดื้อก็ยังเป็นเด็กดื้อนอกจากจะไม่ยอมหลับตาแล้วยังมีการมานอนมองหน้าทำตาใสอีกตั้งหาก น่าจับตีเสียจริงๆ เลย
มือหนาเอื้อมไปปิดดวงตากลมโตอีกคนทำให้คนที่นอนมต้องหลับตาลงด้วยความเกร็ง "หลับตาแล้วก็นอนได้แล้วเด็กดื้อ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานนะ"
"ครับ" เปลี่ยนจากเด็กดื้อมาเป็นเด็กดีทันทีเมื่อมือหนานั้นทาบทับอยู่บนใบหน้าบริเวณดวงตา
"นอนหลับฝันดีนะฮีชอล" เสียงทุ้มที่มักจะบอกฝันดีผ่านโทรศัพท์นั้นก็ทำเอาคนฟังใจสั่นจะแย่อยู่แล้ว แต่คืนนี้เสียงนี้ดังอยู่ข้างๆ ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรทำเอาคนฟังใจสั่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แต่มันก็เป็นเหมือนยานอนหลับขนานดีเพราะไม่นานคนที่นอนไม่หลับเพราะแปลกที่ก็หลับสนิท
ต่างจากอีกคนที่ยังนอนหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นไม่หาย หานเกิงละมือออกจากใบหน้าของคนที่หลับไปแล้ว นอนมองใบหน้ายามหลับของฮีชอล คงจะมีใครหลายต่อหลายคนที่หวังอยากจะได้นอนอยู่ตรงนี้ตำแหน่งที่เขานอนอยู่ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนหน้าหล่อเหลาของบอสหนุ่ม เขา...คือผู้โชคดีคนนั้น ที่ได้นอนมองฮีชอลแบบนี้
"ฝันดีครับเด็กดี" หานเกิงกระซิบบอกฝันดีอีกรอบก่อนจะขยับตัวนอนหงายแล้วหลับตาลง ถ้าหากยังนอนมองใบหน้าสวยๆ นั้นอยู่ละก็ หานเกิงก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าจะหลับลงได้ยังไง แล้วก็ไม่มั่นใจในตัวเองด้วยว่าจะเผลอทำอะไรที่ไม่เหมาะสมลงไปรึเปล่า
ไม่นานหลังจากที่บังคับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้หานเกิงก็หลับไปพร้อมกับฝันดี
… TBC …
ความคิดเห็น