ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WE GOT MARRIED [GENGCHUL]

    ลำดับตอนที่ #4 : WGM... 4 ...

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 57


    Radio ? Theme

    We got married

    F.GC

    มาต่อกันกับการเดทครั้งแรกของบอสแล้วก็มาดามนะคะ

    รับรองเลยค่ะว่ามีฉากให้ฟินกันอีกแน่นอนเลย

    ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้กับรีดเดอร์ทุกคนด้วยนะคะ ^^

    > #ฟิคบอสเกิงมาดามฮี <



     

    … 4 …

     

    เวลาล่วงเลยจากบ่ายมาเป็นเย็น พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า แต่แทนที่ผู้คนในย่านมยองดงจะน้อยลงกับเพิ่มจำนวนมากขึ้นรวมไปถึงร้านขายของด้วยเช่นกัน ริมถนนมีร้านค้ามาวางตั้งเรียงเป็นแถวยาว มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า ขายเครื่องประดับ รวมไปถึงร้านอาหาร ฮีชอลและหานเกิงยังคงเดินเคียงคู่กันอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่พร้อมจะแหวกช่องทางให้ทั้งสองคนเดินสบายๆ อาจจะเป็นเพราะเห็นช่างกล้องเดินถือกล้องตามถ่ายด้วยก็เป็นได้ มีหลายครั้งที่แฟนคลับของฮีชอลเข้ามาขอถ่ายรูปขอลายเซ็นซึ่งคนสวยก็ยอมเซ็นให้ โดยมีคุณสามีในนามอย่างหานเกิงยืนมองพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้นเวลาที่สายตามองตรงไปที่ฮีชอลที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของแฟนคลับ

     

    มือของทั้งสองคนจับกุมมือกันไว้เกือบตลอดเวลาอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น หลังจากที่ฮีชอลแจกลายเซ็นให้แฟนคลับแต่ละกลุ่มเสร็จ ฝ่ามือหนาของหานเกิงก็มักจะยื่นมารอเสมอพร้อมกับมือของภรรยาที่ยื่นมาจับก่อนที่หานเกิงจะพูดขอตัวกับแฟนคลับของฮีชอลและพาคนสวยออกมา

     

    "เหนื่อยไหม" หานเกิงถามเสียงทุ้ม

     

    "ครับ?"

     

    "ไหนจะเดินเที่ยวมาเกือบทั้งวัน ไหนจะต้องแจกลายเซ็นให้แฟนคลับอีก เหนื่อยไหม"

     

    ใบหน้าสวยส่ายไปมาเบาๆ "ไม่ครับ สนุกดีครับ ธรรมดาผมไม่ค่อยได้มาเดินเล่นแบบนี้แล้วก็ใกล้ชิดแฟนคลับแบบนี้ด้วย"

     

    หานเกิงยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับพร้อมกับกระชับมือที่กุมมือนุ่มนิ่มของอีกคนไว้ "หิวรึยัง เดินมาตั้งนานแล้ว อยากทานอะไรล่ะ"

     

    ร่างสูงหันมองซ้ายขวาราวกับกำลังมองหาร้านอาหารที่จะเข้าไปนั่ง

     

    "วันนี้เดี๋ยวผมพาไปเองครับ" ฮีชอลยิ้มก่อนจะดึงแขนหานเกิงให้เดินตาม คนสวยหันมองร้านที่ตนหมายตาเอาไว้ก่อนจะเดินนำหานเกิงเข้าไป

     

    ร้านอาหารที่ดาราดังเดินเข้าไปนั้นเป็นร้านแบบโพจังมาจาหรือก็คือเต้นท์ร้านอาหารข้างทางอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ ในซีรี่ย์ ร้านเล็กๆ ไม่ใหญ่โต มีเพียงโต๊ะไม้ยาวแบบสูงและเก้าอี้นั่งอยู่เพียงไม่กี่ตัว แต่อาหารตรงหน้านั้นมีให้เลือกทานหลายอย่างและหน้าตาน่าทาน

     

    ฮีชอลหันมายิ้มให้คนตัวสูงก่อนจะดึงแขนให้หานเกิงนั่งลงข้างๆ ทีมงานคนหนึ่งเดินไปคุยกับเจ้าของร้านขอเข้าไปถ่ายในส่วนหลังรถเข็นเพื่อจะได้ถ่ายมุมด้านหน้าของทั้งสองได้

     

    "พี่หานเกิงเคยมานั่งทานที่ร้านแบบนี้ไหม" ฮีชอลถามพร้อมกับรับถ้วยกระดาษที่ใส่ต๊อกโบกิ กับจานใส่คิมบับจากแม่ค้ามาวาง

     

    "ไม่เคย นี่ครั้งแรกของพี่เลยนะเนี่ย" หานเกิงบอกก่อนจะรับไม้ที่จิ้มต๊อกโบกิจากฮีชอลมา

     

    "ถ้าไม่ใช่เวลาถ่ายละคร ผมก็ไม่ได้มาเหมือนกันครับ"

     

    "งั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่สินะ" ยิ้ม หานเกิงยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นจนคนมองแทบจะละลาย แฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่ยืนมองอยู่ส่งเสียงกรี๊ดกันเบาๆ

     

    ฮีชอลเลี่ยงไม่ตอบคำถามที่ฟังแล้วดูกำกวมแบบนั้น มือหยิบเอาโอเด้งที่ใส่ไว้ในน้ำซุปขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะเอาเข้าปากก็ถูกมือของหานเกิงดึงไว้ ก่อนที่จะถูกแย่งไปจากมือ ฮีชอลหันมองหานเกิง คิ้วเลิกขึ้นอย่างสงสัย

     

    "มันร้อน ไม่เห็นควันรึไงกัน" ดวงตาคมเหมือนจะดุนิดๆ กับการไม่ระวังของฮีชอล ควันลอยซะขนาดนั้นถ้าเข้าปากไปลิ้นคงพองกันพอดี

     

    หานเกิงเป่าโอเด้งเนื้อปลาที่เสียบไม้ในมือให้คลายความร้อนลงก่อนจะยื่นป้อนให้ถึงปากอีกคน ฮีชอลชะงักเล็กน้อยที่หานเกิงป้อนแบบนี้ แต่ก็ยอมกัดโอเด้งตรงหน้า

     

    "อร่อยไหม?"

     

    "อร่อยครับ พี่ลองกินดูสิ" จบคำพูดของฮีชอล ร่างสูงก็จัดการส่งโอเด้งที่ยังเหลืออยู่ในไม้ที่ป้อนให้คนข้างกายไปมากิน

     

    หมดไม้ที่หนึ่งหานเกิงก็หยิบไม้ที่สองขึ้นมาเป่าคลายความร้อนก่อนจะป้อนให้ฮีชอลอีกรอบ ซึ่งอีกคนก็ก้มลงกัดทันทีโดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของทั้งสองคนนั้นทำเอาแฟนคลับที่ยืนมองนั้นเขินและฟินกันขนาดไหน

     

    ฮีชอลมองคิมบับในจานก่อนจะใช้ไม้จิ้มแล้วยื่นป้อนให้กับหานเกิงบ้างหลังจากที่ร่างสูงป้อนเขามาเยอะแล้ว แม้จะพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ดวงตากลมโตนั้นแทบไม่ได้มองหน้าหานเกิงเลย ซึ่งมันก็ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่านางพญาแห่งวงการบันเทิงคนนี้กำลังเขิน

     

    "อร่อยดีนะ" หานเกิงพูดหลังจากที่กินคิมบับที่ฮีชอลป้อนให้

     

    ทั้งสองคนก้าวข้ามกำแพงและความอึดอัดของกันและกันมาอีกขั้น ท่าทางที่เคอะเขินเริ่มลดลง ทั้งสองคนเริ่มเป็นกันเองมากขึ้น ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งสองคนผลัดกันป้อนคิมบับและต๊อกโบกิพร้อมกับพูดคุยและหัวเราะอย่างเป็นกันเอง

     

    ฮีชอลใช้มือจับข้อมือของหานเกิงไว้หลังจากที่โดนแกล้งด้วยการดึงต๊อกโบกิชิ้นสุดท้ายหลบไปมา หลังจากที่จับข้อมือไว้ได้ก็รีบยื่นหน้าไปงับทันที ก่อนจะรีบถอยหลังกลับเมื่อรู้ตัวว่าขยับไปใกล้กับหานเกิงมากแค่ไหน

     

    "อิ่มรึยัง" หานเกิงถามหลังจากที่ฮีชอลยกน้ำขึ้นดื่มแล้ว

     

    "อิ่มมากเลยครับ" ฮีชอลบอกก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋ามาจ่าย

     

    "เดี๋ยวพี่จ่ายเอง" หานเกิงรั้งมือบางนั้นไว้

     

    "ผมจ่ายเอง วันนี้พี่เลี้ยงผมมาตั้งหลายอย่างแล้ว สองครั้งก่อนพี่ก็เลี้ยง มื้อนี้ให้ผมเลี้ยงบ้าง"

     

    หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยทั้งสองคนก็เดินออกจากร้าน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มแล้วแสงไฟจากอาคารส่องสว่างไปทั่ว บรรยากาศนั้นคึกคักกว่าช่วงกลางวันมากนัก เมื่อผู้คนเริ่มเยอะมากขึ้นและเพราะเป็นเวลาค่ำแล้วทั้งสองคนจึงตัดสินใจกลับ มือกุมกันระหว่างเดินกลับไปที่รถ แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก แต่มือที่กุมและแกว่งไปมาเบาๆ ยามก้าวเดินมันก็เพียงพอสำหรับคนทั้งคู่แล้ว

     

    หานเกิงเปิดประตูรถ Mercedes-Benz รุ่น SLK55 AMG Convertible ราคาประมาณ 70,900 ดอลล่าสหรัฐ สีขาวเป็นเงาสวยที่จอดอยู่ให้ฮีชอลขึ้นไปนั่งพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ส่วนทีมงานก็รีบเดินไปขึ้นรถตู้ที่จอดต่อท้ายทันที ไม่ต้องตามขึ้นไปถ่ายถึงในรถ เพราะทีมงานได้ขอติดตั้งกล้องไว้บนรถของหานเกิงเรียบร้อยแล้ว

     

    ร่างสูงกดเปิดเพลงบัลลาดคลอไปเบาๆ เพื่อไม่ให้บรรยากาศนั้นเงียบเกินไปนัก "พรุ่งนี้มีงานไหม"

     

    "มีถ่ายโฆษณาสองตัวครับ แล้วก็มีถ่ายละครตอนเย็น กว่าจะเลิกก็คงดึกเลย" ฮีชอลตอบ ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังขับรถอยู่ "ทำธุรกิจเครียดไหมครับ ต้องประชุมทุกวันรึเปล่า"

     

    "ก็เครียดนะถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็หมายถึงบริษัททั้งบริษัท ส่วนเรื่องประชุมก็ไม่ได้มีทุกวันหรอก แต่ก็มีบ่อยเหมือนกัน" หานเกิงตอบ สายตามองไปที่ถนนแต่ก็มีหันมามองตุ๊กตาหน้ารถข้างๆ อยู่บ่อยๆ

     

    รถราคาแพงของหานเกิงเลี้ยวมาจอดบริเวณด้านหน้าทางเข้าคอนโดหรูของฮีชอล "ขอบคุณนะครับที่มาส่ง"

     

    "รีบพักผ่อนล่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก" หานเกิงยิ้มให้

     

    "ครับ ขับรถกลับดีๆ นะครับ พักผ่อนเยอะๆ แล้วเจอกันนะครับ" ฮีชอลเปิดประตูลงจากรถ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินเข้าคอนโดกระจกหน้าต่างรถก็เลื่อนลงพร้อมกับเสียงเรียกของหานเกิงดังขึ้น ร่างที่กำลังหันหลังจะเดินเข้าคอนโดนั้นจึงหันมามอง "ครับ?"

     

    "นอนหลับฝันดีนะครับคุณภรรยาของผม"

     

    "ค... ครับ ฝันดีครับ"

     

    และคืนนี้คงเป็นคืนที่ทั้งหานเกิงและฮีชอลนอนหลับอย่างมีความสุขมากที่สุด ทั้งสองคนหลับลงพร้อมกับความอิ่มเอมบางอย่างที่ก่อขึ้นในจิตใจ ดวงตากลมมีเสน่ห์ของฮีชอลหลับลง ริมฝีปากยกขึ้นเหมือนคนกำลังฝันดี มือและขากอดก่ายหมอนข้างหลับอย่างเป็นสุขซึ่งไม่ได้ต่างอะไรจากหานเกิงเลยสักนิด แม้นักธุรกิจหนุ่มจะเพียงแค่นอนหงายและหลับไป แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นผ่อนคลายมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างคนนอนฝันดี

     

     

     

     

     

     

     

    "เดทที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้างคะ"

     

    วนกลับมาอีกครั้งสำหรับการถ่ายทำในห้องมืดของหานเกิง ร่างสูงในชุดสูทบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าพึ่งจะออกจากบริษัทเพื่อมาถ่ายรายการแน่นอน "ก็สนุกดีครับ ไม่บ่อยนักที่ผมจะได้ไปเดินเที่ยวแบบนั้น ไม่รู้สึกเลยว่ากำลังถ่ายทำรายการอยู่"

     

    "เพราะในใจรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงมากกว่ารายการรึเปล่าคะ~" ไม่ปล่อยโอกาสในการแซวให้ผ่านไปเลยจริงๆ สำหรับรายการนี้

     

    "ผมพึ่งรู้ว่ารายการนี้มีนักชงตัวแม่นะครับ ฮ่ะๆๆ" หานเกิงแซวกลับทันทีอย่างเป็นการเลี่ยงการตอบคำถาม

     

    "เลี่ยงตอบคำถามได้ดีสมกับเป็นนักธุรกิจนะคะ"

     

    ร่างสูงที่กำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่นั้นหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจในคำพูดของโปรดิวเซอร์ก่อนจะเอ่ยรับให้ทีมงานในห้องส่งเสียงหัวเราะกัน "ถ้าไม่ดีก็คงไม่ได้เป็นนักธุรกิจหรอกครับ"

     

    "แล้วได้คุย ติดต่อกันนอกรอบบ้างไหมคะ"

     

    "อ่า..." หานเกิงส่งเสียงรับเบาๆ ก่อนตอบ "จริงๆ แล้วผมกับฮีชอลยังไม่ได้แลกเบอร์กันด้วยซ้ำไปครับ"

     

    "จริงหรอคะ เป็นคู่อื่นนี่แลกเบอร์กันไปตั้งแต่วันแรกแล้วนะคะ"

     

    นักธุรกิจหนุ่มยิ้ม รอยยิ้มที่ใครหลายๆ คนหลงใหล น้ำเสียงที่ทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยตอบ "ถ้าอย่างนั้น... ผมคงยอมให้คู่อื่นแซงหน้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้วสินะครับ"

     

     

     

     

     

     

     

    “ได้ไปเดทกับคุณหานเกิงมาเป็นยังไงบ้างคะ”

     

    "ก็ดีนะครับ เหมือนได้พักผ่อนเลย นานแล้วที่ผมไม่ได้ไปเที่ยวแบบนี้" ฮีชอลตอบ ร่างบางอยู่ใน

    ชุดเสื้อคอกลมลายหุ่นยนต์ตัวเล็กเต็มตัว กับหมวกแก็ปสีแดงลายเจ้าหญิงสโนไวท์ที่ปีกหมวก กำลังให้

    สัมภาษณ์กับทางรายการอยู่ในห้องมืด 

     

    "คิดว่าตอนนี้กับคุณหานเกิงเป็นยังไงบ้างคะ" 

     

    "อือ..." ฮีชอลส่งเสียงเบาๆ อย่างใช้ความคิด "ผมว่า... ระหว่างเราตอนนี้ก้าวข้าวกำแพงของความอึดอัดมาอีกขั้นแล้ว ผมเริ่มพูดคุยกับพี่เขาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าวันแรกเยอะเลย" 

     

    "ดูสนิทสนมกันเร็วมาก ทั้งๆ ที่เจอกันสามครั้งเอง" 

     

    "ครับ ผมก็คิดแบบนั้น เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เราเข้ากันได้ดีมั้งครับ ผมยังคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะทำตัวสบายๆ ได้เร็วขนาดนี้" ฮีชอลเองก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับความคิดเห็นของทีมงาน 

     

    "มีแรงดึงดูดหากันมั้งคะ เป็นเนื้อคู่กันรึเปล่า" 

     

    "แล้วตอนจับคู่ให้ ได้ดูดวงให้รึเปล่าละครับว่าเราเป็นเนื้อคู่กันรึเปล่า"  

     

    ทีมงานหัวเราะเบาๆ กับคำพูดนั้น "แล้วอยากทำอะไรร่วมกันกับคุณหานเกิงบ้างไหมคะ" 

     

    "ก็... อืมม... ยังไงดีล่ะ คู่อื่นเขาทำอะไรกันบ้างหรอครับผมอยากทำอะไรที่ทำแล้วมันสบายๆ 

    แบบ ยังไงดี... ทำที่เรารู้สึกผ่อนคลายสบายใจ อะไรประมาณนั้น" 

     

     

     

     

     

     

     

              ร่างของฮีชอลนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ภายในคอนโดสุดหรูของตัวเอง มือกอด

    ตุ๊กตาตัวใหญ่ที่แฟนคลับให้เอาไว้ สายตาก็จับจ้องไปที่รายการที่ฉายอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่จะต้องละสายตาจากจอโทรทัศน์ตรงหน้าไปยังโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาซึ่งกำลังส่งเสียงร้อง 

     

    มือเรียวสวยเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับสาย 

     

    "ฮัลโหลครับ" 

     

    [คุณฮีชอล...] ปลายสายส่งเสียงทักกลับมา 

     

    "พูดอยู่ครับพีดีคัง" 

     

    [พรุ่งนี้คุณมีงานตอนเย็นแค่นั้นใช่ไหมครับ] ปลายสายถาม 

     

    "ครับ ใช่ มีอะไรรึเปล่าครับ" 

     

    [งั้นผมขอมอบภารกิจให้คุณนะครับ] พีดีคัง หรือคังอิน โปรดิวเซอร์คนสำคัญของรายการ we got married พูดขึ้น 

     

    "ครับภารกิจอะไรหรอครับ" ฮีชอลถามด้วยความสงสัยทันที 

     

    [พรุ่งนี้ทีมงานจะไปหาที่คอนโดตอนสายๆ นะครับ ภารกิจคือ... ให้คุณฮีชอลเตรียมข้าวกล่องไปให้คุณหานเกิงที่บริษัทตอนกลางวัน]  

     

    คนฟังถึงกับอึ้งค้างไปทันทีที่ได้ยินภารกิจ "ครับ?! ทำข้าวกล่อง แล้วต้องเข้าไปหาที่บริษัทด้วย

    หรอครับ" 

     

    [ใช่ครับ] พีดีคังยืนยัน [พรุ่งนี้ตอนประมาณ 9 โมงทีมงานจะเข้าไปนะครับ สวัสดีครับ] พูดจบก็วางสายไปทันที 

     

    ทำข้าวกล่องไปให้หานเกิงที่บริษัท... คิม ฮีชอลไม่ได้กลัวเรื่องทำอาหาร เพราะก็พอทำเป็นหลายอย่างและค่อนข้างมั่นใจในรสชาติ แต่ต้องเข้าไปหาหานเกิงที่บริษัทนี่สิ... ที่หนักใจสุดๆ

     

    “มีอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” เสียงของฮีจินที่ดังขึ้นหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเห็นน้องชายคนสวยทำหน้าประหลาดๆ อยู่

     

    ฮีชอลหันไปมองพี่สาวของตนที่เดินถือข้าวของเต็มไว้เต็มมือเข้ามาก่อนจะตอบ “พรุ่งนี้มีภารกิจน่ะ”

     

    “อ้าว แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ถามอีกรอบเพราะยังไม่เข้าใจว่ามันน่าหนักใจตรงไหนถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจนจะผูกเป็นโบว์แบบนั้น

     

    “ให้ทำข้าวกล่อง...” ฮีชอลตอบ

     

    “ก็ของถนัดของนายนินา อยู่คอนโดนายก็ทำเองตลอด” ฮีจินพูดพร้อมกับส่ายหน้าให้กับอาการแปลกประหลาดของน้องชาย ก่อนจะเดินเอาบรรดาของสด ขนม น้ำ ผลไม้ที่ซื้อมาให้เอาไปใส่ไว้ในตู้เย็นให้เรียบร้อย

     

    ที่คอนโดขนาดสองห้องนอนใหญ่นี้มีเพียงแค่ฮีชอลเท่านั้นที่อาศัยอยู่ ส่วนฮีจินนั้นกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อคอยดูแลพ่อกับแม่ด้วย นานๆ ครั้งถึงจะมาค้างกับน้องชายบ้างเวลามีงานเร่งด่วนหลายๆ วันติดต่อกัน อีกทั้งถ้าฮีชอลได้อยู่คนเดียวก็จะมีสมาธิกับการทำงานหรือการท่องบทมากกว่า แต่ถ้ามีเวลาว่างก็มักจะกลับไปนอนที่บ้านเสมอ ส่วนบรรดาของใช้ ของกิน ฮีจินก็จะเป็นคนคอยจัดสรรมาให้ตลอดไม่ให้ขาด

     

    “เธอไม่เข้าใจ” ฮีชอลมองค้อนพี่สาวแต่ก็ยังเดินเข้าไปช่วยเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง

     

    “ยังไงล่ะ ก็พูดมาให้หมดๆ ทีเดียวเลยสิ” พี่สาวหันมาท้าวเอวมองหน้า

     

    ดาราดังถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบ “ภารกิจให้ฉันทำข้าวกล่องไปให้พี่หานเกิงที่บริษัทพรุ่งนี้ตอนกลางวัน”

     

    ดวงตาของฮีจินเป็นประกายเหมือนจะฉายแววล้อเลียนน้องชายสุดที่รัก แต่ก็พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อเห็นดวงตาวาวๆ เอาเรื่องของฮีชอล “อ๋อ... กังวลเรื่องที่จะต้องเข้าไปหาสามีที่บริษัทสินะ”

     

    “ฮีจิน!” คนน้องส่งค้อนให้เต็มวงกับคำพูดคำจาของพี่สาว “สามีอะไรกัน”

     

    “พูดเรื่องจริง ผิดตรงไหน” พูดแล้วก็หัวเราะคิกคักอย่างสะใจ “เอาน่า... ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่ะ แค่นี้เอง ก็คิดซะว่ากำลังถ่ายละครสิ กล้องก็มีเยอะแยะไป นอกจากว่านายคิดว่านายไปหาสามีจริงๆ แบบเป็นการเปิดตัวครั้งแรกแล้วจะเขินจะกังวลมันก็ไม่แปลกหรอกนะ อิอิ”

     

    “ยัยฮีจิน! ยัยบ้า ไม่ช่วยแล้วยังจะ...”

     

    “หยุดเลยนะ ไม่งั้นฉันฟ้องแม่แน่ แล้วจะไปบอกคุณหานเกิงด้วยว่าจริงๆ แล้วนายเป็นคนแบบนี้ชอบทำร้ายร่างกายพี่สาวตัวเอง” ฮีจินชี้หน้าขู่ทันที “เถอะน่า ทำใจสบายๆ มันก็เหมือนถ่ายหนังถ่ายละครนั่นแหละ ไม่ต้องกังวล อ๋อ... แต่งตัวให้สุภาพหน่อยนะจ๊ะคุณน้อง จะไปหาคุณสามีที่บริษัทน่ะ เดี๋ยวคนที่บริษัทเขาจะตกใจกับแฟชั่นแปลกๆ ของเธอ”

     

    “แฟชั่นของฉันแปลกตรงไหนกัน ออกจำล้ำยุคล้ำสมัย” ฮีชอลกอดอกมองค้อน

     

    “มันล้ำเกินคนจะเข้าใจไง ฉันว่าฉันไปเตรียมชุดให้นายก่อนดีกว่า”

     

    “ไม่ต้องหรอกน่า ฉันรู้หรอกว่าต้องแต่งตัวยังไง ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”

     

    “นายนี่ขี้บ่นจริงๆ เลย อยากจะให้คุณหานเกิงเห็นนายเวลาบ่นจริงจริ๊งง เขาจะว่ายังไงกับมาดนางพญาของนายเนี่ย” พูดจบก็หัวเราะอีกรอบ

     

    “กลับไปเลยไป” ไล่พี่สาวที่พ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวเข้าให้

     

    “ย่ะ จะกลับแล้ว ต้องไปซื้อของให้พ่อกับแม่อีก ของสดฉันซื้อมาให้เต็มเลย คงพอสำหรับทำข้าวกล่องไปให้คุณสามีนั่นแหละ ฉันไปก่อนล่ะ ดูแลตัวเองดีๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้บ่ายๆ จะโทรหาอีกทีว่าจะให้ไปรับที่ไหน”

     

    “อื่อ พี่ก็กลับดีๆ ไม่ต้องขับรถเร็วนักล่ะ” ฮีชอลเดินไปส่งพี่สาวที่หน้าประตู

     

    “บ่นเก่งจริงๆ เลย” ฮีจินส่ายหัวกับอาการขี้หวงเวอร์ของนายชายก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องไป

     

    ฮีชอล... ถ้าหากเวลาอยู่กับพี่สาวหรือครอบครัวจะแตกต่างเวลาอยู่กับคนอื่น หรืออยู่หน้ากล้อง ไม่ใช่ว่าสวมหน้ากาก หรือสร้างภาพ แต่เพราะเขาต้องรู้จักระมัดระวังตัว และวางตัวให้เหมาะสม แต่เพราะอาจจะระมัดระวังตัวมากเกินไปจึงไม่ได้แสดงออกอะไรมาก จนกลายเป็นว่านิ่ง เงียบ และเฉยชา จนได้รับฉายาว่านางพญาไปเสียอย่างนั้น

     

     

    … TBC …

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×