ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WE GOT MARRIED [GENGCHUL]

    ลำดับตอนที่ #16 : WGM... 16 ...

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 58


    Radio ? Theme
    We got married

    F.GC

    เอาความฟินเล็กๆ ไปกันก่อนนะคะสำหรับตอนนี้ บอสของเรานี่ดูแลมาดามดีมากจนน่าอิจฉาเลยล่ะค่ะ แต่มาดามของเราก็แอบดื้อนะ บอสจะจัดการกับเด็กดื้อคนนี้ยังไงละเนี่ย

    ความฟินจะเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ นะคะ เพราะก็ใกล้วันวาเลนไทน์แล้วด้วย ส่วนเรื่องซาแซงนี่บอสของเราก็ไม่ปล่อยไว้แน่ค่ะ แต่จะจัดการยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไปเนอะ ^^

    > #บอสเกิงมาดามฮี <


     

    … 16 …

     

    ร่างบางนอนกระสับกระส่าย เหงื่อชื้นตามไรผมทั้งๆ ที่เครื่องปรับอากาศยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมไม่ขาดตกบกพร่อง อาการปวดข้อเท้าที่อักเสบทำให้คนที่นอนหลับอยู่เริ่มรู้สึกนอนไม่สบาย เสียงครางแผ่วด้วยความเจ็บปวดทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ นั้นรู้สึกตัว หานเกิงสะดุ้งตื่นพลางหันมองคนข้างกาย ยาแก้อักเสบที่ทานไว้คงหมดฤทธิ์ ถึงได้เกิดอาการแบบนี้ คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็หันไปเปิดไฟจากโคมไฟตั้งโต๊ะเพื่อเตรียมยาแก้อักเสบและน้ำ

     

    "ฮีชอล... ตื่นมาทานยาก่อนนะ" หานเกิงลงมือปลุกคนที่นอนกระสับกระส่ายให้ตื่นขึ้น

     

    ดวงตากลมโตกระพริบเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงครางออกมาเมื่อขยับตัวและข้อเท้าอย่างไม่ทันระวัง "โอ๊ย..."

     

    "เจ็บข้อเท้าหรอ ทานยาแก้อักเสบก่อนนะ เดี๋ยวค่อยนอนต่อ" ชายหนุ่มประคองร่างบางให้ลุกขึ้นพิงอกของตนไว้ หันไปหยิบยาแล้วป้อนใส่ปากให้พร้อมกับป้อนน้ำต่อทันที

     

    "อื่ออ..." คนสวยที่ยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือส่งเสียงเบาๆ พลางซุกหน้าหาอกอุ่น ไม่นานก็ผล็อยหลับไปอีกรอบ เมื่อเห็นว่าฮีชอลหลับแล้วจึงประคองให้นอนลง หานเกิงขยับไปที่ปลายที่นอนพลางใช้หมอนรองข้อเท้าข้างที่เจ็บของฮีชอลเอาไว้ แล้งจึงกลับมานอนต่อ

     

    "เด็กดื้อเอ๊ย... เจ็บตัวจนได้นะ" หานเกิงบ่นเสียงเบาในขณะที่นอนมองคนข้างตัว ชายหนุ่มเอาแต่นอนมองอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้หลับต่อเพราะตอนนี้ก็ใกล้เช้าเต็มทีแล้ว จะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ ส่วนคนเจ็บก็ปล่อยให้นอนพักต่อไปเยอะๆ ก่อน

     

    จนกระทั่งเกือบหกโมงเช้าหานเกิงจึงผละจากการนอนมองคนสวยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงไม่ได้อยู่ในชุดสำหรับไปทำงานแต่เป็นชุดอยู่บ้านแทน ขายาวก้าวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองมากดโทรออก "มินโฮ วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัทนะ น่าจะหลายวันเลยล่ะ... ฮีชอลไม่สบาย... อื้อ ถ้ามีเอกสารด่วนก็เอามาที่บ้านที่ฉันถ่ายรายการแล้วกัน"

     

    หลังจากที่โทรสั่งงานเรียบร้อยก็ลงไปเตรียมอาหารเช้าให้ทั้งตัวเองและคนเจ็บที่ยังคงนอนอยู่ข้างบน

     

    "สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย" หานเกิงยิ้มพร้อมกับพูดใส่กล้องที่ติดไว้ในครัว แม้ว่าฮีชอลจะได้รับบาดเจ็บ และทางรายการก็อนุญาตให้งดการถ่ายทำไว้ก่อนได้ แต่ตัวฮีชอลนั้นปฏิเสธ เพราะถ่ายรายการนี้อยู่บ้านเฉยๆ ก็ถ่ายได้ อีกอย่างงานอื่นๆ ฮีชอลต้องยกเลิกไปหมดเลยไม่อยากจะยกเลิกรายการนี้ไปอีก "วันนี้ฮีชอลเจ็บข้อเท้าครับ ผมเลยไม่ได้ไปทำงาน ต้องอยู่ดูแลคนเจ็บแสนดื้อ ผมเลยจะเตรียมอาหารเช้าให้เขา"

     

    เสียงของหล่นดังมากจากด้านบนทำเอาหานเกิงที่กำลังทำซุปสาหร่ายอยู่นั้นชะงักแล้วรีบปิดเตา วิ่งขึ้นไปข้างบนทันทีด้วยความตกใจ ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เห็นฮีชอลยังนั่งอยู่บนที่นอน มีเพียงหนังสือเล่มใหญ่เท่านั้นที่นอนอยู่บนพื้น

     

    "ไม่เป็นอะไรใช่ไหม" หานเกิงถามพลางเข้าไปประคองให้อีกคนนั่งดีๆ

     

    "ครับ ผมจะไปเข้าห้องน้ำแต่มันยืนไม่ขึ้นแล้วเผลอไปปัดหนังสือตก" ฮีชอลตอบ

     

    "เราไม่มีเตียงแล้วก็อยู่เตี้ยกว่าโต๊ะน่ะสิเลยพยุงตัวไม่ถนัดน่ะสิ คราวหลังเรียกพี่นะเข้าใจไหม ถ้าหากล้มแล้วเจ็บซ้ำไปอีกจะยุ่งนะ" หานเกิงดุออกมาเล็กน้อยก่อนจะอุ้มอีกคนเดินเข้าไปในห้องน้ำ วางร่างบางลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า

     

    "เช้านี้เช็ดตัวก่อนแล้วกันนะ แผลถลอกยังไม่หายดีเลยตอนเย็นค่อยอาบน้ำในอ่าง" หานเกิงพูดพร้อมกับเตรียมน้ำอุ่น ผ้าขนหนูรวมไปถึงเสื้อผ้าให้กับคนที่นั่งแปรงฟันอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า

     

    "เดี๋ยวพี่รออยู่ข้างนอกนะ เสร็จแล้วก็เรียกล่ะห้ามลุกเองเด็ดขาดเข้าใจไหม"

     

    "ครับ" ฮีชอลพยักหน้ารับ ร่างบางถูกอุ้มมานั่งบนเก้าอี้ข้างอ่างอาบน้ำก่อนจะจัดการเช็ดตัวให้ตัวเองหลังจากที่หานเกิงออกจากห้องน้ำไปแล้ว

     

    "ช่วงนี้ผมลงมานอนข้างล่างก่อนดีกว่าครับ พี่เกิงต้องคอยอุ้มผมขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ผมเกรงใจ" ฮีชอลพูดขณะที่นั่งทานมื้อเช้ากับหานเกิงที่โต๊ะอาหาร "ถ้าอยู่ข้างล่างผมยังพอเดินได้บ้าง"

     

    "พี่ว่าก็ดีนะ แต่พี่จะลงมานอนด้วย ฮีชอลยังเจ็บข้อเท้าอยู่ทำอะไรเองไม่สะดวกหรอก" หานเกิงพูดพร้อมกับคีบอาหารให้อีกคน

     

    "แต่ว่าที่นอนจะไม่พอนะครับ" ส่วนของห้องนั่งเล่นแม้จะไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนอนกันได้สบายๆ ไหนจะยังมีโซฟา โต๊ะรับแขก แล้วยังโต๊ะทำงานของหานเกิงอีกล่ะ

     

    "เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้นักข่าวคงแห่กันมาที่นี่แน่ๆ เลย ข่าวของฮีชอลคงออกไปแล้วละมั้ง"

             

    ไม่ผิดไปจากที่หานเกิงพูดมากนัก เพราะตอนนี้ในโลกโซเชียลต่างก็พูดและแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่ฮีชอลโดนรถเฉี่ยว โดยแฟนคลับที่เห็นเหตุการณ์ก็เป็นผู้กระจายข่าว เรื่องที่มีซาแซงคอยตามฮีชอลก็ถูกเปิดเผยด้วยเช่นกัน บรรดาแฟนคลับของฮีชอลและหานเกิงต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้กันอย่างหนัก บรรดานักข่าวบันเทิงก็เกาะติดกระแสอย่างดี ทำข่าวเรื่องนี้ไม่หยุดมีทั้งโทรศัพท์ไปหาฮีจินและตามไปพบ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่บอกให้รอฮีชอลออกมาพูดเอง

     

    ในช่วงบ่ายของวันเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น หานเกิงจึงผละจากการนวดข้อเท้าที่บวมเพราะอักเสบของฮีชอลไปเปิดประตู ก็พบกับมินโฮและแทมินเลขาของตนที่ยืนทำหน้าตาตื่นๆ ในมือก็ถือแฟ้มเอกสารไว้ กับฮีจินที่ทำหน้าออกจะไม่พอใจเล็กน้อย หานเกิงเอ่ยให้ทั้งสามคนเข้ามาในบ้าน

     

    "สวัสดีครับ / ฮะ คุณฮีชอล" ทั้งมินโฮและแทมินเอ่ยทักทายฮีชอลที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟากลม

     

    "ครับ" ฮีชอลเอ่ยทักทายกลับก่อนจะหันไปมองหน้าพี่สาวของตน "เป็นไรฮีจิน ทำไมทำหน้าแบบนั้น"

     

    "จะอะไรล่ะ! ก็บรรดากองทัพนักข่าวที่อยู่หน้าบ้านน่ะสิ ดื้อด้าน! จะเข้ามาให้ได้" ฮีจินพูดอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับเดินไปนั่งข้างฮีชอล ส่วนมินโฮกับแทมินก็เดินไปคุยเรื่องงานกับหานเกิงที่มุมห้อง

     

    "เยอะเลยหรอ" ฮีชอลถาม เพราะวันนี้เขายังไม่ได้ออกไปนอกบ้านเลยไม่รู้สถาการณ์ข้างนอก แต่ก็ได้ยินเสียงรถมาจอดแถวๆ บ้านแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพวกนักข่าวที่มาเร็วกันขนาดนี้

     

    "นักข่าวบันเทิงทุกสื่อ ทุกสำนัก! มีนักข่าวจากจีนด้วย มีนักข่าวธุรกิจอีกตั้งหาก"

     

    "นักข่าวจีน? นักข่าวธุรกิจ? มาทำไม" ฮีชอลถามอย่างไม่เข้าใจ นักข่าวบันเทิงมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมาทำข่าวเรื่องเขาบาดเจ็บ แต่นักข่าวจากประเทศจีน แล้วก็นักข่าวที่คอยรายงานด้านธุรกิจจะมาทำไม??

     

    ฮีจินจับหน้าของฮีชอลให้หันไปที่มุมห้อง "เพราะสามีนายไง เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่นายโดนทำร้ายจากซาแซงที่ไม่ชอบนาย แต่โดนเพราะซาแซงไม่ชอบนายที่นายมาร่วมรายการกับคุณหานเกิง" หญิงสาวพูดก่อนจะเปิดข่าวให้อีกคนดูพร้อมกับเล่าไปด้วย "เนื้อข่าวมีพูดถึงที่ซาแซงคนนี้ไม่พอใจที่นายร่วมรายการกับคุณหานเกิง คาดว่าซาแซงคนนี้คงจะเป็นแฟนคลับผู้คลั่งไคล้ในตัวผู้บริหารหนุ่มคนนี้จนไม่สามารถทนเห็นเขาไปยุ่งกับใครได้ และเรื่องแบบนี้ถึงมันจะเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็ส่งผลต่อธุรกิจของคุณหานเกิง นักข่าวจึงสนใจและจับตามองว่าเขาจะจัดการเรื่องแบบนี้ได้ยังไง"

     

    "พี่ฮีจิน ฮีชอล เดี๋ยวผมจะออกไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ยังไงก็ออกไปด้วยกันเลยนะครับ เพราะอีกแปบจะมีคนมาจัดบ้านด้วย อยู่ในนี้คงจะไม่สะดวก" หานเกิงเดินมาพูดกับทั้งสองคน ส่วนมินโฮกับแทมินตอนนี้ก็ช่วยกันเก็บของบนโต๊ะทำงานของหานเกิง

     

    "จัดบ้าน? จัดทำไมคะ?" ฮีจินถามอย่างไม่เข้าใจ บ้านนี้ก็ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อยดีอยู่แล้วนินา จะจัดทำไม

     

    "ผมกับฮีชอลจะลงมานอนข้างล่างน่ะครับ จนกว่าข้อเท้าฮีชอลจะหาย ผมเลยให้คนซื้อพรมแล้วก็เบาะนอนมา ก็เลยจะให้เขาจัดบ้านให้เลย เพราะต้องย้ายพวกโซฟากับโต๊ะด้วยน่ะครับ" ฮันกยองพูด "พี่ฮีจินออกไปรับนักข่าวก่อนนะครับ ให้รอตรงสวนข้างบ้านก็ได้ เดี๋ยวผมอุ้มฮีชอลออกไปเอง"

     

    "ผ ผมเดินเองได้ครับ พี่เกิงไม่ต้องอุ้มผมหรอก ใช้ไม้ค้ำก็ได้" ฮีชอลรีบพูเขึ้นทันที

     

    ท่านประธานหนุ่มส่ายหน้า "ข้อเท้าตอนนี้ยังบวมอยู่มาก ถ้าเผลอทิ้งน้ำหนักลงไปมันจะยิ่งบวมกว่าเดิมนะ"

     

    "ก็จริงอย่างที่คุณหานเกิงบอก ให้เขาพาออกไปนั่นแหละ เดี๋ยวพี่ไปดูพวกนักข่าวก่อนนะคะ" ฮีจินพูดกับน้องชายของตนก่อนจะเดินออกไปนอกบ้านเพื่อไปเตรียมสถานที่สำหรับให้สัมภาษณ์

     

    หลังจากที่ดูแล้วว่านักข่าวมารอพร้อมแล้วหานเกิงจึงเดินกลับมาหาฮีชอลแล้วอุ้มร่างบางนั้นขึ้นพาเดินออกไปด้านนอก เสียงกดถ่ายภาพดังรัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประตูบ้านเปิดออก แล้วยังมีกล้องวิดีโอที่คอยถ่ายอีก ฮีชอลไม่เคยรู้สึกอายเท่านี้มาก่อนเลย ให้ตายสิ...

     

    หานเกิงวางฮีชอลให้นั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวก่อนจะลงข้างๆ หลังจากที่สำรวจแล้วว่าฮีชอลนั่งเรียบร้อยดีและเท้าจะไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร

     

    "ผมกับฮีชอลจะตอบทุกคำถามที่สมควรนะครับ ยังไงก็เชิญถามได้เลยครับ" หานเกิงพูดเปิดโอกาสให้นักข่าวถาม

     

    "ตอนนี้อาการของคุณฮีชอลเป็นยังไงบ้างครับ" เสียงของนักข่าวถาม

     

    ฮีชอลหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้เป็นคนตอบเองจึงเอ่ยตอบคำถาม "ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ เอ็นข้อเท้าผมอักเสบ ทำให้เดินไม่ค่อยสะดวก"

     

    "เห็นคุณหานเกิงอุ้มออกมาเลยนึกว่า..."

     

    "ครับ เพราะอุบัติเหตุก็พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานแล้วหมอก็สั่งไม่ให้ลงน้ำหน้าที่เท้าเกินไป ผมเลยไม่อยากให้ฮีชอลต้องเจ็บซ้ำ อีกอย่างก็ไม่ได้ลำบากหรือเป็นความผิดอะไรนิครับ" หานเกิงเป็นคนตอบคำแทนเมื่อได้ยินคำพูดของนักข่าว

     

    นักข่าวสาวที่พูดเมื่อสักครู่หน้าเจื่อนไปเล็กน้อยที่หานเกิงพูดขึ้นมาแบบนั้นเพราะเธอตั้งใจจะพูดว่านึกว่าเป็นอะไรหนักมากแต่ดูเหมือนหานเกิงจะรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไรจึงได้พูดแทรกขึ้นมาแบบนั้น

     

    "แล้วทราบตัวคนที่ขับรถเฉี่ยวรึยังครับ คุณหานเกิงกับคุณฮีชอลจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้หรอครับ"

     

    "ยังไม่ทราบครับว่าใครเป็นคนทำ แต่ผมได้โทรไปพูดคุยกับทางตำรวจที่ค่อนข้างสนิทกันแล้ว และก็ฝากให้เขาช่วยติดตามตัวคนทำมาลงโทษครับ ไม่ว่าเขาจะเจตนาหรือไม่แต่การที่เขาหลบหนีไปหลังจากที่ขับรถเฉี่ยวฮีชอลผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ผมเลยตั้งใจจะพาฮีชอลไปแจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดีครับ" หานเกิงตอบ

     

    "คิดว่าเป็นซาแซงที่คอยส่งข้อความก่อกวนคุณฮีชอลรึเปล่าคะ"

     

    "ผมก็ไม่อยากจะตัดสินใจไปก่อนที่จะได้รับการยืนยันครับ" ฮีชอลตอบคำถามของนักข่าว "ผมหวังว่าคนที่ส่งข้อความก่อกวนผม แอบสะกดรอยตามผมจะหยุดการทำแบบนี้นะครับ และถ้าเขาคือคนที่ตั้งใจจะขับรถชนผมจริงๆ ผมก็คงต้องจัดการให้ถึงที่สุด เพราะมันก็คือความปลอดภัยของผมด้วยเช่นกัน"

     

    "อย่างที่ฮีชอลพูดครับ เราจะไม่ปล่อยเรื่องไว้เฉยๆ เพราะถ้าใช่จริงๆ เขาก็จะถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย แล้วถ้าเกิดฮีชอลเป็นอะไรหนักขึ้นมาเขาก็จะโดนข้อหาหนักกว่านี้ ผมหวังว่าเขาจะหยุดการกระทำแบบนี้แล้วก็ออกมายอมรับครับ" หานเกิงเอ่ยเสริมต่อ

     

    "ขอถามคุณหานเกิงค่ะ ว่ารู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นคะ เพราะว่าคุณฮีชอลโดนซาแซงคอยตามเพราะไม่ชอบใจที่มาร่วมรายการกับคุณ และคิดว่าน่าจะเป็นซาแซงที่คลั่งไคล้คุณมาก"

     

    หานเกิงหันมองฮีชอล มือหนาเอื้อมไปจับมือของอีกคนเอาไว้ "อันดับแรกเลยผมค่อนข้างแปลกใจครับถึงผมจะทำงานด้านบันเทิงบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีแฟนคลับมากมายหรืออะไร ยิ่งมีคนที่ชอบผมมากตามติดชีวิตผมแบบนี้ผมไม่เคยคิดว่าจะมีเลยครับ แล้วก็ผมรู้สึกเสียใจครับที่ผมเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฮีชอลต้องโดนแบบนี้ ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครับ ถ้าหากใครไม่พอใจอะไรก็เข้ามาคุยกับผมตรงๆ ดีกว่า อย่าเอาไปลงกับฮีชอลหรือใครๆ ที่เขาไม่รู้เรื่องเลยครับ"






    หลังจากที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวเสร็จเรียบร้อยหานเกิงก็จัดการอุ้มคนเจ็บเข้ามาในบ้านซึ่งตอนนี้ก็จัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนของห้องนั่งเล่นที่เคยมีโซฟากลมตัวใหญ่และโต๊ะกาแฟก็ถูกเลื่อนไปวางไว้จนชิดผนังด้านข้างใกล้ๆ กับโต๊ะทำงาน จึงเหลือพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างตรงกลาง พรมผืนหนานุ่มสีน้ำตายอ่อนปูไว้เต็มพื้นที่ว่าง มีเบาะนอนนุ่มๆ ถูกพับและวางไว้ชิดกับตู้โชว์ที่ตั้งอยู่ติดผนังด้านหลัง ร่างของฮีชอลถูกวางลงบนเก้าอี้โฟมสีแดงเลือดนกอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวจะทำให้ขาเจ็บซ้ำ

     

    "เจ็บข้อเท้าอยู่ไหม" หานเกิงถามพลางนั่งลงบนพรมข้างๆ เก้าอี้โฟมที่ฮีชอลนั่งอยู่แล้วส่งรีโมทโทรทัศน์ให้คนสวยที่ตั้งท่าจะเอื้อมมาหยิบด้วยตัวเอง

     

    "ก็เจ็บครับ ยังขยับไม่ได้เลยมันปวด เมื่อไหร่ผมจะหายอะ" เริ่มออกอาการงอแงที่ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง

     

    "อาทิตย์หน้าก็คงจะดีขึ้น แต่อาทิตย์นี้น่ะยังไงก็ไม่หายหรอก ถ้ารู้สึกเจ็บน้อยลงแล้วก็ลองขยับข้อเท้าบ้างแต่ก็อย่ามากเกินไปเดี๋ยวมันจะบวมขึ้นมาอีกรอบ" หานเกิงพูดพร้อมกับขยับไปนั่งอยู่ตรงหน้าอีกคนแล้วยกเท้าข้างที่เจ็บมาวางบนตักของตัวเอง ปลดผ้าที่ใช้พันข้อเท้าไว้ออกแล้วหันไปหยิบหลอดยาสำหรับนวดที่วางไว้บนหลังตู้โชว์ข้างๆ มาทาแล้วนวดข้อเท้าให้

     

    "อาทิตย์หน้าเลยหรอครับ แล้วผมจะเดินได้เลยไหม ผมเบื่อแล้ว" ฮีชอลบ่นพลางโน้มตัวมาดูหานเกิงนวดข้อเท้าให้โดยใช้ศอกยันกับหน้าขาของตัวเองแล้วก็ท้าวคางมอง

     

    หลอดยาถูกเคาะเบาๆ ลงบนผมนุ่มของคนช่างบ่น "เดินไม่ได้ อาทิตย์หน้าน่ะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเดินไปไหนมาไหนได้ ต้องรอให้หายดีเสียก่อน"

     

    หน้าสวยเริ่มยู่ลงอย่างขัดใจ แล้วก็เลยโดนเคาะหัวอีกรอบเป็นการทำโทษจากหานเกิง "ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้เลย ถ้ายังไม่หายดีพี่ก็ไม่ให้เดินไปไหนมาไหนเองหรอก เดี๋ยวก็ไปดื้อไปซนจนเจ็บตัวอีกรอบจนได้"

     

    "ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย" เพราะความงอนจึงชักเท้าออกจากการนวดของอีกคนตั้งท่าจะหันหนีเต็มที่แต่ลืมไปว่าเท้าของตัวเองนั้นกำลังบวมและอักเสบ สุดท้ายจึงได้แต่ร้องด้วยความเจ็บ

     

    "ไม่ทันขาดคำ ก็รู้อยู่ว่าข้อเท้าเจ็บยังจะดื้อดึงเท้าออกไปอีก เป็นไงละเจ็บจนได้" หานเกิงดุทันที "ไม่ต้องเถียงพี่เลยนะเด็กดื้อ อยู่เฉยๆ เลยเดี๋ยวพี่จะไปเอายาแก้อักเสบมาให้แล้วจะมานวดให้อีกรอบ ถ้าคราวนี้ยังดื้อพี่จะจับตีแล้วนะ"

     

    ดูท่าคนดุจะทำจริง คนแสนดื้อเลยต้องยอมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ขยับไปไหนรอให้หานเกิงเดินไปหยิบน้ำและยามาให้กิน ถึงแม้จะยอมนั่งอยู่เฉยๆ แต่ใบหน้านั้นก็บูดบึ้งเสียจนคนมองรับรู้ได้ทันทีว่าเด็กดื้อนั้นออกอาการงอนอีกแล้วที่ถูกดุแบบนี้

     

    "ที่พี่ดุ ก็เพราะว่าพี่เป็นห่วงแล้วที่พี่เป็นห่วงฮีชอลก็รู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร ถ้าเกิดฮีชอลเจ็บซ้ำอีกรอบมันจะลำบากนะคราวนี้จะไม่ใช่สองอาทิตย์แต่มันจะเป็นเดือนเลยกว่าจะหาย" น้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างที่เจ้าตัวชอบพูดทำเอาคนที่กำลังงอนนั้นเลิกทำหน้าบึ้ง

     

    "ผมขอโทษที่เอาแต่ใจนะครับ พี่เกิงเลยต้องมาลำบากไปด้วยเลย"

     

    ไม่เอายิ้มแบบนี้... ยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนของหานเกิงในตอนนี้ทำเอาคนมองใจสั่น สุดท้ายฮีชอลที่ก้มลงมาจึงได้แต่เสมองข้อเท้าของตัวเอง

     

    "ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย พี่แค่ไม่อยากให้ฮีชอลต้องเจ็บนานๆ ไง" เพราะมือนั้นเลอะยาหานเกิงจึงก้มลงใช้หัวดันหัวของฮีชอลเบาๆ "เพราะฉะนั้นห้ามเป็นเด็กดื้อนะเข้าใจไหม"

     

    ฮีชอลไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองจึงได้แต่พยักหน้ารับทั้งอย่างนั้น ก่อนจะโดนอีกคนเอาหัวดันหัวตัวเองอีกรอบแล้วก็ตามด้วยสัมผัสเบาๆ ที่ข้างขมับและคำพูดที่กระซิบอยู่ข้างหู ฮีชอลเงยหน้าขึ้นมองทันทีเมื่อหานเกิงลุกขึ้นยืน สัมผัสที่ตามมาเมื่อกี้... แน่ละไม่ใช่มือ แล้วก็ไม่ใช่หัวของหานเกิงแน่ๆ แล้วจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่... ริมฝีปาก

     

    ให้ตายสิ... พี่เกิงชักจะเอาใหญ่แล้วนะ นี่ขนาดต่อหน้ากล้องนะเนี่ย ถึงจะไม่แน่ใจก็ตามว่ากล้องจะจับภาพเมื่อกี้ได้ไหม แล้วชัดแค่ไหน ฮึ่ม... แล้วฮีชอลจะทำอะไรได้นอกจากส่งค้อนให้กับคนเจ้าเล่ห์ช่างแกล้งที่ยิ้มรับอย่างเข้าใจว่าทำไมถึงได้โดนค้อนจากคนสวย

     

    เด็กดื้อ... ก็ต้องโดนลงโทษเป็นธรรมดา ใช่ไหมครับ? ^^

     

     

    … TBC …

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×