ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WE GOT MARRIED [GENGCHUL]

    ลำดับตอนที่ #5 : WGM... 5 ...

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 57


    Radio ? Theme

    We got married

    F.GC

    คราวที่แล้วมาดามของเราได้รับภารกิจให้ทำอาหารไปให้บอสที่บริษัท

    มาดามของเราจะทำอะไรไปให้กันนะ?

    แล้วจะเป็นยังไงกันกับการไปบริษัทของบอสครั้งแรก

    แวะให้กำลังใจกันหน่อยเน๊อะ ^^

    > #ฟิคบอสเกิงมาดามฮี <



     

    … 5 …

     

     

    ร่างเพรียวบางที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ขยับตัวเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกส่งเสียงร้องดังรบกวนเวลานอนที่แสนสบาย ฮีชอลขดตัวซุกเข้าไปในผ้าห่มผืนหนานุ่มอย่างต้องการหลีกหนีจากเสียงรบกวนนั้น มือควานหานาฬิกาเจ้ากรรมแล้วจัดการกดปิดแล้วก็เตรียมหลับอีกรอบ ก่อนที่ทั้งร่างจะเด้งลุกขึ้นนั่งอย่างนึกขึ้นได้ถึงภารกิจที่ต้องทำในวันนี้ หันมองนาฬิกาแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เผลอหลับต่อไปแค่แปบเดียว ยังเหลือเวลาอีกเกือบหนึ่งชั่วโมงขึ้นก่อนที่ทีมงานจะมาที่คอนโด

     

    ฮีชอลปัดผ้าห่มให้ออกพ้นตัวแล้วก้าวลงบนพื้นพรม ภายในห้องนอนใหญ่นั้นแบ่งสัดส่วนเป็นอย่างดี จากเตียงไปทางซ้ายมือ มีช่องเปิดเข้าไปในส่วนแต่งตัว ตู้เสื้อผ้าบิ้วท์อินติดตั้งไว้สองฝั่ง ข้างตู้เสื้อผ้าก็เป็นประตูห้องน้ำ ฮีชอลคว้าชุดคลุมอาบน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กที่แขวนอยู่ตรงประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว

     

    หลังจากผ่านไปเกือบ 20 นาทีประตูห้องน้ำก็เปิดออกอกครั้งพร้อมกับร่างของฮีชอลในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเดินออกมา มือก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดตา เพราะเดี๋ยวต้องเตรียมอาหารอีกฮีชอลจึงเลือกเสื้อยืดคอวีสีครีม กับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลมาใส่ก่อน ผมที่ยาวระบ่าก็มัดเอาไว้

     

    เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยฮีชอลก็เดินเข้าไปในครัว ในหัวก็คิดถึงเมนูที่จะทำไปด้วย

     

    "อือ... หุงข้าวก่อนดีกว่า" พูดกับตัวเองจบก็เดินไปตักข้าวสารเพื่อเตรียมหุงทันที เปิดน้ำใส่หม้อเพื่อซาวขาวก่อนหนึ่งรอบ เสียงอัตโนมัติของหม้อหุงข้าวดังขึ้นเมื่อกดปุ่มเป็นอันเริ่มการหุงข้าว

     

    เสียงออดดังขึ้นเรียกให้ฮีชอลหันมองนาฬิกาที่วางอยู่ใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นเวลา 9 โมงเช้าพอดี หลังจากที่เช็คดูแล้วว่าเป็นทีมงานจริงก็เปิดประตูให้

     

    "สวัสดีครับ" ฮีชอลยิ้มทักทายทีมงานก่อนจะเดินนำเข้าไปในส่วนครัวที่มีของสำหรับทำอาหารวางไว้บนเคาน์เตอร์ "วันนี้... ผมจะทำข้าวกล่องไปให้พี่หานเกิงที่บริษัทครับ"

     

    "คิดจะทำอะไรให้คุณหานเกิงทานครับ" เสียงของทีมงานเอ่ยถามพร้อมกับแพลนกล้องไปที่ของที่จัดเตรียมไว้

     

    "ผมว่าจะทำสเต็กปลาแซลม่อนครับ เพราะว่านอกจากมันจะย่อยง่ายแล้วยังมีประโยชน์หลายอย่างเลย หวังว่าพี่เขาจะชอบนะครับ" ฮีชอลยิ้ม ก่อนจะเริ่มลงมือทำ

     

    ฮีชอลหยิบเนยมาทาบนกระทะที่ตั้งบนเตาไว้แล้วจนทั่ว ก่อนจะหยิบเนื้อปลาแซลม่อนที่โรยเกลือกับพริกไทยมาวางลงในกระทะ ทีมงานคอยเก็บภาพการทำอาหารของฮีชอลอย่างตั้งใจ

     

    "คุณฮีชอลดูคล่องแคล่วมากเลยนะครับ"

     

    "ครับ ผมทำอาหารกินเองบ่อยๆ เลยค่อนข้างคล่อง โดยเฉพาะปลาแซลม่อนย่างนี่ถนัดเลยครับ" ฮีชอลหันมาพูดกับกล้อง

     

    "แสดงว่าทำของโปรดของตัวเองให้คุณหานเกิงชิมสินะครับ"

     

    "จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ" ยิ้มรับก่อนจะหันไปจัดการปลาแซลม่อนที่สุกกำลังดีขึ้นจากกระทะ ก่อนที่จะนำปลาอีกชิ้นลงไปย่าง แล้วหันไปหยิบกล่องสำหรับใส่อาหารมา จัดการวางปลาแซลม่อนที่ย่างไว้แล้วลงในกล่อง หลังจากที่ย่างปลาเสร็จก็เอาผักลงไปย่างต่อ แล้วจึงเอามาจัดใส่กล่อง

     

    ยกกล่องที่จัดเรียบร้อยขึ้นชูให้กล้องดู "เสร็จแล้วครับ สเต็กปลาแซลม่อนกับผักย่างเพื่อสุขภาพ"

     

     

     

     

     

     

     

    ฮีชอลในชุดเสื้อคอปาดกว้างสีครีมแขนยาว กางเกงเข้ารูปขายาวสีดำก้าวขึ้นไปนั่งบนรถตู้สีดำ วางถุงที่ใส่ข้าวกล่องไว้ข้างในบนเบาะที่นั่งข้างๆ มือเสยผมที่ดัดอ่อนๆ ยาวระต้นคอ ขับให้ใบหน้าที่หวานอยู่แล้วยิ่งหวานเข้าไปกว่าเดิม

     

    "ตื่นเต้นไหมครับ" ทีมงานถามเมื่อเห็นฮีชอลนั่งถอนหายใจอยู่หลายรอบแล้ว

     

    "ตื่นเต้นครับ ต้องไปหาที่บริษัทแบบนั้น มันตื่นเต้นมากๆ เลย" พูดแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบหวังว่ามันจะช่วยเอาความตื่นเต้นลดลงไปบ้าง

     

    รถตู้สีดำจอดสนิทอยู่ที่หน้าอาคารสูงใจจากกรุงโซล ฮีชอลลงจากรถก่อนจะสูดลมหายใจเข้าอย่างต้องการระงับอารมณ์ตื่นเต้น เดินนำทีมงานเข้าไปในตัวอาคาร ในมือถือถุงที่ใส่ข้าวกล่องเอาไว้มั่น

     

    "คุณหานเกิงอยู่ไหมครับ" เดินเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ด้านหน้าตรงส่วนของล็อบบี้

     

    "ค...คะ" พนักงานสาวชะงักไปทันทีที่เห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร "ค่ะ เอ่อ สักครู่นะคะ" หันไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วต่อสายถึงหน้าห้องของหานเกิงทันที

     

    "ถ้าคุณหานเกิงอยู่ ไม่ต้องบอกนะครับว่าผมมาหา แค่บอกว่ามีคนอยากพบ ขอเข้าพบก็พอ"

     

    "ค ค่ะ ค่ะคุณฮีชอล" หันไปคุยโทรศัพท์กับเลขาของหานเกิงสักครู่ก่อนจะหันมาตอบ "คุณหานเกิงอยู่บนห้องค่ะ แต่เคลียร์งานอยู่ เอ่อ... ไม่สะดวกให้ใครเข้าพบ"

     

    ฮีชอลยิ้ม "ไม่เป็นไรครับ คุณหานเกิงอยู่ชั้นไหนครับ"

     

    "ชั้น 13 ค่ะ"

     

    "ขอบคุณครับ" ฮีชอลหันมามองกล้องก่อนจะพูด "พี่หานเกิงไม่สะดวกให้ใครพบ ผมควรกลับไหม? แต่ถ้าแบบนั้นอาหารที่ผมทำก็เป็นม่ายน่ะสิ เพราะงั้น... เราจะบุกไปดูบอสทำงานกันครับ"

     

    ฮีชอลและทีมงานเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นที่ 13 ที่เป็นห้องทำงานของหานเกิง ห้องทำงานของเขานั้นหาไม่ยากอย่างที่คิดเพราะบนชั้นมีห้องอยู่เพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น

     

    "ผมมาหาคุณหานเกิงครับ"

     

    "ค ครับ..." ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องที่มีป้ายชื่อติดว่าหานเกิงสะดุ้ง ข้างๆ โต๊ะของชายคนนี้ยังมีโต๊ะอยู่อีก บนโต๊ะทั้งสองมีป้ายตั้งไว้ว่าตำแหน่งเลขานุการ หานเกิง... มีเลขาถึง 2 คนเชียว

     

    "ถ้าอย่างนั้นผมจะไปแจ้งบอสว่า... เอ่อ... ภรรยาของท่านมาพบนะครับ"

     

    คนฟังรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที เรื่องที่ฮีชอลออกรายการกับหานเกิงดังขนาดทุกคนในบริษัทนี้ดูกันเลยรึยังไงนะ "เอ่อ ไม่ต้องครับ แค่บอกว่ามีคนมาขอพบก็พอ"

     

    เลขาหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องทำงานของหานเกิงแล้วเปิดเข้าไป "มีคนมาขอพบบอสครับ"

     

    "ฉันบอกแล้วไงว่าไม่สะดวก บอกให้เขาติดต่อมาวันหลัง" เสียงทุ้มนั้นฟังดูเคร่งขรึม ดูท่างานของเขาจะเยอะมาก

     

    "ถ้าเป็นผมก็ยังต้องมาวันหลังหรอครับ" ฮีชอลเดินเข้ามาในห้องที่เลขาเปิดประตูรอไว้ให้แล้วส่งเสียงถาม

     

    ทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นหูคนที่นั่งทำงานอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองทันที พอเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ข้างเลขาของตนก็เผยรอยยิ้มทันที ทำเอาเลขาถึงกับอึ้งเมื่อเห็นบอสของตนยิ้มแบบนี้

     

    "ฮีชอล..." ไม่เรียกเปล่า ยังลุกเดินมาหาพร้อมกับทักทายทีมงานแล้วช่วยฮีชอลถือของก่อนจะจับมือภรรยาคนสวยแล้วพาเดินมานั่งที่โซฟารับแขกที่ตั้งอยู่ภายในห้อง "วันนี้ไม่มีงานหรอ"

     

    "มีตอนบ่ายๆ น่ะครับ" ฮีชอลตอบ "นี่ก็จะเที่ยงแล้วพี่หานเกิงทานอะไรรึยังครับ"

     

    บอสหนุ่มหล่อส่ายหน้า "ยังหรอก เราล่ะ" ถามกลับโดยที่ทั้งคู่อาจจะไม่รู้ตัวว่ามือของทั้งสองคนนั้นยังคงกอบกุมกันไม่ปล่อย

     

    "ยังเหมือนกันครับ ธรรมดาพี่หานเกิงทานที่ไหนหรอครับ"

     

    "ถ้าไม่มีนัดทานข้าวกับลูกค้า พี่ก็มักจะให้เลขาซื้อเข้ามาให้ ฮีชอลอยากทานอะไรล่ะ หรือจะออกไปข้างนอกดี" ถามอย่างเอาใจทันที

     

    คนถูกถามส่ายหน้าไปมา "ไม่ต้องหรอกครับ ผมเตรียมมาให้แล้ว" มือเอื้อมไปหยิบกล่องข้าวออกจากถุงก่อนจะส่งให้หานเกิง "ผมไม่รู้ว่าพี่ชอบอะไร ผมเลยทำของโปรดของผมมา"

     

    "หือ" หานเกิงรับมาก่อนจะเปิดฝากล่องข้าวออก สเต็กปลาแซลม่อนชิ้นใหญ่วางอยู่ดานในมีผักย่างวางเรียงข้างกัน แล้วยังมีข้าวห่อสาหร่ายวางเรียงไว้อีกหลายชิ้นในล็อกข้างๆ "ปลาแซลม่อน"

     

    "พี่ทานได้ใช่ไหมครับ?" ถามอย่างไม่แน่ใจ

     

    "ของโปรดพี่เหมือนกัน" หานเกิงส่งยิ้มให้

     

    "งั้นลองชิมดูนะครับว่าอร่อยไหม" ฮีชอลพูดก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาแล้วป้อนให้ถึงปากคนตรงหน้าซึ่งหานเกิงเองก็อ้าปากรับทันที

     

    "อื้อ อร่อยดี นี่ทำเองจริงหรอ"

     

    "ทำไมครับ อย่างผมดูไม่น่าจะทำอาหารเป็นหรอ" ดวงตาวาวๆ อย่างจะเอาเรื่องเลยเชียวถ้าหากพูดว่าไม่น่าเชื่อออกไป

     

    บอสหานเกิงหัวเราะ มือวางบนกลุ่มผมนุ่มแล้วขยี้เบาๆ อย่างเอ็นดู "เปล่า แค่แปลกใจเฉยๆ ไว้วันหลังพี่ลองทำให้ทานดูบ้างดีไหม"

     

    "เอาสิครับ ไว้เรามาช่วยกันทำด้วยนะ"

     

    หานเกิงคีบเนื้อปลาในกล่องขึ้นทานเรื่อยๆ สลับกับป้อนภรรยาคนสวยไปด้วย ฮีชอลจัดการเก็บของใส่ถุงไว้เหมือนเดิมหลังจากที่ทานเสร็จเรียบร้อย ทีมงานบอกให้ทั้งสองคนทำเป็นเหมือนบอกลากัน ก่อนที่ทีมงานจะรีบขอตัวกลับก่อนโดยปล่อยให้ฮีชอลอยู่กับหานเกิงต่อ

     

    "รายการนี้ชงตัวพ่อตัวแม่เลยนะครับ" ฮีชอลพูดออกมาอย่างอึ้งๆ เมื่ออยู่ๆ ก็โดนทีมงานทิ้งไว้

     

    หานเกิงหัวเราะเบาๆ กับคำพูดนั้น "คงอย่างนั้น แล้วนี่เราจะไปทำงานยังไง ให้พี่ไปส่งไหม"

     

    "เดี๋ยวให้พี่ฮีจินมารับก็ได้ครับ"

     

    "ต้องไปทำงานกี่โมง" หานเกิงถามต่อ

     

    "สี่โมงเย็นครับ"

     

    "อย่างนั้นอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ไม่ต้องให้ผู้จัดการขับรถไปวนมา"

     

    "ไม่รบกวนพี่หรอครับ สี่โมงยังไม่เลิกงานเลยไม่ใช่หรอ" ฮีชอลถามอย่างไม่แน่ใจนัก

     

    "เลิกเร็วสักวันใครจะว่าอะไรได้" พูดจบร่างสูงก็ลุกเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อเตรียมเคลียร์เอกสารต่อ "จะใช้คอม จะเดินดูหรืออ่านหนังสือก็ได้ ตามสบายเลย พี่ขอเคลียร์งานอีกหน่อยก่อน"

     

    "พี่ทำงานเถอะครับ" ฮีชอลบอก ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟามาอ่านเล่นเพื่อรอเวลา

     

    แม้จะไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้รู้สึกอัดอึดอะไร กลับรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียมากกว่า ฮีชอลนั่งอ่านหนังสือไปก็มีถามเรื่องไม่เข้าใจไปด้วย หานเกิงเองก็คอยตอบตลอดโดยไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากก้มหน้าอ่านเอกสารและเซ็นไปหลายชั่วโมงหานเกิงก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในห้อง เสียงของคู่สนทนาของเขาเงียบหายไปเป็นชั่วโมงแล้ว เมื่อคิดได้แบบนั้นขายาวก็ก้าวอ้อมมาที่โซฟาตัวที่ฮีชอลนั่งอยู่ รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาทันที จากที่นั่งอ่านหนังสือ เป็นหนังสืออ่านแทนเสียแล้ว เพราะคนที่เคยอ่านนั้นหลับไปเรียบร้อยทั้งๆ ที่ในมือยังมีหนังสือถือคาเอาไว้

     

    หานเกิงนั่งลงข้างๆ อย่างเบาที่สุด ดูท่าคนหลับจะหลับลึกพอสมควรเพราะขนาดเขาดึงหนังสือออกจากมือก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่น หานเกิงวางหนังสือลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาจัดท่าจัดทางคนที่นั่งหลับคอพับคออ่อนให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น ไม่อย่างนั้นตื่นขึ้นมาคงปวดคอน่าดู

     

    มือหนารั้งประคองศีรษะของคนหลับไว้ หวังจะหยิบหมอนอิงมารองแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร อะไรหนักๆ ก็ซบเข้าที่หัวไหล่ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมนุ่มพร้อมกับร่างบางที่ขยับมาใกล้ขึ้นอาศัยไหล่กว้างของเขาต่างหมอนแล้วหลับต่อไป

     

    เจ้าของห้องส่ายหัวเบาๆ กับท่าทางของดาราดังพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน แต่แทนที่จะขยับให้อีกคนไปหนุนหมอนหรือจับให้นอนลงบนโซฟาเจ้าตัวกลับทำเฉยแล้วปล่อยให้ฮีชอลซบไหล่ต่อไป มือยกขึ้นลูบผมเบาๆ อย่างกล่อมให้ฝันดี

     

    ใครจะคิดว่าบอสใหญ่อย่างหานเกิงจะมีท่าทางที่อบอุ่นขนาดนี้ ถ้าทีมงานรู้คงเสียดายยกใหญ่ที่ตัดสินใจกลับไปก่อนแบบนี้

     

    อะไรบางอย่างในอกด้านซ้ายเหมือนจะทำงานหนักขึ้น เพราะหานเกิงได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นอย่างชัดเจน ส่วนสาเหตุ... จะเกิดจากคนที่นอนซบอยู่นี่รึเปล่านะ

     

    กว่าครึ่งชั่วโมงที่หานเกิงนั่งนิ่งๆ ให้ฮีชอลพิงหลับ เลขาเดินเข้ามาเพื่อจะเอาเอกสารมาให้ก็ถูกไล่ออกจากห้องเพราะกลัวว่าคนที่หลับจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ในที่สุดคนที่หลับสบายก็เริ่มขยับตัว มือยกขึ้นขยี้ตาตามความเคยชินก่อนจะถูกรั้งข้อมือเอาไว้

     

    "อย่าขยี้ตาแบบนั้นสิ เดี๋ยวตาก็แดงหมดพอดี" เสียงทุ้มที่เอ่ยดังอยู่ข้างหูทำเอาคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตาชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณโดยไม่ทันสังเกตุอะไรให้ดีเสียก่อน

     

    หานเกิงที่ก้มหน้าลงมองคนที่ขยับตัวตื่น กับอีกคนที่เงยหน้าขึ้นมองเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำเอาใบหน้าทั้งสองนั้นอยู่ใกล้กันเกินกว่าที่จะเป็นและสมควร ปลายจมูกอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร ดวงตาทั้งคู่สบประสานกันพอดี

     

    "เอ่อ... ผมเผลอหลับไปหรอ" เป็นฮีชอลที่รู้สึกตัวก่อน ร่างบางขยับช้าๆ ถอยห่างจากคนข้างตัว

     

    "ใช่ อ่านหนังสือจนหลับไป" หานเกิงยืดตัวนั่งหลังตรง นักธุรกิจที่มักจะต้องคอยเก็บอาการและเจรจาทุกอย่างอย่างใจเย็นเสมอ แต่ทำไมตอนนี้เขาทำให้หัวใจของเขาเย็นลงไม่ได้เลยนะ

     

    ไม่ต่างอะไรกับฮีชอลที่แม้ภายนอกจะดูนิ่งสงบ แต่หัวใจนั้นเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เล่นละครมาก็ตั้งเยอะ ใกล้ชิดทั้งผู้หญิงผู้ชายมาก็ตั้งมาก แต่ทำไมถึงพอเป็นหานเกิง เขาถึงได้รู้สึกขัดเขินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนะ หรือเพราะเขานึกเสมอว่าหานเกิงคือคนที่จะมาเป็นสามี?...

     

    ดวงหน้าหวานของฮีชอลขึ้นสีทันทีที่เผลอคิดอะไรไร้สาระออกไปก่อนจะสะบัดไปมาเพื่อตั้งสติโดยลืมไปเลยว่าหานเกิงนั่งมองอยู่ข้างๆ

     

    "ไปล้างหน้าเสียสิ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่กองถ่าย" หานเกิงชี้นิ้วไปทางประตูห้องน้ำที่อยู่ด้านในของห้องน้ำงาน

     

    "ค ครับ" ฮีชอลสะดุ้งอย่างนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวก่อนจะรีบเดินตรงเข้าห้องน้ำไปทันที ปล่อยให้คนที่อายุมากกว่านั่งมองตามไปยิ้มๆ อยู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่แล้วก็สะบัดหน้าไปมา ท่าทางนั้นทำเอาบอสหนุ่มถึงกับนึกเอ็นดู จนเผลอนึกไปว่าถ้าได้รั้งร่างนั้นมากอดมาหอมจะดีสักแค่ไหน แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้ากับความคิดของตัวเอง

     

    หานเกิงลุกไปหยิบกุญแจรถรวมทั้งของอื่นๆ มาถือก่อนจะจับข้อมือของฮีชอลแล้วพาเดินออกจากห้อง ร่างสูงหยุดยืนอยู่ที่โต๊ะของเลขา “ฉันจะกลับแล้ว ถ้ามีเอกสารอะไรทีฉันต้องเซ็นก็เอาไปวางไว้บนโต๊ะได้เลย พรุ่งนี้เช้าจะเข้ามาเซ็น”

     

    “ครับบอส...” เลขาหนุ่มรับคำเบาๆ

     

    หานเกิงกดลิฟต์เพื่อลงไปข้างล่าง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกพนักงานที่ยืนอยู่ข้างในก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นบอสของตนเดินเข้าลิฟต์มา ต่างก็โค้งทักทายตามมารยาทที่ควรทำ ฮีชอลเองก็เดินเข้ามายืนเคียงคู่กับหานเกิง มือของทั้งสองยังคงกุมกันไว้หลวมๆ พูดคุยกันบ้างเล็กน้อยแต่เสียงก็ไม่ได้ดังมากนัก สายตาหลายต่อหลายคู่มองไปที่พวกเขาทั้งสอง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพที่พวกเขาเดินจับจูงมือกันไปนั้นช่างเหมาะสมกันเสียจริงๆ จนอยากจะเชียร์ให้มีลุ้นรักนอกจอ

     

    “บอสกับคุณฮีชอลดูสมกันดีนะ” เสียงของพนักงานหญิงคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อเจ้าของประเด็นร้อนเดินห่างออกไปจนเกินกว่าจะได้ยินแล้ว

     

    “นั่นสิ ทีมงานก็กลับกันไปตั้งนานแล้ว แต่คุณฮีชอลก็ยังอยู่ต่อเสียตั้งนาน อาจจะมีลุ้นรักนอกจอก็ได้นะ” อีกเสียงก็ดังสนับสนุนขึ้นมาทันที

     

    ส่วนตัวเจ้าของประเด็นร้อนที่ไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังเป็นที่สนใจและจับตามองมากแค่ไหน หานเกิงเปิดประตูรถคันที่ฮีชอลเคยนั่งเมื่อครั้งไปเที่ยวมยองดงด้วยกัน แต่บนรถวันนี้ไม่มีกล้องติดอยู่แล้ว ร่างบางบอกสถานที่ที่หานเกิงต้องขับรถไปส่ง ก่อนที่รถคันหรูจะแล่นออกไปตามท้องถนน เพราะยังไม่ใช่เวลาเลิกงานการจราจรจึงไม่ติดขัดมากนัก แต่ไม่รู้ทำไมว่าในใจลึกๆ ของทั้งสองคนนั้นอยากจะให้การจราจรมันติดขัดเสียเหลือเกิน อย่างน้อยก็ยืดเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันบนรถคันนี้ไปอีกสักนิด แม้จะไม่ได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

     

    แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างสักเท่าไหร่ เพราะไม่นานรถของหานเกิงก็จอดนิ่งอยู่หน้าสถานีตำรวจที่ซึ่งฮีชอลจะต้องมาถ่ายละคร ทีมงานและบรรดาคนทั่วไปหันมามองด้วยความสนใจเมื่อเห็นรถคันหรูแล่นเข้ามาจอด

     

    “ขอบคุณพี่หานเกิงนะครับที่มาส่ง” ฮีชอลพูดขอบคุณ กระชับกระเป๋าถือเอาไว้แน่น จะต้องก้าวลงจากรถคันนี้แล้ว

     

    “ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” หานเกิงยิ้ม มองใบหน้าของคนตรงหน้า ไม่ได้จะไม่เจอกันอีกเลยเสียหน่อย แต่ทำไมในใจลึกๆ อยากจะขับรถพาคนๆ นี้ไปที่อื่นแทนกันนะ

     

    “ไว้เจอกันครั้งหน้านะครับ”

     

    “เดี๋ยวฮีชอล” ก่อนที่ฮีชอลจะเปิดประตูรถหานเกิงก็ส่งเสียงเรียกเอาไว้

     

    “ครับ?”

     

    มือของหานเกิงยื่นมาตรงหน้าฮีชอล “ขอโทรศัพท์หน่อยสิ พี่ยังไม่มีเบอร์เราเลย” พูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น

     

    หัวใจของฮีชอลกระตุกเบาๆ กับคำพูดนั้น จริงสินะ... พวกเขายังไม่ได้แลกเบอร์กันเลย ก็แค่แลกเบอร์เหมือนกับที่เขาแลกเบอร์กับนักแสดงคนอื่น แต่ทำไมหัวใจมันเต้นแรงจังเลยนะ ฮีชอลเปิดประเป๋าถือของตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ส่งให้กับหานเกิง ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไปกด ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของหานเกิงจะดังขึ้นเขาจึงได้ส่งโทรศัพท์คืนให้ฮีชอล

     

    “พี่เซฟเบอร์พี่ไว้ให้แล้ว ตั้งใจทำงานนะครับ แล้วเจอกันใหม่”

     

    “ครับ แล้วเจอกัน” ฮีชอลก้าวลงจากรถ ก่อนจะหันกลับมาหาคนที่ขับรถมาส่งอย่างนึกขึ้นได้ “ขับรถดีๆ นะครับ แล้วก็... คืนนี้นอนหลับฝันดีนะครับ”

     

    ฮีชอลเดินเข้ากองถ่ายไปแล้ว หานเกิงรอจนกระทั่งเห็นฮีจินเดินเข้าไปหาคนสวยคนนั้นจึงได้ถอยรถแล้วขับออกจากหน้าสถานีตำรวจไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ฮีชอลหันมามองส่งหานเกิงด้วยสายตา

     

     

    … TBC …

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×