ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WE GOT MARRIED [GENGCHUL]

    ลำดับตอนที่ #3 : WGM... 3 ...

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 57


    Radio ? Theme
    We got married

    F.GC

    ตอนนี้บอกเลยว่า... ฟินมากกกกก แน่นอนค่ะ วันนี้คู่รักสุดฮอตของเราจะไปไหนกัน

    ต้องทำอะไรกันบ้าง มิชชั่นวันนี้จะเป็นอะไรกันน๊าาาา

    แต่รับรองได้เลยค่ะว่าฟิ๊นนนฟินนน สำหรับคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ...

    หาอะไรมากัดมาบิดแก้เขินกันนะคะ

    ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้กับรีดเดอร์ทุกคนด้วยนะคะ ^^

    > #ฟิคบอสเกิงมาดามฮี <




     

    ... 3 ...

     

     

    "คุณสามีไปเซอร์ไพรส์อีกแล้ว รู้สึกยังไงคะ" เสียงของโปรดิวเซอร์เอ่ยถามตอนนี้ฮีชอลกำลังถ่ายอยู่ในห้องมืดอีกครั้ง

     

    "ครั้งนี้ผมอายมากเลย"

     

    "เพราะชุดที่ใส่หรอ?" โปรดิวเซอร์ถามด้วยน้ำเสียงขำๆ เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้า

     

    "ก็ใช่ไงครับ" ฮีชอลตอบก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมเมื่อทีมงานถามว่าทำไมถึงอาย เพราะก็เหมือนการถ่ายทำเหมือนกัน "ความรู้สึกมันต่างกันไงครับ อันนั้นผมแสดงละคร อีกอย่างคนในกองก็สนิทๆ กันหมดแล้วด้วย แต่กับ เอ่อ... คุณหานเกิง มันอีกความรู้สึก"

     

    "เขินที่จะต้องใส่ชุดแบบนั้นต่อหน้าคุณสามีสินะคะ" พูดแซวขำๆ ให้อีกคนอายเล่น แต่ฮีชอลก็ซ้อนอาการเขินอายด้วยการกรอกตาไปมา

     

    "คุณหานเกิงให้เรียกว่าพี่ไม่ใช่หรอคะ ระวังโดนลงโทษนะ"

     

    ฮีชอลส่ายหน้า "ไม่โดนสิ ก็เขาบอกว่าเจอกันคราวหน้า นี่ผมกับเขายังไม่เจอกันเลย ผมจะโดนลงโทษได้ไง"

     

    "งั้นเรียก 'พี่หานเกิง' แล้วพูดถึงเขาหน่อยสิคะ"

     

    คนสวยมีสีหน้าหนักใจ ไม่ทันเตรียมตัวเลยอยู่ๆ จะให้เรียกว่าพี่ ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่อยู่ก็เถอะ แต่มันก็เขินๆ แปลกๆ อยู่นะ พึ่งจะรู้จักกันเอง แต่สุดท้ายก็สูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออกมาเบาๆ ก่อนจะพูด

     

    "พ พี่หานเกิง คราวหน้าอย่าไปเซอร์ไพรส์ผมอีกนะ ถ้าเกิดผมใส่ชุดแปลกๆ อยู่ละยุ่งเลย อีกอย่างเวลาพี่มาเซอร์ไพรส์ทีไรผมหลุดอิมเมจทุกทีเลยนะ" แล้วเจ้าตัวกับทีมงานก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างให้รู้กันว่าแซวเล่นสนุกๆ

     

     

     

     

     

     

     

    "เห็นภรรยาใส่ชุดแบบนั้นคิดว่ายังไงบ้างคะ" หานเกิงที่ถูกนัดให้มาถ่ายทำในห้องมืดนั่งไขว่ห้างมือประสานไว้ที่ตรงหัวเข่า ก่อนจะตอบคำถามของโปรดิวเซอร์ที่ขยายความเพิ่มว่า ชุดแบบนั้น คือชุดที่ฮีชอลแต่งเป็นผู้หญิงถ่ายละคร

     

    "ก็ไม่ยังไงนิครับ เขาถ่ายละคร" หานเกิงยิ้มตอบก่อนที่เสียงทีมงานจะดังขึ้นอย่างประท้วงในคำตอบนั้น

     

    "คิดว่าน่ารักไหมคะ?" โปรดิวเซอร์ยังคงจี้ถามต่อ

     

    "แล้วคุณคิดว่าน่ารักไหมละครับ" หานเกิงยังคงเลี่ยงในการตอบคำถาม ก่อนจะยอมตอบในที่สุดเมื่อเสียงของทีมงานดังขึ้นอีก "น่ารักครับ น่ารักมาก"

     

    "ทีมงานแอบเห็นคุณมองอย่างเอ็นดูเชียว" ได้ทีก็แซวขึ้นทันที

     

    นักธุรกิจหนุ่มหัวเราะ "ก็น่าเอ็นดูจริงๆ นะครับ"

     

    "ให้คุณฮีชอลเรียกพี่หรอคะ"

     

    "จริงๆ แล้วผมก็อายุมากกว่าเขา เรียกพี่ก็ถูกแล้วนิครับ"

     

    "ไม่คิดชื่อเล่นน่ารักๆ เรียกกันหรอคะ"

     

    หานเกิงส่ายหน้านิดๆ ก่อนตอบ "คงจะไม่เข้ากับคู่ของเราหรอกครับ เรียกกันแบบนั้นผมว่าก็โอเคแล้ว"

     

    "ถ้าอย่างนั้นพูดอะไรถึงน้องฮีชอลหน่อยสิคะ"

     

    ร่างสูงขยับตัวมองกล้องตัวที่ทีมงานบอกก่อนจะยิ้มอย่างอบอุ่น "อย่าลืมเรียกพี่หานเกิงนะครับ พี่หวังว่าเราจะสนิทสนมกันมากขึ้น หวังว่าฮีชอลจะรู้สึกดีและผ่อนคลายเวลาคุยกับพี่นะครับ แล้วเจอกันครับ"

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างสูงสง่าในชุดเสื้อยืดสีขาวคอวีทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาวกางเกงยีนส์สีเข้ม ชุดที่ดูธรรมดาพอมาอยู่บนตัวผู้ชายคนนี้แล้วอย่างกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น แล้วยิ่งมานั่งไขว่ห้างจิบกาแฟด้วยแบบนี้แล้ว มันยากเหลือเกินที่จะให้สาวๆ ละสายตา ถ้าไม่ติดว่ามีช่างกล้องยืนถือกล้องถ่ายอยู่หลายคนละก็ คงมีสาวๆ ไม่น้อยเดินมาทำความรู้จักไม่ขาดสายแน่ๆ

     

    "ตอนนี้ผมอยู่ที่มยองดงครับ... ผมมีนัดเดทกับภรรยาที่นี่ครับ" หานเกิงส่งยิ้มให้กล้อง "ใกล้ได้เวลานัดแล้ว เดี๋ยวเขาก็คงมาแล้ว ผมแอบกังวลนะเพราะไม่ค่อยมาออกเดทเท่าไหร่ ชุดที่ผมใส่ดูโอเคแล้วใช่ไหมครับ?"

     

    "พี่หานเกิงนินา~!" เสียงของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งดังขึ้นเรียกสายตาของเจ้าของชื่อและคนที่นั่งอยู่ให้หันไปมอง เมื่อหญิงสาวกลุ่มนั้นเห็นคนหันมามองเยอะก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเขินที่เผลอส่งเสียงดัง

     

    "พี่มาถ่ายรายการหรอคะ" ผู้หญิงกลุ่มนี้ดูๆ แล้วน่าจะยังเป็นนักศึกษาแล้วก็คงเป็นแฟนคลับของหานเกิงหรือไม่ก็แฟนคลับของฮีชอลแน่ๆ

     

    "ครับ มีเดทกับฮีชอล" หานเกิงพูดเสียงนุ่มพร้อมส่งรอยยิ้มให้

     

    ผู้หญิงทั้งห้าคนส่งเสียงกรี๊ดออกมาเบาๆ อย่างพยายามเก็บอาการเมื่อได้ยินคำตอบ "มีเดทกับพี่ฮีชอลนี่เอง แต่งตัวซะหล่อเลยนะคะ" แซวเสร็จก็หัวเราะคิกคักกัน

     

    "แล้วชุดก่อนๆ ที่พี่ใส่ออกรายการไม่หล่อหรอครับ"

     

    "หล่อคร่า แต่ชุดนี้หล่อกว่า ดูเด็กกว่าชุดสูทเยอะเลยค่ะ พวกเราเชียร์คู่พี่กับพี่ฮีชอลนะคะ เดทให้สนุกนะคะ"

     

    กลุ่มแฟนคลับเดินออกไปแล้วร่างสูงจึงหันมาสนใจหนังสือนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะแทน ไม่นานเสียงวิ่งก็ดังเข้ามาใกล้จนหานเกิงต้องหันไปมอง ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้า

     

    ฮีชอลยืนหอบอยู่หน้าเขา มือบางยกขึ้นเสยผมที่ลงมาปรกหน้านิดๆ ร่างบางที่มีผิวขาวอยู่แล้วยิ่งดูขาวผ่องกว่าเดิมเมื่ออยู่ในกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาว เสื้อคอกว้างเนื้อผ้าบางเบาสีแดงขับให้ผิวนั้นขาวราวกับน้ำนม

     

    "คุณหานเกิง ขอโทษนะครับที่ผมมาสาย มัวแต่เถียงกับพี่ฮีจินอยู่"

     

    "นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนเถอะ" หานเกิงบอก

     

    ฮีชอลจึงเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับร่างสูง "คุณมานานรึยังครับ" มือวางกระเป๋าถือใบทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าสีเขียวลายสีเหลืองไว้บนโต๊ะ

     

    "ไม่นานเท่าไหร่หรอก" หานเกิงยิ้ม "แล้วที่บอกว่าเถียงกับ..."

     

    "พี่ฮีจินน่ะครับ พี่สาวของผมแล้วก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวด้วย" ฮีชอลตอบ

     

    "เถียงเรื่องอะไรครับ"

     

    "อ่า... ชุดนะครับ ผมจะใส่อีกแบบ แต่ฮีจินไม่ยอมให้ใส่ แล้วก็ให้ผมใส่ชุดนี้มา มันไม่ค่อยใช่แนวผมเท่าไหร่"

     

    หานเกิงยิ้ม "แต่ก็น่ารักดีนะ ดูเหมาะมากเลย"

     

    ตาไม่ได้ฟาดไปใช่ไหม... นี่คงเป็นคำถามในใจของทีมงานทุกคน เพราะคนที่ได้รับฉายาว่านางพญาแห่งวงการบันเทิงกำลังหน้าแดงล่ะ ถึงจะไม่ได้แดงจัดแต่มันก็แดงด้วยความเขินจริงๆ นั่นแหละ แค่คำพูดไม่กี่คำทำเอานางพญาถึงกับหลุดมาดเลย ดูท่า... คู่นี้จะมีอะไรมากกว่าถ่ายทำรายการรึเปล่านะ

     

    "เอ่อ... วันนี้ต้องทำอะไรหรอครับ" ฮีชอลเสเปลี่ยนเรื่องทันที

     

    ทีมงานถึงส่งการ์ดมิชชั่นให้กับคนทั้งสองไปเปิดอ่านด้วยกัน

     

     

     

     

     

    "ให้คู่รักสร้างความทรงจำดีๆ กับการเดทที่มยองดง" หานเกิงกับฮีชอลอ่านมิชชั่นพร้อมกัน

     

    ร่างสูงยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ "แล้ววันนี้ฮีชอลต้องโดนลงโทษด้วย"

     

    คนที่ถูกบอกว่าจะต้องโดนลงโทษทำตาโตทันที "ลงโทษอะไรครับ?"

     

    "ลืมข้อตกลงของเราแล้วหรอว่าต้องเรียกพี่ว่ายังไง"

     

    "อ่า... ก็ผมลืมไปนินา ยกให้ผมหน่อยไม่ได้หรอครับ" ฮีชอลวางมือลงบนฝ่ามือของอีกคนที่ยื่นมารอรับ มือทั้งสองกุมกระชับกันมั่นอย่างไม่รู้ตัว เจอกันครั้งที่สาม แต่ก็ดูสบายๆ กันขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

     

    หานเกิงรั้งอีกคนให้เดินตาม "เอางั้นหรอ"

     

    "ใช่ครับ ไม่ลงโทษผมนะ" โดยไม่รู้ตัวก็เผลอส่งสายตาอ้อนไปให้ คนอย่างคิมฮีชอลส่งสายตาอ้อนแบบนี้ จะมีใครต้านทานไหวไหมนะ

     

    "เอาแบบนั้นก็ได้ พี่จะยกโทษให้สักครั้ง"

     

    ริมฝีปากแย้มเป็นรอยยิ้มทันที "ขอบคุณนะครับ... พี่หานเกิง"

     

    ไม่ว่าจะเป็นทีมงานหรือหานเกิง ตอนนี้รู้สึกว่าจะโดนเสน่ห์ที่ไม่น่าเชื่อของฮีชอลเล่นงานเข้าให้แล้วสิ...

     

    คิม ฮีชอล เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ บางทีก็ดูนิ่งเงียบเสียเหลือเกิน แต่เมื่อกี้ก็แสดงออกเหมือนกับเด็กช่างอ้อน

     

    "ครั้งแรกที่พี่มาที่นี่เลยนะเนี่ย" หานเกิงพูดระหว่างที่เดินเล่นไปรอบมยองดง

     

    "ถ้าเป็นมาเดินเที่ยวผมก็มาครั้งแรก เคยแต่มาถ่ายละคร" ฮีชอลพูดต่อ สายตาแอบมองสำรวจคนที่เดินอยู่ข้างๆ "วันนี้ดูแปลกตามากเลยครับ พี่แต่งตัวแบบนี้แล้วดูเด็กกว่าเดิมเยอะเลย"

     

    หานเกิงยิ้มรับคำชม "ชมกันแบบนี้ก็แอบเขินนะเนี่ย อยากเดินดูอะไรไหม"

     

    "หมวกครับ ผมอยากได้หมวกสักใบ อ่ะ... ไปร้านนั้นกัน" พูดจบคนที่ตัวเล็กกว่าก็ดึงแขนอีกคนให้เดินตามไปทันที

     

    ร้านขายหมวกที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่เต็มไปด้วยหมวกหลากหลายรูปแบบหลากหลายทรง ทั้งหมวกแก็ป หมวกปีกกว้าง หมวกทรงสูงแบบหมวกแม่มด ลายที่มีทั้งลายน่ารักๆ สำหรับผู้หญิงและลายเท่ห์ๆ สำหรับผู้ชาย

     

    ฮีชอลเดินเข้าไปเลือกหมวกที่ด้านในร้านส่วนหานเกิงยืนรออยู่ข้างนอก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำคนที่เดินหายเข้าไปในร้านก็ออกมาพร้อมกับหมวกใบหนึ่งในมือ ฮีชอลลองสวมหมวกลงบนหัวตัวเองแล้วส่องกระจกที่ตั้งไว้หน้าร้าน หมวกปีกกว้างสีแดงสด

     

    "พี่หานเกิงว่าใบนี้สวยไหม ผมว่าสวยนะ แต่น่าเสียดายใส่ชุดนี้ไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่ แต่ผมว่าก็พอได้อยู่"

     

    "ฮีชอลชอบใบนี้หรอ" หานเกิงขมวดคิ้ว นี่เขาไม่เข้าใจแฟชั่นสมัยใหม่ หรือเขาไม่เข้าใจแฟชั่นของคิมฮีชอล กันแน่นะ แต่คนน่ารัก ใส่อะไรก็น่ารัก

     

    "ครับ ถ้าใส่กับชุดสไตล์วันที่เจอพี่ครั้งแรกมันจะเข้ากันมาก ผมเอาใบนี้แหละ" พูดเองเออเองจบพลางถอดหมวกออกเพื่อจะให้คนขายไปใส่ถุง มือก็เปิดกระเป๋าถือเพื่อหยิบเงินแต่ก็ไม่ทันคนที่ยืนอยู่ข้างหลังที่ส่งเงินให้กับคนขายไปแล้ว

     

    "ใส่ไปเลยไหม แดดจะได้ไม่โดนหน้ามาก" ไม่แค่ถามแต่หานเกิงจัดการหยิบหมวกในมือของฮีชอลแล้วสวมหมวกให้เลย

     

    “ขอบคุณนะครับ” ฮีชอลพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนจะจัดหมวกของตัวเองให้เข้าที่

     

    ทั้งสองคนเดินไปตามถนนในมยองดงแวะดูร้านนู้นร้านนี้บ้างซึ่งคนแวะส่วนใหญ่จะเป็นฮีชอลเสียมากกว่า ทั้งสองคนดูพูดคุยและสนิทสนมกันมากขึ้นอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศรอบๆ ด้านที่ไม่ได้เป็นทางการเหมือนอย่างก่อนหน้าที่เจอกัน

     

    "พี่หานเกิง ผมอยากกินไอศกรีมไม้เท้า ไปซื้อกันนะ" ไม่พูดเปล่าก็จัดการลากคนตัวสูงไปต่อแถวซื้อทันที

     

    ไอศกรีมไม้เท้าหรือจีปังอี ซึ่งตัวโคนทำจากข้าวโพดและทำเป็นแท่งโค้งยาวจึงเป็นที่มาของชื่อนี้ ฮีชอลรับไอศกรีมาถือก่อนจะเดินกลับไปหาหานเกิงที่ยืนรออยู่

     

    "ไม่กินหรอครับ" ส่งไอศกรีมในมือให้

     

    "ฮีชอลกินเถอะ เดินกันต่อไหมหรืออยากนั่งพักก่อน"

     

    "นั่งก่อนละกันครับ เดี๋ยวค่อยเดินต่อ" ทั้งสองคนจึงเดินไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆ ก่อนจะเลือกนั่งบริเวณนอกร้าน หานเกิงลุกไปสั่งกาแฟของตัวเองและชาเขียวปั่นให้กับฮีชอลที่นั่งกินไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อย

     

    ทีมงานเองก็สลับกันนั่งพักดื่มกาแฟ ส่วนบรรดาแฟนคลับก็ยังคงอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้เข้ามารบกวนการถ่ายทำแต่อย่างใด

     

    "ไม่กินจริงหรอครับ ผมกินจะหมดแล้วนะ" ฮีชอลถามอีกครั้งหลังจากที่ไอศกรีมไม้เท้าหมดไปเกินครึ่งแล้ว เพราะทีแรกตั้งใจว่าจะซื้อมาหักแบ่งกันกินแต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นฮีชอลที่กินอยู่คนเดียว

     

    "อร่อยไหม" ไม่ยอมตอบคำถามแต่ถามคำถามออกมาแทน

     

    ร่างบางพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าอร่อย ก่อนจะยกไอศกรีมในมือขึ้นกัดอีกคำ

     

    "งั้นพี่ลองบ้าง" พูดจบหานเกิงก็ลุกแล้วโน้มตัวมาหาฮีชอลที่นั่งอยู่ตรงข้ามก่อนจะกัดปลายไอศกรีมอีกด้านพร้อมๆ กับที่คนที่ถืออยู่ไม่ทันจะถอยห่าง

     

    เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันทีพร้อมกับเสียงกดถ่ายรูปดังต่อเนื่อง แฟนคลับหลายคนต่างก็หน้าแดงกับภาพตรงหน้า แม้แต่ช่างกล้องเองก็ดูจะอึ้งไปเล็กน้อยกับสิ่งที่เห็น...

     

    หานเกิงโน้มตัวมาใกล้จนใบหน้าแทบจะติดกับฮีชอลเพื่อกัดไอศกรีมที่ฮีชอลกำลังกัดอยู่ที่ปลายอีกด้าน จมูกโด่งชนกับจมูกได้รูปของอีกคน ดวงตากลมโตสีดำเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาใกล้ชิดอย่างไม่คิดว่าจะใกล้กันขนาดนี้ หานเกิงค่อยๆ ถอยออกหลังจากที่กัดไอศกรีมไปแล้ว รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นดูๆ แล้วมันเจ้าเล่ห์ชอบกล...

     

    "อร่อย... จริงๆ ด้วย"

     

    ดวงหน้าสวยขึ้นสีนะเรื่อทันทีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้า ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้จะขยับหรือพูดอะไร

     

    "ผ... ผมหายเมื่อยแล้ว" พูดได้แค่นั้นก็รีบลุกคว้ากระเป๋ามาถือแล้วเดินออกจากร้านนำลิ่วไปทันที

     

    ส่วนคนที่สร้างเรื่องเพียงแค่ยิ้มแล้วก็หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะลุกตามพร้อมกับถือแก้วน้ำของคนที่อายเดินหนีไปนั้นมาถือไว้แล้วเดินตามไป

     

    "ไม่คิดว่าคุณจะเจ้าเล่ห์" ทีมงานส่งเสียงแซวทันทีแต่ก็ไม่มีคำตอบอะไรจากคนเจ้าเล่ห์นอกจากรอยยิ้มมุมปากเท่านั้น

     

     

    … TBC …

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×