คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หมายจันทร์ ครั้งที่ 1 🐇 🌙
???? กระต่ายหมายจันทร์ ????
หมายจันทร์ ครั้งที่ 1
???? ????
แง๊ว!
งี๊ด... งี๊ด...
เสียงร้องของแมวกับสัตว์อีกชนิดดังขึ้นภายใต้ความมืดยามค่ำคืน เสียงพุ่มไม้สั่นไหวคล้ายกับมีอะไรบางอย่างวิ่งผ่าน แสงจันทร์ และแสงสว่างจากโคมไฟข้างทางส่องสว่างพอให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่วิ่งออกมาจากพุ่มไม้ กระต่ายน้อยเนื้อตัวมอมแมมพยายามอย่างยิ่งที่จะวิ่งหนีจากสิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่กว่าอย่างแมวจร เจ้าตัวน้อยวิ่งเท่าที่เรี่ยวแรงและความเร็วของกระต่ายจะวิ่งได้ มุดเข้าพุ่มไม้นี้ ออกพุ่มไม้โน้น จนเนื้อตัวโดนกิ่งไม้ข่วนแทบจะทั้งตัว
แง๊ว!
เสียงเจ้าแมวจรดังตามหลังมาติด ๆ ทำเอาเจ้ากระต่ายน้อยตัวสั่น หันซ้ายแลขวาก่อนจะมุดเข้าพุ่มไม้ข้าง ๆ ทะลุออกไปอีกฝั่ง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงแมวและเสียงพุ่มไม้สั่นดังตามมาไม่หยุด
ไม่รู้ว่าวิ่งหนีเจ้าแมวนานแค่ไหน แต่มันยาวนานในความรู้สึกของเจ้ากระต่ายน้อย เหนื่อยล้าจนแทบจะหมดลมหายใจ สุดท้ายก็ได้แต่หยุดนิ่ง
เนื้อตัวมีแต่รอยแผล แถมอากาศภายนอกในยามดึกของช่วงปลายปีแบบนี้ก็ยิ่งหนาวเย็น และมันก็ยิ่งหนาวสำหรับเจ้ากระต่ายน้อย ดวงตากลมปรือปรอยก่อนจะปิดสนิท พร้อมสติที่ขาดหาย และเสียงร้องของแมวจรตัวโตที่วิ่งไล่มาไม่หยุด
???? ???? ???? ????
งือ... งี๊ด...
ฟี๊...
เสียงร้องปนเสียงกรนเบา ๆ ดังออกมาจากปากเล็ก ๆ จมูกสีชมพูขยับฟุดฟิด ขยับตัวพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อหามุมสบาย ขยับตัวคลานไปหาความนุ่มและความอบอุ่นที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะขดตัวกลมเป็นก้อนแล้วซุกตัว ซุกหน้าลงกับผ้าผืนนุ่ม
ท่าทางน่ารักนั้นเรียกรอยยิ้มขบขันบนใบหน้าของคนที่นั่งมองอยู่ได้เป็นอย่างดี ศศินกุล หรือ ศิลป์ ค่อย ๆ หยิบผ้าเนื้อนุ่มอีกผืนมาห่มให้เจ้าตัวน้อยบนที่นอน ที่เขาใช้ผ้ามาพับให้หนา ๆ แล้วมาทำเป็นเบาะรองให้เจ้ากระต่ายตัวน้อยขนสีขาวปนเทา
เขาเจอเจ้าตัวน้อยนอนนิ่งอยู่หน้าร้าน เขารีบเข้าไปดูด้วยความเป็นกังวล บนตัวนั้นมีรอยเลือดอยู่หลายจุดในใจคิดว่าเจ้าตัวน้อยคงไม่รอด แต่เขาก็ยังรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจของเจ้าตัวน้อยถึงได้รีบอุ้มพาไปคลีนิคสัตว์แถวนั้น
โชคดีที่เจ้าตัวน้อยไม่เป็นอะไรมาก มีแผลจากการโดนกิ่งไม้เกี่ยวข่วนหลายจุด อุ้งเท้าเล็ก ๆ ทั้งสี่มีแผลถลอก แต่โดยรวมไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต คุณหมอรักษาบาดแผลให้และให้พักที่คลีนิคเพื่อดูอาการสองวัน
เมื่อเย็นหลังจากปิดร้านอาหารเขาก็เลยไปรับเจ้าตัวน้อยมา ซึ่งตั้งแต่คลีนิคจนถึงบ้าน จนเขาจัดเตรียมที่นอนให้ เตรียมถ้วยน้ำ ถ้วยอาหารให้ เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ตอนแรกก็เป็นกังวล แต่เห็นท่าทางหลับสบายก็ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วปล่อยให้นอนต่อ
“ใจคอจะไม่ตื่นมากินข้าวกินน้ำเลยเหรอเจ้าตัวน้อย” ศิลป์ใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มของเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
เขาเป็นคนชอบสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้เลี้ยง เคยตั้งใจว่าหลังจากเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยจะหาโอกาสเลี้ยงสัตว์เลี้ยงให้ได้ แต่ก็ยังไม่ได้เลี้ยงสักที เพราะหลังจากที่ตัดสินใจเปิดร้านอาหารเขาก็ต้องเตรียมทุกอย่างวุ่นวายไปหมด คิดว่าคงไม่มีเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงแน่นอน จนเวลาผ่านเลยไปตอนนี้ร้านอาหารที่เขาเปิดก็มั่นคงพอ ก็ยังไม่มีโอกาสได้เลี้ยงสักที
พอมาเจอเจ้าตัวน้อยแบบนี้ก็เลยอดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“เรามีเจ้าของหรือเปล่า หือ… หายมาหลายวันแบบนี้เขาคงเป็นห่วงแย่แล้วมั้ง แต่แปลกจังถ้ามีเจ้าของก็น่าจะมีสร้อยคอหรืออะไรสิ” ศิลป์ว่าอย่างแปลกใจ ตั้งแต่อุ้มไปคลีนิคจนรับกลับมา เขาไม่เห็นสร้อยหรือปลอกคออะไรเลย ทางคุณหมอเองก็ไม่ได้พูดถึง
โดยปกติแล้วถ้าสัตว์มีเจ้าของ ทางเจ้าของจะต้องสวมปลอดคอหรือติดสัญลักษณ์อะไรเอาไว้เพื่อให้รู้ เผื่อเวลาที่สัตว์เลี้ยงหลุดออกไป คนพบเจอจะได้ติดต่อกลับถูก
“หรือว่าตกอยู่แถวนี้ เอาไว้พรุ่งนี้จะไปตามหาดูให้นะเพื่อเรามีเจ้าของ จะได้ติดต่อเขาถูก” ศิลป์ว่า อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วขยี้ไปบนหัวน้อยเล็ก ๆ ของเจ้าตัวน้อยอย่างมันเขี้ยว ดูเอาเถอะเขานั่งคุยด้วยตั้งขนาดนี้ยังเอาแต่นอนหลับอุตุ ไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาส่ายหน้าเมื่อเห็นว่ายังไงเจ้าตัวน้อยก็ไม่มีทางตื่นมาหาเขาแน่ ๆ ก็ลุกขึ้นเพื่อไปจัดการตัวเองและเตรียมเข้านอนบ้าง
ศิลป์เช็คความเรียบร้อยภายในห้องอีกรอบก่อนจะปิดไฟแล้วตรงไปขึ้นเตียงนอน เขาปิดเปลือกตาลง ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยอยู่ในห้วงของความฝันหลังจากที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
หลังจากที่เจ้าของห้องหลับไปได้ไม่นาน เจ้ากระต่ายตัวน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียงมาตั้งแต่เช้าก็ลืมตาขึ้น เจ้าตัวน้อยบิดขี้เกียจก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวน้อย ๆ หันซ้ายหันขวาอย่างสำรวจทุกอย่าง ก่อนจะหยุดสายตามองที่คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่
ดวงตากลมสีดำจ้องคนนอนหลับอยู่แบบนั้น ก่อนเจ้าตัวน้อยจะกระโดดฟุบมาที่เตียง แล้วเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ ศิลป์ เอียงคอมองอยู่ไม่นานก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ซุกตัวเองหาความอบอุ่นที่ซอกคอของคนหลับ ไม่นานหลังจากนั้นก็หลับตามไปอีกรอบ
เจ้าของห้องรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งในตอนเช้ามืด สัมผัสหนัก ๆ และความอบอุ่นจนเกือบร้อนที่บริเวณซอกคอค่อนข้างสร้างความตื่นตกใจให้ศิลป์พอสมควร แต่เมื่อตั้งสติและสัมผัสถึงขนนุ่ม ๆ ที่ละต้นคออยู่ก็ทำให้เขายิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าอะไรคือเจ้าของสัมผัสเช่นนั้น
เขาเอื้อมมือมาจับเจ้ากระต่ายตัวน้อยออกจากซอกคอ เจ้าตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนิ่งลงเมื่อถูกอุ้มมาวางบนหน้าท้องของเขา
“ตื่นขึ้นมาตอนไหน แถมยังโดดมานอนด้วยกันอีก” ศิลป์ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยที่ใบหน้าเล็กนั้น “เจ้าตัวนุ่มนิ่ม”
ขนสีขาวปนเทาของเจ้าตัวน้อยบนตัวเขานุ่มนิ่ม แล้วก็ลื่นมือเป็นอย่างมากเหมือนได้รับการดูแลมาอย่างดี จนเขาอยากจะยกขึ้นมาฟัดตัวกลม ๆ นั้นหลาย ๆ ที
หลังจากแกล้งหยอกเจ้าก้อนขนอยู่ไม่นานเจ้าตัวน้อยก็ขยับตัวอีกรอบ ดวงตากลมสีดำมองตรงมาที่เขา ก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดโหยงเหยงอย่างตกใจแล้ววิ่งไปอยู่มุมเตียง เรียกเสียงหัวเราะจากศิลป์ได้เป็นอย่างเดี เขาไม่ได้ขยับรุกเข้าหาแต่เปลี่ยนมานอนมองแทน
เขาสังเกตการณ์เจ้าตัวน้อยที่หันซ้ายแลขวาคล้ายกับว่ากำลังสำรวจสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หูสองข้างของเจ้าตัวน้อยพับลง จมูกสีชมพูขยับดุ๊กดิ๊กชวนให้ยื่นนิ้วไปแตะ แต่ก็กลัวว่าถ้าทำแบบนั้นเจ้าตัวน้อยจะตกใจมากกว่าเดิม เขาว่ากันว่ากระต่ายเป็นพวกขี้ตกใจด้วย
เพราะฉะนั้น เขาจึงอดทนรอ...
“ตัวนุ่มนิ่ม” ศิลป์ส่งเสียงออกไป ไม่คิดหรอกว่าจะได้รับความสนใจจากเจ้าก้อนขนสีขาวเทา แต่แล้วเขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่เขาเรียกหันมาเอียงคอมองคล้ายกับว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
จนศิลป์อดคิดไม่ได้ว่าหรือเจ้าตัวนุ่มนิ่มตัวนี้คือ แวร์บีสต์ มนุษย์ที่สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้
แต่ก็คงไม่น่าใช่ เพราะถ้าใช่... เจ้าตัวนุ่มนิ่มก็คงจะกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ไปแล้ว
ศิลป์ยื่นมือออกไปตรงหน้าและรอ รอให้เจ้ากระต่ายน้อยวางใจแล้วยอมเข้าหาเขา ทำคล้ายไม่สนใจแต่จริง ๆ ก็คอยแอบดูเจ้าตัวนุ่มนิ่มอยู่ตลอด นานหลายนาทีที่เขารออยู่แบบนั้น และเจ้าตัวน้อยที่นั่งมองมือเขานิ่ง ๆ ไม่ขยับไปไหน และพอเจ้าตัวเล็กขยับเขาก็แอบคาดหวัง
ลอบมองจมูกสีชมพูที่ขยับฟุดฟิด มองขนนุ่มฟูสีขาวปนเทา มองใบหน้าน้อย ๆ ที่ขยับเข้ามาใกล้มือของเขา มองอุ้งมือที่ยื่นมาแตะมือของเขาก่อนจะดึงกลับแล้วค่อย ๆ ก้าวขึ้นมายืนอยู่บนฝ่ามือของศิลป์ทั้งตัว เจ้าขนฟูเดินย่ำไปมาบนมือของเขา วนรอบตัวเองก่อนจะฟุบตัวลง
ศิลป์ค่อย ๆ ดึงมือตัวเองกลับมา กลัวว่าถ้าขยับมือเร็วเกินไปจะเป็นการรบกวนเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่นอนอยู่บนนั้น อดใจไม่ได้ต้องกดจมูกลงกับลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยขนนุ่ม ๆ ลื่นมือนั้น มองเจ้าตัวน้อยขยับบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะเงยหน้ามองกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าตัวนุ่มนิ่ม กว่าจะยอมตื่นมาเจอกันได้นะ” เขาเอ่ยทักทาย ใช้นิ้วอีกข้างเกลี่ยไปมาบนขนนุ่มนั้น “แผลบนตัวตอนนี้หายแล้วล่ะ กลับมาแข็งแรงแล้วนะ เดี๋ยวจะกลับไปดูตรงที่เจอแกให้ว่ามีปลอกคอหล่นอยู่แถวนั้นหรือเปล่า ถ้ามีเจ้าของ ป่านนี้เจ้านายแกคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
งื๊ด...
“ระหว่างนั้นก็อยู่ด้วยกันก่อนก็ได้ แต่อย่าดื้อ อย่าซนล่ะ เข้าใจไหม”
เขายิ้มขำเมื่อเจ้าตัวน้อยในฝ่ามือไม่สนใจที่จะฟังในสิ่งที่เขาพูดเลย ตอนนี้ดันลุกขึ้นนั่งแล้วใช้อุ้งเท้าตัวเองสองข้างนวดแก้มไปมา “ไม่สนใจกันเลย” ก้มลงไปจุ๊บที่ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว
ศิลป์ใช้เวลาเล่นอยู่กับเจ้าตัวนุ่มนิ่มอยู่นาน ยิ่งเล่นด้วยก็ยิ่งติดจนไม่อยากจะถอยห่าง แต่เพราะตอนนี้สายมากแล้ว ถ้าขืนเขายังเออระเหยอยู่แบบนี้คงเตรียมเปิดร้านไม่ทันแน่นอน แม้จะทำใจยากแต่ก็ต้องลุกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
“รออยู่ในนี้นะ อย่าแอบออกมาซนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวจะแวะขึ้นมาหาบ่อย ๆ” ศิลป์อุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มไปใส่ไว้ในตะกร้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งในนั้นมีทั้งน้ำและอาหารสำหรับกระต่ายเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่ลืมลูบขนนุ่มนั้นไปอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้อง
เขาเดินลงไปที่ชั้นล่างซึ่งเป็นในส่วนของร้านอาหารของเขาเอง พอลงมาถึงก็จะเจอกับมุมนั่งเล่นซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาและเอาไว้สำหรับรับแขกในบางครั้ง ด้านซ้ายเป็นครัวของบ้านและมีห้องน้ำอยู่ใกล้ ๆ กัน ส่วนทางด้านขวามีทางเดินเล็ก ๆ ชื่อมไปยังประตูอีกบานหนึ่ง ซึ่งผนังทางเดินนั้นเป็นกระจกเพื่อไม่ให้ทางเดินดูแคบและอึดอัด แถมยังมองเห็นสวนที่เขาจัดเอาไว้ด้วย
ประตูบานทึบตรงหน้าเขาคือประตูที่เชื่อมไปยังหลังร้านอาหารของเขาเอง ซึ่งคนที่มีกุญแจประตูบานนี้ก็มีแค่เขาคนเดียว พนักงานคนอื่น ๆ ในร้านจะใช้อีกประตูหนึ่งแทน
ร้านอาหารของเขาไม่ใช่ร้านใหญ่โต มีโต๊ะอยู่เพียงสิบกว่าโต๊ะเท่านั้น แต่ลูกค้าประจำมีมากมายด้วยทั้งการบริการที่ดี ใส่ใจลูกค้า สรรหาเมนูใหม่ ๆ ออกมาเสมอ และรสชาติของอาหารที่อร่อยถูกปากใครต่อใคร จนถึงขั้นมีการพูดต่อบอกกล่าว รายการอาหารก็เคยมาถ่ายทำ มาสัมภาษณ์อยู่หลายครั้ง แม้ร้านอาหารจะขายดีขึ้น รายได้จะเพิ่มขึ้น ศิลป์ก็ไม่คิดที่จะขยับขยายกิจการไปไหน เพราะเขาต้องการที่จะเข้าถึงลูกค้าได้ทุกคน และเขาก็พอใจแล้วกับสิ่งที่เป็นอยู่
“วันนี้ลงมาช้านะพี่” เสียงของพนักงานในร้านเอ่ยทักทายเมื่อเห็นศิลป์เดินเข้ามาในครัว
“โทษที พอดีพี่เล่นกับกระต่ายเพลินไปหน่อยน่ะ”
“อ้าว สรุปพี่ได้เลี้ยงกระต่ายแล้วเหรอ” ทุกคนในร้านรู้ดีว่าเจ้าของร้านยังหนุ่มคนนี้คาดหวังอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงน่ารักมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มเลี้ยงสักที “พี่ไปซื้อมาเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ไม่ได้ซื้อมาเลี้ยงหรอก พอดีเจอมันบาดเจ็บอยู่หน้าร้านเลยพาไปหาหมอ เมื่อวานเพิ่งไปรับกลับ แต่ดูแล้วน่าจะมีเจ้าของแต่หาปลอกคอไม่เจอ นี่ก็ว่าจะออกไปดูแถว ๆ นี้หน่อย ระหว่างนี้ก็เลยเลี้ยงชั่วคราวน่ะ”
“นึกว่าพี่ซื้อมาเลี้ยงแล้วซะอีก”
ศิลป์พูดคุยกับพนักงานในร้านต่อเล็กน้อยก่อนจะให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน เขาเดินออกไปหน้าร้านบริเวณที่เจอเจ้าตัวนุ่มนิ่มนอนบาดเจ็บอยู่เพื่อมองหาปลอกคอว่าเผื่อจะมีตกหล่นอยู่แถวนี้ เขาไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนั้นเดินผ่านแถวไหนบ้างเลยได้แต่ไล่ตามหาแถว ๆ รอบร้านในเขตพื้นที่ของตัวเองไปก่อน เพราะใกล้ได้เวลาเปิดร้านแล้ว เอาไว้สะดวก ๆ ค่อยลองหาดูแถว ๆ นี้อีกรอบ
ร้านอาหารของศิลป์เปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงสองทุ่ม พนักงานในร้านทำงานเป็นกะเช้าถึงบ่าย บ่ายถึงเลิกร้านสลับกันไปในแต่ละเดือน
ในช่วงเพิ่งเปิดร้านลูกค้าภายในร้านยังไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นออเดอร์ผ่านทางเดลิเวอร์รี่ จนกระทั่งช่วงสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายโมงจะเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้ามาแทบจะแน่นร้าน ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นเหล่าพนักงานบริษัทมาใช้บริการ ส่วนช่วงบ่าย ๆ จะเป็นเหล่านักศึกษา เพราะที่ตั้งของร้านอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย แล้วก็อาคารสำนักงานหลายอาคาร ทำให้ตลอดวันมีลูกค้าแวะเวียนมาตลอด
ศิลป์ใช้เวลาช่วงบ่ายหลังจากที่ลูกค้าเริ่มซาลงกลับขึ้นไปบนห้องส่วนตัวเพื่อดูเจ้ากระต่ายตัวน้อยว่าเป็นยังไงบ้าง เขาหลุดยิ้มเมื่อเห็นเจ้าก้อนขนยึดเตียงนอนของเขาหลับสบาย ไม่รู้ว่าออกจากตะกร้ามาได้ยังไง
เจ้าตัวขนสีขาวปนเทานอนขดอยู่กลางเตียงนอนหลังใหญ่ ท่าทางสบายจนเขาไม่กล้าส่งเสียงดังด้วยกลัวว่าจะเป็นการรบกวน แต่ก็กลัวว่าที่นอนจะนุ่มไม่พอก็เลยเอาผ้าผืนนุ่มอีกผืนมาวางไว้ใกล้ ๆ เผื่อเจ้าตัวน้อยจะพลิกตัวขึ้นมานอน เดินไปเติมของกินให้จนเต็มแล้วค่อย ๆ เดินออกจากห้องนอนไป
???? ???? ???? ????
“อร่อยไหม” ศิลป์ถามเจ้าตัวนุ่มนิ่มในขณะที่ป้อนขนมให้ ด้วยกลัวว่าเจ้ากระต่ายน้อยจะเบื่ออาหารเขาก็เลยไปสรรหาขนมสำหรับกระต่ายมาให้ สุดท้ายก็ได้เป็นคุกกี้สอดไส้ครีมแครอทมา
เจ้ากระต่ายน้อยอยู่กับเขาได้สองวันแล้ว ซึ่งสองวันมานี้เขาก็เดินหาปลอกคอหรือสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของของเจ้าตัวน้อยอยู่ตลอดแต่ก็ยังไม่เจอ จนอดคิดไม่ได้ว่าหรือเจ้าตัวน้อยจะไม่มีเจ้าของ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เขาก็พร้อมที่จะรับเลี้ยงเอาไว้
ศิลป์มองเจ้าก้อนขนเคี้ยวคุกกี้หนุบหนับด้วยความเร็วก็ยกยิ้ม ป้อนขนมให้อีกชิ้นเมื่อเจ้าตัวกินชิ้นแรกหมดไปแล้ว และเงยหน้ามองเขาคล้ายจะบอกว่าอยากได้อีก
“กินเก่งแบบนี้อีกไม่นานอ้วนตุแน่เลย” ยื่นนิ้วไปจิ้มพุงป่อง ๆ ของเจ้าตัวน้อย ซึ่งพอโดนเขาแกล้งแบบนั้นเจ้าตัวน้อยก็หันหลังให้แต่ก็ยังไม่วายกินขนมไม่หยุด
“กินเสร็จแล้วก็ต้องเป็นเด็กดีรู้ไหม ต้องลงไปที่ร้านแล้ว อย่าดื้อ อย่าซนล่ะ” ศิลป์อุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มของเขาไปไว้ในตะกร้าตามเดิม แม้จะรู้ว่าอีกเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยก็จะหาทางออกมานอนเล่นอยู่บนเตียงของเขาก็ตาม
ศิลป์เช็คน้ำ เช็คอาหารของเจ้าตัวนุ่มนิ่มจนแน่ใจว่ามีพร้อมก็เดินออกจากห้องเพื่อลงไปที่ร้าน
ช่วงบ่ายแบบนี้แม้ลูกค้าจะไม่เยอะจนโต๊ะเต็มแต่ก็มีแวะเวียนมาไม่ขาดสายนั่นทำให้เขายกยิ้มกว้าง แวะเข้าไปลงมือในครัวผลัดเปลี่ยนให้พ่อครัวแม่ครัวของเขาได้พักบ้าง ก่อนจะออกมาจากในครัวอีกครั้งก็ตอนที่เสิร์ฟอาหารลูกค้าโต๊ะล่าสุดเสร็จ
“พี่ออกไปเดินแถวนี้นะ” ห้นไปบอกน้องในร้าน ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินออกไปด้านนอก
เขาตั้งใจว่าจะลองหาปลอกคอหรือสัญลักษณ์บ่งบอกถึงเจ้าของของเจ้าตัวนุ่มนิ่มดูอีกครั้ง ถ้าหากครั้งนี้ไม่เจอก็ตั้งใจว่าจะเลี้ยงเอาไว้เอง แต่ถ้าเจอจะได้ติดต่อหาเจ้าของและให้เขามารับไป
“ที่พื้นก็ไม่เห็นจะมีเลย หรือโดนกวาดขยะไปหมดแล้วนะ” ศิลป์พึมพำกับตัวเอง หลังจากที่เดินวนแถว ๆ หน้าร้าน รวมไปถึงสวนที่อยู่ติดกับร้านของเขา
เสียงสั่นไหวของพุ่มไม้ดังขึ้นเรียกสายตาของเขาให้หันไปมอง ก่อนที่เขาจะเห็นเจ้าแมวตัวกลมเดินออกจากในพุ่มไม้นั้น เจ้าตัวกลมหันมามองเขาก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง พอเห็นท่าทางแบบนั้นเขาก็ยิ้ม รู้สึกเอ็นดูสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก น่ารักไปหมดทุกอย่าง
“หรือว่าจะติดตามพุ่มไม้นะ” เขานึกขึ้นมาได้ เนื้อตัวเจ้าตัวนุ่มนิ่มมีรอยแผลอยู่เยอะแต่ไม่ลึก อาจจะเป็นตอนเจ้าตัวน้อยมุดลอดพุ่มไม้ก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็เริ่มค่อย ๆ แหวกพุ่มไม้ออก ระวังไม่ให้โดนกิ่งก้านของพุ่มไม้ข่วนเข้าให้
ใช้เวลาหาอยู่เป็นสิบ ยี่สิบนาทีก็ไม่เจอจนนึกถอดใจ ตลอดแนวเขตที่ดินฝั่งที่ติดกับร้านของเขาเป็นพุ่มไม้ยาวไปตลอดแนว เพราะส่วนใหญ่คนนิยมปลูกพุ่มไม้หรือไม้เตี้ยเป็นแนวรั้วแทนทำกำแพงสูงเหมือนสมัยก่อนที่มีโจรกรรมเยอะ แต่ยุคสมัยนี้เรียกว่าน้อยมากจนแทบไม่มี คนก็หันมาปลูกต้นไม้กันเยอะขึ้นด้วย
“หาไม่เจอเลยแหะ” ศิลป์เกือบจะถอดใจในการหา เขาละมือ และยันตัวลุกขึ้นยืน แต่ในจังหวะนั้นก็เห็นสร้อยสีเงินห้อยอยู่ในพุ่มไม้ เขาเอื้อมมือไปหยิบด้วยความสงสัย ลักษณะคล้ายสร้อยข้อมือมีจี้เป็นป้ายแท็กที่มีสลักชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ แถมมีสลักเป็นรูปกระต่ายเอาไว้ด้วย
ค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นของเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่นอนหลับอุตุอยู่บนห้องของเขาแน่นอน แม้จะอยู่ด้วยไม่กี่วันแต่เขาก็หลงรักเจ้าตัวน้อยนี้เข้าเต็มเปาแล้ว พอคิดว่าจะต้องส่งคืนเจ้าของตัวจริงก็แอบเศร้าอยู่เหมือนกัน แต่จะทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ติดต่อไปเขาก็ทำไม่ได้ ลองคิดกลับกันถ้าหากเป็นเขา เขาก็คงเสียใจมากที่เจ้ากระต่ายตัวน้อยหายไปแบบนี้
ศิลป์เดินกลับขึ้นไปบนห้องหลังจากปิดร้านเรียบร้อยแล้ว เป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยล้าแต่เขาก็มีความสุข เขารักการทำร้านอาหารนี้ เพราะฉะนั้นแม้จะเหนื่อยเขาก็มีความสุข เดินเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำจนเรียบร้อยก็เดินมาดูเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่ยึดพื้นที่บนเตียงของเขาเอาไว้
“ของเราใช่ไหม” ศิลป์ชูสร้อยเงินที่มีป้ายแท็กตรงหน้าเจ้ากระต่ายน้อย มันเอียงคอมองอย่างสนใจก่อนจะยกอุ้งมือขึ้นจับ ท่าทางคล้ายกับดีใจที่เห็น “จำของตัวเองได้ด้วย เก่งจัง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรหาเจ้าของให้นะ ป่านนี้เขาคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
เจ้ากระต่ายน้อยหันมามองหน้าของเขาก่อนจะมองสร้อยเส้นนั้นสลับกันไปมา ท่าทางน่าเอ็นดูจนศิลป์ต้องหยิบโทรศัพท์มาอัดวีดิโอเอาไว้ ภายในเวลาแค่สองวันอัลบั้มรูปของเขาเต็มไปด้วยรูปและคลิปของเจ้าตัวนุ่มนิ่มเต็มไปหมด
“ง่วงนอนหรือยัง ไปนอนไหม” ศิลป์เอาสร้อยไปวางไว้ข้างเตียงก่อนจะหันมาอุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มเพื่อไปวางไว้ในตะกร้าตาม แต่เจ้าตัวน้อยกลับกอดมือของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย พอใช้มืออีกข้างจับก็ส่งเสียงคล้ายกำลังไม่พอใจจนเขาแทบจะเกาหัว “ทำไม ยังไม่ง่วงนอนหรือไม่อยากนอนในตะกร้าหือ”
“จะไม่ลงตะกร้าจริง ๆ เหรอ” ยกเจ้าตัวน้อยขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือของเขาแน่ ๆ ก็ยอมใจอ่อน
ศิลป์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลังใหญ่ เขาวางเจ้าตัวนุ่มนิ่มไว้บนหน้าท้อง มองดูเจ้าตัวเล็กขยับตัวไปมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือคิดอะไรอยู่ เอาแต่ใช้อุ้งเท้าแตะไปทั่วหน้าท้องของเขาสลับกับเงยหน้าขึ้นมามองกัน เดี๋ยวก็เดินดุ๊กดิ๊กขึ้นมาบนอก เดี๋ยวก็เดินลงไปใหม่ ซึ่งตลอดเวลาเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพความน่ารักนั้นเอาไว้ตลอด
จนเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะเหนื่อย หรือไม่ก็พึงพอใจกับการสำรวจตัวเขาแล้วถึงได้หยุดเดิน เปลี่ยนมานอนฟุบอยู่บนตัวของเขาแทน ทันเห็นปากเล็ก ๆ หาว ดวงตากลมสีดำสนิทนั้นปรือก่อนจะปิดลง ไม่นานเจ้าตัวน้อยก็หลับ แต่เขานี่สิจะต้องทำยังไงต่อไป
จะขยับตัวก็ไม่กล้ากลัวว่าเจ้าก้อนขนฟูจะตื่น จะอุ้มลงก็กลัวว่าตัวเองจะจับแรงไปจนตื่น ไม่ว่าจะแบบไหนก็กลัวทำเจ้าตัวน้อยตื่นทุกทาง แม้แต่จะถอนหายใจแรง ๆ ยังไม่กล้า ได้แต่ค่อย ๆ พ่นลมหายใจออกมาช้า ๆ
นึกแล้วก็ได้แต่ขำตัวเองกับความเป็นทาสเจ้ากระต่ายน้อย
ศิลป์ค่อย ๆ ลูบขนนุ่มมือนั้น นอนมองเจ้าตัวเล็กหลับอย่างสบายอกสบายใจอย่างเพลินตา สุดท้ายเขาก็เผลอหลับไปทั้งแบบนั้น หลับไปโดยมีเจ้ากระต่ายน้อยนอนหลับอยู่บนตัว
???? ???? ???? ????
“สวัสดีครับ ใช่คุณจันทร์ เจ้าของน้องกระต่ายที่ชื่อมูน... หรือเปล่าครับ” ศิลป์กดโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่สลักเอาไว้บนป้ายแท็ก เขาบอกลักษณะของเจ้าตัวนุ่มนิ่มให้คนปลายสายฟัง “พอดีผมเพิ่งเจอป้ายแท็กนี้น่ะครับ หลายวันก่อนผมเจอน้องแถวบ้านผม เหมือนจะบาดเจ็บก็เลยพาไปรักษามาแต่ตอนนั้นผมไม่เห็นป้ายแท็กก็เลยไม่ได้ติดต่อไป เพิ่งจะมาเจอหล่นอยู่แถว ๆ บ้านผมก็เลยติดต่อมานี่แหละครับ คิดว่าคุณน่าจะเป็นห่วงน้อง”
น้ำเสียงของคนปลายสายเป็นกังวลจนศิลป์รับรู้ได้ คงจะเป็นห่วงเจ้าตัวน้อยมากแน่ ๆ ศิลป์คุยกับปลายต่ออีกหลายประโยคก่อนจะวางไป ได้ความว่าวันนี้ทางนั้นจะเข้ามาหาเพื่อมารับตัวเจ้าตัวนุ่มนิ่มกลับไป แม้จะแอบเหงาแต่เขาก็ดีใจที่เจ้าตัวน้อยจะได้กลับไปอยู่กับเจ้าของ
“เดี๋ยวคุณจันทร์จะเข้ามารับนะ จะได้กลับบ้านแล้วดีใจไหม” ศิลป์หันไปพูดกับเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่ยังคงปักหลักยึดพื้นที่บนเตียงกว้างของเขา
เจ้าตัวน้อยยืนสองขาก่อนจะขยับเดินมาหาเขา ใช้สองมือแตะที่มือของศิลป์ “กลับไปแล้วคงจะต้องคิดถึงมากแน่ ๆ เลย”
ศิลป์หัวเราะเมื่อเจ้าตัวน้อยพยายามที่จะปีนตัวเขา เห็นแบบนั้นก็เลยอุ้มขึ้นมาแล้วกอดเอาไว้ ใบหน้าและลำตัวเล็ก ๆ นั้นแนบไปกับไหล่ของเขา “กลับบ้านไปแล้วก็เป็นเด็กดี อย่าเที่ยวซนแบบนี้อีกรู้ไหม ถ้าคราวหลังหลงไปเจอคนใจร้ายขึ้นมาจะแย่นะรู้ไหม”
หัวเล็ก ๆ ไถไปมากับไหล่ของเขา เพิ่งจะเคยเจอกระต่ายอ้อน หัวใจของศิลป์ละลายไปหมดแล้ว เป็นแค่เจ้าตัวนุ่มนิ่มแต่ต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ
ตลอดช่วงเช้าเขาเลยใช้เวลาเล่นอยู่กับเจ้ากระต่ายน้อยไม่ไปไหน ป้อนขนมให้ ลูบขนให้ เป็นเบาะรองให้นอน รวมไปถึงเช็ดตัวทำความสะอาดให้ด้วย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสายตาของศิลป์ให้หันไปมอง เป็นเจ้าของเจ้าตัวน้อยโทรมาหาเขา พูดคุยกันสักพักได้ความว่าอีกฝ่ายมาถึงแล้วและรออยู่หน้าร้าน
เขาจัดการอุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มขึ้นมาพร้อมหยิบขนมที่ซื้อมาไว้ให้เจ้าตัวน้อยติดมือลงไปด้วย วางตัวนุ่มนิ่มบนโต๊ะโซนหน้าร้าน วันนี้เป็นวันหยุดของร้านจึงไม่มีใครอยู่
ศิลป์เดินไปต้อนรับคุณจันทร์เจ้าของตัวนุ่มนิ่ม เชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้ามาก่อน คุณจันทร์เป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก ยังดูงดงามแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าสู่วัยกลางคนแล้วก็ตาม
“น้ำครับ เป็นน้ำสมุนไพรผมทำเอง เชิญตามสบานเลยนะครับ” ศิลป์ยกน้ำมาเสิร์ฟให้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ซึ่งบนโต๊ะก็มีเจ้ากระต่ายนั่งอยู่
“ขอบคุณนะคะคุณศิลป์ แล้วก็ขอโทษด้วยที่น้องมารบกวนคุณ ลำบากคุณต้องพาไปหาหมอแล้วก็ช่วยดูแล” คุณจันทร์ว่า เธอยื่นมือไปลูบลำตัวของเจ้าตัวน้อยอย่างรักใคร่ “ไม่ทราบว่าค่ารักษาเท่าไหร่… เดี๋ยวน้า…”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องขอคืนหรืออะไร ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ”
“ยังไงน้าก็ต้องขอบคุณมากเลยค่ะที่ดูแลน้องอย่างดี ดูสิเรา ซนจนได้เรื่องเลยนะ” เธอหันมาดุเจ้าตัวน้อย
เจ้าตัวนุ่มนิ่มเดินเข้าไปกอดแขนพลางให้หัวถูไถไปมาอย่างออดอ้อน
“น้องชอบซนออกมานอกบ้านเหรอครับ”
“ค่ะ ดูเหมือนจะเรียบร้อยใช่ไหมคะ แต่ซนมากเลยค่ะ เถียงเก่งด้วยนะคะ ทำตัวไม่เหมือนเป็นกระต่ายเลย”
ศิลป์ยิ้ม แค่นึกภาพตามหัวใจเขาก็ละลายแล้ว แค่โดนเจ้าตัวนุ่มนิ่มอ้อนหน่อยเดียวเขาก็ยอมแพ้แล้ว อยากเห็นตอนเจ้าตัวน้อยเถียงเลย
คุณจันทร์มองเจ้าตัวน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกรอบ “ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลน้องให้ แล้วยังไงน้าขอตัวก่อนนะคะ ไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว”
“ครับ ส่วนนี่… เป็นขนมที่ผมซื้อเอาไว้ให้เขาครับ ผมฝากกลับไปด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ศิลป์เดินไปส่งที่หน้าประตู เขายกมือไหว้คนอายุมากกว่าก่อนจะโบกมือลาเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณจันทร์ และกำลังมองตรงมาที่เขาไม่ละสายตา
“บ๊ายบาย มีโอกาสไว้เจอกันใหม่นะเจ้าตัวนุ่มนิ่ม”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ แล้วก็… ถ้ามีอะไรที่เด็กคนนี้ทำให้คุณต้องลำบากอีก น้าก็ต้องขอโทษเอาไว้ด้วยนะคะ น้าขอตัวค่ะ” พูดจบก็เดินออกไป ปล่อยให้ศิลป์ยืนทำความเข้าใจกับประโยคนั้น
“หมายความว่ายังไงกันนะ” แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงเขาก็ไม่เข้าใจและตีความหมายไม่ออก เขาจึงเลิกสนใจไป
ในวันหยุดแบบนี้ปกติแล้วศิลป์มักจะหมกตัวเองอยู่ในครัวเพื่อคิดหาเมนูใหม่ ๆ สำหรับวางขายในร้าน แต่วันนี้เหมือนจิตใจของเขาจะไม่พร้อมในการคิดหาเมนูใหม่เลย
น่าแปลกที่คนเราจะรู้สึกผูกผันกับใครหรืออะไรสักอย่างมากขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน
ถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดคลิปเจ้าตัวนุ่มนิ่มดูแก้เหงา
หรือว่าเขาจะต้องมีเจ้าตัวนุ่มนิ่มเป็นของตัวเองกันนะ
???? ???? ???? ????
???? กระต่ายหมายจันทร์ ????
หมายจันทร์ ครั้งที่ 1
???? ????
แง๊ว!
งี๊ด... งี๊ด...
เสียงร้องของแมวกับสัตว์อีกชนิดดังขึ้นภายใต้ความมืดยามค่ำคืน เสียงพุ่มไม้สั่นไหวคล้ายกับมีอะไรบางอย่างวิ่งผ่าน แสงจันทร์ และแสงสว่างจากโคมไฟข้างทางส่องสว่างพอให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่วิ่งออกมาจากพุ่มไม้ กระต่ายน้อยเนื้อตัวมอมแมมพยายามอย่างยิ่งที่จะวิ่งหนีจากสิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่กว่าอย่างแมวจร เจ้าตัวน้อยวิ่งเท่าที่เรี่ยวแรงและความเร็วของกระต่ายจะวิ่งได้ มุดเข้าพุ่มไม้นี้ ออกพุ่มไม้โน้น จนเนื้อตัวโดนกิ่งไม้ข่วนแทบจะทั้งตัว
แง๊ว!
เสียงเจ้าแมวจรดังตามหลังมาติด ๆ ทำเอาเจ้ากระต่ายน้อยตัวสั่น หันซ้ายแลขวาก่อนจะมุดเข้าพุ่มไม้ข้าง ๆ ทะลุออกไปอีกฝั่ง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงแมวและเสียงพุ่มไม้สั่นดังตามมาไม่หยุด
ไม่รู้ว่าวิ่งหนีเจ้าแมวนานแค่ไหน แต่มันยาวนานในความรู้สึกของเจ้ากระต่ายน้อย เหนื่อยล้าจนแทบจะหมดลมหายใจ สุดท้ายก็ได้แต่หยุดนิ่ง
เนื้อตัวมีแต่รอยแผล แถมอากาศภายนอกในยามดึกของช่วงปลายปีแบบนี้ก็ยิ่งหนาวเย็น และมันก็ยิ่งหนาวสำหรับเจ้ากระต่ายน้อย ดวงตากลมปรือปรอยก่อนจะปิดสนิท พร้อมสติที่ขาดหาย และเสียงร้องของแมวจรตัวโตที่วิ่งไล่มาไม่หยุด
???? ???? ???? ????
งือ... งี๊ด...
ฟี๊...
เสียงร้องปนเสียงกรนเบา ๆ ดังออกมาจากปากเล็ก ๆ จมูกสีชมพูขยับฟุดฟิด ขยับตัวพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อหามุมสบาย ขยับตัวคลานไปหาความนุ่มและความอบอุ่นที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะขดตัวกลมเป็นก้อนแล้วซุกตัว ซุกหน้าลงกับผ้าผืนนุ่ม
ท่าทางน่ารักนั้นเรียกรอยยิ้มขบขันบนใบหน้าของคนที่นั่งมองอยู่ได้เป็นอย่างดี ศศินกุล หรือ ศิลป์ ค่อย ๆ หยิบผ้าเนื้อนุ่มอีกผืนมาห่มให้เจ้าตัวน้อยบนที่นอน ที่เขาใช้ผ้ามาพับให้หนา ๆ แล้วมาทำเป็นเบาะรองให้เจ้ากระต่ายตัวน้อยขนสีขาวปนเทา
เขาเจอเจ้าตัวน้อยนอนนิ่งอยู่หน้าร้าน เขารีบเข้าไปดูด้วยความเป็นกังวล บนตัวนั้นมีรอยเลือดอยู่หลายจุดในใจคิดว่าเจ้าตัวน้อยคงไม่รอด แต่เขาก็ยังรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจของเจ้าตัวน้อยถึงได้รีบอุ้มพาไปคลีนิคสัตว์แถวนั้น
โชคดีที่เจ้าตัวน้อยไม่เป็นอะไรมาก มีแผลจากการโดนกิ่งไม้เกี่ยวข่วนหลายจุด อุ้งเท้าเล็ก ๆ ทั้งสี่มีแผลถลอก แต่โดยรวมไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต คุณหมอรักษาบาดแผลให้และให้พักที่คลีนิคเพื่อดูอาการสองวัน
เมื่อเย็นหลังจากปิดร้านอาหารเขาก็เลยไปรับเจ้าตัวน้อยมา ซึ่งตั้งแต่คลีนิคจนถึงบ้าน จนเขาจัดเตรียมที่นอนให้ เตรียมถ้วยน้ำ ถ้วยอาหารให้ เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ตอนแรกก็เป็นกังวล แต่เห็นท่าทางหลับสบายก็ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วปล่อยให้นอนต่อ
“ใจคอจะไม่ตื่นมากินข้าวกินน้ำเลยเหรอเจ้าตัวน้อย” ศิลป์ใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มของเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
เขาเป็นคนชอบสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้เลี้ยง เคยตั้งใจว่าหลังจากเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยจะหาโอกาสเลี้ยงสัตว์เลี้ยงให้ได้ แต่ก็ยังไม่ได้เลี้ยงสักที เพราะหลังจากที่ตัดสินใจเปิดร้านอาหารเขาก็ต้องเตรียมทุกอย่างวุ่นวายไปหมด คิดว่าคงไม่มีเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงแน่นอน จนเวลาผ่านเลยไปตอนนี้ร้านอาหารที่เขาเปิดก็มั่นคงพอ ก็ยังไม่มีโอกาสได้เลี้ยงสักที
พอมาเจอเจ้าตัวน้อยแบบนี้ก็เลยอดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“เรามีเจ้าของหรือเปล่า หือ… หายมาหลายวันแบบนี้เขาคงเป็นห่วงแย่แล้วมั้ง แต่แปลกจังถ้ามีเจ้าของก็น่าจะมีสร้อยคอหรืออะไรสิ” ศิลป์ว่าอย่างแปลกใจ ตั้งแต่อุ้มไปคลีนิคจนรับกลับมา เขาไม่เห็นสร้อยหรือปลอกคออะไรเลย ทางคุณหมอเองก็ไม่ได้พูดถึง
โดยปกติแล้วถ้าสัตว์มีเจ้าของ ทางเจ้าของจะต้องสวมปลอดคอหรือติดสัญลักษณ์อะไรเอาไว้เพื่อให้รู้ เผื่อเวลาที่สัตว์เลี้ยงหลุดออกไป คนพบเจอจะได้ติดต่อกลับถูก
“หรือว่าตกอยู่แถวนี้ เอาไว้พรุ่งนี้จะไปตามหาดูให้นะเพื่อเรามีเจ้าของ จะได้ติดต่อเขาถูก” ศิลป์ว่า อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วขยี้ไปบนหัวน้อยเล็ก ๆ ของเจ้าตัวน้อยอย่างมันเขี้ยว ดูเอาเถอะเขานั่งคุยด้วยตั้งขนาดนี้ยังเอาแต่นอนหลับอุตุ ไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาส่ายหน้าเมื่อเห็นว่ายังไงเจ้าตัวน้อยก็ไม่มีทางตื่นมาหาเขาแน่ ๆ ก็ลุกขึ้นเพื่อไปจัดการตัวเองและเตรียมเข้านอนบ้าง
ศิลป์เช็คความเรียบร้อยภายในห้องอีกรอบก่อนจะปิดไฟแล้วตรงไปขึ้นเตียงนอน เขาปิดเปลือกตาลง ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยอยู่ในห้วงของความฝันหลังจากที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
หลังจากที่เจ้าของห้องหลับไปได้ไม่นาน เจ้ากระต่ายตัวน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียงมาตั้งแต่เช้าก็ลืมตาขึ้น เจ้าตัวน้อยบิดขี้เกียจก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวน้อย ๆ หันซ้ายหันขวาอย่างสำรวจทุกอย่าง ก่อนจะหยุดสายตามองที่คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่
ดวงตากลมสีดำจ้องคนนอนหลับอยู่แบบนั้น ก่อนเจ้าตัวน้อยจะกระโดดฟุบมาที่เตียง แล้วเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ ศิลป์ เอียงคอมองอยู่ไม่นานก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ซุกตัวเองหาความอบอุ่นที่ซอกคอของคนหลับ ไม่นานหลังจากนั้นก็หลับตามไปอีกรอบ
เจ้าของห้องรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งในตอนเช้ามืด สัมผัสหนัก ๆ และความอบอุ่นจนเกือบร้อนที่บริเวณซอกคอค่อนข้างสร้างความตื่นตกใจให้ศิลป์พอสมควร แต่เมื่อตั้งสติและสัมผัสถึงขนนุ่ม ๆ ที่ละต้นคออยู่ก็ทำให้เขายิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าอะไรคือเจ้าของสัมผัสเช่นนั้น
เขาเอื้อมมือมาจับเจ้ากระต่ายตัวน้อยออกจากซอกคอ เจ้าตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนิ่งลงเมื่อถูกอุ้มมาวางบนหน้าท้องของเขา
“ตื่นขึ้นมาตอนไหน แถมยังโดดมานอนด้วยกันอีก” ศิลป์ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยที่ใบหน้าเล็กนั้น “เจ้าตัวนุ่มนิ่ม”
ขนสีขาวปนเทาของเจ้าตัวน้อยบนตัวเขานุ่มนิ่ม แล้วก็ลื่นมือเป็นอย่างมากเหมือนได้รับการดูแลมาอย่างดี จนเขาอยากจะยกขึ้นมาฟัดตัวกลม ๆ นั้นหลาย ๆ ที
หลังจากแกล้งหยอกเจ้าก้อนขนอยู่ไม่นานเจ้าตัวน้อยก็ขยับตัวอีกรอบ ดวงตากลมสีดำมองตรงมาที่เขา ก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดโหยงเหยงอย่างตกใจแล้ววิ่งไปอยู่มุมเตียง เรียกเสียงหัวเราะจากศิลป์ได้เป็นอย่างเดี เขาไม่ได้ขยับรุกเข้าหาแต่เปลี่ยนมานอนมองแทน
เขาสังเกตการณ์เจ้าตัวน้อยที่หันซ้ายแลขวาคล้ายกับว่ากำลังสำรวจสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หูสองข้างของเจ้าตัวน้อยพับลง จมูกสีชมพูขยับดุ๊กดิ๊กชวนให้ยื่นนิ้วไปแตะ แต่ก็กลัวว่าถ้าทำแบบนั้นเจ้าตัวน้อยจะตกใจมากกว่าเดิม เขาว่ากันว่ากระต่ายเป็นพวกขี้ตกใจด้วย
เพราะฉะนั้น เขาจึงอดทนรอ...
“ตัวนุ่มนิ่ม” ศิลป์ส่งเสียงออกไป ไม่คิดหรอกว่าจะได้รับความสนใจจากเจ้าก้อนขนสีขาวเทา แต่แล้วเขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่เขาเรียกหันมาเอียงคอมองคล้ายกับว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
จนศิลป์อดคิดไม่ได้ว่าหรือเจ้าตัวนุ่มนิ่มตัวนี้คือ แวร์บีสต์ มนุษย์ที่สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้
แต่ก็คงไม่น่าใช่ เพราะถ้าใช่... เจ้าตัวนุ่มนิ่มก็คงจะกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ไปแล้ว
ศิลป์ยื่นมือออกไปตรงหน้าและรอ รอให้เจ้ากระต่ายน้อยวางใจแล้วยอมเข้าหาเขา ทำคล้ายไม่สนใจแต่จริง ๆ ก็คอยแอบดูเจ้าตัวนุ่มนิ่มอยู่ตลอด นานหลายนาทีที่เขารออยู่แบบนั้น และเจ้าตัวน้อยที่นั่งมองมือเขานิ่ง ๆ ไม่ขยับไปไหน และพอเจ้าตัวเล็กขยับเขาก็แอบคาดหวัง
ลอบมองจมูกสีชมพูที่ขยับฟุดฟิด มองขนนุ่มฟูสีขาวปนเทา มองใบหน้าน้อย ๆ ที่ขยับเข้ามาใกล้มือของเขา มองอุ้งมือที่ยื่นมาแตะมือของเขาก่อนจะดึงกลับแล้วค่อย ๆ ก้าวขึ้นมายืนอยู่บนฝ่ามือของศิลป์ทั้งตัว เจ้าขนฟูเดินย่ำไปมาบนมือของเขา วนรอบตัวเองก่อนจะฟุบตัวลง
ศิลป์ค่อย ๆ ดึงมือตัวเองกลับมา กลัวว่าถ้าขยับมือเร็วเกินไปจะเป็นการรบกวนเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่นอนอยู่บนนั้น อดใจไม่ได้ต้องกดจมูกลงกับลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยขนนุ่ม ๆ ลื่นมือนั้น มองเจ้าตัวน้อยขยับบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะเงยหน้ามองกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าตัวนุ่มนิ่ม กว่าจะยอมตื่นมาเจอกันได้นะ” เขาเอ่ยทักทาย ใช้นิ้วอีกข้างเกลี่ยไปมาบนขนนุ่มนั้น “แผลบนตัวตอนนี้หายแล้วล่ะ กลับมาแข็งแรงแล้วนะ เดี๋ยวจะกลับไปดูตรงที่เจอแกให้ว่ามีปลอกคอหล่นอยู่แถวนั้นหรือเปล่า ถ้ามีเจ้าของ ป่านนี้เจ้านายแกคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
งื๊ด...
“ระหว่างนั้นก็อยู่ด้วยกันก่อนก็ได้ แต่อย่าดื้อ อย่าซนล่ะ เข้าใจไหม”
เขายิ้มขำเมื่อเจ้าตัวน้อยในฝ่ามือไม่สนใจที่จะฟังในสิ่งที่เขาพูดเลย ตอนนี้ดันลุกขึ้นนั่งแล้วใช้อุ้งเท้าตัวเองสองข้างนวดแก้มไปมา “ไม่สนใจกันเลย” ก้มลงไปจุ๊บที่ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว
ศิลป์ใช้เวลาเล่นอยู่กับเจ้าตัวนุ่มนิ่มอยู่นาน ยิ่งเล่นด้วยก็ยิ่งติดจนไม่อยากจะถอยห่าง แต่เพราะตอนนี้สายมากแล้ว ถ้าขืนเขายังเออระเหยอยู่แบบนี้คงเตรียมเปิดร้านไม่ทันแน่นอน แม้จะทำใจยากแต่ก็ต้องลุกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
“รออยู่ในนี้นะ อย่าแอบออกมาซนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวจะแวะขึ้นมาหาบ่อย ๆ” ศิลป์อุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มไปใส่ไว้ในตะกร้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งในนั้นมีทั้งน้ำและอาหารสำหรับกระต่ายเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่ลืมลูบขนนุ่มนั้นไปอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้อง
เขาเดินลงไปที่ชั้นล่างซึ่งเป็นในส่วนของร้านอาหารของเขาเอง พอลงมาถึงก็จะเจอกับมุมนั่งเล่นซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาและเอาไว้สำหรับรับแขกในบางครั้ง ด้านซ้ายเป็นครัวของบ้านและมีห้องน้ำอยู่ใกล้ ๆ กัน ส่วนทางด้านขวามีทางเดินเล็ก ๆ ชื่อมไปยังประตูอีกบานหนึ่ง ซึ่งผนังทางเดินนั้นเป็นกระจกเพื่อไม่ให้ทางเดินดูแคบและอึดอัด แถมยังมองเห็นสวนที่เขาจัดเอาไว้ด้วย
ประตูบานทึบตรงหน้าเขาคือประตูที่เชื่อมไปยังหลังร้านอาหารของเขาเอง ซึ่งคนที่มีกุญแจประตูบานนี้ก็มีแค่เขาคนเดียว พนักงานคนอื่น ๆ ในร้านจะใช้อีกประตูหนึ่งแทน
ร้านอาหารของเขาไม่ใช่ร้านใหญ่โต มีโต๊ะอยู่เพียงสิบกว่าโต๊ะเท่านั้น แต่ลูกค้าประจำมีมากมายด้วยทั้งการบริการที่ดี ใส่ใจลูกค้า สรรหาเมนูใหม่ ๆ ออกมาเสมอ และรสชาติของอาหารที่อร่อยถูกปากใครต่อใคร จนถึงขั้นมีการพูดต่อบอกกล่าว รายการอาหารก็เคยมาถ่ายทำ มาสัมภาษณ์อยู่หลายครั้ง แม้ร้านอาหารจะขายดีขึ้น รายได้จะเพิ่มขึ้น ศิลป์ก็ไม่คิดที่จะขยับขยายกิจการไปไหน เพราะเขาต้องการที่จะเข้าถึงลูกค้าได้ทุกคน และเขาก็พอใจแล้วกับสิ่งที่เป็นอยู่
“วันนี้ลงมาช้านะพี่” เสียงของพนักงานในร้านเอ่ยทักทายเมื่อเห็นศิลป์เดินเข้ามาในครัว
“โทษที พอดีพี่เล่นกับกระต่ายเพลินไปหน่อยน่ะ”
“อ้าว สรุปพี่ได้เลี้ยงกระต่ายแล้วเหรอ” ทุกคนในร้านรู้ดีว่าเจ้าของร้านยังหนุ่มคนนี้คาดหวังอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงน่ารักมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มเลี้ยงสักที “พี่ไปซื้อมาเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ไม่ได้ซื้อมาเลี้ยงหรอก พอดีเจอมันบาดเจ็บอยู่หน้าร้านเลยพาไปหาหมอ เมื่อวานเพิ่งไปรับกลับ แต่ดูแล้วน่าจะมีเจ้าของแต่หาปลอกคอไม่เจอ นี่ก็ว่าจะออกไปดูแถว ๆ นี้หน่อย ระหว่างนี้ก็เลยเลี้ยงชั่วคราวน่ะ”
“นึกว่าพี่ซื้อมาเลี้ยงแล้วซะอีก”
ศิลป์พูดคุยกับพนักงานในร้านต่อเล็กน้อยก่อนจะให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน เขาเดินออกไปหน้าร้านบริเวณที่เจอเจ้าตัวนุ่มนิ่มนอนบาดเจ็บอยู่เพื่อมองหาปลอกคอว่าเผื่อจะมีตกหล่นอยู่แถวนี้ เขาไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนั้นเดินผ่านแถวไหนบ้างเลยได้แต่ไล่ตามหาแถว ๆ รอบร้านในเขตพื้นที่ของตัวเองไปก่อน เพราะใกล้ได้เวลาเปิดร้านแล้ว เอาไว้สะดวก ๆ ค่อยลองหาดูแถว ๆ นี้อีกรอบ
ร้านอาหารของศิลป์เปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงสองทุ่ม พนักงานในร้านทำงานเป็นกะเช้าถึงบ่าย บ่ายถึงเลิกร้านสลับกันไปในแต่ละเดือน
ในช่วงเพิ่งเปิดร้านลูกค้าภายในร้านยังไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นออเดอร์ผ่านทางเดลิเวอร์รี่ จนกระทั่งช่วงสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายโมงจะเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้ามาแทบจะแน่นร้าน ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นเหล่าพนักงานบริษัทมาใช้บริการ ส่วนช่วงบ่าย ๆ จะเป็นเหล่านักศึกษา เพราะที่ตั้งของร้านอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย แล้วก็อาคารสำนักงานหลายอาคาร ทำให้ตลอดวันมีลูกค้าแวะเวียนมาตลอด
ศิลป์ใช้เวลาช่วงบ่ายหลังจากที่ลูกค้าเริ่มซาลงกลับขึ้นไปบนห้องส่วนตัวเพื่อดูเจ้ากระต่ายตัวน้อยว่าเป็นยังไงบ้าง เขาหลุดยิ้มเมื่อเห็นเจ้าก้อนขนยึดเตียงนอนของเขาหลับสบาย ไม่รู้ว่าออกจากตะกร้ามาได้ยังไง
เจ้าตัวขนสีขาวปนเทานอนขดอยู่กลางเตียงนอนหลังใหญ่ ท่าทางสบายจนเขาไม่กล้าส่งเสียงดังด้วยกลัวว่าจะเป็นการรบกวน แต่ก็กลัวว่าที่นอนจะนุ่มไม่พอก็เลยเอาผ้าผืนนุ่มอีกผืนมาวางไว้ใกล้ ๆ เผื่อเจ้าตัวน้อยจะพลิกตัวขึ้นมานอน เดินไปเติมของกินให้จนเต็มแล้วค่อย ๆ เดินออกจากห้องนอนไป
???? ???? ???? ????
“อร่อยไหม” ศิลป์ถามเจ้าตัวนุ่มนิ่มในขณะที่ป้อนขนมให้ ด้วยกลัวว่าเจ้ากระต่ายน้อยจะเบื่ออาหารเขาก็เลยไปสรรหาขนมสำหรับกระต่ายมาให้ สุดท้ายก็ได้เป็นคุกกี้สอดไส้ครีมแครอทมา
เจ้ากระต่ายน้อยอยู่กับเขาได้สองวันแล้ว ซึ่งสองวันมานี้เขาก็เดินหาปลอกคอหรือสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของของเจ้าตัวน้อยอยู่ตลอดแต่ก็ยังไม่เจอ จนอดคิดไม่ได้ว่าหรือเจ้าตัวน้อยจะไม่มีเจ้าของ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เขาก็พร้อมที่จะรับเลี้ยงเอาไว้
ศิลป์มองเจ้าก้อนขนเคี้ยวคุกกี้หนุบหนับด้วยความเร็วก็ยกยิ้ม ป้อนขนมให้อีกชิ้นเมื่อเจ้าตัวกินชิ้นแรกหมดไปแล้ว และเงยหน้ามองเขาคล้ายจะบอกว่าอยากได้อีก
“กินเก่งแบบนี้อีกไม่นานอ้วนตุแน่เลย” ยื่นนิ้วไปจิ้มพุงป่อง ๆ ของเจ้าตัวน้อย ซึ่งพอโดนเขาแกล้งแบบนั้นเจ้าตัวน้อยก็หันหลังให้แต่ก็ยังไม่วายกินขนมไม่หยุด
“กินเสร็จแล้วก็ต้องเป็นเด็กดีรู้ไหม ต้องลงไปที่ร้านแล้ว อย่าดื้อ อย่าซนล่ะ” ศิลป์อุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มของเขาไปไว้ในตะกร้าตามเดิม แม้จะรู้ว่าอีกเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยก็จะหาทางออกมานอนเล่นอยู่บนเตียงของเขาก็ตาม
ศิลป์เช็คน้ำ เช็คอาหารของเจ้าตัวนุ่มนิ่มจนแน่ใจว่ามีพร้อมก็เดินออกจากห้องเพื่อลงไปที่ร้าน
ช่วงบ่ายแบบนี้แม้ลูกค้าจะไม่เยอะจนโต๊ะเต็มแต่ก็มีแวะเวียนมาไม่ขาดสายนั่นทำให้เขายกยิ้มกว้าง แวะเข้าไปลงมือในครัวผลัดเปลี่ยนให้พ่อครัวแม่ครัวของเขาได้พักบ้าง ก่อนจะออกมาจากในครัวอีกครั้งก็ตอนที่เสิร์ฟอาหารลูกค้าโต๊ะล่าสุดเสร็จ
“พี่ออกไปเดินแถวนี้นะ” ห้นไปบอกน้องในร้าน ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินออกไปด้านนอก
เขาตั้งใจว่าจะลองหาปลอกคอหรือสัญลักษณ์บ่งบอกถึงเจ้าของของเจ้าตัวนุ่มนิ่มดูอีกครั้ง ถ้าหากครั้งนี้ไม่เจอก็ตั้งใจว่าจะเลี้ยงเอาไว้เอง แต่ถ้าเจอจะได้ติดต่อหาเจ้าของและให้เขามารับไป
“ที่พื้นก็ไม่เห็นจะมีเลย หรือโดนกวาดขยะไปหมดแล้วนะ” ศิลป์พึมพำกับตัวเอง หลังจากที่เดินวนแถว ๆ หน้าร้าน รวมไปถึงสวนที่อยู่ติดกับร้านของเขา
เสียงสั่นไหวของพุ่มไม้ดังขึ้นเรียกสายตาของเขาให้หันไปมอง ก่อนที่เขาจะเห็นเจ้าแมวตัวกลมเดินออกจากในพุ่มไม้นั้น เจ้าตัวกลมหันมามองเขาก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง พอเห็นท่าทางแบบนั้นเขาก็ยิ้ม รู้สึกเอ็นดูสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก น่ารักไปหมดทุกอย่าง
“หรือว่าจะติดตามพุ่มไม้นะ” เขานึกขึ้นมาได้ เนื้อตัวเจ้าตัวนุ่มนิ่มมีรอยแผลอยู่เยอะแต่ไม่ลึก อาจจะเป็นตอนเจ้าตัวน้อยมุดลอดพุ่มไม้ก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็เริ่มค่อย ๆ แหวกพุ่มไม้ออก ระวังไม่ให้โดนกิ่งก้านของพุ่มไม้ข่วนเข้าให้
ใช้เวลาหาอยู่เป็นสิบ ยี่สิบนาทีก็ไม่เจอจนนึกถอดใจ ตลอดแนวเขตที่ดินฝั่งที่ติดกับร้านของเขาเป็นพุ่มไม้ยาวไปตลอดแนว เพราะส่วนใหญ่คนนิยมปลูกพุ่มไม้หรือไม้เตี้ยเป็นแนวรั้วแทนทำกำแพงสูงเหมือนสมัยก่อนที่มีโจรกรรมเยอะ แต่ยุคสมัยนี้เรียกว่าน้อยมากจนแทบไม่มี คนก็หันมาปลูกต้นไม้กันเยอะขึ้นด้วย
“หาไม่เจอเลยแหะ” ศิลป์เกือบจะถอดใจในการหา เขาละมือ และยันตัวลุกขึ้นยืน แต่ในจังหวะนั้นก็เห็นสร้อยสีเงินห้อยอยู่ในพุ่มไม้ เขาเอื้อมมือไปหยิบด้วยความสงสัย ลักษณะคล้ายสร้อยข้อมือมีจี้เป็นป้ายแท็กที่มีสลักชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ แถมมีสลักเป็นรูปกระต่ายเอาไว้ด้วย
ค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นของเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่นอนหลับอุตุอยู่บนห้องของเขาแน่นอน แม้จะอยู่ด้วยไม่กี่วันแต่เขาก็หลงรักเจ้าตัวน้อยนี้เข้าเต็มเปาแล้ว พอคิดว่าจะต้องส่งคืนเจ้าของตัวจริงก็แอบเศร้าอยู่เหมือนกัน แต่จะทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ติดต่อไปเขาก็ทำไม่ได้ ลองคิดกลับกันถ้าหากเป็นเขา เขาก็คงเสียใจมากที่เจ้ากระต่ายตัวน้อยหายไปแบบนี้
ศิลป์เดินกลับขึ้นไปบนห้องหลังจากปิดร้านเรียบร้อยแล้ว เป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยล้าแต่เขาก็มีความสุข เขารักการทำร้านอาหารนี้ เพราะฉะนั้นแม้จะเหนื่อยเขาก็มีความสุข เดินเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำจนเรียบร้อยก็เดินมาดูเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่ยึดพื้นที่บนเตียงของเขาเอาไว้
“ของเราใช่ไหม” ศิลป์ชูสร้อยเงินที่มีป้ายแท็กตรงหน้าเจ้ากระต่ายน้อย มันเอียงคอมองอย่างสนใจก่อนจะยกอุ้งมือขึ้นจับ ท่าทางคล้ายกับดีใจที่เห็น “จำของตัวเองได้ด้วย เก่งจัง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรหาเจ้าของให้นะ ป่านนี้เขาคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
เจ้ากระต่ายน้อยหันมามองหน้าของเขาก่อนจะมองสร้อยเส้นนั้นสลับกันไปมา ท่าทางน่าเอ็นดูจนศิลป์ต้องหยิบโทรศัพท์มาอัดวีดิโอเอาไว้ ภายในเวลาแค่สองวันอัลบั้มรูปของเขาเต็มไปด้วยรูปและคลิปของเจ้าตัวนุ่มนิ่มเต็มไปหมด
“ง่วงนอนหรือยัง ไปนอนไหม” ศิลป์เอาสร้อยไปวางไว้ข้างเตียงก่อนจะหันมาอุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มเพื่อไปวางไว้ในตะกร้าตาม แต่เจ้าตัวน้อยกลับกอดมือของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย พอใช้มืออีกข้างจับก็ส่งเสียงคล้ายกำลังไม่พอใจจนเขาแทบจะเกาหัว “ทำไม ยังไม่ง่วงนอนหรือไม่อยากนอนในตะกร้าหือ”
“จะไม่ลงตะกร้าจริง ๆ เหรอ” ยกเจ้าตัวน้อยขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือของเขาแน่ ๆ ก็ยอมใจอ่อน
ศิลป์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลังใหญ่ เขาวางเจ้าตัวนุ่มนิ่มไว้บนหน้าท้อง มองดูเจ้าตัวเล็กขยับตัวไปมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือคิดอะไรอยู่ เอาแต่ใช้อุ้งเท้าแตะไปทั่วหน้าท้องของเขาสลับกับเงยหน้าขึ้นมามองกัน เดี๋ยวก็เดินดุ๊กดิ๊กขึ้นมาบนอก เดี๋ยวก็เดินลงไปใหม่ ซึ่งตลอดเวลาเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพความน่ารักนั้นเอาไว้ตลอด
จนเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะเหนื่อย หรือไม่ก็พึงพอใจกับการสำรวจตัวเขาแล้วถึงได้หยุดเดิน เปลี่ยนมานอนฟุบอยู่บนตัวของเขาแทน ทันเห็นปากเล็ก ๆ หาว ดวงตากลมสีดำสนิทนั้นปรือก่อนจะปิดลง ไม่นานเจ้าตัวน้อยก็หลับ แต่เขานี่สิจะต้องทำยังไงต่อไป
จะขยับตัวก็ไม่กล้ากลัวว่าเจ้าก้อนขนฟูจะตื่น จะอุ้มลงก็กลัวว่าตัวเองจะจับแรงไปจนตื่น ไม่ว่าจะแบบไหนก็กลัวทำเจ้าตัวน้อยตื่นทุกทาง แม้แต่จะถอนหายใจแรง ๆ ยังไม่กล้า ได้แต่ค่อย ๆ พ่นลมหายใจออกมาช้า ๆ
นึกแล้วก็ได้แต่ขำตัวเองกับความเป็นทาสเจ้ากระต่ายน้อย
ศิลป์ค่อย ๆ ลูบขนนุ่มมือนั้น นอนมองเจ้าตัวเล็กหลับอย่างสบายอกสบายใจอย่างเพลินตา สุดท้ายเขาก็เผลอหลับไปทั้งแบบนั้น หลับไปโดยมีเจ้ากระต่ายน้อยนอนหลับอยู่บนตัว
???? ???? ???? ????
“สวัสดีครับ ใช่คุณจันทร์ เจ้าของน้องกระต่ายที่ชื่อมูน... หรือเปล่าครับ” ศิลป์กดโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่สลักเอาไว้บนป้ายแท็ก เขาบอกลักษณะของเจ้าตัวนุ่มนิ่มให้คนปลายสายฟัง “พอดีผมเพิ่งเจอป้ายแท็กนี้น่ะครับ หลายวันก่อนผมเจอน้องแถวบ้านผม เหมือนจะบาดเจ็บก็เลยพาไปรักษามาแต่ตอนนั้นผมไม่เห็นป้ายแท็กก็เลยไม่ได้ติดต่อไป เพิ่งจะมาเจอหล่นอยู่แถว ๆ บ้านผมก็เลยติดต่อมานี่แหละครับ คิดว่าคุณน่าจะเป็นห่วงน้อง”
น้ำเสียงของคนปลายสายเป็นกังวลจนศิลป์รับรู้ได้ คงจะเป็นห่วงเจ้าตัวน้อยมากแน่ ๆ ศิลป์คุยกับปลายต่ออีกหลายประโยคก่อนจะวางไป ได้ความว่าวันนี้ทางนั้นจะเข้ามาหาเพื่อมารับตัวเจ้าตัวนุ่มนิ่มกลับไป แม้จะแอบเหงาแต่เขาก็ดีใจที่เจ้าตัวน้อยจะได้กลับไปอยู่กับเจ้าของ
“เดี๋ยวคุณจันทร์จะเข้ามารับนะ จะได้กลับบ้านแล้วดีใจไหม” ศิลป์หันไปพูดกับเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่ยังคงปักหลักยึดพื้นที่บนเตียงกว้างของเขา
เจ้าตัวน้อยยืนสองขาก่อนจะขยับเดินมาหาเขา ใช้สองมือแตะที่มือของศิลป์ “กลับไปแล้วคงจะต้องคิดถึงมากแน่ ๆ เลย”
ศิลป์หัวเราะเมื่อเจ้าตัวน้อยพยายามที่จะปีนตัวเขา เห็นแบบนั้นก็เลยอุ้มขึ้นมาแล้วกอดเอาไว้ ใบหน้าและลำตัวเล็ก ๆ นั้นแนบไปกับไหล่ของเขา “กลับบ้านไปแล้วก็เป็นเด็กดี อย่าเที่ยวซนแบบนี้อีกรู้ไหม ถ้าคราวหลังหลงไปเจอคนใจร้ายขึ้นมาจะแย่นะรู้ไหม”
หัวเล็ก ๆ ไถไปมากับไหล่ของเขา เพิ่งจะเคยเจอกระต่ายอ้อน หัวใจของศิลป์ละลายไปหมดแล้ว เป็นแค่เจ้าตัวนุ่มนิ่มแต่ต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ
ตลอดช่วงเช้าเขาเลยใช้เวลาเล่นอยู่กับเจ้ากระต่ายน้อยไม่ไปไหน ป้อนขนมให้ ลูบขนให้ เป็นเบาะรองให้นอน รวมไปถึงเช็ดตัวทำความสะอาดให้ด้วย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสายตาของศิลป์ให้หันไปมอง เป็นเจ้าของเจ้าตัวน้อยโทรมาหาเขา พูดคุยกันสักพักได้ความว่าอีกฝ่ายมาถึงแล้วและรออยู่หน้าร้าน
เขาจัดการอุ้มเจ้าตัวนุ่มนิ่มขึ้นมาพร้อมหยิบขนมที่ซื้อมาไว้ให้เจ้าตัวน้อยติดมือลงไปด้วย วางตัวนุ่มนิ่มบนโต๊ะโซนหน้าร้าน วันนี้เป็นวันหยุดของร้านจึงไม่มีใครอยู่
ศิลป์เดินไปต้อนรับคุณจันทร์เจ้าของตัวนุ่มนิ่ม เชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้ามาก่อน คุณจันทร์เป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก ยังดูงดงามแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าสู่วัยกลางคนแล้วก็ตาม
“น้ำครับ เป็นน้ำสมุนไพรผมทำเอง เชิญตามสบานเลยนะครับ” ศิลป์ยกน้ำมาเสิร์ฟให้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ซึ่งบนโต๊ะก็มีเจ้ากระต่ายนั่งอยู่
“ขอบคุณนะคะคุณศิลป์ แล้วก็ขอโทษด้วยที่น้องมารบกวนคุณ ลำบากคุณต้องพาไปหาหมอแล้วก็ช่วยดูแล” คุณจันทร์ว่า เธอยื่นมือไปลูบลำตัวของเจ้าตัวน้อยอย่างรักใคร่ “ไม่ทราบว่าค่ารักษาเท่าไหร่… เดี๋ยวน้า…”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องขอคืนหรืออะไร ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ”
“ยังไงน้าก็ต้องขอบคุณมากเลยค่ะที่ดูแลน้องอย่างดี ดูสิเรา ซนจนได้เรื่องเลยนะ” เธอหันมาดุเจ้าตัวน้อย
เจ้าตัวนุ่มนิ่มเดินเข้าไปกอดแขนพลางให้หัวถูไถไปมาอย่างออดอ้อน
“น้องชอบซนออกมานอกบ้านเหรอครับ”
“ค่ะ ดูเหมือนจะเรียบร้อยใช่ไหมคะ แต่ซนมากเลยค่ะ เถียงเก่งด้วยนะคะ ทำตัวไม่เหมือนเป็นกระต่ายเลย”
ศิลป์ยิ้ม แค่นึกภาพตามหัวใจเขาก็ละลายแล้ว แค่โดนเจ้าตัวนุ่มนิ่มอ้อนหน่อยเดียวเขาก็ยอมแพ้แล้ว อยากเห็นตอนเจ้าตัวน้อยเถียงเลย
คุณจันทร์มองเจ้าตัวน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกรอบ “ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลน้องให้ แล้วยังไงน้าขอตัวก่อนนะคะ ไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว”
“ครับ ส่วนนี่… เป็นขนมที่ผมซื้อเอาไว้ให้เขาครับ ผมฝากกลับไปด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ศิลป์เดินไปส่งที่หน้าประตู เขายกมือไหว้คนอายุมากกว่าก่อนจะโบกมือลาเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณจันทร์ และกำลังมองตรงมาที่เขาไม่ละสายตา
“บ๊ายบาย มีโอกาสไว้เจอกันใหม่นะเจ้าตัวนุ่มนิ่ม”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ แล้วก็… ถ้ามีอะไรที่เด็กคนนี้ทำให้คุณต้องลำบากอีก น้าก็ต้องขอโทษเอาไว้ด้วยนะคะ น้าขอตัวค่ะ” พูดจบก็เดินออกไป ปล่อยให้ศิลป์ยืนทำความเข้าใจกับประโยคนั้น
“หมายความว่ายังไงกันนะ” แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงเขาก็ไม่เข้าใจและตีความหมายไม่ออก เขาจึงเลิกสนใจไป
ในวันหยุดแบบนี้ปกติแล้วศิลป์มักจะหมกตัวเองอยู่ในครัวเพื่อคิดหาเมนูใหม่ ๆ สำหรับวางขายในร้าน แต่วันนี้เหมือนจิตใจของเขาจะไม่พร้อมในการคิดหาเมนูใหม่เลย
น่าแปลกที่คนเราจะรู้สึกผูกผันกับใครหรืออะไรสักอย่างมากขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน
ถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดคลิปเจ้าตัวนุ่มนิ่มดูแก้เหงา
หรือว่าเขาจะต้องมีเจ้าตัวนุ่มนิ่มเป็นของตัวเองกันนะ
???? ???? ???? ????
???? กระต่ายหมายจันทร์ ????
#ดวงจันทร์ของลูน
???? ???? ???? ????
มาแล้วค่าตอนแรก พาความน่ารักของเจ้าตัวนุ่มนิ่มมาฝาก
หวังว่าทุกคนจะเอ็นดูเจ้าตัวนุ่มนิ่มกันนะคะ อยากให้เอ็นดูน้องกันเยอะ ๆ
เพราะน้องน่ารักมาก ๆ เลย
ฝากด้วยนะคะ ^^
TWITTER : @Fangiily_GC
ความคิดเห็น