ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WE GOT MARRIED [GENGCHUL]

    ลำดับตอนที่ #2 : WGM... 2 ...

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 57


    Radio ? Theme

    We got married

    F.GC

    มาแล้ว มาแล้วคร่า ตอนที่ 2 ของฟิค WGM ตอนนี้หรอ... หวานไหมน๊า

    ออกแนวน่ารักแบบเรียบๆ มากกว่า เพราะพึ่งจะเจอกันเป็นครั้งที่2 เองของคู่นี้

    จะให้หวานแหววมดไต่มดตอมก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่

    แต่จะเป็นอะไรที่... พวกเขาแสดงออกมาอย่างไม่รู้ตัว ค่อยๆ เพิ่มระดับความน่ารักมากกว่า

    ยังไงก็ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ

    ตัวหนังสือเล็กไปไหม? อ่านยากรึเปล่าคะ บอกกันได้น๊าา 

    > #ฟิคบอสเกิงมาดามฮี <



     

    … 2 …

     

     

    “อยู่ๆ คุณหานเกิงก็ไปเซอร์ไพรส์เปิดตัวถึงงานแฟนมีตรู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ” เสียงของโปรดิวเซอร์ของรายการ we got married ดังขึ้น

     

    ตอนนี้คิม ฮีชอลกำลังให้สัมภาษณ์กับทางรายการอยู่ในห้องมืด “อือ... ตกใจครับ ตกใจจริงๆ แปลกใจมากด้วยที่อยู่ๆ เขาก็เดินขึ้นมา”

     

    “ดูน่าเหลือเชื่อมากเลยใช่ไหม”

     

    “ครับ นักธุรกิจเลยนะ มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ นั่นแหละครับ”

     

    เสียงหัวเราะของโปรดิวเซอร์ดังขึ้นเบาๆ “รู้สึกยังไงที่ได้เป็นคู่กับคุณหานเกิง แล้วหลังจากที่เจอกันครั้งแรกคิดว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”

     

    “คำถามยาวจัง” ฮีชอลขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อยก่อนจะตอบ “แปลกใจครับ เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่เลยแปลกใจมากที่เขามาร่วมรายการนี้”

     

    “ทางเราเองยังแปลกใจเลยค่ะ ฮ่ะๆ แล้วคิดว่าคุณหานเกิงเป็นยังไงบ้าง”

     

    “เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากครับ แต่ก็เพราะเขาเป็นนักธุรกิจนั่นแหละ ถึงแม้เขากับผมจะอายุต่างกันไม่มาแต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผมเยอะมาก แล้วก็ดูอบอุ่น ผมคงต้องบอกว่าโชคดีที่ได้คู่กับเขา”

     

    “น่าอิจฉามากกว่า คุณหานเกิงเล่นจองร้านอาหารทั้งชั้นเพื่อคุณภรรยาเลยนินา” เสียงโปรดิวเซอร์ร้องแซวขึ้นทันที แม้ถึงจะรู้สึกเขินบ้างแต่เพราะเป็นถึงดาราอันดับหนึ่งจึงสามารถเก็บอาการได้อย่างดี

     

    “ถ้ามีคนอิจฉา... ก็คงช่วยไม่ได้หรอกครับ” จบประโยคด้วยความมั่นใจตามสไตล์คิม ฮีชอลจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    “เจอภรรยาครั้งแรกรู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ”

     

    รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถาม “น่ารักดีครับ น่ารักมากเลย”

     

    “หลงเสน่ห์ภรรยาแล้วหรอคะคุณหานเกิง” โปรดิวเซอร์ถามด้วยน้ำเสียงขบขัน ทั้งหานเกิงและฮีชอลต่างถูกแยกกันถ่ายในห้องมืด

     

    “ภรรยาผมเสน่ห์แรงนิครับ” หานเกิงตอบยิ้มๆ

     

    “ดูคุณหานเกิงจะอวยภรรยาเยอะจังเลยนะคะ”

     

    “ก็ภรรยาผมอีกนั่นแหละครับ”

     

    เสียงหัวเราะทั้งของหานเกิงและโปรดิวเซอร์ดังขึ้นพร้อมๆ กัน “โอเคค่ะ เราทราบแล้วว่าคุณหานเกิงเป็นคนหลงภรรยามากๆ นอกจากภรรยาน่ารักแล้วคิดว่าคุณฮีชอลเป็นยังไงอีกบ้างคะ”

     

    “เขาดูสะดุดตามากเลยครับ คงเพราะเขาเป็นดาราด้วยละมั้งการวางตัวหรือการเก็บอาการอะไรพวกนี้เลยดีมาก แต่เพราะเจอกันครั้งแรกแล้วก็ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนก็เลยยังคงมีความรู้สึกอึดอัดกันอยู่”

     

    “คุณฮีชอลบอกว่า จะใช้ความเป็นคนเข้าถึงยากทำให้คุณสนใจ คิดว่ายังไงคะ”

     

    หานเกิงยิ้ม “อันนี้เป็นคำท้าจากภรรยาของผมรึเปล่าครับ แต่จริงๆ ไม่ต้องใช้อะไรผมว่าเขาก็เป็นคนที่น่าสนใจอยู่แล้วละครับ”

     

     

     

     

     

     

     

    หานเกิงที่พึ่งเสร็จจากการประชุมตั้งแต่ช่วงบ่ายนั้นดันประตูห้องทำงานของตัวเองเพื่อที่จะพักผ่อนสมองให้หายจากความตึงเครียด ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นช่างกล้องยืนอยู่ในห้องทำงานของเขา ทีมงานหันมามองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เพราะหานเกิงอยู่ในชุดสูททำงานเต็มยศรึเปล่าถึงทำให้ดูมีอำนาจมากขนาดนี้จนทีมงานยังรู้สึกเกร็งๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่อนคลายขึ้นเมื่อร่างสูงนั้นยิ้มออกมา

     

    “มากันเหมือนรู้ตารางเวลาผมเลยนะครับ” หานเกิงพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินเอาของไปวางบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่

     

    “ทางรายการติดต่อขอตารางงานกับทางเลขาของคุณไว้ครับ จะได้จัดเวลาถ่ายรายการได้” ทีมงานพูดอธิบาย

     

    “อ๋อ ครับ แล้ววันนี้ต้องทำมิชชั่นอะไรหรอครับ” ทีมงานส่งซองใส่จดหมายให้กับหานเกิง ซึ่งร่างสูงก็รับไปเปิดอ่าน

     

     

     

              “ไปหาที่กองถ่ายละคร” หานเกิงเงยหน้าขึ้นมองทีมงานทันทีอย่างต้องการยืนยันคำตอบให้แน่ชัด

     

    ทีมงานพยักหน้ารับก่อนจะตอบ “เมื่อครั้งก่อนคุณหานเกิงบอกอยากจะไปดูคุณฮีชอลทำงานไม่ใช่หรอครับ”

     

    “นั่นก็ใช่หรอกครับ แต่ผมหมายถึงตอนที่สนิทกันมากกว่านี้นิครับไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกเขินเป็นนะครับ” หานเกิงยิ้มบางๆ ให้กล้อง “แต่ก็ต้องไปสินะครับ”

     

    “ครับ”

     

    หลังจากที่ได้รับการยืนยันคำตอบจากทีมงานหานเกิงจึงลุกขึ้นยืน “งั้น... ก็ไปกันเลยครับ คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณฮีชอลถ่ายละครอยู่ที่ไหน”

     

    ทั้งทีมงานและตัวหานเกิงเดินออกจากห้องลงไปที่ชั้นล่างซึ่งมีรถตู้สีดำจอดรออยู่แล้ว “คุณฮีชอลยังไม่เลิกงานอีกหรอครับ” หานเกิงถามพร้อมกับดูนาฬิกาตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าในกรุงโซลเองก็เปลี่ยนสีแล้วเช่นกัน

     

    “ครับ วันนี้คุณฮีชอลมีถ่ายละครตอนค่ำเลยยังไม่เลิกงาน” ทีมงานตอบ

     

    หานเกิงมองออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความสนใจเมื่อรถตู้แล่นเข้ามาจอดบริเวณสวนสาธารณะ ถึงแม้จะเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้วแต่ที่สวนสาธารณะก็ยังมีคนอยู่ค่อนข้างเยอะ “ถ่ายทำนอกสถานที่หรอครับเนี่ย”

     

    ทีมงานของกองถ่ายละครของฮีชอลเองก็กำลังยุ่งอยู่ไม่น้อย เสียงพูดคุยซักซ้อมบทและเสียงสั่งการของผู้กำกับดังมาให้ได้ยิน ร่างสูงยืนมองการถ่ายทำอยู่ไม่ไกลจากกองถ่ายมากนัก เพราะยังไม่อยากเข้าไปรบกวนในช่วงเวลาที่กำลังยุ่งกันอยู่แบบนี้ ไม่นานการถ่ายทำก็เริ่ม

     

    ร่างของคนที่คุ้นตาแต่จากรูปลักษณ์ภายนอกตอนนี้ดูแตกต่างจากที่เคยเห็นมากนักเริ่มเดินจากส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะผ่านไปทางห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้น ในมือก็ถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ก่อนที่จะมีผู้ชายที่สวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนวิ่งมาดักหน้าแล้วจัดการเปิดเสื้อออก พร้อมกับแสงแฟลชจากกล้องโทรศัพท์มือถือที่ฮีชอลถืออยู่

     

    “อะไรเนี่ย หล่อล่ำแต่... เล็กไปนะ ถ้าฉันบอกคนอื่นว่านายเป็นผู้หญิงเขาต้องเชื่อแน่ๆ” ฮีชอลพูดตามบทที่ได้รับ

     

    “นั่น... คุณคิม ฮีชอล?” เสียงของช่างกล้องดังขึ้นก่อนที่จะซูมกล้องให้เห็นได้ชัดขึ้น

     

    “น่ารักดีนะครับ” หานเกิงพูดพร้อมกับรอยยิ้มขำๆ

     

    น่ารักจริงๆ ชายหนุ่มที่ใบหน้าสวยขนาดนั้น ตอนนี้กำลังอยู่ในชุดนักเรียนหญิงกระโปรงสั้นเหนือเข่า ถุงเท้ายาวขึ้นมาถึงครึ่งน่อง ไหนจะวิกผมยาวที่ถักเปียเอาไว้สองข้างนั้นอีก น่ารักจริงๆ นั่นแหละ หานเกิงมองอยู่แบบนั้นก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าปิดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ทีมงานอีกคนที่เห็นการกระทำนั้นก็รีบถ่ายเอาไว้ทันที ถึงกล้องจะถ่ายไม่ทันแต่เขาก็ทันเห็น... รอยยิ้มเอ็นดูของหานเกิงตอนที่เห็นคิม ฮีชอล

     

    “คัท!” เสียงของผู้กำกับดังขึ้นเมื่อได้ภาพที่พอใจ “โอเค คืนนี้พอแค่นี้ เก็บของแล้วก็เตรียมแยกย้ายกันได้แล้วละ ขอบคุณทุกคนมาก”

     

    ฮีชอลถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดี แค่ใส่ชุดแบบนี้ก็รู้สึกอายจะแย่อยู่แล้ว เพราะไม่ได้มีแค่ทีมงานเท่านั้นที่เห็น แต่แฟนคลับของเขาที่เห็นด้วยนี่สิ ร่างบางหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาพี่สาวของตัวเองเพราะอยากจะได้ผ้าหรือไม่ก็เสื้อโค้ทมาคลุมเพราะรู้สึกหนาวๆ แล้ว

     

    แต่ยังไม่ทันที่จะหาพี่สาวเจอเสื้อโค้ทตัวยาวก็มาคลุมเข้าที่ไหล่ของคนสวยพร้อมกับเสียงกรี๊ดของแฟนคลับที่ตามมาดูการถ่ายทำและทีมงานสาวๆ ฮีชอลหันมองคนที่เอาเสื้อมาคลุมให้แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อคนนั้นคือคนที่ได้ไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ และในสภาพแบบนี้ หานเกิง!

     

    หานเกิงยิ้มขำกับใบหน้าตกใจของคนที่ตัวเล็กกว่า เหมือนกับวันที่เขาเดินถือช่อดอกไม้ขึ้นไปให้บนเวทีงานแฟนมีตไม่มีผิด แต่ครั้งนี้... ดูจะตกใจยิ่งกว่ารึเปล่านะ

     

    “ค... คุณหานเกิง” หลังจากที่หายตกใจก็ส่งเสียงทัก

     

    “วันนี้... คุณดูดีนะ” หานเกิงรั้งข้อศอกของฮีชอลให้เดินตามหลบบรรดาทีมงานที่กำลังเก็บของ

     

    “ไม่เห็นรู้เลยว่าคุณจะมา ยัย... เอ๊ย พี่ฮีจินไม่เห็นบอกเลยว่าวันนี้มีถ่ายด้วย”

     

    “ผมเองก็รู้แบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน ทีมงานบุกไปถึงห้องที่บริษัทผมเลย” ร่างสูงหัวเราะน้อยๆ

     

    ตอนนี้ทีมงานเก็บของเสร็จแล้วก็เริ่มทยอยกลับกันไปแล้ว แต่ก็ยังมีแฟนคลับของฮีชอลอยู่บ้างแต่ก็ทำเพียงแค่ยืนอยู่ห่างๆ เท่านั้น

     

    “ด... เดี๋ยวผมขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าแปบนึงนะครับ” ฮีชอลบอกก่อนจะหันไปหาทีมงานแล้วร้องเรียก “พี่ครับ เห็นพี่ฮีจินไหม ผมหาไม่เจอ”

     

    “อ้าว! ฮีจินกลับไปแล้วนินา เมื่อสักพักนี่เอง ไม่ได้บอกเราก่อนรึไงกัน”

     

    ฮีชอลแทบจะอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำตอบของทีมงานก่อนจะหันมาขอตัวกับหานเกิงและทีมงานเพื่อโทรศัพท์หาพี่สาวตัวดีของตัวเอง “นี่! ทำไมถึงทิ้งฉันไว้แบบนี้ล่ะ เสื้อผ้าฉันอยู่ในกระเป๋าในรถนะ”

     

    [ว๊าย! ฉันลืมไปว่าเสื้อผ้าอยู่ในรถ พอดีเห็นรถคุณหานเกิงมาก็คิดว่ามีถ่ายรายการต่อยังไงนายก็ต้องไปกับคุณหานเกิงอยู่แล้ว ฉันเลยกลับมาเลย]

     

    “ยัยบ้า! แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ ฉันใส่ชุดผู้หญิงอยู่นะ”

     

    [เอาน่าๆ ใส่ชุดนั้นออกเดทไปแล้วกันนะจ๊ะคุณน้องสาว สวยดีออก คิก] พูดจบอีกฝ่ายก็ตัดสายไปทันทีทำเอาฮีชอลถึงกับยืนค้าง

     

    “ว่ายังไงครับผู้จัดการของคุณล่ะ” หานเกิงที่เดินเข้ามาใกล้ส่งเสียงถาม

     

    ดารายอดนิยมถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบ “ทิ้งผมกลับไปแล้ว เสื้อผ้าผมก็อยู่บนรถ”

     

    “อ้าว... แล้วตอนคุณเปลี่ยนใส่ชุดนี้ละครับ”

     

    “ผมเปลี่ยนมาจากในสตูนะครับ เพราะมีถ่ายนอกสถานที่แค่แปบเดียวทางกองถ่ายเลยไม่ได้เตรียมส่วนเปลี่ยนชุดนักแสดง ผมเลยเปลี่ยนมาเลยแล้วก็นั่งรถมากับผู้จัดการ เสื้อผ้าก็ไว้ในนั้นเพราะตั้งใจว่าค่อยไปหยิบมาเปลี่ยนตอนเลิกถ่าย” ฮีชอลพูดอธิบาย

     

    “งั้นคุณก็ต้องใส่ชุดนี้สิครับ อย่างนั้นใส่เสื้อโค้ทของผมไว้ก่อนก็ได้ จะได้ไม่รู้สึกแปลกๆ มากนัก” หานเกิงยิ้มแล้วจัดการใส่เสื้อโค้ทที่คลุมอยู่บนไหล่ของฮีชอลให้ดีๆ

     

    “ข ขอบคุณนะครับ”

     

    “นี่คุณทานอะไรรึยังครับ หิวไหม?”

     

    ฮีชอลพยักหน้ารับนิดๆ “ก็หิวครับ แต่... ไม่ขอเป็นร้านหรูๆ ได้ไหม”

     

    หานเกิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมละครับ หรือเพราะชุดที่คุณใส่อยู่? คิม ฮีชอลมีสไตล์ที่โดดเด่นไม่ใช่หรอครับ”

     

    “สไตล์ที่โดดเด่นไม่ได้รวมถึงการแต่งหญิงนิครับ ผมหมายถึงเสื้อผ้าที่แปลกๆ ไม่เหมือนใคร สีสันตัดกันอะไรแบบนั้นหรอก ไม่ใช่ชุดนักเรียนหญิงที่กระโปรงสั้นแบบนี้นะครับ” คิมฮีชอลส่งค้อนนิดๆ ให้กับคนตัวสูง

     

    “ไม่ยักรู้ว่าคุณก็บ่นเก่งนะ” หานเกิงหัวเราะ ก่อนจะยกมือยอมแพ้เมื่อเห็นแววตาวาวๆ ของคนตัวเล็กกว่า “ถ้างั้นซื้อรามยอนที่ร้านสะดวกซื้อมานั่งทานที่นี่ไหมละครับ”

     

    "ก็ได้ครับ"

     

    หานเกิงและฮีชอลเดินไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้สาธารณะก่อนจะเลือกซื้อของมาทานโดยที่ร่างสูงชักชวนให้ทีมงานซื้อทานด้วยกัน หลังจากที่ซื้อของเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาที่สวนเช่นเดิม ตลอดเวลาหานเกิงก็คอยดูแลฮีชอลตลอด ไม่ว่าจะถือของให้ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็บอกว่าถือได้ หรือแม้แต่ตอนข้ามถนนมือก็จะคอยจับรั้งข้อศอกของอีกคนเอาไว้ตลอด แม้ในใจทีมงานที่เดินตามถ่ายอยู่นั้นอยากจะตะโกนบอกให้ทั้งสองคนจับมือกันก็ตาม

     

    "ได้นั่งทานรามยอนในสวนแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบนะครับ" หานเกิงพูด วางถ้วยรามยอนสำเร็จรูปที่พึ่งทานเสร็จไว้ข้างตัว

     

    “นั่นสิครับ หลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ ได้นั่งตากลมเย็นๆ ในสวนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” ฮีชอลเหยียดขาตรงมือทั้งสองข้างยันพื้นเอาไว้ “คุณหานเกิงได้มานั่งแบบนี้บ้างไหมครับ”

     

    “ไม่หรอกครับ นานๆ ครั้งที” หานเกิงหันมองครึ่งหน้าของคนข้างตัว “คุณว่า... เราจะพูดแบบเป็นกันเองมากขึ้นได้ไหมครับ”

     

    ฮีชอลหันมอง “หมายความว่ายังไงครับ”

     

    “เริ่มจาก เลิกเรียกกันว่าคุณก่อนแล้วกันครับ” ร่างสูงยิ้มก่อนจะอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นใบหน้าที่ยังไม่เข้าใจของฮีชอล “ผมเรียกชื่อคุณเฉยๆ ไงครับ”

     

    “แต่ว่าคุณอายุมากกว่าผมนิครับ”

     

    “งั้นก็เรียกผมว่า พี่หานเกิง สิครับ แล้วพี่ก็จะแทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกเราว่า ฮีชอล ไงครับ”

     

    “เอ่อ... คือ...”

     

    “ครั้งนี้พี่จะยกผลประโยชน์ให้เพราะไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าเจอกันครั้งหน้าต้องเรียกตามข้อตกลงนะครับ ถ้าใครไม่เรียก จะต้องโดนลงโทษ”

     

    “โดนลงโทษ? ยังไงครับ”

     

    หานเกิงนึก “อือ... ก็แล้วแต่อีกคนแล้วกันว่าอยากจะลงโทษยังไง ตกลงไหมครับ”

     

    “ก็ได้ครับ ครั้งหน้านะครับ”

     

    “ครับผม ดึกแล้ว กลับกันเถอะครับ” ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้า ฮีชอลมองมือนั้นก่อนจะวางมือทาบทับลงไป หานเกิงออกแรงดึงช่วยให้คนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืน ก่อนจะรีบประคองเมื่อเห็นว่าอีกคนเซจะล้มลง แขนทั้งสองข้างโอบเข้าที่รอบเอวของฮีชอลอย่างไม่ตั้งใจ ใบหน้าหวานที่เงยขึ้นเพื่อจะขอบคุณคนที่ช่วยไว้แต่เพราะใบหน้าที่อยู่ใกล้กันกว่าที่คิดทำเอาคนที่คิดจะเอ่ยขอบคุณชะงักไปทันที

     

    “เอ่อ... ข ขอบคุณที่ช่วยครับ” ร่างบางขยับตัวออกจากอ้อมแขนของอีกคน ซึ่งหานเกิงก็รีบปล่อยมือออกจากเอวบางนั้นทันที

     

    “ไม่เป็นไรครับ เอ่อ... ไปกันดีกว่าครับ” รอยยิ้มอบอุ่นตามแบบฉบับของหานเกิงปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของหานเกิงก่อนที่ร่างสูงจะรั้งข้อศอกของอีกคนให้ออกเดินไปด้วยกัน

     

     

    … TBC …

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×