ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WE GOT MARRIED [GENGCHUL]

    ลำดับตอนที่ #15 : WGM... 15 ...

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 58


    Radio ? Theme

    We got married

    F.GC

    เกิดเรื่องขึ้นแล้วสิ บอสจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงละเนี่ย... แต่แอบกระซิบบอกหลังจากตอนนี้นะคะ... อือหือ... ฟินสุดๆ เพราะอะไรนั่นคิดว่าทุกคนน่าจะเดาได้หลังจากได้อ่านตอนนี้จบแล้วค่ะ ไปอ่านกันเลยค่า

    PS. ขอฝากหน่อยค่ะ ฟิคเรื่อง One more chance นางมารร้ายขอเป็นนางเอก ตอนนี้ฟางเปิดจองแล้วนะคะ ใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดกันได้นะคะ http://my.dek-d.com/fang070535/writer/viewlongc.php?id=1126293&chapter=44 ฝากด้วยค่ะ

    > #บอสเกิงมาดามฮี <




    … 15 …

     

    ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากวันคริสต์มาสจนเข้าสู่ปีใหม่คู่รักบอสเกิงมาดามฮีต่างฝ่ายก็ทำงานอย่างหนักจนแทบไม่มีเวลา ในหนึ่งวันได้พูดคุยกันช่วงเช้าก่อนแยกย้ายไปทำงานและก่อนเข้านอนแค่นั้น ซึ่งทางรายการก็ต้องแจ้งกับทางผู้ชมถึงสาเหตุที่ไม่ได้ฉายคู่นี้ในรายการ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฮีชอลต้องออกไปทำงานแต่เช้า ร่างบางจึงแย่งคนตัวสูงใช้ห้องน้ำแบบตัดหน้าทั้งๆ ที่เป็นคนตื่นสายแท้ๆ

     

    "นี่ เด็กดื้อ" เสียงทุ้มร้องจากที่ยังตื่นไม่เต็มตาก็ตาสว่างทันทีเพราะเกือบจะชนกับประตูห้องน้ำที่ฮีชอลปิดใส่หน้า

     

    เสียงหัวเราะใสๆ ดังลอดออกมาจากห้องน้ำก่อนจะตามด้วยเสียงตะโกนออกมา "ผมมีงานเช้า ขอใช้ห้องน้ำก่อนนะครับ"

     

    ใบหน้าของบอสส่ายไปมาพร้อมรอยยิ้มกับการกระทำของอีกคน ร่างสูงยืนกอดอกหลังพิงผนังไว้ เกือบครึ่งชั่วโมงประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทก็เปิดออกอีกรอบ ฮีชอลชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนยืนพิงผนังเอาไว้

     

    "ผมใช้เสร็จแล้ว พี่เกิงเข้าไปใช้สิครับ" ฮีชอลพูดแต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกจากห้องน้ำ ร่างสูงก็ขยับตัวมายืนบังเอาไว้ก่อน "ครับ?"

     

    หานเกิงก้มลงหอมแก้มนิ่ม สูดดมความหอมจากครีมอาบน้ำที่ลอยมาเตะจมูกเบาๆ แล้วดันร่างที่ยืนแข็งทื่อให้ขยับออกจากประตูห้องน้ำแล้วตนเดินสวนเข้าไปแทน

     

    "มอร์นิ่งคิสครับ" เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดลง

     

    กว่าสิบวินาทีคนที่โดนขโมยหอมแก้มจะรู้สึกตัว ผ้าขนหนูที่อยู่ในมือยกขึ้นฟาดประตู "คนบ้า!"

     

    หลังจากวันคริสต์มาสฮีชอลก็ต้องรับการกระทำที่ดูจะเจ้าเล่ห์และชอบเอาเปรียบของหานเกิงบ่อยๆ อย่างในตอนเช้าก็มักจะโดนขโมยหอมแก้ม ตอนก่อนนอนก็เช่นกัน แม้ชายหนุ่มจะยังคงความเป็นสุภาพบุรุษและเอาใจใส่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้กลับดูว่าจะเพิ่มความเจ้าเล่ห์เข้ามาอีกอย่าง ถึงแม้จะโดนเอาเปรียบบ่อยๆ ฮีชอลก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจอะไร นอกจากอาการเขินที่แสดงออกให้หานเกิงได้ยิ้มชอบใจ

     

    "ผมไปก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้เจอกันนะครับ" ฮีชอลพูดกับหานเกิง ในระหว่างที่ร่างสูงกำลังเตรียมเอกสารเพื่อไปทำงาน

     

    "ครับ แล้วเจอกัน" เงยหน้าขึ้นตอบรับพร้อมก้บส่งยิ้มให้

     

    คนสวยยิ้มตอบก่อนจะเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถตู้ของทางทีมงานกองถ่ายละคร ฮีชอลก้มมองซองสีน้ำตาลที่ฮีจินถืออยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วคว้าเอาซองนั้นมาเปิดดู แล้วมันก็ไม่ได้ผิดจากที่คิดไว้สักเท่าไหร่ รูปของฮีชอลถูกฉีกออกไปชิ้นเล็กชิ้นน้อย ข้อความบอกให้เลิกยุ่งกับหานเกิง และคำด่าทออีกมากมาย

     

    "ส่งมาทุกวัน ไม่เบื่อบ้างรึไงนะ" อยากจะพูดในดูตลก แต่มันไม่ตลกเลยสักนิด ตั้งแต่วันที่มีกระดาษเสียบไว้ที่รถวันนั้น หลังจากนั้นก็มีทั้งรูปฮีชอลที่ถูกกรีดถูกทำลาย ข้อความข่มขู่ต่างๆ นาๆ ถูกส่งมาให้ทุกวัน หลังๆ มีสะกดรอยตามอีกตั้งหาก

     

    "ฉันบอกให้บอกคุณหานเกิง บอกไปรึยัง" ฮีจินส่งเสียงถาม

     

    "ยังไม่ได้บอก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกน่า" ฮีชอลพูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่สำหรับฮีจิน เพราะหญิงสาวดูเป็นกังวล

     

    "ไม่ใหญ่โตได้ไง มีถึงขั้นสะกดรอยตามแบบนี้มันเรื่องใหญ่แล้วนะ ถ้าเกิดโดยทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง" ฮีจินเอ่ยเสียงเครียด

     

    "คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวก็คงเลิกยุ่งไปเองแหละ"

     

    พี่สาวได้แต่ถอนหายใจ แล้วก็ได้แต่หวังว่าเหตุการณ์มันจะไม่รุนแรงเหมือนอย่างที่ฮีชอลว่า และขอให้ซาแซงคนนี้หยุดการกระทำแบบนี้เสียที

     

    ตลอดทั้งวันนี้ฮีชอลมีถ่ายละครนอกสถานที่ทั้งวัน มีกลุ่มแฟนคลับตามมาให้กำลังใจฮีชอลรวมไปถึงนักแสดงคนอื่นๆ และสื่อมวลชนที่ตามมาทำข่าวละครเรื่องนี้ ร่างของนางพญาแห่งวงการบันเทิงนั่งท่องบทอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีฮีจินและทีมงานคนอื่นๆ คอยนั่งดูแล ซึ่งการมาทำงานในวันนี้มีกล้องของทางรายการ we got married ตามมาถ่ายด้วยเช่นกัน

     

    "ละครเรื่องนี้ยากไหมครับ"

     

    "จะว่ายากก็ยากนะครับ แต่มันก็ท้าทายความสามารถของผมดี ผมเลยไม่รู้สึกว่ามันยากแต่มันน่าลองมากกว่าครับ" ฮีชอลเงยหน้าขึ้นจากบทละครมาตอบคำถามของทีมงาน "เรื่องนี้ผมรับบทเป็นนักสืบอีกครับ แต่ต่างจากเรื่องก่อน เพราะตัวละครคราวนี้มีความคิดที่ซับซ้อนกว่า แล้วก็ต้องมีการปลอมตัวหลายแบบเลย เหมือนได้เล่นทุกบทบาทในเรื่องเดียวกันเลยครับ"

     

    "คุณถึงบอกว่ามันน่าลองใช่ไหมครับ"

     

    "ใช่ครับ ผมต้องปรับเปลี่ยนอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกไปมาตามแต่ละตัวละครที่ผมแสดง ผมว่ามันน่าลองมากครับ" ฮีชอลตอบ

     

    "ได้มาตามถ่ายที่นี่แล้วนึกถึงตอนที่คุณหานเกิงไปพบคุณที่กองถ่ายครั้งแรกเลยนะครับ" ทีมงานยังคงชวนคุยต่อเมื่อเห็นว่าฮีชอลไม่ได้ไม่พอใจกับการที่เอ่ยถามในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังท่องบท

     

    ฮีชอลพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย "ใช่ครับ ช่วงนี้ทั้งผมแล้วก็พี่เกิงต่างก็งานเยอะกันทั้งคู่ เราจึงไม่ค่อยได้ถ่ายด้วยกันแล้วก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะกว่าจะกลับถึงบ้านกันต่างคนก็ต่างเหนื่อยกันหมดแล้ว"

     

    หลังจากที่พูดเสร็จไม่นานเสียงเรียกของผู้กำกับก็ดังขึ้นเรียกให้ฮีชอลไปเข้าฉาก คนสวยจึงหันมาโบกมือให้กล้องแล้วเดินเข้าไปหานักแสดงคนอื่นๆ ตลอดการทำงานนั้นฮีชอลตั้งใจเป็นอย่างมาก การแสดงของเขานั้นดีเยี่ยมสมกับฉายาที่ได้รับจริงๆ

     

    กว่าการถ่ายทำจะเสร็จเวลาก็ล่วงเลยมาเย็นมากแล้ว ฮีชอลโค้งขอบคุณทีมงานของกองถ่ายละครและเข้าไปเช็คผลงาน เมื่อผลงานออกมาเป็นที่พอใจร่างบางจึงเดินไปเปลี่ยนชุดในส่วนที่กองถ่ายได้เตรียมไว้ ใบหน้าสวยเคร่งเครียดขึ้นเมื่อเห็นชุดที่ตนวางเอาไว้ เสื้อถูกกรีดเสียจนไม่เหลือสภาพ อีกทั้งกางเกงยังโดนสีแดงเทใส่จนเละไปหมด

     

    "มีอะไรรึเปล่าคะคุณฮีชอล" ทีมงานของกองถ่ายละครถามเมื่อเข้ามาเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฮีชอลพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็น "น... นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เดี๋ยวพี่ไปตามพวกสไตล์ลิสมาถามก่อนค่ะ"

     

    เสียงเรียกสไตล์ลิสและทีมงานที่รับผิดชอบส่วนเปลี่ยนเสื้อผ้าดังลั่นจนนักข่าวและบรรดาแฟนคลับต่างมองด้วยความสงสัย แต่พวกนักข่าวยังคงถูกกันอยู่ด้านนอก

     

    "ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กัน" เสียงของผู้กำกับเอ่ยถามพลางไล่มองทุกคนที่ยืนอยู่

     

    "ไม่ใช่คนในหรอกครับ" ฮีชอลพูด "ซาแซงน่ะครับ ผู้กำกับครับผมขอใส่ชุดนี้กลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวจะส่งซักแล้วเอามาคืน"

     

    "ไม่เป็นไรๆ ตามสบายเลย แต่แน่ใจนะว่าไม่ใช่คนใน"

     

    "ครับ" ฮีชอลยืนยัน "ไม่ใช่คนในกองหรอกครับ"

     

    เสียงพูดคุยซุบซิบระหว่างคนในกองถ่ายละครยังคงดังอยู่เป็นระยะถึงเรื่องที่เกิดขึ้น บรรดานักข่าวต่างก็รีบตรงเข้าไปถามเพื่อสอบถามถึงเรื่องราวเมื่อสักครู่ ความวุ่นวายเล็กๆ จึงเกิดขึ้นในกองถ่ายจนไม่มีใครทันสังเกตใคร จนกระทั่งเสียงร้องของบรรดาแฟนคลับที่เห็นเหตุการณ์ดังขึ้นจึงเรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง

     

    ร่างโปร่งของฮีชอลนั้นล้มลงกับพื้นถนน ตามแขนมีแผลถลอกอยู่หลายจุดการแรงกระแทก ในระหว่างที่ฮีชอลกำลังจะเดินข้ามถนนอยู่นั้นก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับมาด้วยความเร็วค่อนข้างมากพุ่งใส่ร่างของคนที่กำลังจะข้ามถนน โชคดีที่แฟนคลับที่อยู่ใกล้ๆ หันไปเห็นพอดีจึงส่งเสียงร้องเตือน และโชคดีที่ตัวฮีชอลเองก็ไวพอที่จะหลบ แต่ก็ไม่พ้น จึงถูกชนแบบเฉี่ยวๆ และเสียหลักล้มกระแทกกับพื้น

     

    "ฮีชอล!!" ฮีจินร้องเสียงดังเมื่อเห็นน้องชายล้มพับอยู่บนถนนจึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันทีพร้อมกับบรรดานักข่าวที่วิ่งกรูกันเข้าไป

     

    เสียงทีมงานตะโกนบอกให้เตรียมรถเพื่อพาฮีชอลไปส่งโรงพยาบาลก่อนที่จะเข้ามาช่วยพยุงร่างที่ล้มลงให้ลุกขึ้น

     

    "โอ๊ยย!!" คนเจ็บส่งเสียงร้อง ร่างบางแทบจะทรุดลงกับพื้นอีกรอบโชคดีที่ฮีจินและทีมงานอีกคนรับไว้ได้ทัน

     

    "เจ็บมากเลยหรอ" ฮีจินถามด้วยความเป็นห่วง

     

    "อื้อ... ท เท้า เจ็บ"

     

    ร่างของฮีชอลถูกทีมงานอุ้มขึ้นบนรถตู้ท่ามกลางสายตาและเสียงร้องของแฟนคลับและนักข่าว รถตู้สีดำคันใหญ่รีบขับออกจากสถานที่ถ่ายทำแล้วตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที






    ร่างสูงของท่านประธานหนุ่มก้าวเท้าเร็วๆ ไปตามเส้นทางในโรงพยาบาล สีหน้าที่เคร่งขรึมบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี หานเกิงตรงไปหาฮีจินและทีมงานของรายการที่นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

     

    "พี่ฮีจินครับ นี่เกิดอะไรขึ้นครับ"

     

    ฮีจินเงยหน้าขึ้นมอง "คุณหานเกิง... ฮีชอลโดนรถเฉี่ยวน่ะค่ะ"

     

    "แล้วคนที่เฉี่ยวล่ะครับ" หานเกิงรีบถามต่อ

     

    "เอ่อ... หนีไปแล้วค่ะ ที่จริงมันมีเรื่องนิดหน่อย พี่เคยบอกให้ฮีชอลบอกเรื่องนี้กับคุณหานเกิงแล้ว แต่เขาไม่ยอมบอก" ฮีจินพูดพลางสังเกตสีหน้าของคู่สนทนาไปด้วย

     

    ใบหน้าเคร่งเครียดและเป็นกังวลของหานเกิงทำเอาฮีจินนึกหวั่นในใจว่าถ้าเล่าเรื่องซาแซงออกไป จะโดนรุ่นน้องคนนี้ทำอะไรไหมโทษฐานที่ไม่ยอมบอก

     

    "เรื่องอะไรครับพี่ฮีจิน เกี่ยวกับที่ฮีชอลโดนรถเฉี่ยวรึเปล่า"

     

    "ค่ะ คุณหานเกิงลองดูนี่ก่อน" ฮีจินส่งซองสีน้ำตาลให้กับหานเกิง

     

    น่ากลัว... นั่นคือคำที่ฮีจินคิดได้ตอนเห็นสีหน้าน่ากลัวของหานเกิงที่กำลังมองบรรดารูปภาพและข้อความข่มขู่ฮีชอล

     

    "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่รีบบอกผมครับ"

     

    "พี่ขอโทษนะคะ พอพี่จะบอกเองฮีชอลก็ไม่ยอมให้พี่บอก คงไม่คิดว่าเรื่องจะกลายมาถึงขั้นทำร้ายร่างกายขนาดนี้" หญิงสาวที่เป็นทั้งพี่สาวและผู้จัดการของฮีชอลพูดเสียงอ่อยๆ อย่างยอมรับผิด

     

    หานเกิงถอนหายใจ "ไม่เป็นไรครับเรื่องของซาแซงคนนี้ผมจะจัดการเอง" ใบหน้าของหานเกิงหันไปมองประตูห้องฉุกเฉิน "แล้วก็เด็กดื้อที่ไม่ยอมพูดอะไร ผมก็ขออนุญาตจัดการด้วยนะครับ"

     

    "คะ... ค่ะ" ฮีจินได้แต่ส่งยิ้มแล้วก็ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้ฮีชอลโชคดี แต่ก็เอาเถอะ เด็กดื้อๆ อย่างฮีชอล ให้โดนคุณหานเกิงดุซะบ้างก็คงดีเหมือนกัน... มั้ง

     

    ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมกับหมอและพยาบาลเดินออกมา ฮีจิน กับหานเกิงรีบเข้าไปถามอาการของฮีชอลทันที

     

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ มีแผลถลอกตามแขนแล้วก็ขา หนักสุดก็ตอนที่ล้มลงไปทำให้เอ็นข้อเท้าพลิกแล้วก็อักเสบ งดการเดินหรือการลงน้ำหนักที่เท้าประมาณสองถึงสามสัปดาห์นะครับไม่งั้นอาการจะยิ่งแย่"

     

    "แล้วกลับบ้านได้เลยรึเปล่าครับ ต้องอยู่ดูอาการไหม" หานเกิงรีบถามต่อทันที

     

    "ไม่ต้องครับ สามารถกลับไปพักที่บ้านได้เลย อีกเดี๋ยวบุรุษพยาบาลจะพาคนไข้ออกมานะครับ หมอขอตัวก่อน"

     

    "ขอบคุณมากครับ / ค่ะ" ทั้งหานเกิงและฮีจินพูดออกมาพร้อมกัน

     

    ร่างบางของฮีชอลนั่งอยู่บนรถเข็นที่บุรุษพยาบาลเข็นออกมา ใบหน้าสวยดูหงอยลงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของหานเกิงที่มองมา

     

    "พี่ฮีจินพาฮีชอลไปรอที่รถผมก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวผมไปจัดการเรื่องยาก่อนแล้วจะตามไป รถผมจอดอยู่ด้านหน้าเลยลงไปก็เจอเลยครับ" หานเกิงละสายตาจากคนเจ็บไปหาฮีจินแล้วพูด

     

    "ค่ะ คุณหานเกิง"

     

    หานเกิงไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าให้แล้วเดินเลี่ยงออกไป คนเจ็บที่หน้าหงอยอยู่แล้วก็ยิ่งหงอยลงกว่าเดิมเมื่อหานเกิงไม่ถามหรือสนใจเลย

     

    "พี่เกิงรู้เรื่องหมดแล้วหรอ" ฮีชอลถามฮีจินที่เดินอยู่ข้างๆ โดยมีทีมงานช่วยเข็นรถที่เจ้าตัวนั่งอยู่ให้

     

    "อื้อ ท่าจะโกรธเอาเรื่อง ตอนคุณหานเกิงรู้งี้ทำหน้าตาน่ากลัวเชียว ไม่เชื่อลองถามควอนรยอดูสิ" ฮีจินพูดพลางพยักหน้าไปทางทีมงานที่เข็นรถให้ฮีชอล "เขาบอกเขาจะจัดการเรื่องซาแซงเอง รวมถึงนายด้วย"

     

    "ฉัน? ทำไมล่ะ" ร่างบางตาโตทันทีที่ได้ยิน

     

    "ลงโทษเด็กดื้อที่ไม่ยอมเล่าให้ฟังมั้ง นายรับผิดไปคนเดียวเต็มๆ เลยนะ ไมต้องเอาฉันหรือควอนรอยไปเอี่ยวด้วยเลยล่ะ พวกฉันเตือนให้บอกแล้วนะไม่ยอมบอกคุณหานเกิงเอง"

     

    "อะไรกัน" คนสวยได้แต่บ่นอุบอิบอยู่คนเดียวอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

     

    ตลอดทางจากโรงพยาบาลมีแต่ความเงียบ หนึ่งเงียบพร้อมกับแผ่รังสีความไม่พอใจ โกรธเคืองจนคนที่มีชนักติดหลังอย่างฮีชอลเองก็ไม่กล้าพูดอะไร และฮีจินที่นั่งอยู่ข้างหลังก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ตั้งใจไว้ว่าพอส่งน้องชายที่บ้านแล้วขอหนีกลับเลยแล้วกัน ปล่อยให้เขาเคลียร์กันเอาเอง

     

    และฮีจินก็ทำอย่างที่คิดเอาไว้ทันที หญิงสาวจัดการวางบรรดายาของคนเจ็บไว้บนโต๊ะ เมื่อดูและถามไถ่อาการของน้อยชายตัวเองเสร็จก็รีบเอ่ยขอตัวกลับก่อนทันที ทำให้ตอนนี้ภายในห้องนั่งเล่นจึงเหลือเพียงหนึ่งคนเจ็บและหนึ่งคนดูแลอย่างหานเกิง

     

    บอสหนุ่มกอดอกมองคนเจ็บที่นั่งทำหน้าตาสำนึกผิด โกรธก็โกรธ ห่วงก็ห่วงอยากจะจับมาตีหนักๆ สักทีสองที หานเกิงถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ฮีชอล จนคนที่นั่งอยู่แอบนึกหวั่นในใจว่าจะโดนอะไรบ้าง

     

    "ทำไมไม่บอกพี่" หานเกิงถาม "ว่ายังไงฮีชอล"

     

    "ก็ผมไม่อยากให้พี่เกิงมาเป็นกังวล แล้วก็คิดว่าคงไม่มีอะไรนิครับ" ฮีชอลบอก

     

    "ทำไมถึงประมาทแบบนี้ ถ้าหากวันนี้เป็นอะไรหนักขึ้นมาจะทำยังไง รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงแค่ไหนตอนพี่ฮีจินโทรไปบอกว่าฮีชอลเข้าโรงพยาบาลน่ะ" คนตัวสูงยังคงทำหน้าดุ

     

    "ผมขอโทษครับ" ดวงหน้าสวยก้มลงหลบสายตาอีกคน

     

    หานเกิงถอนหายใจอีกครั้งหวังจะให้ความโกรธเคืองคลายลง พอเห็นอีกคนทำท่าทางหงอยๆ ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ มือหนายกขึ้นลูบผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะรั้งอีกคนมากอด "ตกใจมากไหม เจ็บมากรึเปล่า"

     

    คนที่ซบอยู่กับอกกว้างพยักหน้ารับ เสียงหวานเอ่ยขอโทษอีกคน "ผมขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ"

     

    "ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวพี่จะจัดการเอง คราวหลังถ้ามีเรื่องอะไรต้องรีบบอกเข้าใจไหม อย่าเก็บเอาไว้แบบนี้คนเดียวอีก" มือหนาลูบเบาๆ ที่ผมนุ่มอย่างต้องการปลอบโยนคนในอ้อมแขนให้คลายความตกใจลง

     

    "ครับ พี่เกิง" รับคำอย่างง่ายดาย

     

    "เดี๋ยวพี่ไปทำมื้อเย็นให้ เดี๋ยวจะได้ทานข้าวแล้วก็ทานยา"

     

    "ผมอยากอาบน้ำก่อน ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ"

     

    หานเกิงส่ายหน้า "ไม่ได้ ยังมีแผลอยู่ตามแขนตามขาอยู่เลย โดนน้ำมากไม่ดีเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้แล้วกัน"

     

    "ผมเช็ดเองก็ได้ครับ ไม่ได้เจ็บแขนมาก นะครับ" ดวงตากลมโตฉายแวดออดอ้อนทันที

     

    "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่พาไป" หานเกิงอุ้มร่างบางของฮีชอลขึ้นก่อนจะพาขึ้นไปชั้นบนก่อนจะวางร่างนั้นลงบนเก้าอี้ตัวเล็กในห้องน้ำ เดินไปหยิบชุดนอนของคนสวยมาวางไว้ใกล้ๆ เปิดน้ำใส่ถังใบเล็กๆ ไว้ให้พร้อมกับผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำไป

     

    หลังจากที่ฮีชอลเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ถูกหานเกิงอุ้มออกจากห้องน้ำอีกรอบ นางพญาแห่งวงการบันเทิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนที่นอนกว้าง ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ถูกย้ายลงไปวางไว้ข้างที่นอนเพื่อให้คนเจ็บสามารถนอนได้อย่างสบายๆ พลางทานข้าวต้มที่ท่านประธานหนุ่มทำมาให้ตามด้วยทานยาแก้อักเสบอีกชุดใหญ่ ก่อนจะถูกบังคับให้นอนหลับพักผ่อนในเวลาต่อมา

     

    "ฝันดีครับเด็กดื้อ" หานเกิงบอกฝันดีพร้อมกับคลี่ผ้าขึ้นห่มให้ มือหนายกขึ้นลูบผมนุ่มเบาๆ เป็นเชิงกล่อมให้เด็กดื้อของเขานอนหลับฝันดี

     

    … TBC …

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×