คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : WGM... 11 ...
F.GC
วันนี้มาแบบเรียบๆ เรื่อยๆ ค่ะพอดีสมองตื้อๆ นิดหน่อยยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ
เอาไว้ถ้าสมองแล่นๆ อาจจะแก้ไข หรือไม่ก็จะปรับปรุงให้ตอนหน้าฟินกันสุดๆ เลยค่ะ
มาอัพก่อนปีใหม่เพราะคงมาอัพอีกทีก็วันที่ 5 หรือ 6 เลย เพราะฟางไม่ได้เอาคอมกลับบ้านเลยมาอัพซะก่อนเลย
ปีใหม่นี้ก็ขอให้มีความสุขกันมากๆ นะคะ แล้วก็อย่าลืมติดตามฟิคเรื่องนี้กันไปเรื่อยๆ เลยนะคะ
Happy New Year ค่ะ Happy Happy รวย รวยกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามและการสนับสนุนค่ะ แวะไปพูดคุยกับฟางได้ที่ทวิตเตอร์เลยนะคะ อยากคุยด้วย อิอิ ^^
> #บอสเกิงมาดามฮี <
… 11 …
ร่างสูงของท่านประธานหานเกิงนั่งอ่านรายงานการประชุมที่เลขาเอาเข้ามาให้อย่างตั้งอกตั้งใจ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และไม่ใช่วันทำงานของบริษัท แต่ท่านประธานหนุ่มก็ขอให้เลขาช่วยเอาเอกสารด่วนและสำคัญมาให้ เพราะหานเกิงตั้งใจจะเคลียร์งานให้เรียบร้อยเพื่อที่ตนจะได้ไปเตรียมงานสำคัญได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องงานมากนัก และเพราะวันนี้เป็นวันหยุดที่มีเขามาทำงานคนเดียวชุดที่สวมใส่จึงเป็นชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการมากนัก
"ท่านประธานครับ กลางวันนี้จะทานอะไรดีครับ" เสียงของเลขาถามหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของหานเกิง
"หือ... จะเที่ยงแล้วหรอเนี่ย ซื้อข้าวกล่องมาให้..." ยังไม่ทันจะพูดจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หานเกิงจึงบอกให้เลขาคนสนิทรอสักครู่ "ว่าไงครับฮีชอล" คำทักทายที่ดูนุ่มนวลนั้นเป็นคำตอบให้เลขาอย่างดีเลยว่าทำไมบอสถึงดูอารมณ์ดีนักตอนดูชื่อสายเรียกเข้า
[พี่เกิงจะกลับตอนไหนหรอครับ] ปลายสายส่งเสียงกลับมา
สีหน้าของหานเกิงฉายแววลำบากใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้นพลางหันมองนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วเอ่ยถามกลับไป "มีอะไรรึเปล่าครับ"
[คือว่า... ค่ำนี้พ่อกับแม่แล้วก็พี่ฮีจินจะมาหาที่บ้านน่ะครับ จะมาทานข้าวด้วยกัน]
"ครับ? พ่อกับแม่ฮีชอลจะไปที่บ้านหรอ" ตั้งแต่เป็นเลขาให้บอสหานเกิงมา สาบานได้เลยว่าไม่เคยเห็นสีหน้าตกใจขนาดนี้มาก่อน และท่าทางแบบนั้นทำให้เลขาหนุ่มคนสนิทยากที่จะซ้อนรอยยิ้ม
[ใช่ครับ ผมเลยตั้งใจจะทำอาหารเอง พี่เกิงงานยุ่งไหมครับ กลับมาช่วยผมทำได้ไหม] น้ำเสียงติดจะอ้อนนิดๆ นั้น หานเกิงจะใจแข็งไม่ยอมกลับได้ยังไง
"ไม่ยุ่งครับ พี่แค่มาดูเอกสารนิดเดียว เสร็จพอดีด้วย เดี๋ยวพี่จะกลับไปบ้านเลย" มาดูเอกสารนิดเดียว... คนเป็นเลขาแอบกรอกตากับคำโกหกของหานเกิง เอกสารนิดเดียวแต่เล่นเอาเลขาทั้งสองคนของบอสเกิงแทบจะอดหลับอดนอนจัดเอกสารนิดเดียวมาให้
[โอเคครับ พี่เกิงกลับมาเร็วๆ นะครับ]
"ครับผม จะรีบกลับไปครับ" หานเกิงวางสายของภรรยาคนสวยไปแล้ว ก่อนจะหันกลับมาหาเลขาของตนที่ยืนยิ้มขำอยู่ "ขำอะไรมินโฮ"
"บอสดูท่าจะตามใจมาดามมากนะครับ" แทบจะกลั้นยิ้มไม่ได้เลย
"ก็ไม่ได้ตามใจอะไรขนาดนั้น" สายตาดุๆ นั้นดูจะไม่มีผลกับมินโฮสักเท่าไหร่
"ครับๆ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ เพราะบอสต้องรีบกลับไปหามาดามที่บ้าน มื้อกลางวันคงไม่ต้องซื้อแล้ว"
"จะไปก็ไปเลย" มินโฮยิ้มกับคำพูดของหานเกิงก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป บอสหนุ่มหันมาสนใจเอกสารบนโต๊ะแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะจัดการเก็บเอกสารทั้งหมดเข้าลิ้นชักเรียบร้อย แล้วเดินไปลงลิฟต์ขับรถกลับบ้านทันที
รถแลนด์โรเวอร์สีขาวขับไปตามเส้นทางจากบริษัทกลับไปที่บ้าน เพราะไม่ใช่วันทำงานและไม่ใช่เวลาเร่งด่วนใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงบ้าน ฮีชอลนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรสักอย่างโดยมีทีมงานยืนถ่าย
"ทำไมมาถึงเร็วจังครับ" ฮีชอลที่เงยหน้าขึ้นมองเพราะได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดเอ่ยถาม
"รถไม่ติดน่ะ เลยถึงเร็ว แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่" เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับฮีชอล
"กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรดีน่ะครับ พี่เกิงทานไรมารึยัง ผมทำคิมบับไว้ทานไหมครับ" ฮีชอลถามก่อนจะรีบลุกไปหยิบคิมบับที่ทำไว้กับน้ำเปล่าเย็นๆ มาให้หานเกิงทันทีเมื่อชายหนุ่มพยักหน้ารับ
"แล้วจะทำอะไรบ้างล่ะ" หานเกิงถามถึงเมนูอาหารค่ำที่จะทำเตรียมต้อนรับพ่อแม่และพี่สาวของฮีชอล
"อือ... ก็มีแกงกิมจิ (กิมจิ ชีเก 김치 찌게) แล้วก็ ปลาหมึกผัดเผ็ด (นักชีบกกึม 낙지볶음) แล้วก็แพนเค้ก (พาจอน 파전) พ่อชอบทานมากเลย พี่เกิงทำอาหารจีนได้ใช่ไหมครับ ผมอยากให้มีอาหารจีนด้วย" ฮีชอลพูด
"อย่างนั้นเอาเป็นซุปเยื่อไผ่กับผัดเปรี้ยวหวานหมูดีไหม"
ฮีชอลพยักหน้ารับ "ดีครับ ถ้าอย่างนั้นไปซื้อของกันครับจะได้รีบกลับมาทำ หลายอย่างเลย"
"โอเคครับ งั้นฮีชอลไปเตรียมตัวเดี๋ยวจะได้ออกไปกันเลย"
นางพญาแห่งวงการบันเทิงขึ้นไปบนชั้นลอยเพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปซื้อของ ทีมงานก็เดินไปติดตั้งกล้องไว้บนรถของหานเกิง หลังจากที่ฮีชอลเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยรถแลนด์โรเวอร์ของบอสหนุ่มก็ขับออกจากบ้านไปโดยมีรถของทีมงานขับตามหลัง
รถคันสวยเลี้ยวจอดตรงบริเวณที่จอดรถของซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ก่อนที่ทั้งสองจะลงจากรถพร้อมๆ กับทีมงานที่ลงจากรถอีกคันมาตามถ่าย หานเกิงเดินไปเช่ารถเข็นก่อนจะเข็นรถมาหาฮีชอลที่ยืนรออยู่หน้าทางเข้า ทั้งสองคนเดินเลือกซื้อของที่จะเอาไปทำอาหารมือค่ำ ทั้งผัก ผลไม้ รวมไปถึงเนื้อสัตว์และเครื่องดื่ม
"ต้องซื้ออะไรอีกไหม" หานเกิงถามหลังจากที่หยิบเนื้อหมูใส่รถเข็นแล้ว
"อือ... ครบแล้วละครับ ไม่ต้องซื้ออะไรแล้ว" หลังจากที่เช็คของในรถเข็นแล้วจึงเอ่ยตอบ
"ถ้าอย่างนั้นไปไปจ่ายเงินกัน จะได้รีบกลับไปทำอาหาร" ชายหนุ่มเข็นรถเข็นไปยังช่องจ่ายเงิน หลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยก็เข็นรถออกไปด้านนอกและช่วยกันขนของใส่รถ
หานเกิงและฮีชอลอยู่ในชุดลำลองสบายๆ โดยมีผ้ากันเปื้อนลายการ์ตูนมังกรสีเขียวกับสีฟ้าที่แฟนคลับส่งมาให้ กำลังช่วยกันหยิบวัตถุดิบในการทำอาหารออกมาจัดเตรียมอยู่ในครัว โดยมีช่างกล้องยืนถ่ายอยู่อีกด้านของเคาน์เตอร์ครัว หานเกิงหยิบหม้อมาสองใบ ต้มน้ำเพื่อเตรียมทำแกงกิมจิและซุปเยื่อไผ่ ก่อนจะหันไปล้างเยื่อไผ่ เห็ดก่อนจะหันเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ส่วนฮีชอลนั้นกำลังหั่นกิมจิอยู่ หลังจากที่ทำซุปเยื่อไผ่เสร็จชายหนุ่มก็เรียกให้ฮีชอลมาลองชิม
"ฮีชอล ลองชิมหน่อยว่าโอเคไหม"
คนสวยเบาไฟที่ใช้ต้มทำแกงกิมจิลงก่อนจะหันไปหาหานเกิงที่กำลังเป่าน้ำซุปในช้อนให้คลายความร้อนลงแล้วป้อนให้ภรรยาชิม
"อร่อยดีครับ พ่อผมคงชอบ" ฮีชอลยิ้มก่อนจะหันไปตักน้ำแกงมาเป่าแล้วป้อนให้หานเกิงชิมบ้าง
"คุณสองคนนี่ดูท่าจะชอบทำอาหารมากเลยนะครับ" ทีมงานที่คอยตามถ่ายพูด เพราะดูท่าทางแล้วทั้งสองคนจะชื่นชอบการทำอาหารจริงๆ
"ผมอยู่คนเดียวก็เลยต้องหัดทำอาหารไว้น่ะครับ แล้วผมก็คิดว่าการทำอาหารก็สนุกดีครับ" หานเกิงตอบทั้งๆ ที่มือก็กำลังทำผัดเปรี้ยวหวานหมูไปด้วย
"แล้วคุณฮีชอลละครับ" ทีมงานถาม
"เหตุผลของผมก็ไม่ได้ต่างจากพี่เกิงมากหรอกครับ ผมอยู่ที่คอนโดคนเดียวเลยจำเป็นต้องหัดทำไว้น่ะครับ ไม่งั้นคงลำบากแย่เลย" ฮีชอลหันมายิ้มใส่กล้อง
อาหารทั้งสี่อย่างทำเสร็จเรียบร้อยเหลือเพียงแค่ทำแพนเค้กเท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนก็ช่วยกันเตรียมแป้งไว้ทอด
"พี่เกิง" ฮีชอลเรียกหานเกิงที่กำลังหั่นผักอยู่ให้หันมามอง
"หือ?" หานเกิงหันไปมอง ก่อนจะยิ้มขำเมื่ออยู่ๆ ก็เอาแป้งมาทาหน้าตนเอง "เลอะหมดแล้ว เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้" แม้จะพูดแบบนั้นแต่ชายหนุ่มก็ใช้มือจุ่มลงไปในแป้งแล้วตบมือจนแป้งพุ้งกระจายใส่หน้า
"พี่เกิงอะ!" แน่นอนว่าฮีชอลไม่ยอมแพ้รีบเอาแป้งมาสะบัดใส่หานเกิงทันทีจนแป้งฟุ้งกระจายไปทั่ว แม้แต่ทีมงานก็ยังโดนฮีชอลแกล้งไปด้วย
เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนที่กำลังแกล้งกันไปมาหยุดชะงักก่อนที่ฮีชอลจะวิ่งไปเปิดประตู ส่วนหานเกิงก็รีบทำความสะอาดบริเวณส่วนครัว และผสมแป้งสำหรับทำแพนเค้กต่อ
"พ่อ แม่ มากันแล้วหรอ เร็วจัง"
"ทำไมเลอะขนาดนี้เนี่ยฮีชอล" เสียงของผู้หญิงดังขึ้น หานเกิงคิดว่าคงเป็นแม่ของฮีชอลแน่ๆ
"แหะๆ ผมกำลังทำอาหารอยู่น่ะครับ เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะครับ" ฮีชอลแย่งของจากในมือพ่อของตนมาก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน
"สวัสดีครับ" หานเกิงเดินออกมาทักทายพ่อแม่ของฮีชอล และพี่ฮีจินก่อนจะแย่งของในมือฮีชอลมาถือไว้เอง
"โอ้... สวัสดีจ๊ะหานเกิง" แม่ของฮีชอลทักทายลูกเขยคนหล่อทันที "ทำไมเลอะกันทั้งคู่เลยล่ะเนี่ย"
"อ่อ... พอดีเล่นกันมากไปหน่อยน่ะครับ เชิญนั่งก่อนครับ ขอโทษทีนะครับที่ไม่มีโซฟาตัวใหญ่ พี่ฮีจินเอาเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานมานั่งก็ได้ครับ"
"ไม่เป็นไรหรอก พ่อกับแม่ไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้นตามสบายเถอะ" พ่อของฮีชอลพูดก่อนคนเป็นแม่จะไล่ลูกชายกับลูกเขยของตนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
"บ้านสวยไหมครับ" ฮีชอลถามหลังจากที่เจ้าตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้วเรียบร้อย คนสวยนั่งลงบนพื้นไม้ใกล้ๆ กับโซฟากลมที่พ่อกับแม่ของตนนั่งอยู่
"สวยดีนะ เข้าใจเลือกดีนินา" ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากชมพร้อมกับมองไปรอบๆ บ้าน "นี่แกแต่งบ้านเองหรอ"
"พ่อก็พูดไม่คิดเลย ถ้าให้เจ้าลูกสาวคนเล็กของพ่อแต่งคงมีแต่สีแดงเต็มบ้าน" ฮีจินพูดแซวคนเป็นน้องทันที ซึ่งคนถูกแซวก็ส่งค่อนให้แทบจะในทันทีที่พี่สาวพูดจบเหมือนกัน
"พี่เกิงเป็นคนแต่งน่ะครับ ทั้งเลือกเฟอร์นิเจอร์แล้วก็แต่งส่วนอื่นๆ ด้วย" ฮีชอลพูด
"แม่เห็นโมเดลบ้านนั่น คืออะไรหรอลูก" โมเดลที่แม่ของคนสวยพูดก็คือโมเดลจำลองบ้านที่หานเกิงทำให้
"จริงด้วย หนูมาหลายครั้งแต่ไม่เคยสังเกตเลย เหมือนบ้านหลังนี้เลยนินา" ฮีจินรีบลุกไปดูทันที
ยังไม่ทันที่ฮีชอลจะได้ตอบ หานเกิงที่เดินมาถึงก็เป็นฝ่ายตอบแทน "ผมทำให้เป็นของขวัญให้ฮีชอลน่ะครับ เป็นของง้อที่ผมทำให้เขาไม่พอใจ"
ฮีชอลส่งค้อนแล้วค้อนอีกให้กับพี่สาวที่เล่าเรื่องอย่างเมามันส์ ส่วนหานเกิงทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ พร้อมกับเดินไปยกเก้าอี้โฟมอันใหญ่มาวางหน้าตู้เพื่อให้ฮีชอลนั่งแล้วจึงนั่งลงที่พื้นข้างๆ อีกคนแทน
"เรานี่นะ เอาแต่ใจอยู่เรื่อยเลยเชียว คนเราจะอยู่ด้วยกันก็ต้องเข้าใจกันสิ เอาแต่ใจฝ่ายเดียวมันใช่ไม่ได้นะ" คนเป็นแม่เอ่ยปากสอนลูกคนเล็กทันที
ทั้งห้าคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน หานเกิงสามารถเข้ากับพ่อแม่และพี่สาวของฮีชอลได้เป็นอย่างดี คงเป็นเพราะด้วยนิสัยที่เป็นคนสุภาพ สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีจึงไม่ยากเลยที่บอสหนุ่มจะสามารถเอาชนะใจพ่อแม่ของภรรยาคนสวยได้ เวลาล่วงมาจนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วหานเกิงจึงเอ่ยชวนทั้งห้าคนไปทานอาหารฝีมือของเขาและฮีชอลกัน อาหารทั้งห้าอย่างวางอยู่บนโต๊ะหน้าตาและกลิ่นหอมน่าทาน ควันลอยจากถ้วยแกงกิมจิและซุปที่ชายหนุ่มพึ่งจะอุ่นใหม่ๆ ยิ่งเพิ่มความน่าทานมากขึ้นกว่าเดิม
"หานเกิงทำอาหารเป็นด้วยหรอเนี่ย เก่งจริงๆ เลยนะ" แม่ของคนสวยเอ่ยชมทันทีที่รู้ว่าหานเกิงเองก็ทำอาหารมื้อนี้ด้วยเช่นกัน "หายากนะที่ผู้ชายสมัยใหม่จะทำอาหารเป็น แถมเรายังเป็นถึงประธานบริษัทแบบนี้ด้วย ยิ่งไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย"
ชายหนุ่มยิ้มรับคำชม "ผมอยู่คนเดียวเลยหัดทำไว้ครับ เผื่อวันไหนอยากทานอะไรก็จะได้ทำทานเองได้เลย"
"ฝีมือใช้ได้เลยนะ อร่อยมากเลย ไว้สอนเจ้าฮีชอลทำบ้างสิ" คนเป็นพ่อเอ่ยบ้าง
"ผมว่าฮีชอลเขาก็ทำเก่งนะครับ บนโต๊ะนี่เขาก็ทำเองตั้งหลายอย่างเลยละครับ"
หลังจากจบอาหารมื้อค่ำทั้งห้าคนก็ยังคงนั่งพูดคุยกันต่อ ฮีชอลดูเหมือนเด็กน้อยไปทันทีที่อยู่ครอบครัวเพราะเจ้าตัวมักจะคอยอ้อนผู้เป็นพ่อกับแม่ตลอด ส่วนหานเกิงนั้นก็นั่งมองแล้วก็ยิ้ม ฮีจินเล่าเรื่องราววีรกรรมต่างๆ นาๆ ของน้องชายให้หานเกิงฟังเสียจนละเอียดยิบ น้องบอกให้หยุดก็ไม่ยอมหยุดจึงโดนค้อนไปหลายรอบ
"พ่อกับแม่ดูดิ ฮีจินเล่าอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นน่าฟังเลย" คนสวยหันไปฟ้องทันทีซึ่งท่านทั้งสองก็ทำเพียงหัวเราะแล้วนั่งดูสองพี่น้องเถียงกันเอง
"ไม่น่าฟังตรงไหน ฉันกำลังเล่าเรื่องแกให้คุณหานเกิงฟัง จะได้รู้ไงว่าจริงๆ แล้วแกน่ะเป็นคนดื้อ แล้วก็เอาแต่ใจขนาดไหน" ฮีจินเถียงกลับอย่างไม่ลดละเช่นเดียวกัน
"พี่เกิง... อย่าไปฟังฮีจินพูดนะ พูดมากไม่เข้าเรื่อง" เมื่อห้ามคนพูดไม่ได้ก็หันไปอ้อนคนฟังแทนแล้วคนฟังที่ดีอย่างหานเกิงมีหรือจะปฏิเสธได้
"ครับ โอเคครับ"
"คุณหานเกิงก็ตามใจ ระวังตามใจมากๆ เจ้าเด็กนี้จะเสียคนนะคะ" ฮีจินหันไปพูดกับหานเกิง
"ถ้าอย่างนั้นผมจะตามใจเท่าที่เห็นว่าสมควรแล้วกันนะครับ" ชายหนุ่มยิ้ม
"ใช่แล้วล่ะจ๊ะหานเกิง ยังไงพ่อกับแม่ก็ฝากหานเกิงดูฮีชอลด้วยนะ ถ้าเจ้าเด็กนี่ทำอะไรให้ลำบากใจก็อย่าถือสาเลยนะ" คนเป็นแม่หันไปพูดกับชายหนุ่มแล้วฝากฝังลูกชายคนเล็กทันที
ชายหนุ่มพนักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม "ครับผม"
พ่อแม่และฮีจินกลับไปแล้วเมื่อเห็นว่าเป็นค่ำมากแล้ว ทั้งหานเกิงและฮีจินเดินไปส่งทั้งสามคนที่หน้าบ้าน ยืนรอจนรถที่ฮีจินขับจะลับสายตาไปจึงได้เดินกลับเข้าบ้าน ทีมงานเองก็กลับไปแล้วเช่นกันจึงเหลือเพียงเขาแค่สองคนเท่านั้นและกล้องที่ติดอยู่รอบบ้าน หานเกิงให้ฮีชอลไปอาบน้ำก่อนนอนส่วนตัวเองก็จัดการเก็บล้างถ้วยชามให้เรียบร้อย เมื่อขึ้นไปบนชั้นลอยคนที่ถูกให้มาอาบน้ำก่อนก็นอนเล่นอยู่บนที่นอนอยู่แล้ว หานเกิงจึงเดินเข้าไปอาบน้ำต่อ
"มีอะไรรึเปล่า" หานเกิงถามเมื่อออกจากห้องน้ำมาแล้วเห็นคนสวยนั่งหน้ายู่ๆ อยู่บนเตียง
"ผมน่าจะเอาตุ๊กตามาด้วย พอนอนแบบไม่มีตุ๊กตานานๆ แล้วมันไม่ชินยังไงไม่รู้อะครับ" ฮีชอลบอกก่อนจะคว้าเอาหมอนมากอดแทน
บอสหนุ่มยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งบนที่นอนแล้วเช็ดผมที่เปียกอยู่ ซึ่งเมื่อฮีชอลเห็นดังนั้นก็ขยับมาใกล้แล้วจัดการเป็นฝ่ายเช็ดผมให้หานเกิงเอง "ผมพี่เกิงนิ่มจังเลยครับ"
"อย่างนั้นหรอ พี่ว่าผมฮีชอลก็นิ่มนะ" คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันกลับไปแล้วยกมือขึ้นลูบผมที่ยาวประบ่าของฮีชอลเบาๆ ทำให้ใบหน้าทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่มากนัก
ทั้งคู่ต่างนิ่งกันไปทันที ดวงตาทั้งสองคู่สบมองกันอย่างตรงๆ ก่อนที่หานเกิงจะขยับตัวก่อนทำให้ฮีชอลรู้สึกตัวและขยับตัวไปนั่งกอดหมอนบนเตียง "ดึกแล้วนะ นอนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพี่จะปิดไฟแล้วนะ" หานเกิงลุกเอาผ้าเช็ดผมไปแขวนเอาไว้ ก่อนจะเดินไปปิดไฟเหลือเพียงแสงส่องสว่างตรงบริเวณบันได
มือหนาของท่านประธานหนุ่มยกขึ้นดึงผ้านวมขึ้นคลุมตัวเองและคนที่นอนข้างๆ ก่อนจะเลื่อนไปลูบผมนุ่มนั้นอีกรอบ "นอนหลับฝันดีนะครับฮีชอล"
"ครับ นอนหลับฝันดีนะครับพี่เกิง"
… TBC …
ความคิดเห็น