ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Truth MooN . บัง . คน . ตาย : ภาคการกลับมาและการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4 : ความฝันที่แสนเจ็บปวด

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 54


     

    แวบ

     

    แสงสีขาวสะท้อนอันเลือนรางพร้อมกับมโนภาพของเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งยืนเคียงข้างกับเด็กหญิงตัวน้อยฉายชัด. .

    ฮันแน่ มีแฟนแล้วไม่ยอมบอกน้องสาวใช่มั้ยเนี่ย ดูสิมีสร้อยห้อยคอด้วยสวยจัง


    ใบหน้ากลมเนียนใสระกับผมสีน้ำตาลสั้นเหม่อมองจี้สร้อยราวกับถูกมนตร์สะกดในความสวยงาม

    ภาพซึ่งทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงหรือก็คือมินะพี่ชายเพียงคนเดียวของเด็กหญิงแย้มรอยยิ้มอันอ่อนโยน มืออ่อนนุ่มลูบหัวเธอเบาๆกับมืออีกข้างยกมาบีบจมูกเด็กหญิงตัวน้อยอายุราวหกขวบอย่างหมั่นเขี้ยว


    แก่แดดใหญ่แล้วเรา สร้อยนี้ไม่ใช่แฟนพี่ให้แล้วก็ไม่ใช่สร้อยของพี่ด้วย แต่เป็นสร้อยที่พี่แค่ยืมมันมาเข้าใจไหม ?”


    ว้า งั้นหรอคะถ้าอย่างนั้นให้นามิยืมใส่ก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวจะเอามาคืนนะๆ น้าๆ


    เสียงหวานใสซุกซนกับมือเล็กพยายามจะเอื้อมไปจับตัวสร้อยแต่ไม่สามารถเอื้อมถึง พลันก็ต้องหน้าแหยด้วยความเจ็บปวดเมื่อมินะผู้ไม่เคยใช้กำลังเริ่มบีบข้อมือเล็กๆของเธอจนเกิดเป็นรอยแดงปื้น


    พี่ขอโทษนามิ..


    พี่มินะ...?..ร้องไห้ทำไมหรอ นามิไม่เจ็บมากหรอกนะ


    นามิมองใบหน้าของพี่มินะด้วยความสงสัยเมื่อบัดนี้นัยน์ตาอ่อนโยนและแย้มรอยยิ้มอยู่เป็นนิจของพี่ชายกำลังแดงก่ำ หยาดน้ำตาเอ่อคลอจนไหลรินนวลแก้มทั้งสองข้าง
    ..


    “อะ อย่าร้องไห้ ฮึก ฮือๆๆ
    ...


    ความเศร้าสร้อยในความทรงจำ
    ..เด็กหญิงพยายามจะปลอบผู้เป็นพี่ชายแม้มิรู้สาเหตุแต่กลับต้องมาร้องไห้เพราะความรักพี่ชายมากจนเกินเหตุเสียเอง..


    อ้อมกอดพี่ชายที่ดึงเธอเข้ามากอดยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมหาก
    ..ตัวพี่มินะกลับเย็นเฉียบ


    ขอโทษนามิ..พี่ขอโทษ..



    แวบ



    จะไปไหนหรอคะพี่


    นามิเอียงคอถามคนเป็นพี่อย่างงุนงงเมื่อเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ถูกหิ้วออกมาก่อนร่างสูงของมินะจะก้าวออกจากบ้าน


    มือใหญ่ขยี้ผมสั้นๆของเธอเหมือนเช่นเคยพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น


    ฝึกงานน่ะ แต่ไปไกลหน่อย ตั้งใจเรียนนะเราช่วงที่พี่ไม่อยู่


    ว้า แบกกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้ต้องไปนานแน่ๆเลยรีบๆกลับด้วยล่ะไม่งั้นนามิจะแย่งห้องของพี่เป็นห้องนามิซะเลยไม่รู้ด้วยนะ


    ดวงหน้ากลมเชิดขึ้นอย่างรั้นๆพลางสังเกตได้ถึงประกายตาวูบไหวของคนเป็นพี่


    พี่เป็นอะไรรึเปล่า ?”


    สวบ


    ร่างของเธอถูกรวบเข้าไปในวงแขนของพี่แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น


    ..แค่ครู่เดียวจริงๆ...


    รัก....พี่...รักเธอนะนามิ


    คำพูดสั้นๆจนเธอออกจะงุนงงราวกับรู้สึกเหมือนมีสิ่งใดแปลกไปจากคำว่ารักของพี่ชายซึ่งได้ยินบ่อยๆตั้งแต่เด็ก..แต่นามิก็ยังคงโบกมือบ๊ายบายและแย้มยิ้มกว้างรับรอยยิ้มอันสุดท้ายที่เธอได้เห็น..เพราะพี่มินะรีบเดินออกจากบ้านไปในทันที.....


    ใช่...และหลังจากนั้นพี่มินะก็ไม่ได้กลับมา...


     
    ------------------------------------------------------------------------------------------

    ยังไม่ตายนี่


    คำทักทายแรกโดยตามปกตินามิคงจะอ้าปากด่าไปแล้วแต่ในตอนนี้เธอกลับไร้สิ้นเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้น


    หยาดน้ำตาบนดวงหน้าถูกปัดออกโดยเร็วแล้วมองไปโดยรอบอย่างพยายามปรับความรู้สึก
    ..


    เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ควรจะเป็นของอิจิ


    ฉัน. . .เป็นลมหรอ ?”


    ใช่แล้วพี่สาว แต่อย่างนั้นคงไม่เรียกว่าเป็นลมมั้ง เค้าเรียกว่าภาวะร่างกายถูกกระตุ้น..จากบางสิ่งบางอย่าง..ฮึๆ


    อิจิพูด ตอนนี้เขากำลังนั่งจับจองชุดโซฟาตัวยาวพร้อมกับกัดแอปเปิ้ลเข้าปากเสียงดัง


    คิ้วเรียวสวยของนามิขมวดมุ่นกับคำเรียกขานเธอนิดหน่อยหากสนใจกับประโยคหลังมากกว่า


    ถูกกระตุ้นอะไร?”


    คงเป็นลมเพราะไม่ได้กินข้าวซะมากกว่า


    อิจิโร่ คุไรขัดพร้อมกับจ้องมองนามิอย่างเย็นชา ท่าทางที่เธอตระหนักได้แล้วว่านี่แหละคือตัวตนแท้จริงของนายอิจิโร่ คุไร


    อือ ฉันยังไม่ได้กินข้าว


    นามิพูดไม่มีอารมณ์โต้เถียงพร้อมประคองตัวเองลงจากเตียง ไม่ลืมหันหน้ามาทางอิจิ


    งั้นฉันไปกินข้าวก่อนละกันเพลียๆน่ะ ขอบคุณนะสำหรับเตียงที่นายให้ฉันยืม...แล้วนาย.อิจิ.เอ่อ..ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม


    อือ ฉันไม่เป็นไรหรอกเป็นห่วงตัวเองดีกว่านะพี่สาว


    คิ้วเรียวขมวดมุ่นอีกครั้งกับคำเรียกแต่ก็ไม่อยากสงสัยหรือพูดอะไรอีกเพราะตอนนี้เธอรู้สึกเพลียและปวดหัวเต็มที นามิคิดก่อนจะเปิดประตูห้องไอซียูและเดินไปตามโถงทางเดินของทางโรงพยาบาล


    ...ขอเปิดห้องสักห้องนอนพักก่อนน่าจะดีกว่า...

    -----------------------------------------------------------------------------

    ฉันไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมนายต้องทำอย่างนั้น


    อิจิยังคงกัดแอปเปิ้ลเข้าปากแต่เปลี่ยนเป็นอีกใบแทนแล้ว ใบหน้าเป็นเพียงเด็กหนุ่มผิวขาวออกจะซีดเกินไปด้วยซ้ำถ้าหากไม่มีคิ้วเข้มและนัยน์ตาสีส้มออกเพลิง เด็กหนุ่มผู้น่าจะมีอายุราวสิบหกปี


    ยัยนั่นไม่น่าสนใจเท่าไหร่หรอก เมื่อกี้ก็แค่เป็นลม


    อิจิโร่ คุไรกำลังยืนพิงกับผนังห้องสีขาว นัยน์ตาคมทอดมองไปยังหน้าต่างบานกว้างที่มองเห็นทัศนียภาพข้างนอก ท้องฟ้าสีครามและตึกสูงหลายสิบชั้นชัดเจน


    ขนาดฉันยังดูรู้ แล้วทำไมแค่นั้นนายจะไม่รู้อย่าหลอกตัวเองดีกว่าน่า


    แล้วนายจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่


    บทสนทนาชวนให้เปลี่ยนเรื่องแต่อิจิเพียงแค่ยักไหล่และนัยน์ตาสีส้มเพลิงวาวขึ้นมานิดๆอย่างขบขัน


    ก็อืม คืนนี้มั้ง ที่นี่ก็ไม่แย่นักหรอก มีของกินเพียบสบาย แถมยัยเรนะคงยังไม่รู้ว่าเราอยู่ที่นี่..


    .........


    ........


    อิจิ..ฉัน ขอโทษ..แผลนั่น


    อย่าปัญญาอ่อนน่า แต่ให้ได้งี้สิ!! ไอ้พวกบ้านั่น!!....เก่งชะมัดยาด !”


    เฮ้ออ


    เสียงถอนหายใจดังในตอนท้ายพร้อมกับอาการส่ายหน้าแบบปลงๆจนนัยน์ตาคมเข้มต้องตวัดมามองตาขวางปนหงุดหงิด


    คราวหน้ามันไม่โชคดีเหมือนในวันนี้แน่


    อิจิโร่ คุไรพูดเสี้ยงเหี้ยมไหล่หนาสะท้านขึ้นนิดหนึ่งด้วยความแค้น


    แล้วก็นายอิจิ ถ้าพลาดท่าแบบเมื่อวานนี้อีกฉันจะฆ่านายเอง


    ประโยคที่ตอนนี้คงไม่มีใครได้ฟังเพราะภายในห้องหลงเหลือแต่เพียงความว่างเปล่ามีเพียงแค่เขาคนเดียวยืนอยู่ในห้อง


    ...แล้วฉันจะมาฟังคำบ่นของนายใหม่แล้วกันนะคุไร....


    เสียงกลั้วหัวเราะดังก้องขึ้นมาในหัวอย่างกวนประสาททั้งยังหาตัวคนพูดไม่เจอ


    ให้มันได้งี้สิวะไอ้อิจิ!”


    อิจิ....คนประหลาดผู้ชอบหายตัวไปและโผล่มาเร็วยิ่งกว่าสายลม....

     

    -------------------------------------------------------------------

    นี่นายคุไร!! ถ้านายจะหัดฟังฉันถามและช่วยพูดตอบฉั...

    ฉันไม่มีอารมณ์


    คำพูดนี้หยุดปากนามิได้ทันทีทันควันพร้อมกับปากบางเม้มแน่นอย่างหงุดหงิดเหมือนเคยแต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของนามิไปได้


    เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วตั้งแต่นายคุไรและเพื่อนของเขาอิจิได้ออกจากโรงพยาบาล ไม่สิจริงๆพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลกันเพียงแค่คืนเดียวต่างหาก และตั้งแต่วันนั้นภาพที่คนในโรงเรียนได้เห็นก็คือเด็กสาวหน้าตาน่ารักตาคมโตสดใสผู้เป็นหนึ่งในสภานักเรียนของโรงเรียนและเป็นถึงหัวหน้าห้องประจำชั้นม.ปลายปี1เดินตามนายอิจิโร่ คุไรไปทุกหนทุกแห่ง

    แม้จะดูน่าสงสัยในสายตาของทุกคนในโรงเรียนไม่น้อยเมื่อใบหน้าของอิจิโร่ คุไร ดูจะบูดบึ้งและเย็นชายิ่งกว่าเคยเสียอีก


    แล้วตกลงเพื่อนนายเค้าเรียนไหนหรอ ฉันว่าดูๆไปเค้าก็หน้าเหมือนนายดีนะ...


    ปัง
    !!


    เสียงประตูห้องที่นามิยืนพิงอยู่ของห้องหมวดพละถูกทุบกระเด็นไปติดกับกำแพงทำให้นามิกระเด็นตามแรงไปด้วย ใบหน้าใสเริ่มขาวซีดอย่างตกใจ


    อย่ายุ่ง ! แล้วก็เลิกยุ่งกับฉันได้แล้วไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือนโทโนะ นามิ


    น้ำเสียงแข็งกร้าวพยายามพูดอย่างช้าชัดโดยเฉพาะในประโยคสุดท้าย


    ......


    ฝันไปเถอะ แล้วนายจะได้รู้ว่ารู้จักคนอย่างฉันนามิน้อยไป
    !


    นามิมองตามแผ่นหลังของคุไรด้วยสายตาเกลียดเข้าไส้ แต่ตั้งแต่วันนั้นเธอกลับตามติดเขาแทบจะทุกหนทุกแห่ง


    ไม่ใช่ว่านามิจะไม่รู้ว่ามันน่ารำคาญและตลกสิ้นดีแต่ใช่ว่าการกระทำของเธอจะไม่มีเหตุผล


    หนึ่ง เรื่องเขากับเพื่อนซึ่งน่าจะตายไปแล้วแท้ๆแต่อาการกลับหายเป็นปกติได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืนเป็นใครจะไม่สงสัย..


    สอง มันคงจะดีไม่น้อยถ้ายัยจิโร่กลับมาจากอเมริกาแล้วได้รู้ว่าแท้จริงนายคุไรเป็นสุดยอดแห่งความยอดย่ำแย่และมีเบื้องลึกเบื้องหลังหลังเป็นยังไง


    และสาม
    . .เหตุผลสำคัญสุดถึงแม้นามิจะรุ้ว่ามันเป็นไปไม่ได้. ..


    โอ๊ย งี่เง่าน่ะเลิกคิดเดี๋ยวนี้นะ
    !


    นามิรีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง มือบางนวดไหล่ตัวเองแล้วต้องพลันหน้าเบ้ บางทีไหล่ของเธออาจจะหลุดออกมาพร้อมกับกระดูกก็เป็นได้
    . .

     ----------------------------------------------------------------

    กะ...กรี๊ดดด....ไม่นะ!!!....อย่าเข้ามา..ไม่!!


    เธอต้องหนี...ใช่หนี...


    ตึ่ก ตึ่ก ตึ่ก


    ฝีเท้าของนามิกระทบดังเข้าโสตประสาท ความหวาดหวั่นและความกลัวบีบคั้นหัวใจจจนทรมาน
    ..เมื่อเธอไม่สามารถวิ่งได้รวดเร็วพอ


    ฮ่า  ฮ่า ฮ่า
    !!!


    เสียงคำรามต่ำแต่กึกก้องดังอยู่โดยรอบตัวนามิในยามนี้  


    นัยน์ตาสีแดงก่ำอันปูดโปนออกมาจนแทบจะถลนออกจากเบ้าและลิ้นเลื้อยยาวแลบส่ายไปมาจับจ้องมาทางเธอเพียงผู้เดียว
    ..

    ใบหน้าปูดโปนประกอบด้วยเส้นเลือดขึ้นเต็มหน้า ผิวหนังต่างมีหนอนชอนไช


    พวกมันคือมนุษย์ผู้ไม่สมควรเรียกว่ามนุษย์
    !


    อสูรกายอันน่าขยะแขยงและที่สำคัญมันไม่ใช่มีเพียงตัวเดียวแต่มันกลับมีเกือบร้อยตัว
    !!!


    แฮ่ก...แฮ่ก


    เหงื่อเธอไหลซึมไปทั่วทั้งใบหน้าและตามตัวจนเริ่มเหนียวเหนอะ ขาทั้งสองข้างล้าจนไม่มีแรงจะวิ่งต่อ
    เธอกำลังจะถูกต้อนให้จนมุม.  .


    หนีไม่พ้น
    !!! หนีไม่พ้น!!!หนีไม่พ้น!!!


    การประสานเสียงทำให้ขนในกายเธอลุกซู่ เลือดในตัวเย็นเฉียบ


    ทั้งความเจ็บปวดจากบาดแผลบนหน้าท้องกำลังแผลงฤทธิ์เมื่อร่องเนื้อเริ่มเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆทุกขณะในการวิ่ง เลือดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนตามเสื้อสีขาวแต่งแต้มตัวนามิผู้ในตอนนี้มีสภาพคล้ายกับซากศพไปแล้วก็ไม่ปาน
    ..


    แกร๊ก แกร๊ก


    เสียงลูกกรงกั้นขวางทางทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวถึงขีดสุด


    ..ทางตัน...
    !


    เธอกำลังจะตาย ใช่ไหม..
    ?


    แฮ่...แฮ่..เลือด...เลือดของพวกทรยศ...


    การต่อสู้ของเหล่าอสูรกายไม่สิผีดิบต่างหากในสายตาของเธอตอนนี้ที่กำลังต่อสู้โรมรันกันเพื่อแย่งชิงเข้ามาหาตัวเธอ


    กลิ่นเลือดโชยคละคลุ้งกับของข้นสีเขียวไหลนองตามร่างของเหล่าผีดิบเริ่มตายตกไปทีละตัวสองตัว...จนกลายเป็นหลายสิบ


    นัยน์ตาของนามิเบิกโพลงอย่างหวาดหวั่น เธอไม่สามารถหนีได้อีกแล้ว ถึงเธอจะหนีเธอก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง


    ร่างของเธอทรุดลงกองกับลุกกรงเหล็กอันเย็บเยียบ
    .. ลิ้นยาวเฟื้อยของผีดิบตัวหนึ่งถูกกระชากออกจากปากก่อนจะดิ้นเพร่าๆและโดนกัดคอจนเหวอะ กำลังกระเด็นมาอยู่ตรงหน้าเธอ


    ฮึก...ฮือ...ฮือ.


    หยาดน้ำตาร่วงพรูด้วยความกลัวจับใจ ร่างบางยังคงพยายามจะถอยติดกับลูกกรงให้มากที่สุด ให้ห่างจากบรรดาสิ่งน่าขยะแขยง..


    นัยน์ตาสีแดงฉานเต็มไปด้วยหนอนหลายร้อยตัวยั้วเยี้ยเบิกกว้างจับจ้องมองใบหน้าเธอด้วยความเคียดแค้นถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงแค่ช่วงหัวครึ่งซีกบนก็ตาม
    ..


    ตาย..ตาย..ตาย...ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหลือรอด...ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    !!!


    ตุบ ตุบ ตุบ


    เสียงฝีเท้าน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงของมัจจุราชที่เธอเคยนึกภาพถึง


    ผีดิบตัวสุดท้ายผู้เหลือรอดกำลังตวัดเขี่ยซากศพของบรรดาพวกซึ่งเคยเป็นพวกพ้องโดยลิ้นยาว


    เงามืดบดบังใบหน้าของผีดิบตัวสุดท้ายเริ่มเผยให้เห็นใบหน้าอย่างช้าๆขณะย่างก้าวมายังนามิ
    ..


    พ่อ
    ?!


    เลือด..เลือดผู้ทรยศ..
    !


    คนเป็นพ่อดูเหมือนจะไม่รับรู้ว่าเธอคือใครเริ่มจ่อใบหน้าอันน่าขยะแขยงมาตรงใบหน้าเนียนสวย

    ปากกว้างอวดให้เห็นซี่ฟันอันแหลมคมที่ยังคงมีคราบของไส้เพื่อนพ้องติดอยู่ ลิ้นยาวอันแสนน่าเกลียดเต็มไปด้วยคราบเลือดตอนนี้กำลังรัดลำคอของเธอแน่น

    นัยน์ตาคมโตเบิ่งโพลงอย่างคนเลื่อนลอยเบิกมองผู้ชื่อว่าเป็นพ่อของเธอค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาหาพร้อมกับปากกว้างกำลังจะตะครุบหัวของเธอทั้งเป็น
    . . .



    เปรี้ยง!

     

    เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องกับเสียงฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสายและคงจะตกอยู่นานแล้วปลุกให้นามิสะดุ้งพรวดขึ้นมาจากเตียงในทันที


    เหงื่อที่เปียกชุ่มไปทั้งหน้าและลำตัวกับหยาดน้ำตาไหลรินออกจากสองตาของนามิผู้ยังคงไม่เลิกสั่นด้วยความหวาดกลัว


    ฝัน...
    ?...


    มันเป็นเพียงแค่ฝันจริงๆใช่ไหม..
    ?..


    ร่างบางเดินลงจากเตียง มือยังคงไม่หยุดสั่นรีบควานไปหาของที่อยู่ในลิ้นชักส่วนตัวของเธอ


    หมับ


    มือบางกระชับสร้อยเงินในมือแน่นพร้อมนำมาไว้แนบอก


    ..พี่มินะ...ฮึก...ฮือๆ..


    น้ำตาซึ่งถูกปาดไปแล้วเมื่อสองวินาทีก่อนกำลังไหลอาบลงมาอีกรอบกับความเจ็บปวดที่เธอเองแทบจะลืมเลือนมันไปแล้วด้วยซ้ำ


    ฟุบ


    นามิทรุดลงมานั่งกอดเข่ากับพื้น เหม่อมองไปยังภาพสายฝนเม็ดใหญ่ตรงบานหน้าต่างด้วยนัยน์ตาอันพร่าเลือนท่ามกลางคืนอันมืดมิด
    ..

    ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานอย่างสุดแสนคงจะเป็นเช่นนี้เองสินะ..


    *แต่งไปแต่งมาแล้วก็เลยเข้ามาเช็คความเรียบร้อยสรุปเปิดมาเจอเพลงเย็นๆกับหน้าหลอนๆแล้วเผลอแอบสะดุ้งเองซะงั้น- -''(โอ้วม้ายย)ว่าแล้วก่อนจากไปไรท์เตอร์ขอแก้ตัวเล็กน้อยว่าไม่ได้โรคจิตนะค่ะว๊ะฮ่าๆๆๆๆได้แรงบันดาลใจเรื่องนี้มาจากเรื่องGOTH คดีตัดข้อมืออ้ะ^^ 





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×