ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Truth MooN . บัง . คน . ตาย : ภาคการกลับมาและการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 : เปิดประตูกงล้อแห่งโชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 54


    ท่ามกลางรัตติกาลยามมืดยังคงปรากฏพระจันทร์สีแดงเฉกเช่นทุกวัน ภาพซึ่งทำให้นามิที่กำลังเท้าคางจ้องมองจากริมหน้าต่างภายในตัวห้องนอนของเธอต้องพลันคิ้วขมวดมุ่นพร้อมกับความสงสัยในใจ


    ทำไมนะ
    ..เธอถึงรู้สึกว่าพระจันทร์มีอะไรแปลกไป??


    สองอาทิตย์แล้วที่ทางบ้านของจิโระเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอมาแจ้งกับทางโรงเรียนว่าจิโระเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศและคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก


    คำบอกเล่าซึ่งทำให้นามิรู้สึกโล่งใจมากเพราะอย่างน้อยเธอก็ได้รับรู้ว่าเพื่อนของเธอยังคงมีชีวิตอยู่และไม่ได้หายตัวไปดังเช่นเด็กนักเรียนหลายๆคนในช่วงนี้ แต่อีกด้านหนึ่งทำไมเธอถึงรู้สึกเศร้าสร้อยและดูไม่ค่อยดีใจกับคำบอกเล่าพวกนี้กันนะ
    ..?


    หรืออาจจะเป็นเพราะเธอแค่รู้สึกเหงาที่ต้องขาดเพื่อนสนิทไป
    ใช่ไหม?..


    ก๊อก ก๊อก


    เสียงเคาประตูซึ่งทำให้นามิตื่นจากห้วงภวังค์ ใบหน้าเนียนสวยที่ผัดแป้งเพียงบางเบาละจากริมหน้าต่างพร้อมกับเอ่ยปากพูดเสียงหวานใส


    “เข้ามาสิคะแม่ หนูไม่ได้ล็อคประตู”


    คุณนายตระกูลโทโนะแย้มยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตู แม้เธอจะรู้ว่าลูกสาวสุดรักของเธอไม่เคยล็อคประตูแต่เธอก็ยึดถือในมารยาทและเฝ้าสอนลูกของตนเสมอ


    ไปซื้อกะหล่ำปลีให้แม่หน่อยสินามิคืนนี้เราจะทำสุกี้กินกันน่ะจ๊ะ แต่แย่ไปหน่อยแม่ลืมดูเลยว่ากะหล่ำปลีในตู้เย็นมันหมดแล้ว


    เสียงอันอ่อนโยนพร้อมกับใบหน้าของผู้เป็นแม่ซึ่งแม้จะมีอายุเกือบสี่สิบปีเข้าไปแล้วแต่ก็ยังคงดูงดงามไม่เปลี่ยน จนนามิมักจะคิดเสมอว่าเมื่อยามเธอโตขึ้นขอแค่ใบหน้าสวยเท่าครึ่งหนึ่งของแม่ก็ยังดี


    ค่า..แม่งั้นหนูไปเลยแล้วกันนะว่าจะออกไปซื้อหมี่เย็นให้เจ้ามินามิมันด้วย


    นามิพูดพร้อมเจ้ามินามิแมวตัวโปรดซึ่งดูเหมือนจะรู้งานกระโดดผลุงเข้ามานอนบนตักของเธอทันทีที่พูดถึงอาหาร กิริยาออดอ้อนซึ่งนามิอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้จนต้องหอมแก้มมันฟอดใหญ่


    เจ้าแมวตัวอ้วนตอนนี้มันก็มาอยู่กับเธอได้ประมาณเกือบสองปีแล้ว


    ......เมี๊ยว....


    เจ้ามินามิแมวสีขาวขนฟูฟ่องมีจุดเด่นอยู่ตรงนัยน์ตา นัยน์ตาสีชมพูวาวสวยผิดกับลักษณะของแมวทั่วไปครางอย่างพอใจก่อนจะโบกหางไปมาและพริ้มตาหลับอย่างยังคงไม่เลิกออดอ้อนตามลักษณะนิสัยจนกว่าจะได้รับความสุขจนพอใจ


    จุ๊ๆเจ้ามินามิไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ


    นามิปล่อยเจ้าแมวลงเพราะตอนนี้เธอได้เดินมาถึงประตูบ้านแล้ว


    “ดูแลบ้านด้วยล่ะมินามิ เดี๋ยวฉันกลับมา”


    ประโยคติดปากพร้อมร่างของนามิซึ่งเดินออกจากบ้านและเจ้ามินามิที่เลียลิ้นแผลบๆก่อนจะไปขดตัวนอนอยู่ตรงหน้าประตูเหมือนยามเฝ้าบ้านตามคำบอกของนามิบอกไม่มีผิด

    -----------------------------------------------------------------------------------

    ......ฟุบ....

     

    ถุงกะหล่ำปลีและหมี่เย็นที่นามิถือขณะกำลังเดินทอดน่องกลับบ้านเป็นอันต้องตกลงพื้นทันที นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงกับภาพเบื้องหน้า ภาพซึ่งทำให้เธอตกใจถึงขีดสุด..


    กะ...กรี๊ดดดดดดดด..อุบๆๆปะ..ปล่อยฉันนะ!!”


    ฝ่ามือเปื้อนเลือดสีแดงฉานเข้าตะครุบปากบางพร้อมกับนัยน์ตาวาวโรจน์อย่างหมายจะเอาเรื่องถ้าหากนามิไม่ยอมหุบปาก


    หุบปากแล้วอยู่เงียบๆซะ


    คำสั่งซึ่งดูเหมือนในตอนนี้นามิจะไม่สนใจฟังเท่าไหร่


    นะ..นายบาดเจ็บนี่แล้วนั่นคะ..ใครน่ะที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น


    นามิเอ่ยปากถามระรัวกับบุคคลที่เธอไม่ควรจะมาเจอในตอนนี้และยิ่งไม่สมควรจะเจอที่สุดในสภาพการณ์แบบนี้
    ..


    ภาพเบื้องหน้าเธอคือเลือดมากมายกำลังไหลเจิ่งนอง
    ! ...

    มีคนนอนจมกองเลือดอยู่ตรงพื้นถนนแถมรอบๆถนนยังมีซากอะไรก็ไม่รู้น่าขยะแขยงสีเขียวดูเหนียวเหนอะหนะปะปนไปกับคราบเลือดเต็มไปหมดรวมถึงนายอิจิโร่ คุไรที่ในตอนนี้สภาพก็ไม่ต่างจากผู้นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้นสักเท่าไหร่ หากจะต่างก็ตรงยังมีแรงมากพอจะประคองตัวเองไหวก็แค่นั้นเอง


    ถึงแม้ถนนในเส้นทางแถวบ้านของเธอยามค่ำคืนจะค่อนข้างเปลี่ยวและไม่คนมีคนหรือรถสัญจรแต่เธอก็ไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
    ..


    นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ? !”


    คำถามของนามิแต่อิจิโร่ คุไรเพียงแค่เบือนหน้าหนีไร้สิ้นเสียงคำตอบ

    ร่างกายซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดและตัวเสื้อขาดรุ่งริ่งร่องรอยเหมือนถูกฟันขาดพยายามประคองร่างของตัวเองไปยังคนที่นอนจมกองเลือดไม่ได้สติอยู่ตรงพื้นถนนโดยถ้ามองจากลักษณะภายนอกที่เห็นน่าจะตายไปแล้ว


    อิจิ..นายต้องไม่เป็นไรนะ..นายต้องไม่ตาย..


    เสียงในหัวของคุไรดังวนไปวนมาซ้ำไปหลายสิบรอบหรืออาจจะซ้ำไปซ้ำมาจนแทบจะพันครั้ง ความปรารถนาเดียวของเขาในตอนนี้คืออิจิเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาจะต้องรอดและมีชีวิตอยู่


     
    กลับไปที่ของเธอ..ซะ...อย่าสอด...


    เสียงทุ้มต่ำพยายามเค้นแรงเฮือกสุดท้ายพูดโดยไม่แม้แต่หันหลังกลับมามอง แต่ดูเหมือนร่างกายจะไม่ยอมสนองตอบความต้องการเพราะเพียงครู่ร่างสูงก็ทรุดตัวลงอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรงและสติสัมปชัญญะ

    ร่างซึ่งดูเหมือนจะล้มฟาดไปกับพื้นถนนถ้าหากว่านามิไม่รีบวิ่งเข้ามาใช้มือเข้าไปรองรับหัวของคนแสนหยิ่งจนวินาทีสุดท้าย


    ให้ตายสิ...นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย !”


    นามิบ่นพึมพำอย่างหัวเสียเมื่อมองภาพเบื้องหน้าและตัวคนบนตักซึ่งหลับไม่ได้สติแต่ยังคงมีลมหายใจรวยรินอยู่ ใบหน้าซึ่งเคยคมเข้มในตอนนี้กลับซีดเผือดและดูราวกับไร้ลมหายใจก็ไม่ปาน


    หึ..นายอิจิโร่ คุไร....แล้วนายจะต้องติดหนี้ฉัน
    !!!...


    --------------------------------------------------------------------------------

     

    แพขนตาหนาค่อยๆกระพริบปริบก่อนจะเปิดเปลือกตาหนาซึ่งไร้กรอบแว่นเหลี่ยมอันเชยๆที่นามิมักจะห็นจนคุ้นตาเมื่อยามเจอกันในโรงเรียน


    นัยน์ตาคมเข้มสีดำขลับเบือนจากเพดานห้องสีขาวมายังนามิทันทีที่สัมผัสได้ว่าในห้องนี้เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง


    ฟื้นแล้วรึไง


    เสียงหวานใสถามอย่างห้วนๆหลังจากที่เธอได้สำรวจมองรูปหน้าของคุไรยามเมื่อไม่มีแว่นอย่างถนัดตาแล้วทำให้เธอพอจะเข้าใจเหตุผลถึงการที่เพื่อนสนิทของเธอและบรรดาสาวๆภายในโรงเรียนคลั่งไคล้คนคนนี้ขึ้นมานิดหน่อย

    แต่หนึ่งในคนที่คลั่งไคล้นั้นคงไม่ใช่เธอเป็นแน่


    ........


    ที่นี่ที่ไหน?”


    โรงพยาบาลของพ่อฉันเอง มีปัญหาอะไรอีกมั้ยนา..”


    อิจิ.. อิจิอยู่ไหน!”


    คำพูดซึ่งพูดขัดขึ้นมาไม่ได้ทำให้นามิรู้สึกแปลกใจเพราด้วยนิสัยของคุไรย่อมไม่มีคำว่ามารยาทบัญญัติไว้ในหัวสมองอยู่แล้ว เจ้าของใบหน้าหวานใสยักไหล่ขึ้นนิดหน่อยพลางเอ่ยตอบ


    เพื่อนนายนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูน่..”


    อีกครั้งที่นามิยังไม่ทันได้พูดจบสายน้ำเกลือและอุปกรณ์การแพทย์ทั้งหมดก็ถูกกระชากถอดทิ้งไปพร้อมกับร่างสูงซึ่งกระโดดพรวดลงจากเตียงคนป่วยไปในทันที

    การกระทำที่นามิถึงกับกลอกตาไปมาและเบ้ปากออกอย่างหมั่นไส้


    เจ็บปางตายขนาดนั้นยังไม่เจียม


    นัยน์ตากลมโตมองตามร่างของอิจิโร่ คุไรซึ่งมีผ้าพันแผลพันทับไหล่พาดมาจนถึงบั้นเอว

    แถบผ้าพยาบาลสีขาวแทบจะพันไปเกือบทั้งตัวด้วยซ้ำ การวินิจฉัยของแพทย์ทำให้เธอถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ


    เขาถูกฟันแถมยังเป็นดาบยาว
    !!....และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ยังหลายสิบครั้ง!!...


    รอดมาได้นับว่าปาฎิหาริย์...แต่อีกคนซึ่งดูเหมือนจะชื่อว่าอิจินี่สิกลับปาฎิหาริย์ยิ่งกว่า....


    เธอเห็นกับตาว่าเครื่องวัดการเต้นของหัวใจมันหยุดไปแล้วแท้ๆ แต่เพียงแค่เธอกระพริบตาอยู่ดีๆเส้นชีพจรก็กลับมาเต้นใหม่
    !


     แต่ทีมแพทย์ยังไม่ไว้วางใจเลยบอกให้รอดูอาการที่ห้องไอซียูเพราะเป็นบาดแผลสาหัสซึ่งตามปกติโดยทั่วไปคงไม่มีใครสามารถรอดชีวิต


    มันต้องมีอะไรแน่ๆ
    !!..ฉันต้องรู้ให้ได้!!...


    นามิบอกกับตัวเองอย่างนั้นพร้อมรีบก้าวตามร่างของอิจิโร่ คุไรซึ่งรีบวิ่งหายไปอย่างดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดกับบาดแผลที่ได้รับเลยแม้แต่นิดเดียว

    ------------------------------------------------------------------------------

     คุไรกำลังยืนหอบอยู่ข้างเตียงของอิจิหลังจากวิ่งมาพลันไม่ใส่ใจกับเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของคนกำลังหลับเครื่องช่วยหายใจและสายระโยงต่างๆเลยแม้แต่น้อย มือกระชากสายต่างๆที่ติดอยู่ตามตัวของเด็กหนุ่มออกทันที


    แควก


    เสียงกระชากเสื้อของอิจิจนกระดุมหลุดเปิดอ้าออกเผยให้เห็นช่วงอก ลำตัว และผ้าพันแผลที่ขาดลุ่ย


    ใจเย็นก่อนสิเพื่อน ฉันเพิ่งเกือบจะตายมานะ


    ริมฝีปากของอิจิพร้อมกับนัยน์ตาซึ่งเบิกโพลงแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างขำขัน ราวกับว่าเขาไม่ได้เป็นคนคนเดียวกับเด็กหนุ่มซึ่งดูคล้ายเจ้าชายนิทรามีสายระโยงระยางทั่วตัวเมื่อครู่

    ผิดกับคุไรซึ่งในตอนนี้อารมณ์กับตรงกันข้าม คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับหมัดในมือกำลังกำแน่นอย่างหมายจะระบายอารมณ์


    อิจิลุกขึ้นมานั่งชันเข่าอย่างสบายๆพร้อมกับยังคงหัวเราะไม่เลิกที่เห็นนัยน์ตาคมของเพื่อนสนิทวาวโรจน์และยังไม่หยุดทำตาดุใส่ ผมของเขาในตอนนี้มีสีส้มแดงตัดกับผิวสีขาวซีดและรูปหน้าซึ่งดูยังไงก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุราวสิบหกปี


    น่าๆฉันไม่เป็นไรแค่เล็กน้อย แถมอยู่อย่างนี้ก็สบายดี...


    ปัง
    !


    นี่พวกนายทำอะไรของพวกนายกันเนี่ย!!”


    เสียงแหลมสูงของนามิตวาดดังขึ้นอย่างฟิวส์ขาดและแทบจะร้องกรี๊ดเมื่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับร่างอันสมส่วนก้าวเดินเข้ามาอย่างหมายจะเอาเครื่องช่วยหายใจกลับสู่ตำแหน่งเดิมหากแต่ก็ต้องชะงักและอ้าปากกว้างอย่างตกใจสุดขีดกับบาดแผลของอิจิทันทีที่ได้เห็น


    บาดแผลเหวอะหวะและดูสยดสยองกลับอันตรธานหายไปไม่เหลือร่องรอยที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อคืนเลยสักนิด


    เอ๊ะ...สร้อยรูปพระจันทร์เสี้ยว......
    ?....


    ฉันเอารองเท้าอุดปากแน่ถ้าเธอแหกปาก


    คำพูดของอิจิโร่ คุไรทำเอานามิหันหน้าขวับไปอย่างโกรธเคืองทันทีพร้อมกับยิ้มเยาะ


    นายนั่นแหละควรจะหุบปาก นายเป็นหนี้ฉันนะให้มันรู้ซะบ้างว่าใครพาพวกนายมาส่งโรงพยาบาล


    เฮอะ ฉันจำไม่ได้ว่าขอร้องเธอเมื่อไหร่


    เอ๊ะ นี่นาย!”


    เงียบเหอะน่า!!”


    อิจิผู้เลือกนิ่งเงียบมานานพูดโพล่งขึ้นมาอย่างเซ็งๆ
    พร้อมกับตั้งหมอนไว้สำหรับพิงและเอนตัวลง มือสีขาวซีดกำลังสาละวนกับการติดกระดุมเสื้อซึ่งถูกกระชากออกเมื่อครู่


    แล้วยัยนี่เป็นใคร?..เหยื่อ?”


     
    คำถามที่คุไรได้แต่ทำหน้ายุ่งและมองหน้านามิอย่างประทุษร้ายก่อนมือหนาจะตัดสินใจกำหมัดทุบกำแพงอย่างหงุดหงิด


    ไม่ใช่ ยัยบ้านี่เข้ามาทำเรื่องยุ่ง


    ออฮึ กำจัดซะเลยดีมั้ยไม่อยากให้ยุ่งยาก


    นายจัดการ


    เด็กหนุ่มทั้งสองกำลังคุยกันโดยไม่สนใจนามิแม้เพียงนิดเดียว ไม่สิไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยต่างหาก


    จนนามิทนไม่ไหวหมายจะเดินไปกระชากคอเสื้อของคนซึ่งตอนนี้เธอพูดได้เลยว่าเหม็นหน้าอย่างสุดๆ อิจิโร่ คุไร ด้วยความแค้นเคือง แต่ทำไมนะทำไมเธอถึงรู้สึกปวดหัวแบบแปลกๆกัน


    ฟุบบ
    !


    ..อะ..โอ๊ย..ชะ..ช่วยด้วย..อ๊าา าา าาา


    ราวกับเสียสติร่างของนามิอยู่ดีๆก็ทรุดลงไปกองกับพื้นพร้อมกับสองมือกุมหัวของตนเองไปมาด้วยความเจ็บปวดและดิ้นอย่างทุรนทุรายนัยน์ตากลมโตสวยเหลือกขึ้นข้างบนจนแทบจะเห็นแต่เพียงนัยน์ตาสีขาว
    ..


    *อ่าคือว่าถ้าเจอคำซ้อนเช่นที่ ซึ่งเยอะๆหรือคำเชื่อมแปลกๆก็ช่วยบอกหน่อยนะค่ะพอดีว่านำมารีไรท์ตั้งแต่ตอนแรกๆแล้วก็แก้ไขไปเยอะแล้วแต่ว่าบางทีมันก็ยังติดอยู่T-Tแต่งตอนม.ปลายแล้วตอนนั้นมันชอบติดคำซ้อนน่ะค่ะปัจจุบันก็ยังแก้ไม่ค่อยหายT-T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×