ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Truth MooN . บัง . คน . ตาย : ภาคการกลับมาและการเริ่มต้น

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 : การปรากฎตัวของอิจิ

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 54


    แซ่ด แซ่ด


    เสียงผู้คนซึ่งพลุกพล่านตามพื้นถนนในยามค่ำคืนและฝูงคนจำนวนมากเดินกันขวักไขว่ มากมายและเบียดเสียดจนคล้ายกับฝูงแมลงที่ไต่กันอย่างยั้วเยี้ย..


    หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มอิจิโจ่ คุไรที่เดินทอดน่องอย่างสบายๆริมฟุตบาทย่านชิบุย่า หมวกใบย่อมที่ปิดลงมากว่าครึ่งหน้าและใบหน้าเข้มขาวเนียนซึ่งไร้แว่นตากรอบใหญ่อีกต่อไปทำให้เขาดูหลุดออกจากกรอบตัวตนเมื่อยามอยู่ในโรงเรียนโดยสิ้นเชิงและคงจะไม่มีใครคาดคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน


    ฟู่ววว..


    ควันบุหรี่ที่พวยพุ่งออกจากปากของคุไรขณะยังคงเดินอย่างสบายอารมณ์ กับมืออีกข้างซึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ท่าทางที่เขามักจะชอบทำเป็นประจำจนกลายเป็นนิสัยไปเสียแล้ว


    ใบหูของเขาซึ่งประสาทสัมผัสดีเป็นพิเศษรับฟังเสียงจ้องแจ้กของผู้คนที่เริ่มลดน้อยถอยลงขึ้นเรื่อยๆ


    ปากบางซึ่งแย้มยิ้มให้กับเด็กสาวที่เผลอมองเขาจนตาค้างเพราะโครงหน้าอันดึงดูดนิดหนึ่งก่อนจะเลือกเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ เลาะจนมาถึงทางเดินไร้ซึ่งผู้คนสายหนึ่งจึงหยุดลง


     
    ฉันไม่ชอบโดนตาม นายก็รู้


    เสียงทุ้มต่ำเอ่ยพร้อมกับยิ้มเหยียด มือเรียวสวยปล่อยให้ควันบุหรี่ลอยละล่องขึ้นไปปะปนกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนส้นรองเท้าเขาจะบดขยี้มันลงบนพื้น


    จากนั้นคุไรสาวเท้าไปยังตู้กดน้ำอัตโนมัติ หยอดเหรียญสองเหรียญพร้อมกับก้มลงหยิบโค้กสองกระป๋องเย็นเฉียบซึ่งค่อยๆกระดอนออกมาจากภายในตู้


    ร่างสูงเลือกที่จะเดินมานั่งพิงกับพนักของสะพานไม้ยาวเก่าๆซึ่งเคยใช้สำหรับทอดข้ามแม่น้ำแต่ในตอนนี้กลับไม่มีใครได้ใช้แล้วตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน
    ..


    สวบ


    เสียงทิ้งตัวที่บ่งบอกว่าผู้ที่เดินตามอิจิโร่ คุไรก็ได้นั่งลงแล้วเช่นกัน


    ที่นี่ยังเหมือนเดิมนะ


    ผู้เดินตามที่ปรากฏเป็นชายชราวัยประมาณเจ็ดสิบปีเค้าโครงใจดีเอ่ย นัยน์ตาสีฟ้าเข้มเบือนหน้ามามองคุไรด้วยรอยยิ้มกว้าง มือเหี่ยวย่นฉวยกระป๋องโค้กจากมือของคุไรไปดื่มอย่างหิวกระหาย


    ใช่ นายก็ยังเหมือนเดิม ชอบร่างปัญญาอ่อนนี้มากหรือยังไง


    ประโยคที่ทำให้ผู้มีใบหน้าชาญชราและนัยน์ตาสีฟ้าชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มขบขันและคำพูดฉะฉานผิดกับลักษณะของคนชราทั่วไป


     
    อย่างน้อยฉันก็ไม่มีปัญหาเวลาอยู่ในร่างนี้ล่ะนะ


    เสียงแหบพร่าพูดพร้อมกับเอามือควานเข้าไปในคอเสื้อหยิบสร้อยเรียบๆสีเงินที่มีตัวจี้เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวซึ่งห้อยไว้ที่คอออกมา นัยน์ตาสีฟ้าเข้มแปรเปลี่ยนจากประกายตาสดใสเป็นเหยียดหยามและปวดร้าวทันที พลางเบือนหน้ามาถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด


    อีกแล้วใช่ไหม รายที่เท่าไหร่แล้วล่ะ


    คำถามซึ่งอิจิโร่ คุไรกระดกโค้กเข้าปากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปาทิ้งข้ามซี่กรงของสะพานลงไปยังแม่น้ำพร้อมกับมวนบุหรี่ที่ถูกจุดขึ้นมาสูบต่อ


    ไม่รู้สิ ฉันไม่อยากนับ


    ฉันก็ว่างั้น... คืนนี้พระจันทร์จะได้ดื่มเลือดอีกซักแค่ไหนกันนะ..


    ชายชราพูดพร้อมถอนหายใจ ทอดสายตาไปยังพระจันทร์ดวงกลมโตที่กำลังลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า
    .. พระจันทร์สีแดง


     
    จะเท่าไหร่ฉันหรือนายไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่คือวันนี้พวกเราคงจะได้มีอะไรทำฆ่าเวลากันบ้างล่ะจริงไหม อิจิ?”


    เจ้าของเสียงทุ้มคุไรค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างเฉื่อยๆดูราวกับไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนักกับริมฝีปากซึ่งยังคงคาบบุหรี่ไว้


    ฟ้าวว


    มือทั้งสองข้างกางออกก่อนเผยให้เห็นถึงคลื่นพลังขนาดใหญ่ซึ่งค่อยๆก่อกำเนิดจากเปลวไฟเล็กๆสีแดงหลอมรวมจนกลายเป็นเปลวไฟสีแดงขนาดใหญ่มหึมาที่กำลังหมุนวนไปมาและส่องประกายระยิบระยับราวกับอัญมณีสีเพลิง
    ..


    ..ฮึ..


    ชายชรานามอิจิกระตุกยิ้มออกมาอย่างขำขันพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเช่นเดียวกัน


    ฉันว่างวดนี้ฉันต้องชนะนายแน่ คุไร


    อิจิพูดพร้อมเริ่มแย้มรอยยิ้มกว้างด้วยความมั่นใจ ไหล่และข้อต่อที่ข้อมือและข้อเท้าถูกบิดไปมาจนดังกร๊อบเป็นระยะราวกับเสียงของจังหวะดนตรี ผิดกับรูปร่างภายนอกที่เป็นเพียงคนชรา


    พรึ่บ
    !!


    เปลวไฟสีเพลิงอันเกิดจากอิจิโร่ คุไรถูกปาสะท้อนขึ้นไปยังโดมสะพานที่พวกเขายืนอยู่ทันที ส่งผลให้สะพานที่มีโดมรูปสามเหลี่ยมนั้นแปรสภาพเป็นบิดเบี้ยวและเปิดขยายออก พร้อมกับเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกที่ดังมาจากทั่วทุกสารทิศที่พวกเขายืนอยู่


    ใช้ได้
    ..


    ใช้ได้
    ..


    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    !


    สิ้นเสียงก็ปรากฏให้เห็นถึงมนุษย์ที่ไม่อาจจะเรียกหาว่าเป็นมนุษย์ได้ประมาณหลายสิบคน

    ส่วนหัวพวกมันเป็นเส้นผมสีแดงสดพันกันยุ่งเหยิง โดยซีกขวาสั้นเพียงแค่ติ่งหูอันขาดแหว่งแต่ซีกซ้ายปลายผมยาวจนจรดปลายเท้า

    ใบหน้าซีกหนึ่งเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปหากอีกซีกหนึ่งกลับไม่มีแม้แต่นัยน์ตา จมูกหรือปาก มีเพียงแค่ร่องสีดำลึกของเบ้าตากลวงโบ๋ว  และปากที่ฉีกกว้างถึงใบหูจนเห็นถึงเขี้ยวมันยาวสีขาวและลิ้นสีแดงสดที่ยาวจนเกือบถึงบั้นเอวกำลังกวัดแกว่งไปหาอย่างหิวกระหาย

    ตัวประหลาดซึ่งกำลังจ้องมองมายังคุไรและอิจิเขม็ง


     “
    พลังบิดเบือน..อืม...น่าสน..น่าสนไม่น้อย..ใช่..ไม่น้อย..


    มันคงจะไม่น่ากลัวและไม่สยดสยองถ้าหากมนุษย์หน้าตาประหลาดเหล่านี้จะไม่พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดทั้งหลายสิบคน
    ?


    แกร๊ก


    เสียงเปิดปลอกไฟแช็คของอิจิโร่ คุไรซึ่งจุดมวนบุหรี่ขึ้นมาใหม่เป็นมวนที่สามของวันกับนัยน์ตาซึ่งตวัดมองตัวประหลาดเบื้องหน้าอย่างชักจะไม่รู้สึกสนุกเหมือนในตอนแรก


    แค่พวกชั้นต่ำ


    คุไรพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย


    ก็คงงั้น


    คำพูดสุดท้ายของอิจิที่เห็นด้วยก่อนจะทะยานตัวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มหมายมั่น


    ครั้งนี้เขาต้องชนะ
    !


    ฉัวะ
    !


     มืออิจิซึ่งตอนนี้แปรสภาพไปเป็นดาบเรียวยาวเรียบร้อย ตัดผ่านเจ้ามนุษย์ประหลาดเบื้องหน้าไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของผู้ซึ่งไม่ควรถือเรียกหาว่ามนุษย์หลุดกระเด็นออกจากเบ้าตาทุกครั้งที่อิจิเผลอวาดดาบผ่านอย่างลืมมองว่าเป็นส่วนไหน


    เกลียวไส้สีเขียวข้นของมนุษย์ประหลาดบัดนี้ถูกดึงกระชากให้ร่วงหล่นออกจากร่างจนเริ่มจะเต็มทางเดินบนสะพาน ปนกับภาพซากอมนุษย์ซึ่งยังคงไม่ตายสนิทเศษซากเนื้อและเส้นเอ็นยึดเกาะตรงสะโพกยังคงมีอยู่น้อยนิดก่อนซีกร่างครึ่งบนเมื่อก้าวเดินจะร่วงเผละไปกองกับแขนขาซึ่งถูกสับกระเด็นออกเป็นท่อนๆจนปลิวว่อนไปมาเหมือนใบไม้ยามค่ำคืนสีเลือด


    เลือดสีแดงข้นที่ไหลทะลักของมนุษย์ประหลาดเปรอะเปื้อนตามตัวของอิจิและใบหน้าเป็นหย่อมๆแต่เจ้าตัวคงไม่ใคร่สนใจนัก


    สวบ สวบ สวบ


    มนุษย์ประหลาดซึ่งบัดนี้เริ่มรวมตัวเดินมาในทิศทางเดียวกันพร้อมกับนัยน์ตาซีกที่เป็นมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดพูดประสานเสียงเดียวกันว่า
    เจ้าฆ่าพวกข้า..เจ้าต้องตายย..

     

    ตาย..ตาย..ตาย...ตาย..ตาย!!!!”


    ตาย..ตาย..ตาย...ตาย..ตาย ตาย..ตาย..ตาย...ตาย..ตาย!!!!”


    ตาย..ตาย..ตาย...ตาย..ตาย ตาย..ตาย..ตาย...ตาย..ตาย ตาย ตาย!!!!”


    เสียงโหยหวนที่ยังคงดังพร้อมเพียงกันอย่างชวนให้ขนหัวลุกแต่ในสายตาของอิจิและคุไรเป็นเพียงแค่ภาพผ่านตาที่น่าเบื่อหน่าย



    ตอนนี้มือข้างที่เหลือของอิจิได้กลายสภาพเป็นโซ่เหล็กกำลังหมุนควงไปมา นัยน์ตาสีฟ้าเข้มหรี่เล็กลงกับมือซึ่งวาดไปมาเพื่อเล็งเป้าหมายไปยังกึ่งกลางหัวที่ข้างในกลวงโบ๋


    ใช่ เพราะเจ้ามนุษย์ประหลาดพวกนี้ไม่มีสมอง มันไม่ใช่มนุษย์...ไม่สิ..หมดความเป็นมนุษย์ไปหมดแล้วต่างหาก


    ไม่ต้องคำนึงถึงเสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่ารำคาญ
    ..เพราะพวกมันไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว


    อิจิโร่ คุไรซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ขอบสะพานปิดเปลือกตาหนาอย่างเซ็งๆพร้อมกับรูดเนกไทที่อยู่ตรงต้นคอออก ใบหน้าชะงักอย่างหัวเสียนิดหน่อยที่เลือดของเจ้ามนุษย์ประหลาดกระเซ็นเข้ามา ปลายลิ้นซึ่งสัมผัสบ่งบอกว่ารสชาติแย่ยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก


    ฟุบ
    !


    ร่างสูงกระโดดลงมายืนบนพื้นเรียบร้อยพร้อมกับแย้มรอยยิ้มบางเล็กน้อย


    ..เอาน่า..อย่างน้อยก็แก้เซ็งได้ไม่เลว....


    เร็วเท่าความคิดอากาศรอบด้านก็เย็นเยียบลงทันทีพร้อมกับมือของอิจิโร่ คุไรค่อยๆแบออกอีกครั้ง


    ...แค่นี้ก็พอละมั้ง..


    รอยยิ้มเหยียดอย่างเยาะๆในความอ่อนแอของมนุษย์ประหลาดเบื้องหน้า


    ฟรึ่บ
    !


    ลมเย็นซึ่งพัดผ่านเพียงแค่พริบตาหากแต่เพียงเท่านั้นร่างของมนุษย์ประหลาดก็แยกออกเป็นสองซีกและเกาะตัวรวมกันเป็นน้ำแข็งตามแถบแนวเส้นตรงที่อิจิโร่ คุไรยืนอยู่


    แควก


    นัยน์ตาคมกวาดมองไปยังร่างของพวกมนุษย์ประหลาดที่ตอนนี้ถูกผ่าออกเป็นสองซีกอย่างเป็นระเบียบจนเผยให้เห็นอวัยวะภายในที่ไหลทะลักออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันอย่างคำนวณ


    ...น่าจะซักสิบ..


    คิดพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดผ่านเจ้ามนุษย์ประหลาดที่อยู่อาณาบริเวณโดยรอบอย่างเชื่องช้าราวกับเข็มนาฬิกาโลกกำลังถูกหยุดหมุนไป
    ..

     



    .....ฟิ้ววว....วววว...

     

     “ฮึ นาย 27 ฉัน 26 ทีเดียวตายหมดเฮ้อ....ทำไมฉันไม่ได้พลังแบบนายมั่งวะ


    อิจิบ่นพึมพำพร้อมกับกระโดดข้ามศพเหล่ามนุษย์ประหลาดซึ่งครึ่งหนึ่งตายสภาพแย่เสียยิ่งกว่าเขาจัดการซะอีก

    เสียงสบถดังพึมพำขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเหยียบพลาดไปทับนัยน์ตาของมนุษย์ประหลาดที่กลิ้งกระเด็นหลุดออกมาจนแตกดังโพละพร้อมกับน้ำหนองที่ไหลทะลักเยิ้มหรือลิ้นยาวสีแดงสดซึ่งถูกกระชากออกจากปากแต่เมื่อหล่นลงไปกองที่พื้นก็คล้ายเป็นเพียงแค่รูปประดับของบรรดาอวัยวะและน้ำเลือดอันมากสีสันเท่านั้น


     อิจิ..นายก็รู้คำตอบอย่าเอามาพูดเล่นๆดีกว่า ไม่มีใครอยากได้พลังแบบที่ฉันมีหรอก


    นัยน์ตาคมทอดมองภาพของเพื่อนสนิทซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เจอกันนานแรมปีแต่ความรู้สึกและคำว่าเพื่อนก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่คิดจะโทษเลยถ้าหากอิจิจะไม่รู้ว่าเมื่อครู่ได้พูดสิ่งใดออกมา


    ริมฝีปากบางแค่นยิ้มออกมาอย่างยากเย็นเมื่อแสงสว่างจากพระจันทร์ดวงโตซึ่งดูจะยิ่งเรืองรองกว่าปกติกระทบเข้าสู่นัยน์ตาพร้อมกับจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวที่เขาก็มีไม่ต่างจากอิจิกำลังทอแสงรับกันกับดวงจันทร์
    ..


    พระจันทร์ของฉัน ดื่มเลือดมากเกินไปรึเปล่านะ? มันจะพอได้รึยัง..          


    คำพูดที่ไม่มีใครขานรับ มีเพียงแต่พระจันทร์สีแดงเข้มบนฟากฟ้าเท่านั้นซึ่งปรากฎสีเลือดเข้มขึ้นเพียงบางเบาราวกับเป็นพยาน....

     

     -------------------------------------------------------------------------------

    ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!


    เสียงทุบโต๊ะของคนที่มักจะนอนหลับอยู่เป็นนิจและคงจะไม่มีใครกล้าไปปลุกหรือรบกวน


    ใช่ เธอก็ไม่อยากทำนักหรอกแต่ลางสังหรณ์อะไรบางอย่างมันบอกกับเธอให้เธอต้องมาหาอิจิโร่ คุไร


    ตื่นๆๆๆๆฉันบอกให้นายตื่นได้แล้วไงไอ้บ้า!!”


    คำพูดพร้อมกับมือที่กำลังจะเอื้อมไปทุบหัวของคนที่นอนอยู่อย่างหมั่นไส้


    หมับ


    มีอะไร


    เสียงทุ้มที่พึมพำขึ้นอย่างเซ็งๆปนหงุดหงิดนัยน์ตาดำขลับจ้องมองเด็กสาวเบื้องหน้าหรือนามิอย่างเย็นชา


    เจ็บ ปล่อยมือฉันด้วย


    นามิกัดฟันพูดอย่างเจ็บปวดปนโกรธแค้น


    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงก่อนจะมองไปยังมือของตนที่กำลังบีบข้อมือเล็กๆของนามิอยู่ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงเป็นทำนองว่าเข้าใจแล้วปล่อยออก


    โทษที


    นายเอาจิโระไปไว้ที่ไหน


    จิโระ?”


    เสียงทุ้มต่ำยังคงพูดอย่างเฉื่อยชาพร้อมทำท่าจะก้มลงไปหลับต่ออีกรอบอย่างไม่แยแสกับนามิที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงก่ำอย่างชักทนไม่ไหว


    ฉัน ถาม ว่า นายเอาจิโระไปไว้ที่ไหน !”


    เสียงหวานใสซึ่งคราวนี้ค่อยๆเน้นทีละคำอย่างกลัวคนแกล้งทำเป็นสมองเอื่อยตรงหน้าจะไม่เข้าใจ


    ฟรึ่บ


    อิจิโร่ คุไร ตัดสินใจยืนด้วยความเหนื่อยหน่ายพร้อมกับนัยน์ตาคมตวัดปรายตามองนามิซึ่งกำลังยืนเท้าเอวพร้อมกับตัวสั่นด้วยความโมโห


    เธอ...ขวางทางฉัน


    นามิอ้าปากอย่างเหวอๆและเผลอก้าวถอยหลังอย่างตกใจทันทีเมื่อสบกับนัยน์ตาสีดำเข้มที่จ้องมองมาอย่างเฉยชาดังเดิมแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวโดยไม่มีสาเหตุ


    ให้ตายสิทำไมเธอถอนสายตาไม่ได้นะ
    ! รู้สึกเหมือนตัวลอยๆอีกต่างหาก..


    อย่ายุ่งเรื่องนี้อีก


    เสียงที่ไม่รู้ว่าเพราะอิจิโร่ คุไรมายืนอยู่ข้างๆหูของนามิรึเปล่า รู้แต่ว่าตัวเธอในตอนนี้กำลังได้ยินคำพูดนี้ดังกึกก้องอยู่ในหัวไปมา



     

    ..อย่ายุ่งเรื่องนี้....อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้...


     

    ..อย่ายุ่งเรื่องนี้....อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้...


     

    ..อย่ายุ่งเรื่องนี้....อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้...


    ..อย่ายุ่งเรื่องนี้....อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้...


    ..อย่ายุ่งเรื่องนี้....อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้...


    ..อย่ายุ่งเรื่องนี้....อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้......อย่ายุ่งเรื่องนี้...

     

    ....อา...ใช่...ฉันจะต้องไม่ยุ่งกับเรื่องนี้....

     

    นามิ..นามิเธอเป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย


    หะ..หือ..


    เสียงแหลมของเพื่อนร่วมห้องนามจิซะปลุกให้นามิตื่นจากภวังค์พร้อมกับส่ายหน้าตัวเองไปมา


    นี่ฉันเป็นอะไรไป แล้วทำไมฉันมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ


    นามิถามอย่างงุนงงก็เมื่อกี้เธอยังนั่งอยู่บนโต๊ะเพื่อที่จะรอครูเข้าสอนคาบต่อไปนี่นา


    ก็เธอน่ะสิอยู่ๆก็เดินมาปลุกอิจิโร่ให้ตื่น ดูสิตอนนี้นายนั่นหน้าเซ็งสุดขีดเดินออกไปจากห้องเลย เธอเป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ยร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยคิดจะมาปลุกผีหัวหน้าห้องเข้าสิงรึไง


    หา งั้นหรอ


    หน้าใสๆของนามิเอียงคอไปมาอย่างงุนงงก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างชักรู้สึกปวดหัวตึบๆยังไงชอบกล


    ...หรือว่าวันนี้เราจะเบลอจริงๆกันนะ
    ??..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×