คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ยำใหญ่ฟิคชั่น ตอนที่ 1 (By : afternoon)
ยำใหญ่ฟิคชั่น ตอนที่ 1
By: afternoon
สีทองอร่ามของแสงสุดท้ายของวันแต่งแต้มผืนฟ้าให้ดูสวยงามยามเย็นเช่นนี้ แกลลอรี่เรือนไทยชั้นเดียวหลังงามตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่ม ภายในยังคงมีแสงไฟเปิดสว่างสำหรับเจ้าของสถานที่และศิลปินสาวสวยเจ้าประจำ
“วี เมื่อวานมีคนเอาภาพมาขายให้ณิชด้วยแหละ เป็นภาพบ้านเรือนไทยณิชว่ามันดูสวยดีเลยซื้อเอาไว้ อยู่นั้นไง ณิชว่าจะให้วีดูพอดี” ณิชชะโงกหน้าจากกระดานวาดภาพ พร้อมกับใช้ปลายพู่กันชี้ไปทางภาพเขียนสีน้ำขนาดใหญ่พอสมควรใส่กรอบไม้ไว้อย่างสวยงาม
ปภาวีหันไปมองตามเพื่อนสาวชี้ หน้าแปลกที่ภาพบ้านเรือนไทยริมฝั่งคลองจำลองชีวิตของผู้คนประมาณหนึ่งร้อยกว่าปีที่แล้วมองเผินๆ ก็แค่ภาพ แต่ปภาวีกลับรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เธอต้องเดินตามมนต์สะกดเข้าไปดูภาพๆ นั้นอย่างใกล้ๆ
ลายเส้นของปลายพู่กันที่จรดลงบนพื้นกระดาษราวกับมีชีวิตจริงๆ เรือนไทยหลังใหญ่บ่งบอกฐานะของผู้เป็นเจ้าของ ศาลาริมคลองเส้นทางสัญจรของคนในสมัยนั้นสายน้ำที่เห็นดั่งกับกำลังไหลอยู่อย่างช้าๆ แต่สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาหญิงสาวเป็นที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ระหว่างหญิงสาวสองคนในภาพนั้น เป็นเรื่องแปลกที่ชายหนุ่มในภาพกลับทำผมเหมือนในสมัยปัจจุบัน ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ในภาพนี้หน้าจะเป็นในราวๆ รัชกาลที่ 5 ได้
“ใครเป็นคนวาดภาพนี้หรอณิช” ปภาวีถามแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากภาพวาดเบื้องหน้า
“ไม่รู้สิวี คนที่เอาภาพมาขาย ณิชก็ถามเขาแล้วนะ แต่ก็ไม่ใช่ ในภาพก็ไม่มีลายเซ็นของผู้วาด ราวกับคนวาดไม่มีตัวตน” ทุกครั้งที่วาดภาพเสร็จมักจะมีการเซ็นชื่อหรือลายเซ็นของศิลปินที่มุมภาพเสมอพร้อมระบุวันที่วาดภาพด้วย แต่ภาพนี้กลับไม่มี และยังไม่มีใครรู้อีกว่าใครเป็นผู้วาด
“วีอยากรู้จักกับคนที่วาดภาพนี้จังณิช ดูสีฝีมือดีมากๆ เลยนะ แล้วก็แปลกมากด้วย ที่วาดทรงผมของผู้ชายในภาพให้อินเทรนสมัยใหม่แบบนี้”
“วี ดิสมารับแล้ว กลับบ้านเลยไหม” เสียงเรียกของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในแกลลอรี่ เรียกสติของปภาวีที่เคลิ้มไปกับภาพเขียนสีน้ำตรงหน้า
“อื้มๆ ไปสิดิส ณิชวีไปก่อนนะ แล้วไว้คุยกัน” ปภาวีหันมาลาเพื่อนสาว
“มาเดี๋ยวดิสช่วย” ภูดิสเข้ามาช่วยภรรยาคนสวยถืออุปกรณ์วาดรูปมากมาย พร้อมกับหยิบเฟรมวาดรูปที่ยังวาดไม่เสร็จดีเหลือการแต่งเติมลายละเอียดอีกเล็กน้อยติดมือไปด้วย
“แล้วคุยกันวี บาย”
รถยนต์วิ่งผ่านสวนอันเงียบสงัดยามดึกเช่นนี้ ร่างสูงมองร่างบางที่นั่งข้างๆ ด้วยความสงสัย ปภาวีนั่งเหม่อมาตั้งแต่ออกจากแกลลอรี่ของณิชแล้ว หญิงสาวมีเรื่องอะไรให้คิดมากมายเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของชายหนุ่มขณะนี้
“วี... วี” ภูดิสจอดรถข้างทาง หันมาสะกิดปภาวีที่ยังคงเหม่ออยู่
“ฮะ.. หืม ถึงบ้านแล้วหรอดิส” ปภาวีสะดุ้งหันมาถามชายหนุ่ม
“วีมีเรื่องอะไรรึเปล่า ดิสเห็นวีนั่งเหม่อมองออกนอกหน้าต่างเหมือนมีเรื่องอะไรในใจมาตั้งแต่ออกจากแกลลอรี่แล้วนะ” ภูดิสจับมือของหญิงสาวมากุมเอาไว้
“ดิสเห็นรูปที่วียืนดูอยู่ตอนที่ดิสไปรับวีได้ไหม” ปภาวีตัดสินใจที่จะพูดเรื่องที่เธอนั่งคิดมาตลอดทาง
“อื้ม... ทำไมหรอมันก็ภาพวาดปกติ” ตอนที่ภูดิสเดินเข้าไปเขาจำได้ว่าปภาวีกำลังยืนมองภาพๆ หนึ่งอยู่ เป็นภาพเทคนิคสีอะไรเขาไม่แน่ใจ เขามองก็เป็นภาพวาดภาพหนึ่งธรรมดา แต่ตอนนี้ดูเหมือนภาพนั้นจะต้องมีอะไรพิเศษบางอย่างที่ทำให้ปภาวีเก็บมาคิดถึงขนาดนี้
“ไม่...ไม่ปกติหรอกดิส ภาพๆ นั้นน่ะ ไม่รู้สิดิสวีรู้สึกว่าภาพๆ นั้นมีแรงดึงดูดบางอย่าง ตอนที่สียืนดูอยู่เหมือนวีเห็นภาพมีชีวิต เหมือนวีเข้าไปยืนอยู่ในที่แห่งนั้นจริงๆ “ ภูดิสคิ้วขมวด ปภาวีคิดไปเองหรือว่ามันเป็นเรื่องจริงเขาไม่อาจรู้ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
อรุณรุ่งแสงอาทิตย์ส่องสว่างทั่วพื้นที่ เสียงนกร้องกังวานราวกับเสียงเพลงประสาน เสียงเครื่องยนต์เข้ามาจอดในแกลลอรี่ประจำของปภาวี คราวนี้หญิงสาวพาชายหนุ่มลงมากับเธอด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอเห็นมันไม่ใช่เธอคิดไปเองแต่มันเป็นความจริง!!!
ประตูแกลลอรี่ไม่ได้ลั่นกุญแจ แต่กลับไร้เงาของเจ้าของสถานที่ เหมือนกับว่ามีคนกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ ปภาวีไม่สนใจประตูที่เปิดเข้ามาได้โดยง่าย ตรงไปยังภาพวาดสีน้ำภาพเดิมทันที โดยมีชายหนุ่มอย่างภูดิสเดินตาม
ปภาวีหยุดอยู่ที่ภาพกรอบไม้ สายตาจับจ้องไปยังบุคคลในภาพ พื้นน้ำ เหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน ความรู้สึกยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ดิส ดูที่คนในภาพนั้นสิ ดิสว่ามันแปลกๆ ไหมล่ะ” ปภาวีจับมือคนรัก ส่วนมืออีกข้างก็ชี้ชวนให้ดูภาพของชายหนุ่มทรงผมทันสมัยนิยมในภาพ
“อื้ม... มันก็แปลก แต่อาจจะเป็นจิตนาการของคนวาดก็ได้ ห้ามกันได้ซะที่ไหนถ้าเค้าอยากจะวาดน่ะ” ภูดิสพยายามหาเหตุผลที่มีความเป็นไปได้มาหักล้าง
“แต่...” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ลมแรงก็พัดเข้ามาทางประตูที่เปิดค้างไว้ กรอบรูปที่แควนโชว์อยู่บนผนังแกลลอรี่สั่นสะเทือนจนปภาวีเองยังนึกกลัว แต่ยังมีมืออุ่นๆ ของภูดิสที่จับกันไว้ของบีบมือเธอให้หายความกลัวลงไปอยู่ได้บ้าง
ความแรงของลมทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สองร่างที่ยืนท้าลมอยู่เริ่มที่จะต้านไม่ไหว ร่างเล็กเซจนแทบจะยืนไม่อยู่ สายตายังคงพยายามที่จะจ้องมองไปยังภาพๆ นั้น ขณะเดียวกันรอบข้างก็เริ่มที่จะมัวมองไม่เห็นสิ่งรอบกาย เหมือนโลกใบนี้กำลังหมุนอย่างรุนแรง และเธอกำลังยืนคนเดียวกลางความหมุนที่รุนแรงนั้น หากไม่มีมือของภูดิสที่ยึดเธอไว้
สายตาของทั้งคู่พร่ามัว ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบเหลือเพียงความมืดมน...
“ดิส!!” ปภาวีตะโกนร้องเรียกชื่อคนรักออกมา เธอฝัน... ฝันร้าย ฝันว่าภูดิสปล่อยมือจากเธอ แล้วเดินหายไปพร้อมกับแสงสีขาว
“คุณทับทิมเจ้าค่ะ คุณผู้หญิงคนนี้ฟื้นแล้วเจ้าคะ” เสียงของสาวใช้เรียกนายสาวที่เดินข้ามธรณีประตูไม้เข้ามาด้านใน
ในที่สุดนุ่นก็(ดอง)เเต่งเสร็จ อิอิ เพิ่งรู้ว่าเเต่งฟิคทำไมมันยากอย่างนี้ 555+
ต้องขอยบอกเด็กหลงทางว่า "เด็กจ๋านุ่นขอโทดดดด" ที่(ดอง)เเต่งได้นานขนาดนี้ อาซิกๆ
นุ่นยำเป็นยังไงบ้าง ก็เม้นท์บอกกันด้วยนะ โหวดด้วยก็ดี อิอิ
afternoon (ผช. นุ่น ค่า)
ความคิดเห็น