ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยำใหญ่! Fiction

    ลำดับตอนที่ #2 : ยำใหญ่ฟิคชั่น ตอนที่ 1 (By : afternoon)

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 51


    ยำใหญ่ฟิคชั่น ตอนที่ 1

    By: afternoon

     

                สีทองอร่ามของแสงสุดท้ายของวันแต่งแต้มผืนฟ้าให้ดูสวยงามยามเย็นเช่นนี้ แกลลอรี่เรือนไทยชั้นเดียวหลังงามตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่ม ภายในยังคงมีแสงไฟเปิดสว่างสำหรับเจ้าของสถานที่และศิลปินสาวสวยเจ้าประจำ

                วี เมื่อวานมีคนเอาภาพมาขายให้ณิชด้วยแหละ เป็นภาพบ้านเรือนไทยณิชว่ามันดูสวยดีเลยซื้อเอาไว้ อยู่นั้นไง ณิชว่าจะให้วีดูพอดี ณิชชะโงกหน้าจากกระดานวาดภาพ พร้อมกับใช้ปลายพู่กันชี้ไปทางภาพเขียนสีน้ำขนาดใหญ่พอสมควรใส่กรอบไม้ไว้อย่างสวยงาม

                ปภาวีหันไปมองตามเพื่อนสาวชี้ หน้าแปลกที่ภาพบ้านเรือนไทยริมฝั่งคลองจำลองชีวิตของผู้คนประมาณหนึ่งร้อยกว่าปีที่แล้วมองเผินๆ ก็แค่ภาพ แต่ปภาวีกลับรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เธอต้องเดินตามมนต์สะกดเข้าไปดูภาพๆ นั้นอย่างใกล้ๆ

                ลายเส้นของปลายพู่กันที่จรดลงบนพื้นกระดาษราวกับมีชีวิตจริงๆ เรือนไทยหลังใหญ่บ่งบอกฐานะของผู้เป็นเจ้าของ ศาลาริมคลองเส้นทางสัญจรของคนในสมัยนั้นสายน้ำที่เห็นดั่งกับกำลังไหลอยู่อย่างช้าๆ แต่สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาหญิงสาวเป็นที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ระหว่างหญิงสาวสองคนในภาพนั้น เป็นเรื่องแปลกที่ชายหนุ่มในภาพกลับทำผมเหมือนในสมัยปัจจุบัน ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ในภาพนี้หน้าจะเป็นในราวๆ รัชกาลที่ 5 ได้

                ใครเป็นคนวาดภาพนี้หรอณิช ปภาวีถามแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากภาพวาดเบื้องหน้า

                ไม่รู้สิวี คนที่เอาภาพมาขาย ณิชก็ถามเขาแล้วนะ แต่ก็ไม่ใช่ ในภาพก็ไม่มีลายเซ็นของผู้วาด ราวกับคนวาดไม่มีตัวตน ทุกครั้งที่วาดภาพเสร็จมักจะมีการเซ็นชื่อหรือลายเซ็นของศิลปินที่มุมภาพเสมอพร้อมระบุวันที่วาดภาพด้วย แต่ภาพนี้กลับไม่มี และยังไม่มีใครรู้อีกว่าใครเป็นผู้วาด

                วีอยากรู้จักกับคนที่วาดภาพนี้จังณิช ดูสีฝีมือดีมากๆ เลยนะ แล้วก็แปลกมากด้วย ที่วาดทรงผมของผู้ชายในภาพให้อินเทรนสมัยใหม่แบบนี้

                วี ดิสมารับแล้ว กลับบ้านเลยไหม เสียงเรียกของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในแกลลอรี่ เรียกสติของปภาวีที่เคลิ้มไปกับภาพเขียนสีน้ำตรงหน้า

                อื้มๆ ไปสิดิส ณิชวีไปก่อนนะ แล้วไว้คุยกัน ปภาวีหันมาลาเพื่อนสาว

                มาเดี๋ยวดิสช่วย ภูดิสเข้ามาช่วยภรรยาคนสวยถืออุปกรณ์วาดรูปมากมาย พร้อมกับหยิบเฟรมวาดรูปที่ยังวาดไม่เสร็จดีเหลือการแต่งเติมลายละเอียดอีกเล็กน้อยติดมือไปด้วย

                แล้วคุยกันวี บาย

     

                รถยนต์วิ่งผ่านสวนอันเงียบสงัดยามดึกเช่นนี้ ร่างสูงมองร่างบางที่นั่งข้างๆ ด้วยความสงสัย ปภาวีนั่งเหม่อมาตั้งแต่ออกจากแกลลอรี่ของณิชแล้ว หญิงสาวมีเรื่องอะไรให้คิดมากมายเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของชายหนุ่มขณะนี้

                วี... วี ภูดิสจอดรถข้างทาง หันมาสะกิดปภาวีที่ยังคงเหม่ออยู่

                ฮะ.. หืม ถึงบ้านแล้วหรอดิส ปภาวีสะดุ้งหันมาถามชายหนุ่ม

                วีมีเรื่องอะไรรึเปล่า ดิสเห็นวีนั่งเหม่อมองออกนอกหน้าต่างเหมือนมีเรื่องอะไรในใจมาตั้งแต่ออกจากแกลลอรี่แล้วนะ ภูดิสจับมือของหญิงสาวมากุมเอาไว้

                ดิสเห็นรูปที่วียืนดูอยู่ตอนที่ดิสไปรับวีได้ไหม ปภาวีตัดสินใจที่จะพูดเรื่องที่เธอนั่งคิดมาตลอดทาง

                อื้ม... ทำไมหรอมันก็ภาพวาดปกติ ตอนที่ภูดิสเดินเข้าไปเขาจำได้ว่าปภาวีกำลังยืนมองภาพๆ หนึ่งอยู่ เป็นภาพเทคนิคสีอะไรเขาไม่แน่ใจ เขามองก็เป็นภาพวาดภาพหนึ่งธรรมดา แต่ตอนนี้ดูเหมือนภาพนั้นจะต้องมีอะไรพิเศษบางอย่างที่ทำให้ปภาวีเก็บมาคิดถึงขนาดนี้

                ไม่...ไม่ปกติหรอกดิส ภาพๆ นั้นน่ะ ไม่รู้สิดิสวีรู้สึกว่าภาพๆ นั้นมีแรงดึงดูดบางอย่าง ตอนที่สียืนดูอยู่เหมือนวีเห็นภาพมีชีวิต เหมือนวีเข้าไปยืนอยู่ในที่แห่งนั้นจริงๆ ภูดิสคิ้วขมวด ปภาวีคิดไปเองหรือว่ามันเป็นเรื่องจริงเขาไม่อาจรู้ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

     

                อรุณรุ่งแสงอาทิตย์ส่องสว่างทั่วพื้นที่ เสียงนกร้องกังวานราวกับเสียงเพลงประสาน เสียงเครื่องยนต์เข้ามาจอดในแกลลอรี่ประจำของปภาวี คราวนี้หญิงสาวพาชายหนุ่มลงมากับเธอด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอเห็นมันไม่ใช่เธอคิดไปเองแต่มันเป็นความจริง!!!

                ประตูแกลลอรี่ไม่ได้ลั่นกุญแจ แต่กลับไร้เงาของเจ้าของสถานที่ เหมือนกับว่ามีคนกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ ปภาวีไม่สนใจประตูที่เปิดเข้ามาได้โดยง่าย ตรงไปยังภาพวาดสีน้ำภาพเดิมทันที โดยมีชายหนุ่มอย่างภูดิสเดินตาม

                ปภาวีหยุดอยู่ที่ภาพกรอบไม้ สายตาจับจ้องไปยังบุคคลในภาพ พื้นน้ำ เหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน ความรู้สึกยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

                ดิส ดูที่คนในภาพนั้นสิ ดิสว่ามันแปลกๆ ไหมล่ะ ปภาวีจับมือคนรัก ส่วนมืออีกข้างก็ชี้ชวนให้ดูภาพของชายหนุ่มทรงผมทันสมัยนิยมในภาพ

                อื้ม... มันก็แปลก แต่อาจจะเป็นจิตนาการของคนวาดก็ได้ ห้ามกันได้ซะที่ไหนถ้าเค้าอยากจะวาดน่ะ ภูดิสพยายามหาเหตุผลที่มีความเป็นไปได้มาหักล้าง

                แต่... ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ลมแรงก็พัดเข้ามาทางประตูที่เปิดค้างไว้ กรอบรูปที่แควนโชว์อยู่บนผนังแกลลอรี่สั่นสะเทือนจนปภาวีเองยังนึกกลัว แต่ยังมีมืออุ่นๆ ของภูดิสที่จับกันไว้ของบีบมือเธอให้หายความกลัวลงไปอยู่ได้บ้าง

                ความแรงของลมทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สองร่างที่ยืนท้าลมอยู่เริ่มที่จะต้านไม่ไหว ร่างเล็กเซจนแทบจะยืนไม่อยู่ สายตายังคงพยายามที่จะจ้องมองไปยังภาพๆ นั้น ขณะเดียวกันรอบข้างก็เริ่มที่จะมัวมองไม่เห็นสิ่งรอบกาย เหมือนโลกใบนี้กำลังหมุนอย่างรุนแรง และเธอกำลังยืนคนเดียวกลางความหมุนที่รุนแรงนั้น หากไม่มีมือของภูดิสที่ยึดเธอไว้

                สายตาของทั้งคู่พร่ามัว ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบเหลือเพียงความมืดมน...

     

                ดิส!!” ปภาวีตะโกนร้องเรียกชื่อคนรักออกมา เธอฝัน... ฝันร้าย ฝันว่าภูดิสปล่อยมือจากเธอ แล้วเดินหายไปพร้อมกับแสงสีขาว

                คุณทับทิมเจ้าค่ะ คุณผู้หญิงคนนี้ฟื้นแล้วเจ้าคะ เสียงของสาวใช้เรียกนายสาวที่เดินข้ามธรณีประตูไม้เข้ามาด้านใน

          ในที่สุดนุ่นก็(ดอง)เเต่งเสร็จ อิอิ เพิ่งรู้ว่าเเต่งฟิคทำไมมันยากอย่างนี้ 555+ 
    ต้องขอยบอกเด็กหลงทางว่า "เด็กจ๋านุ่นขอโทดดดด" ที่(ดอง)เเต่งได้นานขนาดนี้ อาซิกๆ
    นุ่นยำเป็นยังไงบ้าง ก็เม้นท์บอกกันด้วยนะ โหวดด้วยก็ดี อิอิ

    afternoon (ผช. นุ่น ค่า)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×