คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4 - แต่ก็พอจะเข้าใจ...ว่านั่นคือความรู้สึกแบบไหน
มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหน...ที่คุณรู้สึกตัวได้ว่าชอบใครสักคน ?
มันอาจไม่มีอะไรเลย เพียงแค่คุณมองไปยังเขาก็คล้ายกับจะตกหลุมรักซ้ำ ๆ ทั้งที่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
.
.
.
.
ตอนแรกที่ได้พบ เอกแค่เข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยเหมือนทุกที เพราะเพิ่งรับพนักงานเข้ามาใหม่...และหนึ่งในนั้นก็คือ‘เจมส์’ อีกฝ่ายกำลังทำงานอย่างตั้งใจโดยที่ไม่ได้สังเกตรอบข้างเลยสักนิด ผู้คนรอบ ๆ ให้ความสนใจกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ตัวเอกเองก็ยังอดตกตะลึกในความดึงดูดนั้นไม่ได้ กว่าจะรู้สึกตัว ผู้คนก็โถมเข้าไปจนแทบมองไม่เห็นแล้ว
‘อา...อยากจะเห็นมากกว่านี้’
ด้วยความรู้สึกนั้นทำให้เอกพาตัวเองเข้าไปวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ กับใครคนนั้นอย่างไม่ทันรู้สึกตัว
.
.
.
‘ตัวสูงจังแฮะ’ ความรู้สึกแวบแรกที่มีต่อผู้ชายผมสีแดงแสบตาคนนั้น
“เป็นไงเจมส์ ทำงานวันแรก” รอยยิ้มสุภาพกับท่าทางเข้าถึงง่าย จากผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของผับ จริง ๆ แล้วเจมส์ไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้ามากนัก แต่นี่เป็นกรณีที่ต้องยกเว้นเอาไว้
“ก็ดีครับ ไม่ได้ติดขัดอะไร”
“งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ พี่ขอชิมน้ำเด็ดของเจมส์สักแก้วได้ไหม?” คำพูดมันกำกวมไปรึเปล่าวะ… แต่เอาเถอะเขาไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว
เจมส์ชงไปตามความเคยชิน แต่เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายจ้องเขาตาไม่กระพริบ จนรู้สึกร้อนหลังหน่อย ๆ ถึงแม้จะชินแล้วก็ตาม
“สุดยอดจริงๆ” เสียงตบมือแปะ ๆ และดวงตาที่ราวกับขโมยเอาดวงดารามาเก็บ อาจจะรู้สึกไปเอง...แต่คล้ายมีอะไรสะกิดในใจให้รู้สึกคันยุบยิบ
คนอะไรน่ารัก…
ส่วนเจมส์ก็คนอะไรมาชมคนอื่นว่าน่ารักง่าย ๆ ซะงั้น แต่เขาไม่คิดอะไรมากเพราะว่าพี่เอกก็น่ารักจริง ๆ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นคนดุ ๆ อย่างเดียว แต่เวลาที่แกไม่ได้ทำงานก็พูดคุยเล่นปกติ
บางครั้งเจมส์รู้สึกแปลกกับตัวเอง...แค่อีกฝ่ายเดินเข้ามาสายตาเขาก็จะโฟกัสเห็นทันที ราวกับมีเรดาร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนผมสีแดง หรือเพราะสีผมนั้นกันแน่ที่มันดึงดูดสายตา
.
.
.
ผ่านไปหลายเดือนเอกรู้สึกว่าเขาเริ่มสนิทกับพนักงานที่มาใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่กลายเป็นบาร์เทนเดอร์อันดับหนึ่งอย่าง ‘เจมส์’ แสนจะฮ๊อตจริง ๆ นะคนนี้
ถ้าถามว่าทำไม...เขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเราสนิทกันมากกว่าคนอื่น ๆ อย่างน้อยก็อยู่ในจุดที่ตัวแทบจะติดกัน เพราะดันชอบอะไรคล้าย ๆ กัน
ทั้งเรื่องเล่นเกม ทั้งเรื่องชอบกิน มีบางครั้งที่เอกช่วยอีกฝ่ายไปทานอาหารที่บ้าน...ซึ่งเป็นอาหารแปลก ๆ ที่เขาอยากลองทำ และอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้รังเกียจเลยที่จะชิมมัน แม้บางครั้งจะเป็นการทำร้ายตัวเองก็ตาม นั่นแหละเป็นเหตุผลให้รู้สึกว่าเราสองคนสนิทกันกว่าคนอื่น ๆ
และบางครั้งเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีท่าทางแปลก ๆ
ทุกสิ้นเดือนที่เงินเดือนออก เมื่อร้านเลิกเอกจะเลี้ยงเหล้าทุกคนเป็นการตอบแทน
“พี่เอกขยับเข้าไปข้างในหน่อยครับ” เจมส์มักจะชอบมานั่งเก้าอี้ฝั่งเดียวกับเขา แล้วให้เขาขยับเข้าไปชิดด้านในทุกที...ถ้าให้พูดมันก็ดูปกติดีนั่นแหละ แต่พอดูจากท่าทางและน้ำเสียงแล้ว คล้ายอยากให้เขาไม่ต้องนั่งติดกับคนอื่นซะมากกว่า
“พี่เอกจะกินอีกเหรอครับ?”
“หือ อืม ว่าจะอีกหน่อยนะ ยังไม่ค่อยเมาเลย”
“แต่พี่เอารถมาไม่ใช่เหรอ? จะกลับไงอะ?”
“ทำไมอ่า ถ้าพี่เมามากเจมส์จะไปส่งพี่เหรอ?” ตอนนั้นเขาแค่พูดไปขำ ๆ แต่ท่าทางอีกฝ่ายกลับดูจริงจังซะงั้น เล่นเอารู้สึกผิดเลย
“อืม...ก็ได้มั้งพี่ แต่ระวังปวดหัวมาทำงานไม่ไหวนา” เจมส์หัวเราะออกมาน้อย ๆ ทำนองว่าล้อเขาเล่นนั่นแหละ พอเห็นแบบนั้นเอกก็เลยจัดเต็มสิครับ เอาสิ ล้อนักใช่ไหมงั้นก็ไปส่งเขาซะเลย!
สุดเลยกินเหล้าเป็นน้ำ ทำเอารู้สึกเหมือนวาร์ปขึ้นมาเลย รู้สึกเหมือนมีใครพยุงเขามาที่รถ ได้แต่ส่งเสียงอือ ๆ อา ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ อีกฝ่ายพูดอะไรเขาก็ตอบตามที่พอได้ยิน
“กุญแจรถอยู่ไหนครับ?”
เจมส์?
“กระเป๋าในล็อคเกอร์อะ”
“ก็อยู่ที่ไหล่พี่ไม่ใช่เหรอ…” เสียงดูกลั้นขำซะเต็มประดา ไอ้นี่ !
แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนจะวาร์ปมาถึงบ้านตัวเองแล้ว ..แต่รู้สึกตัวมันหนัก ๆ เปลือกตาเขามันลืมแทบไม่ไหวแล้ว แต่ก็พยายามเปิดขึ้นมาเพื่อดู
“ทำอะไรน่ะเจมส์?” เจมส์กำลังใช้แขนสองข้างกดเขาไว้กับที่นอน ด้วยท่าทางคนที่เหนื่อยสุดๆและเสื้อผ้าดูไม่เรียบร้อย
“ได้สติแล้วเหรอพี่?”
“...??”
“ผมว่า...พี่อย่าเมาอีกเลยดีกว่าเนอะ ฮ่ะฮ่ะ” อะไร..น่ะ ?
.
.
.
.
เจมส์ยอมรับตัวเองว่ามีความรู้สึกเกินกว่าพี่น้องกับคนที่เป็นเจ้าของร้านคนนั้น และยอมรับว่าตัวเองคิดว่าอีกฝ่ายน่ารักยิ่งกว่าแมวที่เขาเลี้ยงไว้ที่บ้านซะอีก
“ทำไมอ่า ถ้าพี่เมามากเจมส์จะไปส่งพี่เหรอ?” เจมส์มองท่าทางทะเล้นของอีกคนอย่างจริงจัง นี่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้กับทุกคนเลยเหรอ ?
เขาจ้องจนฝ่ายนั้นหยุดหัวเราะ
“อืม...ก็ได้มั้งพี่ แต่ระวังปวดหัวมาทำงานไม่ไหวนา” พอนึกได้ว่าเผลอทำหน้าเครียดไปก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน ...หรือเขาควรจะบอกไปตรง ๆ เลยดีนะ
แล้วหลังจากนั้นพี่เอกก็ดื่มจนเมาจริง ๆ เจมส์ไม่ได้เอารถมาเนื่องจากรู้ว่าวันนี้จะมีกินเลี้ยง และรู้ว่าพี่เอกเอารถมาเสมอ ..แต่พี่เขาก็ดันชอบเมา ปกติคนอื่นไปส่งตลอดเพราะเจมส์ไม่รู้จักบ้านอีกฝ่าย แต่พอได้ไปบ้านเจ้าตัวครั้งนั้นเขาก็อาสาไปส่งทันทีเป็นครั้งแรก
“พ-พี่!?” อยู่ ๆ พี่เอกก็เข้ามาทำท่าจะถอดชุดเขาให้ได้
“แหะ ๆ อืมม มาถอดชุด ๆๆ ขอดูหนอนน้อยหน่อยยย”
ถ้าไม่ติดว่าต้องพยายามหยุดมือคนอายุมากกว่า เจมส์ก็อยากจะยกมือกุมขมับ นี่สินะเหตุผลที่ไม่ค่อยมีใครอยากมาส่งพี่เอกกลับบ้านตอนแกเมา
‘ขอให้รอดนะพี่’ นึกถึงท่าทางน้องพีที่แตะบ่าเขาและทำหน้าเห็นใจก็… เออ น่าเห็นใจจริงๆ
เจมส์พยายามฟัดกับพี่เอกมาจนถึงห้องนอน แล้วจับอีกฝ่ายม้วนกับผ้าห่มไว้ เกิดอะไรไม่รู้เหมือนสวรรค์แกล้ง ทำให้เขาเสียหลักทรงตัวไม่อยู่...และตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองก็ใกล้กันมาก
สบกับดวงตาสีดำขลับ ซึ่งภายในสะท้อนภาพของเขาอยู่เพียงสิ่งเดียว...สะกดให้เป็นดั่งคนลุ่มหลง อยากกดจุมพิตลงบนเปลือกตาเผื่อจะส่งความรู้สึกไปถึงเจ้าของดวงเนตรผู้น่าหลงใหล
อา..
“ขอดูหน่อย~”
ตัดมู้ดฉิบหาย… เจมส์ถอนหายใจที่ต้องสู้กับคนที่พยายามจะทำอนาจารคนอื่นอีกครั้ง
“ทำอะไรน่ะเจมส์?” เขาน้ำตาจะไหล ในที่สุดอีกฝ่ายก็สร่างสักที
“ได้สติแล้วเหรอพี่?”
“...??”
“ผมว่า...พี่อย่าเมาอีกเลยดีกว่าเนอะ ฮ่ะฮ่ะ”
ไม่งั้นโดนตำรวจจับเข้าสักวันแน่ ๆ
.
.
.
ไม่รู้ว่าติดใจอะไร...แต่ความรักมันก็ประหลาดอย่างนี้นั่นแหละ
.
.
.
.
.
.
.
หลัง ๆ มาพอเมาก็อยู่กับเจมส์ตลอด เลิกถอดเสื้อ แต่เปลี่ยนไปน้วยกันแทน...และก็จบลงด้วยการถอดเสื้อผ้าทั้งคู่นั่นแหละ(•‾⌣‾•)
สวัสดีฮะ ใกล้จะปีใหม่อีกแล้ว สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า มีความสุข สุขภาพแข็งแรง รวย ๆ เฮง ๆ กันนะครับผม
ความคิดเห็น