คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2 - เมื่อเรื่องราวของพวกเราเริ่มต้น
ในเคาน์เตอร์บาร์เล็กมุมหนึ่งของผับที่ไม่ห่างจากตัวเคาน์เตอร์ใหญ่สักเท่าไหร่และมองเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าของผับกำลังนั่งจ้องเขม่งไปทางนั้นอยู่
“มองขนาดนั้นไม่จับมัดไว้เลยล่ะครับ” เสียงแซวที่ดังมาเป็นระยะๆทำให้เอกเริ่มหน้ามุ่ย
“อะไรล่ะน้องพี พี่แค่มองเฉยๆ” เขากล่าวอย่างไม่ยอมรับหน้าด้านๆแถมยังหันไปกระดกเหล้าต่อ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นมองจ้องแก้วเหล้าแทน
พีเห็นดังนั้นเลยหันไปนินทากับเพื่อนร่วมงาน
“คนโสดมันมีอยู่สองบรรยากาศ” อยู่ๆก็พูดขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ยซะงั้น เล่นเอาเพื่อนทำหน้างงไปตามๆกัน
“บรรยากาศแรกจะเป็นประเภท ไม่ว่าเข้าถึงยากแค่ไหนแต่จีบได้แน่นอน ส่วนอีกบรรยากาศเป็นประเภท ต่อให้เข้าถึงง่ายแต่ก็จีบไม่ได้”
“ทำไมวะ”
“ยกตัวอย่างพี่เอก เฟรนด์ลี่ขนาดนั้น แต่จีบไม่ได้เลย...มันเหมือนแกมองใครอยู่ตลอดเวลา แม้จะแค่มองแก้วเหล้าเฉยๆ” พอมีชื่อคนขึ้นมา พวกเขาก็อ๋อกันทันทีว่ามันพูดถึงอะไร พอมองไปก็เห็นคนโดนพูดถึงกำลังนั่งเหม่อมองแก้วเหล้าไปอีก
รักเขาก็บอกเขาไปดิ้ พี่เอกกลายเป็นคนขี้กลัวขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รักแล้วจะไปบอกเลิกเขาทำเพื่อออ
แต่พอคนที่นินทาเงยหน้าขึ้นมาพวกเขาก็วงแตกกันทันที…
‘ทำอะไรกันน่ะ’ เอกหรี่ตาอย่างจับผิด...แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยไปไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะหันไปสนใจทางด้านเคาน์เตอร์ใหญ่อีกที...ความหลงไหลนี้ มันทิ้งไปได้ยากจริงๆ
.
.
.
“พี่เอก พี่เอก” พีเขย่าตัวเจ้าของผับที่อยู่ๆดันฟุบหลับไป ให้ตายสิ...มันลำบากนะเนี่ย
“มีอะไรน่ะน้องพี” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ห่าง ทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ และคนนั้นๆก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบาร์เทนเดอร์อันดับหนึ่งคนนั้น
ดูสายตาเป็นห่วงนั่นซี้! เหม็นความรักก!
“พี่เอกเมาหลับไปอะ สงสัยช่วงนี้เครียดหลายๆเรื่อง เศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วยมั้ง” พีว่า แม้จริงๆก็อยากบอกว่าเครียดเรื่องคนตรงหน้าเป็นหลักก็ตาม แต่เขาไม่ช่วยหรอก เชอะ คนมีคู่!
“อา...ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่พาแกกลับเอง” พีพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวกลับก่อนเนื่องจากทำงานเสร็จหมดแล้ว
เจมส์ถอนหายใจก่อนจะค่อยๆพยุงคนเมาให้เดินไปด้วยกัน ...ดีนะที่วันนี้เอารถตัวเองไปซ่อมแล้วติดรถเพื่อนมาพอดี
เขาเปิดประตูหลังพาคนเมาขึ้นไปนอน จัดท่าทางให้นอนสบายๆค่อยเดินไปขึ้นฝั่งคนขับแล้วขับรถตรงไปบ้านเจ้าของมัน
ขับมาไม่นานก็ถึงเนื่องจากมันไม่ได้ไกลจากที่ผับมากนัก เจมส์ขับเข้าไปจอดในลานจอดดีๆพอดับเครื่องเรียบร้อยก็ลงรถมาหมายพาคนอายุมากกว่าเข้าบ้าน
“อือ...” แต่จู่ๆก็โดนคนเมาดึงเข้าไปจูบ รสชาติฝาดลิ้นและกลิ่นขมๆทำเอาขมวดคิ้ว ถ้าดื่มเองมันก็พอได้แต่ดันเป็นรสที่ติดมาอีกทีนี่ก็อีกเรื่องเลย
ลิ้นอีกฝ่ายพยายามมาวุ่นวายกับลิ้นของเขาไม่เลิกจนต้องตอบสนองไปในที่สุด ลิ้นดื้อๆนี่ต้องไล่ต้อนมันให้เข็ด แต่พอทำไปทำมานอกจากจะไม่ยอมหยุดมันยังเรียกอารมณ์แปลกๆได้อีกต่างหาก
มือของเจมส์เลื่อนลงไปที่เอวของคนอายุมากกว่าแล้วเค้นคลึงตามแรงอารมณ์...ก่อนในที่สุดเขาจะดึงตัวเองกลับมาอย่างยากลำบาก
“ให้ตายเถอะน่า...” ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆก่อนจะถอนหายใจ พยายามฉุดดึงคนตัวใหญ่ออกมาจากรถในที่สุด
“แค่กๆ อุก—ก!”
“ใจเย็นพี่เอก—!!” เขารีบพาอีกคนไปอ้วกดีๆ...หมดสภาพเลยจริงๆแฮะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอีกฝ่ายคงไม่มีทางได้ดื่มจนเมาขนาดนี้หรอก เพราะโดนเขาใช้สิทธิ์การเป็นแฟนห้ามไว้...คิดแล้วจะร้องไห้วะ…
ในที่สุดก็พาคนเมาเข้าบ้านมาได้สักที และใช้เวลาทุลังทุเลอยู่นานกว่าจะเปลี่ยนชุดให้ทำนู้นทำนี่ให้อีกฝ่ายนอนหลับได้สบายขึ้น...มีแอบจับนู้นนี่ไปนิดหน่อย แค่ขอเป็นค่าตอบแทนนิดนึง!
“เฮ้อ...กลับบ้านไม่ไหวแล้ว” ขอยืมโซฟานอนสักหน่อยละกัน
.
.
.
เอกลืมตาตื่นขึ้นในตอนเที่ยงใกล้บ่าย พร้อมกับอาการปวดหัวตุบๆเหมือนโดนทุบ...ไม่น่าเลยจริงๆ ดื่มไปเยอะขนาดนั้นทำไม แล้วเขากลับมาบ้านยังไง?
คิดไปคิดมาก่อนจะพยายามลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่น แล้วเดินออกจากห้องนอนเพื่อลงไปหาอะไรดื่มที่ห้องครัวชั้นล่าง… พอดีกับที่สังเกตเห็นคนคุ้นตานอนอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น
อา...รู้แล้วว่ากลับมาได้ยังไง เลิกกันไปแล้วยังสร้างความลำบากให้คนอื่นเขาอยู่นั่นแหละ จริงๆเลย…
แต่ว่า...มันก็อดดีใจไม่ได้จริงๆ
เอกเดินเข้าไปหาคนที่กำลังหลับแล้วย่อตัวลง...มือก็จิ้มหน้าผากคนนอนเล่น
“คิดถึงจัง”
“อืม...” เอกสะดุ้งผงะถอยจนชนขอบโต๊ะเล็กด้านหลัง ก่อนที่คนหลับจะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
“พี่เอก? ตื่นแล้วเหรอครับ...เป็นไงบ้าง? ปวดหัวมากไหม? ให้ผมออกไปซื้อยาหรือพวกน้ำแร่ให้ไหม?” เพิ่งตื่นและตัวเองก็เหนื่อยแท้ๆ ทำไมถึงต้องมาเป็นห่วงกันนัก ความคิดนั้นทำให้เอกมุ่ยหน้าอย่างไม่รู้ตัว
“ตัวเองก็เหนื่อยแท้ๆแถมยังต้องมาพาคนตัวใหญ่ๆอย่างพี่กลับมาบ้านอีก ห่วงตัวเองซะบ้างสิ!” เจมส์ยิ้มขำก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วโน้มหน้าเข้าไปสบตาใกล้ๆ มือก็เอื้อมไปยีผมยุ่งๆนั่นเบาๆอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับคนดี...” เอกหน้าขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้กับท่าทางของคนตรงหน้า ก่อนจะชะงักกันทั้งคู่ ทั้งเอกทั้งเจมส์เพิ่งนึกได้ว่าทำอะไรลงไป
เอกลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน ส่วนเจมส์ก็ผงะหลังไปติดโซฟา
“เอ่อ… อา กินข้าวไหม” แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปเลย เจมส์มองท่าทางเลิ่กลั่กของอีกฝ่ายที่ชวนสับสน แต่ในใจมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบลิงโลดอยู่เหมือนกัน
“ทำไหวเหรอครับ ไม่ปวดหัวเหรอ?”
“เรื่องนั้นเอง แค่นี้น่า จิ๊บๆ” ถ้าเจ้าตัวว่างั้นเขาก็โอเคพร้อมกับพยักหน้าตอบไป
คนอายุมากกว่าไปทำกับข้าวแล้วก็เหลือแค่เจมส์ที่นั่งโง่ๆอยู่ เมื่อไม่มีอะไรทำเขาก็มองไปรอบๆและสังเกต...มันไม่เปลี่ยนไปเลยหลังจากที่เขาย้ายออกไป
ทำไมกันนะ...แม้แต่ของที่ซื้อให้ก็ยังเก็บเอาไว้ เก็บเอาไว้ไม่เท่าไหร่ แต่เก็บแบบที่มันยังวางโชว์ไว้โดยไม่คิดจะเอาไปเก็บในกล่องหรืออะไรสักอย่างนี่ล่ะ ...รู้สึกถึงรสหวานในใจขึ้นมาแปลกๆ
แล้วจะทำไงดีวะเนี่ย เลิกกันไปสองเดือนแล้วแท้ๆ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนถูกทำให้มูฟออนเป็นวงกลมงี้วะ...ไหนจะท่าทางน่ารักๆนั่นอีก ให้ตายเหอะ!
สรุปแล้วเหตุผลจริงๆที่เราเลิกกันคืออะไรกันแน่...
เจมส์จ้องไปทางคนกำลังทำอาหารอยู่อย่างไม่ลดละ จะว่าไป...ใส่แค่บ็อกเซอร์ด้วยนี่ ขาแน่นๆนาบีบนั่น...อืม… แล้วตรูทำอะไรอยู่วะเนี่ย...
เอกรู้สึกขนลุกแปลกๆ...พอเหลือบมองไปก็เห็นคนนั่งอยู่ที่โซฟากำลังมองมา...ทำอะไรผิดเปล่าวะ แต่สายตามันก็แปลกๆอยู่นา…
กว่าจะเลิกจ้องได้ก็ทำเอาคนโดนจ้องทำผิดทำถูกไปหมด เกือบจะไม่ได้กินข้าวแล้วไหมล่ะ…
“อะ ไข่เจียวสูตรพิเศษ”
“ไม่ได้ใส่นมข้นใช่ไหมเนี่ย?” เจมส์ถามขำๆก่อนจะตักเข้าปาก อื้ม! อร่อยเหมือนเคย!
“...บ้าไง...เลิกทำแบบนั้นแล้วน่า” เมื่อก่อนเอกมักจะชอบลองทำอาหารแปลกๆหลายๆแบบแล้วก็เอามาเผื่อเจมส์กินด้วย แม้บางวันจะท้องเสียจนต้องลางาน...แต่ช่วงเวลานั้นมันก็มีความสุขมากจริงๆ
เอกยิ้มและเจมส์ก็ยิ้ม พวกเรายิ้มให้กันเหมือนกลับไปช่วงเวลานั้น...ช่วงเวลาที่แสนคิดถึงและแสนจะรักมันมากเหลือเกิน
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวใสๆ เน้นตีกับความรู้สึกล้วนๆ อาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก หวังว่าจะไม่เบื่อกันไปซะก่อนนะครับ
ความคิดเห็น