คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 9
กล้ากำลังจ้องเขม็งไปยังพี่เอกที่ตอนนี้เหมือนจะมีคนสองคนวนเวียนอยู่ใกล้ๆตลอด คนนี้ไปคนนั้นก็มาต่อ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันนักกันหนา...ก็พอจะเข้าใจว่าไม่ได้เจอกันนาน แต่ห่างกันมั่งไม่ได้รึไง! ฮึ่ม!
ส่วนทางด้านซีคกับเบสก็เหมือนจะรู้ตัว แต่ทำเป็นเมินเพราะอยากจะแกล้งเด็ก
“เนื้อหอมเหมือนกันนะ เพื่อนเราเนี่ย” เบสเป็นคนเปิดปากแซวขึ้น เอกหรี่ตาจับผิด ก่อนจะปฏิเสธไปว่ามันไม่เป็นแบบนั้นหรอก ก็แค่เด็กที่หวงพี่นั่นแหละ
ซีคสังเกตเพื่อนแล้วมองไปยังเด็กคนนั้น ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาลอยๆ
“แต่จะว่าไปเด็กนั่นก็คล้ายเจ้าเคลาส์อยู่เหมือนกัน” เอกชะงัก...ที่จริงก็แอบคิดอยู่ แต่พอเพื่อนเขาพูดขึ้นมาก็ดูเหมือนจะไม่ได้คิดไปเองจริงๆ คล้ายมาก...คล้ายจนรู้สึกกลัวเลยล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นคงเพราะความที่คล้ายกันมาก เขาถึงได้ไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิดที่เด็กนั่นมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
“ก็เหมือน…”
“เอาเถอะเพื่อน อย่าไปนึกถึงมันเลยอะไรผ่านไปแล้วมันก็คืออดีตแค่นั้น อย่าให้อดีตมันกลายเป็นปัจจุบันไปด้วยเลย” เบสพูดตัดแล้วอยู่ดีๆก็พากันเดินหายขึ้นไปชั้นสอง แต่พอเขาหันกลับมาก็เจอกล้าทำท่าทางลับๆล่อๆ...อา เข้าใจล่ะ
“เป็นอะไรกล้า?”
“เปล่าพี่...ผม...คือ ผมไม่กล้าเข้ามาคุยอะ” เอกแทบจะห้ามมุมปากไม่ให้ยกยิ้มไม่ได้ ท่าทางมันน่ารักจริงๆ แถมยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
“ผม…” แต่ก่อนจะได้พูดอะไรก็มีเสียงของพีตะโกนเรียกคนพี่ซะก่อน
“พี่เอก! มีคนมาหา!” กล้ากระพริบตาปริบๆทำหน้าเหมือนคนเอ๋อ ก่อนจะยิ้มแห้งๆแล้วหลีกทางให้ลูกพี่ของเขาไปดูแขกแต่โดยดี
เอกคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาถามเอาทีหลังก็ได้ จึงลุกออกไปดูว่าใครมากันแน่ เพราะแขกเขาชอบเป็นคนประเภทไม่น่าจะมาซะด้วย
“คุณมาร์ตี้?” ไม่น่ามาได้เลยจริงๆ แต่ก็ไม่เชิงน่าแปลกใจอะไร เมื่อเอกเปิดประตูออกมาเจอกับคนที่แม้จะทำหน้านิ่ง แต่ก็เป็นมิตรกว่าเพื่อนอีกฝ่ายที่ชอบมาหาเรื่องเขาตลอดไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุค
“สวัสดีครับ” เจ้าตัวทักทายก่อนจะยกยิ้มบางๆพร้อมกับยกตะกร้าผลไม้ชูขึ้นมาในระดับสายตา
และตอนนี้แขกก็เข้ามานั่งอยู่ในบ้านจนได้ เทียบๆกันแล้วคงเพราะอีกฝ่ายผอมมากทำให้ดูตัวเล็กไปเลย ถึงจะสูงได้มาตรฐานอยู่ก็ตาม
“ดูท่าจะหายดีแล้วนะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่เจ้าบ้านั่นไปสร้างเรื่องให้” มาร์ตี้ก้มหัวให้น้อยๆเป็นการขอโทษจากใจจริง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ติดใจอะไรหรอก...แล้วทางนั้น...เป็นยังไงบ้าง?” เอกตอบไปแล้วถามกลับ แต่ก็สังเกตเห็นอาการชะงักเล็กน้อยของคนที่นั่งตรงข้าม
“ก็...ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ” คำตอบออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ติดจะเหงาไม่น้อย
“พวกเราจะไปงานศพนะครับ”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ แค่นี้ก็ไม่รู้จะขอโทษยังไงแล้ว…” มาร์ตี้ทำหน้าลำบากใจ ขนาดสร้างเรื่องให้มากมายก็ยังโอส่าห์มีน้ำใจอีก
“ไม่เป็นไร มันสบายใจกว่าน่ะ” เอกยิ้มให้แก่อีกฝ่าย ไม่นับว่ามิตรภาพก็คงแปลก ถึงจะได้รู้จักกันเพราะมีคนสร้างเรื่อง แต่ก็นับว่าเป็นสหายที่ดีคนหนึ่ง
“ท่าทางเครียดน่าดู” พีพูดขึ้นขณะมองไปยังพี่ใหญ่ที่กำลังคุยอยู่กับแขก ถึงอีกฝ่ายนั้นจะมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พาเจ้าตัวเข้ามาในบ้าน
“ไม่คิดเลยนะว่าไอ้คนชอบหาเรื่องนั่นจะมีเพื่อนที่ดีแบบนี้” โปเต้ขอพูดแซะไปที ความหมั่นไส้ไม่เคยเป็นรองจิตใจที่ดีจริงๆ
“มันมากี่ครั้งเขาก็มาขอโทษแทนทุกครั้ง เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เทียบกันแล้วไอ้เจ้าบ้านั่นมันบ้าจริงๆนั่นแหละ” กล้ามองพี่แต่ละคนที่ผลัดกันด่า‘ไอ้บ้านั่น’อย่างไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พอจะเข้าใจว่า ไอ้บ้านั่น เนี่ย คือใคร คงเป็นคนที่ใช้เขาเป็นตัวประกันทำอะไรบ้าๆนั่นแหละ
“ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ” เจ้าตัวโค้งเล็กน้อยอย่างสุภาพคล้ายคุณชายน้อยที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เอกก็โค้งรับน้อยๆตามความเคยชิน...แม้ว่าจะนานมากแล้วก็ตาม
“เขาคงเป็นหนึ่งในอัลฟ่าแท้?” พีพูดขึ้นอย่างสงสัย
“ใช่ เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่เลยล่ะ” เรื่องราวเป็นพันๆปีผ่านมาก็ตั้งมากมาย มันมีเรื่องเยอะมากซะจนปวดหัวและจำได้ไม่หมด
ไม่กี่วันต่อมาก็เป็นวันงานศพของศัตรูในวันวาน อะไรก็ไม่แน่นอนจริงๆ เผลอเพียงพริบตาชีวิตก็ปลิดปลิวหายไปราวกับใบไม้ในช่วงฤดูหนาว
ฝนตกลงมาคล้ายโศกเศร้ากับการจากไปของคนๆนี้ หากแต่ว่าบางทีมันอาจจะแค่อยากปลอบใจ ให้ใครบางคนได้ร้องไห้ออกมาอย่างไร้สุ่มเสียงและไม่ต้องมีใครรับรู้
‘แปลกเหลือเกินที่นายยังมีชีวิตอยู่’ คำพูดจาถากถาง น่ารำคาญ แต่ผิดกับการกระทำที่แสนอ่อนโยน มาร์ตี้มักจะทำแผลในกับคนที่ซุกคนอย่าง‘เจ’อยู่เสมอ ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมาตลอด...แต่ทำไมกันนะ พวกเราถึงได้แสนเปราะบางขนาดนี้
ผู้คนค่อยๆทยอยกลับกันหมด จนกลายเป็นพื้นที่โล่งของสุสานอันเงียบเหงา แต่ก็ยังคงมีคนที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ
มาร์ตี้เหม่อมองไปยังหลุมศพและไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงนี้เลยแม้แต่น้อย...
.
.
.
.
ผ่านไปหลายเดือนอย่างเงียบสงบ กล้าดูจะเข้ากับพี่ๆทั้งสองได้แล้ว แต่ก็ยังคงไม่ชอบใจเวลาที่สองคนนั้นตัวติดกับลูกพี่เขาอยู่ดี
ไม่ว่าจะมองยังไงมือไม้นั่นก็น่ารำคาญไปหมดถึงจะเป็นแค่เพื่อนกันก็ตาม เกาะไหล่กอดคอกันเป็นเรื่องปกติ….ปกติ….
“เป็นอะไรรึเปล่ากล้า? ช่วงนี้เห็นมองแต่พวกพี่เขา” โปเต้ถามขึ้นเมื่อเห็นน้องเอาแต่มองไปทางนั้นไม่หยุดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่ว่าแปลกอยู่แล้วก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่
ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากตอบ กลับโดนพี่อีกคนขัดขึ้นมาซะก่อน
“ว่าแต่สีตากล้ามันเริ่มแปลกๆนะ ว่าไหม?” เจมส์พูดเมื่อสังเกตเห็นสีตาของน้องเริ่มเปลี่ยน แต่มันไม่ใช่สีเหลืองอำพันอย่างพวกเขาแน่ๆ ดูท่าว่าจะออกไปทางสีส้มเข้ม
“นั่นดิพี่ ผมเองก็เพิ่งเคยเห็น” พีพูดเสริมขึ้นอีกทีและเริ่มสังเกตสีตาคนน้องอย่างสงสัย กล้าเองก็ไม่รู้จะตอบอะไรเพราะเขาไม่รู้จริงๆ
“ทำอะไรกันน่ะเด็กๆ” พอพวกพี่สังเกตเห็นก็เดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าพวกนั้นพร้อมใจชี้ไปทิศทางเดียวกันอย่างดี
“ตา?”
“ใช่พี่ สีตาของกล้ามันแปลกๆ” พอมีคนพูดขึ้นเบสกับซีคก็ลองสังเกตดู ส่วนเอกกลับเฉยๆราวว่ารู้อยู่แล้ว
“กล้า...ยังไม่ได้ดื่มเลือดมนุษย์ไปสินะ?”
“คืออะไรครับ?” กล้าถามอย่างงงงวย...กินเลือดเนี่ยนะ?
“มันเป็นเหมือนการรับขวัญของหมาป่าใหม่หรือยังไงเนี่ยแหละ ถ้าใครได้รับรอยกัดแล้วรอด พวกอัลฟ่าก็จะให้เราดื่มเลือดไง” พีเป็นคนเริ่มอธิบาย ส่วนเจมส์กับโปเต้ก็พยักหน้าเสริมให้คำพูดนั้นเล็กน้อย
“อ้อ...พอดีว่าผมไม่ยอม พวกเขาก็เลยเริ่มล่าผม” พอนึกดูแล้วก็มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆ แต่ก็เหมือนว่าจะเป็นเรื่องดีๆที่ทำให้เขาได้เจอกับพวกพี่ๆนะ
“จะว่าดีหรือว่าไม่ดี มันก็แล้วแต่คนล่ะนะเรื่องนี้ น่าสนใจดีเหมือนกัน” เบสเอ่ยยิ้มๆ มันเหมือนได้รับพร แต่ก็คล้ายคำสาปอยู่นัยๆ ชีวิตที่ได้รับมาอย่างยาวนานก็อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่ายได้
“แต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็คงมีแขกมาเยี่ยมที่นี่อีก” ซีคพูดเสริม ทำให้เอกมีสีหน้ามืดครึ้มขึ้นมาทันที เขาเบื่อที่จะรับแขกแล้ว แถมคราวนี้ยังเป็นแขกตื้ออีกต่างหาก
พวกเด็กๆฟังทั้งสามคนคุยกันอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่คิดว่าเดี๋ยวคงได้รู้กันอยู่ดี ถึงได้แยกย้ายไปหาอะไรทำต่อ
“พี่เอก” อยู่ๆกล้าก็เรียกขึ้นมาซะเฉยๆ
“ว่าไงกล้า”
“ผมอยากกินปลากระพงทอดน้ำปลาจัง”
….
.
.
.
“เหมือนจะมีเด็กเกิดใหม่นะครับ”
“แต่ก็ใช่ว่าจะพามาได้ง่ายๆ”
“ดันอยู่ในอาณาเขตของคนหัวดื้อแบบนั้นซะได้”
“....”
“เอาเถอะ คงทำได้แค่ไปทักทายนั่นแหละ”
“แค่นั้นก็พอแล้ว”
หนทางของความรักยังคงอีกยาวไกล เรื่อยๆเอื่อยๆมากตอนนี้ รอกันต่อไปครับ…
ที่อัพช้าบางทีก็ไม่ใช่ว่าแต่งไม่จบ แต่มันขี้เกียจแก้คำผิดครับ... อยากจะรับคนมาช่วยแก้นะ แต่ด้วยความที่ชอบแต่งตอนง่วง จึงชอบมีประโยคแปลกๆทำให้ต้องแก้ทั้งประโยคบ่อย...ขออภัยในความล่าช้าด้วยครับ
ต่อจากนี้เวลาจะอัปเดทก็จะติดแค่แท็กฟิค #WeAreWWno1 ไม่ติดแท็กโพ หากมีอะไรพูดคุยก็สามารถเข้าไปส่องได้นะครับผม
หากผิดพลาดประการใดหรือคำผิดคำตกมากเกินไป ขออภัยด้วย
ความคิดเห็น