ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Secret Code WW #WeAreWWno1

    ลำดับตอนที่ #11 : 9

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 63




           กล้ากำลังจ้องเขม็งไปยังพี่เอกที่ตอนนี้เหมือนจะมีคนสองคนวนเวียนอยู่ใกล้ๆตลอด คนนี้ไปคนนั้นก็มาต่อ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันนักกันหนา...ก็พอจะเข้าใจว่าไม่ได้เจอกันนาน แต่ห่างกันมั่งไม่ได้รึไง! ฮึ่ม!


           ส่วนทางด้านซีคกับเบสก็เหมือนจะรู้ตัว แต่ทำเป็นเมินเพราะอยากจะแกล้งเด็ก


           “เนื้อหอมเหมือนกันนะ เพื่อนเราเนี่ย” เบสเป็นคนเปิดปากแซวขึ้น เอกหรี่ตาจับผิด ก่อนจะปฏิเสธไปว่ามันไม่เป็นแบบนั้นหรอก ก็แค่เด็กที่หวงพี่นั่นแหละ


           ซีคสังเกตเพื่อนแล้วมองไปยังเด็กคนนั้น ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาลอยๆ


           “แต่จะว่าไปเด็กนั่นก็คล้ายเจ้าเคลาส์อยู่เหมือนกัน” เอกชะงัก...ที่จริงก็แอบคิดอยู่ แต่พอเพื่อนเขาพูดขึ้นมาก็ดูเหมือนจะไม่ได้คิดไปเองจริงๆ คล้ายมาก...คล้ายจนรู้สึกกลัวเลยล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นคงเพราะความที่คล้ายกันมาก เขาถึงได้ไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิดที่เด็กนั่นมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ


           “ก็เหมือน…”


           “เอาเถอะเพื่อน อย่าไปนึกถึงมันเลยอะไรผ่านไปแล้วมันก็คืออดีตแค่นั้น อย่าให้อดีตมันกลายเป็นปัจจุบันไปด้วยเลย” เบสพูดตัดแล้วอยู่ดีๆก็พากันเดินหายขึ้นไปชั้นสอง แต่พอเขาหันกลับมาก็เจอกล้าทำท่าทางลับๆล่อๆ...อา เข้าใจล่ะ


           “เป็นอะไรกล้า?”


           “เปล่าพี่...ผม...คือ ผมไม่กล้าเข้ามาคุยอะ” เอกแทบจะห้ามมุมปากไม่ให้ยกยิ้มไม่ได้ ท่าทางมันน่ารักจริงๆ แถมยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด


           “ผม…” แต่ก่อนจะได้พูดอะไรก็มีเสียงของพีตะโกนเรียกคนพี่ซะก่อน


           “พี่เอก! มีคนมาหา!” กล้ากระพริบตาปริบๆทำหน้าเหมือนคนเอ๋อ ก่อนจะยิ้มแห้งๆแล้วหลีกทางให้ลูกพี่ของเขาไปดูแขกแต่โดยดี


           เอกคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาถามเอาทีหลังก็ได้ จึงลุกออกไปดูว่าใครมากันแน่ เพราะแขกเขาชอบเป็นคนประเภทไม่น่าจะมาซะด้วย


           “คุณมาร์ตี้?” ไม่น่ามาได้เลยจริงๆ แต่ก็ไม่เชิงน่าแปลกใจอะไร เมื่อเอกเปิดประตูออกมาเจอกับคนที่แม้จะทำหน้านิ่ง แต่ก็เป็นมิตรกว่าเพื่อนอีกฝ่ายที่ชอบมาหาเรื่องเขาตลอดไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุค


           “สวัสดีครับ” เจ้าตัวทักทายก่อนจะยกยิ้มบางๆพร้อมกับยกตะกร้าผลไม้ชูขึ้นมาในระดับสายตา


           และตอนนี้แขกก็เข้ามานั่งอยู่ในบ้านจนได้ เทียบๆกันแล้วคงเพราะอีกฝ่ายผอมมากทำให้ดูตัวเล็กไปเลย ถึงจะสูงได้มาตรฐานอยู่ก็ตาม


           “ดูท่าจะหายดีแล้วนะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่เจ้าบ้านั่นไปสร้างเรื่องให้” มาร์ตี้ก้มหัวให้น้อยๆเป็นการขอโทษจากใจจริง


           “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ติดใจอะไรหรอก...แล้วทางนั้น...เป็นยังไงบ้าง?” เอกตอบไปแล้วถามกลับ แต่ก็สังเกตเห็นอาการชะงักเล็กน้อยของคนที่นั่งตรงข้าม


           “ก็...ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ” คำตอบออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ติดจะเหงาไม่น้อย


           “พวกเราจะไปงานศพนะครับ”


           “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ แค่นี้ก็ไม่รู้จะขอโทษยังไงแล้ว…” มาร์ตี้ทำหน้าลำบากใจ ขนาดสร้างเรื่องให้มากมายก็ยังโอส่าห์มีน้ำใจอีก


           “ไม่เป็นไร มันสบายใจกว่าน่ะ” เอกยิ้มให้แก่อีกฝ่าย ไม่นับว่ามิตรภาพก็คงแปลก ถึงจะได้รู้จักกันเพราะมีคนสร้างเรื่อง แต่ก็นับว่าเป็นสหายที่ดีคนหนึ่ง





           “ท่าทางเครียดน่าดู” พีพูดขึ้นขณะมองไปยังพี่ใหญ่ที่กำลังคุยอยู่กับแขก ถึงอีกฝ่ายนั้นจะมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พาเจ้าตัวเข้ามาในบ้าน


           “ไม่คิดเลยนะว่าไอ้คนชอบหาเรื่องนั่นจะมีเพื่อนที่ดีแบบนี้” โปเต้ขอพูดแซะไปที ความหมั่นไส้ไม่เคยเป็นรองจิตใจที่ดีจริงๆ


           “มันมากี่ครั้งเขาก็มาขอโทษแทนทุกครั้ง เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เทียบกันแล้วไอ้เจ้าบ้านั่นมันบ้าจริงๆนั่นแหละ” กล้ามองพี่แต่ละคนที่ผลัดกันด่า‘ไอ้บ้านั่น’อย่างไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พอจะเข้าใจว่า ไอ้บ้านั่น เนี่ย คือใคร คงเป็นคนที่ใช้เขาเป็นตัวประกันทำอะไรบ้าๆนั่นแหละ





           “ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ” เจ้าตัวโค้งเล็กน้อยอย่างสุภาพคล้ายคุณชายน้อยที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เอกก็โค้งรับน้อยๆตามความเคยชิน...แม้ว่าจะนานมากแล้วก็ตาม


           “เขาคงเป็นหนึ่งในอัลฟ่าแท้?” พีพูดขึ้นอย่างสงสัย


           “ใช่ เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่เลยล่ะ” เรื่องราวเป็นพันๆปีผ่านมาก็ตั้งมากมาย มันมีเรื่องเยอะมากซะจนปวดหัวและจำได้ไม่หมด


           ไม่กี่วันต่อมาก็เป็นวันงานศพของศัตรูในวันวาน อะไรก็ไม่แน่นอนจริงๆ เผลอเพียงพริบตาชีวิตก็ปลิดปลิวหายไปราวกับใบไม้ในช่วงฤดูหนาว


           ฝนตกลงมาคล้ายโศกเศร้ากับการจากไปของคนๆนี้ หากแต่ว่าบางทีมันอาจจะแค่อยากปลอบใจ ให้ใครบางคนได้ร้องไห้ออกมาอย่างไร้สุ่มเสียงและไม่ต้องมีใครรับรู้


           ‘แปลกเหลือเกินที่นายยังมีชีวิตอยู่’ คำพูดจาถากถาง น่ารำคาญ แต่ผิดกับการกระทำที่แสนอ่อนโยน มาร์ตี้มักจะทำแผลในกับคนที่ซุกคนอย่าง‘เจ’อยู่เสมอ ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมาตลอด...แต่ทำไมกันนะ พวกเราถึงได้แสนเปราะบางขนาดนี้


           ผู้คนค่อยๆทยอยกลับกันหมด จนกลายเป็นพื้นที่โล่งของสุสานอันเงียบเหงา แต่ก็ยังคงมีคนที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ


           มาร์ตี้เหม่อมองไปยังหลุมศพและไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงนี้เลยแม้แต่น้อย...



           .


           .


           .


           .



           ผ่านไปหลายเดือนอย่างเงียบสงบ กล้าดูจะเข้ากับพี่ๆทั้งสองได้แล้ว แต่ก็ยังคงไม่ชอบใจเวลาที่สองคนนั้นตัวติดกับลูกพี่เขาอยู่ดี


           ไม่ว่าจะมองยังไงมือไม้นั่นก็น่ารำคาญไปหมดถึงจะเป็นแค่เพื่อนกันก็ตาม เกาะไหล่กอดคอกันเป็นเรื่องปกติ….ปกติ….


           “เป็นอะไรรึเปล่ากล้า? ช่วงนี้เห็นมองแต่พวกพี่เขา” โปเต้ถามขึ้นเมื่อเห็นน้องเอาแต่มองไปทางนั้นไม่หยุดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่ว่าแปลกอยู่แล้วก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่


           ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากตอบ กลับโดนพี่อีกคนขัดขึ้นมาซะก่อน


           “ว่าแต่สีตากล้ามันเริ่มแปลกๆนะ ว่าไหม?” เจมส์พูดเมื่อสังเกตเห็นสีตาของน้องเริ่มเปลี่ยน แต่มันไม่ใช่สีเหลืองอำพันอย่างพวกเขาแน่ๆ ดูท่าว่าจะออกไปทางสีส้มเข้ม


           “นั่นดิพี่ ผมเองก็เพิ่งเคยเห็น” พีพูดเสริมขึ้นอีกทีและเริ่มสังเกตสีตาคนน้องอย่างสงสัย กล้าเองก็ไม่รู้จะตอบอะไรเพราะเขาไม่รู้จริงๆ


           “ทำอะไรกันน่ะเด็กๆ” พอพวกพี่สังเกตเห็นก็เดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าพวกนั้นพร้อมใจชี้ไปทิศทางเดียวกันอย่างดี


           “ตา?”


           “ใช่พี่ สีตาของกล้ามันแปลกๆ” พอมีคนพูดขึ้นเบสกับซีคก็ลองสังเกตดู ส่วนเอกกลับเฉยๆราวว่ารู้อยู่แล้ว


           “กล้า...ยังไม่ได้ดื่มเลือดมนุษย์ไปสินะ?”


           “คืออะไรครับ?” กล้าถามอย่างงงงวย...กินเลือดเนี่ยนะ?


           “มันเป็นเหมือนการรับขวัญของหมาป่าใหม่หรือยังไงเนี่ยแหละ ถ้าใครได้รับรอยกัดแล้วรอด พวกอัลฟ่าก็จะให้เราดื่มเลือดไง” พีเป็นคนเริ่มอธิบาย ส่วนเจมส์กับโปเต้ก็พยักหน้าเสริมให้คำพูดนั้นเล็กน้อย


           “อ้อ...พอดีว่าผมไม่ยอม พวกเขาก็เลยเริ่มล่าผม” พอนึกดูแล้วก็มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆ แต่ก็เหมือนว่าจะเป็นเรื่องดีๆที่ทำให้เขาได้เจอกับพวกพี่ๆนะ


           “จะว่าดีหรือว่าไม่ดี มันก็แล้วแต่คนล่ะนะเรื่องนี้ น่าสนใจดีเหมือนกัน” เบสเอ่ยยิ้มๆ มันเหมือนได้รับพร แต่ก็คล้ายคำสาปอยู่นัยๆ ชีวิตที่ได้รับมาอย่างยาวนานก็อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่ายได้


           “แต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็คงมีแขกมาเยี่ยมที่นี่อีก” ซีคพูดเสริม ทำให้เอกมีสีหน้ามืดครึ้มขึ้นมาทันที เขาเบื่อที่จะรับแขกแล้ว แถมคราวนี้ยังเป็นแขกตื้ออีกต่างหาก


           พวกเด็กๆฟังทั้งสามคนคุยกันอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่คิดว่าเดี๋ยวคงได้รู้กันอยู่ดี ถึงได้แยกย้ายไปหาอะไรทำต่อ


           “พี่เอก” อยู่ๆกล้าก็เรียกขึ้นมาซะเฉยๆ


           “ว่าไงกล้า”


           “ผมอยากกินปลากระพงทอดน้ำปลาจัง”


           ….



           .


           .


           .



           “เหมือนจะมีเด็กเกิดใหม่นะครับ”


           “แต่ก็ใช่ว่าจะพามาได้ง่ายๆ”


           “ดันอยู่ในอาณาเขตของคนหัวดื้อแบบนั้นซะได้”


           “....”


           “เอาเถอะ คงทำได้แค่ไปทักทายนั่นแหละ”


           “แค่นั้นก็พอแล้ว”
















           หนทางของความรักยังคงอีกยาวไกล เรื่อยๆเอื่อยๆมากตอนนี้ รอกันต่อไปครับ…


    ที่อัพช้าบางทีก็ไม่ใช่ว่าแต่งไม่จบ แต่มันขี้เกียจแก้คำผิดครับ... อยากจะรับคนมาช่วยแก้นะ แต่ด้วยความที่ชอบแต่งตอนง่วง จึงชอบมีประโยคแปลกๆทำให้ต้องแก้ทั้งประโยคบ่อย...ขออภัยในความล่าช้าด้วยครับ


           ต่อจากนี้เวลาจะอัปเดทก็จะติดแค่แท็กฟิค #WeAreWWno1 ไม่ติดแท็กโพ หากมีอะไรพูดคุยก็สามารถเข้าไปส่องได้นะครับผม


           หากผิดพลาดประการใดหรือคำผิดคำตกมากเกินไป ขออภัยด้วย




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×