ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {FiC Baramos}ฟิค:บารามอส[[OnCE UpOn]] จากวันนั้น...ถึงวันนี้

    ลำดับตอนที่ #5 : Episode 2 MiSTLeToe แห่งความทรงจำ(ตอนที่ 3)

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 51


    Episode 2 Mistletoe แห่งความทรงจำ ตอนที่ 3

     

    คุณมาทิลด้าคะ มาพอดีเลยรีบอาบน้ำนะคะ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยแต่งตัวให้ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้อง เสียงของเพื่อนสาวร่วมห้องนามเรนอนก็ดังขึ้น

     

    อยู่นิ่งๆหน่อยสิเฟริน ถ้าฉันแต่งหน้าพลาดขึ้นมาไม่สวยด้วยไม่รู้นะ...ยัยจอมยุ่งแองจี้เอ่ยขณะทาปากให้เพื่อนสาวอีกคน

     

    มาทิลด้ามองสภาพห้องที่เรียกว่า เอ่อ...ยุ่งเหยิงจากการจับยัยจอมยุ่ง ของแองจี้แต่งตัวให้เหมาะสมกับการเป็นเจ้าหญิง เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างร่างกาย

     

    ขณะที่เธอกำลังแช่อยู่อ่างน้ำซึ่งผสมเครื่องหอมกลิ่นอ่อนๆที่เพื่อนสาว 2 คนในห้องเตรียมไว้ให้ เธอก็หวนคิดไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เธอพานพบในช่วงนี้ เธอทั้งเหนื่อยทั้งอ่อนล้า แม้แต่เครื่องหอมเหล่านี้ก็ไม่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด....แม้แต่สักนิดเดียว

     

    ความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อกลางวัน เริ่มตั้งแต่ที่ชายหนุ่มผลักเธอออกทันทีที่เธอเซล้มไปสัมผัส ไหนจะเมื่อตอนกลางวันที่ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป มาทิลด้าคิดกลับไปกลับมาอย่างสับสน เธอบอกไม่ได้ว่าทำไมเธอจึงรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้ และก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม..โร เซวาเรส จึงมาคอยแวะเวียนอยู่ใกล้ๆเธอ ทั้งๆที่ไม่ได้พิสวาสอะไร...ในตัวของเธอเลย

     

    เฮ้อ....”มาทิลด้าถอนหายใจกับเรื่องหนักสมองนี้ เธอส่ายหัวไปมาสองสามที เพื่อสลัดความความเศร้าออกไปพร้อมๆกับความคิดอันยุ่งเหยิงในหัวของเธอ

     

    มาทิลด้าเดินเข้าไปหาเพื่อนสาวทั้ง 3 ในชุดสีครีมแบบนางกำนัล เธอนั่งข้างหน้าเรนอน ก่อนจะเอ่ย

     

    ช่วยทำผมให้ฉันหน่อยนะ เธอก็รู้เรื่องทำผมเนี่ยไม่ใช่เรื่องถนัดของฉันสักเท่าไหร่มาทิลด้าเอ่ยก่อนจะยิ้มให้เพื่อนสาว

     

    ค่ะ เรนอนรู้แล้วล่ะค่ะ นี่ก็รอคุณมาทิลด้าอยู่ เรื่องผมนี่ ฉันจัดการให้เองนะคะสาวน้อยผู้มีเรือนผมสีม่วงมองเพื่อนสาวอย่างยิ้มๆ ก่อนจะลงมือทำหน้าที่ของตน

     

    มาทิลด้า...เรนอน ฉันกับเฟรินไปก่อนนะ จะไปเลือกหน้ากากให้เฟริน...ท่านเจ้าน่ะส่งมาให้เยอะแยะเลยแองจี้ เด็กสาวผู้มีเรือนผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยก่อนจะพา(ลาก)เจ้าหญิงสองดินแดนออกไป

     

    มาทิลด้าแต่งหน้า แต่งตัวจนเสร็จ เธอหยิบหน้ากากที่ขึ้นมาสวมแล้วมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง มาทิลด้ายิ้มอย่างพอใจ เธอมองนาฬิกาที่แขวนไว้ที่ผนังห้อง

     

    “6 โมงแล้วเธอพึมพำก่อนจะนั่งลงบนเตียงพร้อมๆกับที่เพื่อนสาวออกมาจากห้องน้ำ

     

    “6 โมงแล้ว เรนอนเธอเอ่ยบอกเพื่อนสาวคนดังกล่าว

     

    ถึงเวลาแล้วหรือคะ...เดี๋ยวขอเรนอนหยิบหน้ากากแป๊บหนึ่งนะคะเธอกล่าวก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าออก ค้นอะไรอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะปิดตู้ในมือถือหน้ากากสีสวย แล้วเดินตรงมาหาเพื่อนรัก

     

    “ฉันพร้อมแล้วค่ะ ไปกันเถอะค่ะ”เรนอนเอ่ยก่อนจะจูงมือมาทิลด้าออกมาจากห้อง

     

    ป้อมอัศวินบัดนี้ถูกประดับประดาให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาส ถึงแม้มาทิลด้าจะเป็นคนคุมการจัดสถานที่เอง แต่เธอก็ยังอดทึ่งไม่ได้กับความสวยงามของงาน

     

    ชาวป้อมอัศวินต่างแต่งตัวเป็นตัวละครต่างๆไม่ว่าจากตำนาน หรือนิทานหลอกเด็กที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาส แต่ที่สำคัญทุกๆคนไม่ลืมที่จะใส่หน้ากากมาเพื่อไม่ให้คนในงานรู้ว่าตัวเองเป็นใคร…

     

    ในงานถูกประดับประดาด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และของตกแต่งที่เน้นโทนเขียวแดง และที่ขาดไม่ได้สำหรับป้อมอัศวินก็คือของกิน กลางงานมีโต๊ะตัวยาวที่เต็มไปด้วยอาหารวางติดกันถึง 2 โต๊ะ บนโต๊ะนั้น มีทั้งของคาว และของหวาน

     

    มาทิลด้าและเรนอนเดินเข้าไปในงานพร้อมๆกัน เธอทั้งสองเป็นจุดสนใจของคนทั้งป้อมทันที เพราะหน้ากากที่เธอสวมใส่นั่นเองที่ทำให้สายตาของเหล่าชายหนุ่มรวมทั้งหญิงสาวทั้งหลายมองมาด้วยความสงสัยและอยากรู้ (อ้อ...อาจเป็นเพราะป้อมนี้มีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนก็เลยอยากรู้เป็นพิเศษมั้ง)

     

    แต่มาทิลด้าหาได้ใส่ใจกับคนรอบข้างไม่ เธอเดินตรงเข้าไปหากลุ่มคนที่น่าจะเป็นเพื่อนของเธอทันที

     

    แองจี้...มาทิลด้าเรียกหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดซานตี้หรือซานตาคลอสผู้หญิง และสวมหน้ากากขนนกสีขาวบริสุทธิ์

     

    มาทิลด้า....มาพอดีเลย ดูสิเฟรินพอแต่งตัวแบบผู้หญิงแล้วสวยมากๆเลยแองจี้เอ่ยพลางจับเพื่อนสาวอีกคนหมุนรอบตัวเองให้มาทิลด้าและเรนอนดู

     

    อืม....สวยจริงๆด้วยค่ะเรนอนว่า

     

    ใช่...เพิ่งรู้นะว่าเธอสวยมากมาทิลด้าเอ่ย

     

    พวกเธอนี่ท่าจะบ้านะ มาชมกันเองอยู่ได้ อย่างว่าแหละ....พวกผู้หญิงสาวน้อยเรือนผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำตาลเอ่ย ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ

     

    แล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงหรือไงยะเจ้าของเรือนผมสีทองว่า

     

    ในขณะที่หญิงสาวทั้ง 4 คนกำลังสนทนากันอยู่นั่นเอง เสียงดนตรีคลาสสิกก็ถูกบรรเลงขึ้น

    .......................................................................................................50%(ล่ะมั้ง)..............................................................................

    เฟริน....ให้เกียรติเต้นรำกับฉันนะเสียงเย็นๆดังขึ้นพร้อมๆกับที่เจ้าของเสียงโค้งตัวลงตรงหน้าเจ้าหญิงสองดินแดน

     

    อืมเธอตอบรับย่อเข่าแล้วยื่นมือไปจับแขนอีกฝ่ายก่อนที่จะเดินเข้าฟลอเต้นรำไปด้วยกัน

     

    เอ่อ.....เรนอนครับ เอ่อ...เต้นรำ เอ่อ...เต้นรำกับ

     

    ตกลงค่ะไม่รอให้จบประโยคเรนอนก็ชิงตอบตกลงเสียก่อนแล้วพา(ลาก)เพื่อนหนุ่มออกไป

     

    แองจี้...เต้นรำกับฉันหน่อยนะคนที่ได้ชื่อว่าบุรุษตาเดียวโค้งตัวให้กับแม่มดสาวเช่นกัน มาทิลด้ามองเพื่อนรักด้วยแววตาล้อเลียน ก่อนที่จะหม่นลงอย่างอิจฉาและ....เสียใจ

     

    เขาคงไม่มาขอเธอเต้นรำหรอกมาทิลด้าคิดอย่างน้อยใจ

     

    เฮ้อเธอถอนหายใจอย่างปลงๆ

     

    ถอนหายใจที่ไม่มีคนมาขอเต้นรำหรือไงเสียงกวนประสาทดังขึ้น แววตาของหญิงสาวมีประกายแห่งความปิติเมื่อมองหน้าชายหนุ่ม แต่เธอก็รีบซ่อนความรู้สึกแล้วเอ่ยกลับไปว่า

     

    เปล่าซะหน่อย

     

    งั้นฉันจะช่วยเต้นรำเป็นเพื่อนเอาไหมหญิงสาวยังไม่ได้ทันตอบรับหรือปฏิเสธชายหนุ่มก็จับมือเธอพาเดินเข้าไปในฟลอเต้นรำทันที

     

    เธอแต่งเป็นอะไรน่ะ มาทิลด้าโรถามพลางกระชับอ้อมแขนให้มากขึ้น

     

    นางกำนัลดาร์ลเรียลมาทิลด้าตอบพลางพยายามดิ้นเพื่อให้ชายหนุ่มคลายอ้อมแขน แต่ก็ไม่เป็นผลสักนิดเดียว

     

    บังเอิญดีนะ...ฉันเองก็แต่งเป็นอัศวินซีรัสในตำนานนี้เหมือนกันโรเอ่ยแล้วมองหน้ามาทิลด้า

     

    ใช่สิ...ยังไงดาร์ลเรียลก็ไม่มีวันได้ใจของอัศวินซีรัสอยู่แล้วมาทิลด้านึกแล้วหัวเราะเยาะตัวเองในใจ

     

    แล้วก็บังเอิญที่เฟริน กับคาโลแต่งเป็นเจ้าหญิงเอเธอร์รีนกับเจ้าชายอีสเตอร์โรพูดอย่างเหม่อลอย มาทิลด้าช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้า เพียงแค่เห็นแววตาที่แสนเศร้าของเขาเท่านั้น เธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย... เธอกำลังทำร้ายหัวใจตัวเองมากยิ่งขึ้น จนมันใกล้จะด้านชาเต็มทนแล้ว

     

    ก็อย่างว่า เจ้าหญิงต้องคู่กับเจ้าชาย...จริงไหมโรเอ่ยราวกับไม่รู้สึกอะไรตรงข้ามกับแววตาเมื่อครู่ พลางก้มลงมองหน้ามาทิลด้า

     

    นาย...มาทิลด้าพึมพำเบาๆพลางมองหน้าชายหนุ่ม

     

    ไม่ต้องมามองฉันอย่างนั้นหรอกมาทิลด้า...เจ้าหญิงคู่เจ้าชาย เพราะฉะนั้นนางกำนัลอย่างเธอก็ต้องคู่กับอัศวินอย่างฉันโรเอ่ยต่อ กระชับอ้อมแขนอีกครั้ง

     

    คบกับฉันนะมาทิลด้าโรเอ่ยพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มาทิลด้ามองหน้าโรอย่างไม่เข้าใจ เธอปรับอารมณ์ตามชายหนุ่มไม่ทัน เมื่อครู่ยามพูดถึงเฟรินเขาเศร้าและอาลัยอาวรณ์ต่อเฟรินยิ่งนัก หากแต่อีกไม่กี่ประโยคถัดมากลับมาขอเธอเป็นแฟน เขา... เขาคิดอะไรกันแน่เนี่ย

     

    พลั่ก!

     

    หญิงสาวผลักโรล้มลง ก่อนจะตะโกนใส่หน้าเขา จนคนทั้งงานหันมามอง

     

    ฉันไม่ใช่ตัวแทนของใคร...จำไว้ โร เซวาเรสว่าจบวิ่งหนีไปนอกงาน

     

    โรลุกขึ้นยืนก่อนจะสบถเบาๆว่า

     

    แล้วใครบอกว่าเห็นเธอเป็นตัวแทนใครเล่า

     

    ชายหนุ่มตามหญิงสาวออกมา เดินหาจนทั่วป้อมก็ไม่เจอ ตอนนี้งานก็เลิกแล้วแถมก็ดึกมากแล้วด้วย ความเป็นห่วงในตัวหญิงสาวจนยิ่งเพิ่มทวีคูณ เขาจึงตัดสินใจเดินกลับไปในห้องโถงป้อมอีกครั้ง

     

    ไฟทุกดวงดับสนิทเพราะงานเลิกแล้ว ทุกอย่างเงียบงันไว้การเคลื่อนไหว หากแต่มีเสียงสะอื้นของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่เพียงคนเดียงให้ห้องแห่งนี้

     

    โรเดินเข้ามาให้ห้องโถง เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาว ก็พยายามมองหา ทันทีที่เห็นหญิงสาวที่เขาตามหา เขาก็วิ่งเข้าไปสวมกอดเธออย่างดีใจและคลายความกังวลลง

     

    มาทิลด้าอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เธอไม่คิดว่าเขาจะตามเธอมา และยิ่งไม่คิดว่าเขาจะกอดเธอด้วยความเป็นห่วงอย่างนี้ นั่นทำให้เธอโยนอยู่นิ่งๆปล่อยน้ำตาให้ไหลหลั่งอยู่กับอกแกร่งของชายหนุ่ม

     

     นายทำอย่างนี้ทำไม ทำไมต้องทำให้ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้น ทำไมต้องเอาฉันไปเป็นตัวแทนของคนอื่นหลังจากที่ร้องไห้อยู่สักพัก มาทิลด้าก็เริ่มโวยวายใส่พลางใช้สองมือทุบชายหนุ่มอย่างไม่ยั้งมือ

     

    โอ๊ย...ใจเย็นก่อนมาทิลด้าโรแสร้งร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนจะยึดมือทั้ง 2 ข้างของหญิงสาวไว้

     

    ฉันยอมรับว่าตอนแรกที่เข้ามาใกล้เธอ เป็นแค่เพียงอยากให้เฟรินสบายใจ ไม่คิดมากเรื่องของฉันโรเริ่มพูด

     

    แต่ตอนนี้น่ะ ไม่แล้วคำพูดนี้ทำให้มาทิลด้าเงยหน้าขึ้นมองโร

     

    ถึงฉันจะยอมรับว่ายังลืมเฟรินไม่ได้ 100%”คำๆนี้ทำให้มาทิลด้ารู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก

     

    แต่ฉันรู้ตัวดีว่าตอนนี้ในหัวใจฉันกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนหัวใจฉันไม่เคยมีใครเลยในหัวใจนอกจากเฟริน แต่ตอนนี้ในหัวใจฉันที่ของเฟรินค่อยๆลดลง และมีอีกคนเข้ามาแทนที่ คนๆก็คือเธอยังไงล่ะ...มาทิลด้า

     

    ในตำนาน....อัศวินซีรัสไม่ได้รับรักดาร์ลเรียล จนทำให้เธอเสียใจมาก ส่วนตัวอัศวินเองก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตโรเอ่ยพลางจ้องเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวอย่างมีความหมาย จนทำให้หญิงสาวต้องก้มหน้าลงหลบสายตาอย่าเขินอาย

     

    โรใช้มือเชยคางของมาทิลด้าขึ้นเพื่อให้เธอมองหน้าเขา ก่อนจะพูดประโยคถัดไป

     

    แต่ในชีวิตจริง....ฉันจะไม่ยอมทำพลาดเหมือนกับซีรัส มาทิลด้า ....ฉันขอพูดประโยคนี้อีกครั้ง คบกับฉันนะ มาทิลด้า

     

    นาย....คิดว่าฉันรักนายแล้วจะตอบตกลงง่ายๆหรือ ฉันไม่คิดจะคบกับคนที่ไม่ได้รักฉันหรอกนะมาทิลด้าเอ่ยบ้าง

     

    ฉันจะไม่พูดคำว่ารักในตอนนี้มาทิลด้าคำพูดนี้ เป็นอีกคำที่ทำให้มาทิลด้าเริ่มเสียใจ

     

    คำว่ารักมันศักดิ์สิทธิเกินกว่าจะพูดพร่ำเพรื่อ ฉันจะพูดคำว่ารักกับเธอก็ต่อเมื่อ ถึงวันที่ฉันมั่นใจว่าหัวใจของฉันมอบให้เธอจนหมด ถ้าถึงวันนั้นแล้ว เธอก็มั่นใจได้ว่าฉันได้รักเธอจริงๆ ไม่มีการโกหกหลอกลวงใดๆทั้งสิ้น

     

    มาทิลด้า...คบกับฉันนะครั้งที่ 3 แล้วที่เขาพูดคำนี้ เขาอยากจะย้ำให้เธอมั่นใจถึงควงามตั้งใจของเขา เขาไม่ได้ต้องการเธอมาแทนใครแต่เขาต้องการจะรับเธอเข้ามาในจิตใจที่เริ่มเปิดประตูขึ้นมาอีกครั้ง

     

    งั้น....ฉันตกลงโรยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเจ้าเล่ห์จนมาทิลด้าเริ่มไม่ไว้วางใจ

     

    เธอรู้ไหมว่าตัวเองนั่งอยู่ที่ไหนเขาถาม

     

    ก็ห้องโถงป้อมไงเธอตอบอย่างพาซื่อ

     

    ก็ใช่ แต่เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองนั่งอยู่ใต้มิสเซิลโทลมาทิลด้าทำหน้างง อย่างสงสัย

     

    เธอเอามิสเซิลโทลมาแขวนโดยไม่รู้ความหมายเลยหรือโรถาม เมื่อมาทิลด้าพยักหน้า โรจึงตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     

    ตามตำนานว่ากันไว้ว่า...หากชายหญิงยืนอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทลในคืนวันคริสต์มาส ชายหนุ่มจะสามารถจูบหญิงสาวได้โดยเธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืนจบประโยค โรโน้มใบหน้าลงสัมผัสริมฝีปากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาและอ่อนหวาน ก่อนจะกระซิบข้างๆหูเธอว่า

     

    “My Darling….Matilda Silver”

     

    ความรักของฉันและเขาในตอนนี้ เปรียบเสมือนสายน้ำที่ไหลผ่านสร้างความชุ่มชื้นให้หัวใจกันและกัน ถึงแม้เขาจะไม่เอ่ยคำว่ารักออกมา แต่สำหรับฉันแล้ว แค่ในเศษเสี้ยวของหัวใจเขา เปิดรับฉันเข้าไปบ้าง เพียงแค่นี้...ก็พอ

     

    ...................................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×