คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Episode 2 MiSTLeToe แห่งความทรงจำ(ตอนที่ 2)
Episode 2 Mistletoe แห่งความทรงจำ ตอน 2
เคยมีตำนานกล่าวขานถึงอัศวินหนุ่มผู้หาญกล้าหลงรักเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ของบ้านเมืองตนเอง อัศวินซีรัสได้แต่เฝ้ามองเจ้าหญิงเอเธอร์รีนผู้เป็นที่รัก
แต่น่าสงสารอัศวินหนุ่มยิ่งนัก เจ้าหญิงแสนงามกลับมีคนรักเป็นเจ้าชายอีสเตอร์ซึ่งเป็นเจ้าชายจากดินแดนตะวันออก และงานอภิเษกกำลังจะมีขึ้นในเร็ววัน
ซีรัสได้แต่เฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ เขาไม่ได้รับรู้ถึงดวงตาอีกคู่ที่คอยดูเขาอยู่ ดาร์ลเรียล นางกำนัลคนสนิทของเจ้าหญิงเองก็หลงรักซีรัสอยู่ นางไม่ได้รับรู้เลยว่าซีรัสชายหนุ่มผู้นั้นได้หลงรักนายเหนือหัวของเธออยู่นั่นเอง
ในคืนวันคริสต์มาสคืนวันอภิเษกของราชนิกุลทั้งสอง นางกำนัลดาเรียลได้นัดซีรัส ที่กำลังมีหัวใจที่ปวดร้าวออกมา เธอบอกรักเขาด้วยท่าทีที่เขินอายอย่างยิ่ง ผิวหน้าของเธอระเรื่อ และสะท้อนแสงจันทร์นวลดั่งมนต์สะกด แต่อนิจจาอัศวินหนุ่มที่เจ็บปวดเพราะความรัก ไม่สามารถรับใครเข้ามาในใจได้อีก
แน่นอนว่าเขาปฏิเสธเธอด้วยท่าทีที่เย็นชายิ่งนัก หลอกนางกำนัลที่หลงรักเขาว่า เขามีคนที่รักแล้ว และกำลังจะแต่งงานกัน ดาร์ลเรียลได้ยินดังนั้น ก็ไม่อาจฝืนทนอยู่ต่อไปได้ เธอได้แต่วิ่ง....วิ่ง....วิ่ง....วิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย....
จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าผาแห่งหนึ่ง หิมะที่โปรยปรายมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ได้ทำให้นางกำนัลผู้น่าสงสารหนาวเหน็บ เพราะเพียงเท่านี้หัวใจของเธอก็เหมือนดินแดนหิมะเสียแล้ว เธอได้แต่ยืนร่ำไห้อยู่เช่นนั้นท่ามกลางหิมะที่ร่วงลงมาไม่ขาดสาย
จวบจบอรุณรุ่งเริ่มบังเกิดอีกครั้ง ทันทีที่แสงสุริยันแรกอาบผิวของเธอ ดาร์ลเรียลก็ปลดปล่อยพันธนาการแห่งผืนพิภพ ร่างของเธอดำดิ่งสู่เหวที่ลึกไร้ซึ่งแสงสว่าง แม้ในขณะที่เธอตกลงไปริมฝีปากของเธอก็พร่ำเรียกหาแต่ซีรัส และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำ เปรียบดั่งคำอาลัยรักครั้งสุดท้าย ที่เธอมีให้กับเขานั่นเอง
ที่พระราชวังเจ้าหญิงเอเธอร์รีนตามหานางกำนัลคนสนิทที่เปรียบเสมือนพี่น้องไปทั่ว เจ้าหญิงแสนงามเริ่มหวั่นใจเมื่อไม่พบเจอข้าหลวงสาว เธอสั่งให้ทหารออกตามหาดาร์ลเรียลไปทั่ว แต่ไม่มีใครพบ
ข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงหูซีรัส เขาที่ได้สติมาอีกครั้งรู้สึกผิดและเฝ้าตามหาหญิงสาวที่รักเขาดั่งดวงใจ ในที่สุดเขาก็ไปถึงหน้าผาแห่งนั้น ไม่มีสิ่งใดยืนยันได้เลยว่าดาร์ลเรียลเป็นเช่นไร มีเพียงต้นไม้ต้นเล็กที่ขึ้นบริเวณนั้นต้นเดียวเท่านั้น อัศวินหนุ่มมิได้ร้องไห้ สิ่งที่บ่งบออกความเศร้าของเขา มีแต่ดวงตาที่เศร้าสร้อย ซีรัสนำต้นไม้ต้นนั้นไปปลูก เรียกมันตามนามสกุลของหญิงสาว
เมื่อรุ่งอรุณฉายแสงเขามักมองดูดวงตะวันสีทอง พร้อมบอกด้วยเสียงกระซิบฝากสายลมไปถึงดาร์ลเรียล “ขอโทษที่ข้าไม่อาจรับรักเจ้าได้ My Darling
Darlrail Mistletoe”
“มาทิลด้า มาทิลด้า มาทิลด้า”ตลอด 3-4 วันมานี้เสียงนุ่มๆที่คุ้นเคยตามหลอกหลอน เอ้ย...คอยมาดังอยู่ข้างหูบ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน
“อะไร”เธอตอบรับแต่ไม่หยุดเดิน
“จะรีบไปไหนเนี่ย”โรถามแล้วฉุดมือมาทิลด้าไว้ให้หยุดเดิน แต่ผลที่ได้คือ ร่างบางเซล้มลงไปซบกับอกกว้างของชายหนุ่ม
“ขอโทษ”โรผลักมาทิลด้าออกอย่างต้องของร้อน แทนที่มาทิลด้าจะอาย กลับกลายเป็นโกรธ ใช่ เธอโกรธที่เขาทำท่าราวกับรังเกียจเธอหนักหนา ถ้าอย่างนั้นที่เขามาตามตอแยเธออยู่นี่ เขาต้องการอะไรกันแน่ล่ะ...
“ว่าไงจะไปไหน”เขายังไม่เลิกถาม
“ไปประชุมเรื่อง คอนเซปงานคริสต์มาส”เธอตอบแล้วเดินต่อไป
“ฉันไปด้วยได้ไหม”โรถาม
“อยากไปก็ไปสิ”จบประโยคมาทิลด้าก็เดินต่อไปโดยไม่สนใจโรอีกเลย
“ตกลงว่าคอนเซปงานเป็นคริสต์มาสหน้ากาก เอาล่ะจบการประชุม”โรเวนเอ่ยแล้วลุกขึ้นยืนเดินออกนอกห้องไป
คริสต์มาสหน้ากาก เป็นชื่อคอนเซปที่คิดขึ้นโดยชั้นปี 3 ลักษณะคือ การแต่งตัวเป็นอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสแต่ที่สำคัญคือจะต้องมีหน้ากาก
“นี่ๆ มาทิลด้า เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน”โรเอ่ยชวนทันทีที่มาทิลด้าลุกขึ้นยืน
“นายจะกินก็ไปกินสิ”มาทิลด้าเอ่ยโดยไม่มองหน้าโร แล้วเดินออกจากห้องไป โรจึงต้องเดินแกมวิ่งตามมาทิลด้าจนทัน
“ก็ฉันไม่อยากกินคนเดียว”โรตอบ
“นายก็ไปกินกับพวกกัสสิ”มาทิลด้าเอ่ยเสียงเรียบสายตายังคงมองไปแต่ข้างหน้า
“ป่านนี้ไอพวกนั้นกินกันเสร็จแล้ว เธอไปกินเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ”โรอ้อนโดยไม่ได้สังเกตสังกาสักนิดว่าคนที่คุยด้วยนั้นอยู่ในอารมณ์แบบไหน
“ฉันจะไปทำงาน”มาทิลด้าตอบเสียงกระชาก
“งั้นฉันไปทำด้วย”โรเอ่ยแล้วเดินผิวปากตามมาทิลด้าไปโดยไม่พูดอะไรอีก
“อ้าวโร...”เสียงหวานๆเอ่ยทักชายหนุ่ม โรชะงักเท้าทำให้คนที่เดินนำอยู่หันไปมอง
“เฟริน...คาโล”โรเอ่ยเสียงเบาราวกับกระซิบกับตัวเอง
“นายกินข้าวหรือยัง”เฟรินถามต่อ
“ยัง...”โรตอบ
“งั้นไปกินด้วยกันไหม”ไม่รอให้เฟรินพูดจบดี โรก็สวนกลับไปว่า
“ไปสิ”สายตายามที่โรมองเฟรินไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคิดอะไร เธอมองโรด้วยความสับสน ยิ่งเมื่อเห็นเดินจากไปโดยไม่ลาทั้งที่เมื่อนาทีที่แล้วเขายังสัญญาว่าจะช่วยเธอทำงานอยู่เลย แล้วอย่างนี้ การที่เขาเข้ามาตอแยเธอน่ะตกลงแล้ว เขาทำเพื่ออะไร คิดถึงความรู้สึกของเธอบ้างหรือเปล่า....
...............................................................................................25%...............................................................................................
“มาทิลด้า ฉันซื้อนี่มาฝาก”แองจี้ยื่นแซนวิชมาให้เพื่อนสาว
“ขอบใจ”มาทิลด้าเอ่ยยิ้มแห้งๆให้เพื่อนรัก เนื่องจากอารมณ์ของเธอในตอนนี้ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
“เป็นอะไรหรือเปล่า”แองจี้พูดต่อแล้วนั่งลงข้างๆมาทิลด้าที่กำลังเขียนป้ายที่จะใช้ในงานคริสต์มาสอยู่
“เปล่านี่...ไม่เป็นไร”มาทิลด้าตอบโดยไม่มองตาเพื่อน
“เราเป็นเพื่อนกันน้า มาทิลด้า มีอะไรก็ระบายให้ฉันฟังได้ แต่ถ้าไม่อยากเล่าให้ใครฟังก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันแค่...เป็นห่วง”แองจี้พูดแล้วเอื้อมมือไปแย่งแปรงสีมาจากมาทิลด้าแล้วทำงานแทน เป็นการบังคับกลายๆว่า ‘เลิกทำงานแล้วกินแซนวิชซะ’
มาทิลด้ามองเพื่อนรักด้วยความซาบซึ้ง เธอรู้ดีว่าเพื่อนๆเป็นห่วงเธอเสมอ โดยเฉพาะแองจี้ และเรนอนทั้ง 2 คนจะห่วงเธอมากแต่แสดงออกต่างกัน คนหนึ่งจะนิ่งๆคอยเป็นกำลังใจให้เงียบๆ ส่วนอีกคนจะทำท่าตกอกตกใจเมื่อเธอมีปัญหาจนรนรานไปหมด คงไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมคะว่าใครเป็นแบบไหน
“พรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว เธอหาชุดหรือยังล่ะมาทิลด้า”แองจี้ถามเมื่อป้ายหน้างานที่ทำอยู่เสร็จเรียบร้อย
“ยัง แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะแต่งเป็นอะไร”เธอตอบเพื่อนตามความจริง ตอนนี้เธอคิดว่าจะแต่งง่ายๆ โทรมๆแล้วบอกทุกคนว่าเธอแต่งเป็นคนรับใช้ของซานตาครอส...มันง่ายดีใช่ไหม(ก็แหมงานมันยุ่งขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดว่าจะแต่งเป็นอะไรล่ะคะ)
“งานที่เหลือนี่เธอก็ให้พวกกัส พวกครี้ดทำไปเหอะ เธอทำมาเยอะแล้ว ไป ไปตลาดกันฉันจะพาเธอไปหาชุดเอง”
“อุ๊ย...มาทิลด้า นั่นสวยจังเลย”หญิงสาวเรือนผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้ากระชากเพื่อนสาวตรงไปยังร้านเครื่องประดับ เอ่อ...เรียกว่าร้านคงจะไม่ถูกต้องนักเพราะเป็นชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างทางเดินมีผ้าสีเขียวเก่าๆขาดๆผืนหนึ่งวางแบอยู่ด้านหน้า บนนั้นเต็มไปด้วยเครื่องประดับที่ไม่หรูหราแต่เต็มไปด้วยความประณีต
“แม่หนู ต้องการชิ้นไหนก็บอกฉันได้นะ”ชายคนดังกล่าวเอ่ย
“มาทิลด้า นั่นหน้ากากอันนั้นซ้วย สวย”แองจี้พูดแล้วหยิบหน้ากากขนนกสีขาวขึ้นมาดู
“ฉันเอาอันนี้ดีกว่า มาทิลด้า มันเข้ากับชุดซานตี้ของฉันมากเลย”แองจี้ว่า แล้วหันไปหาชายคนดังกล่าวอีกครั้ง
“เท่าไหร่คะลุง”
“200 คราวน์”ชายคนนั้นตอบ
“งั้นฉันเอาอันนี้”แองจี้เอ่ยแล้วยื่นเงินให้
“ลุงคะ อันนี้เท่าไหร่หรือคะ”ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมผิวคล้ำหันมามองหน้ามาทิลด้าอยู่ชั่ววินาที ก่อนจะเอ่ย
“ทำไมแม่หนูถึงสนใจอันนั้นล่ะ แบบเดียวกับที่เพื่อนหนูถืออยู่น่ะสวยกว่าตั้งมากมาย”
“คือฉันว่า...มันไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างหน้ากากขนนก แต่มันก็เต็มไปด้วยความประณีตของคนทำ ของที่ทำด้วยมือ ค่อยๆสลักลายลงทีละนิด มันดูมีคุณค่ามากกว่าของสวยๆหรูๆแพงๆเป็นไหนๆเลยค่ะ”มาทิลด้าพูด
“งั้นฉันให้แม่หนูฟรีเลยละกัน”
“แต่ว่า”มาทิลด้าจะขัดแต่ก็โดนสวนกับมาว่า
“เอาไปเถอะ ของอย่างนั้นฉันเก็บไว้ก็ขายไม่ออก ถ้าแม่หนูชอบก็เอาไปเถอะ”
“งั้นก็...ขอบคุณนะคะ”มาทิลด้าเอ่ยมองของในมือ
“ชุดนี้สวยนะมาทิลด้า”แองจี้หยิบชุดราตรีสีเขียวสดใสให้เธอดู พร้อมส่งเสียงบอก
“มันไม่เหมาะกับหน้ากากของฉันเลยสักนิด...แองจี้”เธอบอกเพื่อนสาว
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชุดสไตล์ยุโรปโบราณสีครีมเรียบๆที่พนักงานสาวของร้านเดินถือออกมาจากหลังร้าน
“พี่คะ ฉันขอซื้อชุดนี้ได้ไหมคะ”มาทิลด้าเอ่ยแล้วมองไปที่ชุดดังกล่าวอย่างสำรวจ
“น้องสนใจชุดนี้หรือคะ”หญิงสาวคนดังกล่าวเอ่ยแล้วยกชุดในมือขึ้นมามอง
“ค่ะ”เธอตอบ
“มาทิลด้า เธอลืมคอนเซปงานหรือเปล่า ว่าต้องแต่งเกี่ยวกับงานคริสต์มาส”แองจี้ถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวสนใจชุดสีครีมเรียบๆที่ไม่หน้าเกี่ยวกับวันคริสต์มาส
“ถ้าน้องชอบจริงๆมันก็สามารถเกี่ยวกับวันคริสต์มาสนะคะ”พนักงานสาวกล่าว
“ยังไงคะ”แองจี้ถามด้วยความอยากรู้
“น้อง 2 คนเคยได้ยินเรื่องตำนานของนางกำนัลดาร์ลเรียลไหมคะ”พนักงานสาวถามลูกค้าทั้งสอง
“อ๋อ...เคยค่ะ ที่เป็นตำนานของต้อนมิสเซิลโทลใช่ไหมคะ”แองจี้ยิ้มเมื่อนึกออก ต่างจากเพื่อนสาวที่มองเธอด้วยความทึ่ง
“ใช่แล้วล่ะค่ะ....ชุดนี้เป็นชุดที่ตัดเรียนแบบชุดของนางกำนัลโบราณน่ะค่ะ ตกลงน้องเอาชุดนี้ไหมคะ”พนักงานผู้นั้นหันมาถามมาทิลด้า
“ค่ะ”
เมื่อได้ทั้งชุด ทั้งหน้ากากแล้วมาทิลด้าและแองจี้จึงรีบตรงกลับโรงเรียน เพราะเนื่องจากงานยังไม่เรียบร้อยดีมาทิลด้าจึงต้องรีบกลับไปดูด อีกอย่างเธอยังไม่ได้ไปเอามิสเซิลโทลมาจากพี่โซมาเนียเลย...
“แองจี้ เธอรู้จักต้นมิสเซิลโทลด้วยหรือ”มาทิลด้าเอ่ยถามเพื่อนในสิ่งที่เธอข้องใจมาตั้งแต่ในร้านเสื้อผ้า
“อืม..รู้จักสิ แม่ฉันเคยเล่าให้ฟังตอนเด็กๆ เธอรู้ตำนานของมันไหมล่ะ”แองจี้ถามย้อน เพื่อนสาวส่ายหน้า เธอไม่เคยได้ฟังเรื่องพวกนี้จากปากของมารดาเลย เพราะมารดาของเธอนั้นยุ่งกับงานตลอดเวลา
แองจี้เล่าให้เพื่อนฟังถึงตำนานของหญิงสาวผู้รักมั่นในตัวชายหนุ่มซึ่งหลงรักนายเหนือหัวของเธอ ส่วนเจ้าหญิงซึ่งเป็นนายของนางกำนัลนั้นก็มีคนรักอยู่แล้วก็คือเจ้าชายจากดินแดนตะวันออก(กลับไปอ่านตำนานที่ต้นบทก็ได้ค่ะ)
“น่าสงสารนะ”มาทิลด้าเอ่ยเบาๆขณะที่เท้าก้าวเข้าสู่เขตโรงเรียน
“นั่นน่ะสิ ฉันล่ะอยากได้แฟนที่รักมั่นคงแบบอัศวินซีรัสบ้าง เฮ้อ....ไอที่เจ้าชู้ๆน่ะ ไม่อยากจะได้เลย...”เธอยิ้มขำขันล้อเลียนเพื่อนสาว
“เอ้อ...แองจี้ ตอนจบน่ะ เธอบอกว่าเขาพูดว่าอะไรนะ”มาทิลด้าถาม
“อ๋อ...ก็บอกว่าขอโทษที่ข้าไม่อาจรับรักเจ้าได้ มาย ดาร์ลิ้ง....ดาร์ลเรียล มิสเซิลโทล ไง”แองจี้ตอบข้อสงสัยเพื่อน
“ทำไมเขาถึงเรียกดาร์ลเรียลว่าดาร์ลิ้งล่ะ ในเมื่อบอกว่ารับรักไม่ได้”มาทิลด้าถาม แองจี้มองหน้าเพื่อนสาวก่อนจะหัวเราะจนตาหยี
“คงจะเป็นคำที่แผลงมาจากชื่อของดาร์ลเรียลล่ะมั้ง มันก็เขียนคล้ายๆกันนะ Darling กับ Darlrail น่ะ แต่ก็นะ มันเป็นตำนานนี่ ใครจะไปล่วงรู้ถึงความหมายที่แฝงไว้ได้ล่ะ คงมีแต่อัศวินซีรัส เจ้าของคำพูดล่ะมั้งที่รู้”แองจี้ตอบอย่างสดใสพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า
“มาทิลด้า”เสียงตะโกนเรียกมาจากไกลๆทำให้เธอต้องหรี่ตามองผู้เป็นเจ้าของเสียงดังกล่าว
“พี่เอามิสเซิลโทลมาให้ จัดช่อให้แล้วด้วย ที่เหลือต้องฝากเธอแล้วนะ”พูดจบพี่โซมาเนียก็เดินจากไป
“แองจี้ฉันคงต้องเอานี่ไปไว้ที่ห้องโถงก่อน...เธอขึ้นห้องไปก่อนก็ได้นะ”มาทิลด้าหันมาพูดกับเพื่อนสาว
“อืม...เดี๋ยวฉันเอาของขึ้นไปเก็บให้ เธอเองก็รีบๆเข้าล่ะ เดี๋ยวจะแต่งตัวไม่ทัน”พูดจบแองจี้ก็สาวเท้าเดินนำมาทิลด้าเข้าป้อมไป
เมื่อเดินเข้าโถงของป้อมไปเธอก็พบว่าสถานที่เกือบเสร็จแล้ว ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ถ้าไม่รวมเจ้าชื่อมิสเซิลโทลในมือเธอแล้ว สถานที่ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมเปิดงาน ไม่มีใครอยู่ในห้องโถงนี่อีกแล้ว คงอาจเพราะงานเสร็จแล้วทุกคนเลยรีบขึ้นไปแต่งตัวก็เป็นได้
แต่ก็ดีแล้วล่ะ เธอจะได้เอาเจ้าชื่อผลมิสเซิลโทลนี่ไปผูกได้โดยไม่มีใครปากมากถามอะไร
เธอเดินไปยังจุดที่มีตะปูตัวเล็กๆตอกเอาไว้บนกำแพง ที่เธอวานครี้ด ทันเดอร์ บุรุษตาเดียวของป้อมช่วยทำให้
“ให้ตายสิ”มาทิลด้าสบถ ก็เจ้าตะปูนี่สิมันอยู่สูงจนเกินความสามารถที่เธอจะผูกได้ มาทิลด้ามองไปรอบๆห้องเพื่อหากล่องหรืออะไรสักอย่างมาเหยียบขึ้นไปเพื่อแขวนมิสเซิลโทล....แต่ก็ไม่มี
“หาอะไรอยู่มาทิลด้า”เสียงทุ้มๆคุ้นหูดังขึ้นทำให้มาทิลด้าสะดุ้งจนเกือบทำชื่อมิสเซิลโทลในมือหล่นลง
“เปล่า”เธอมองหน้าโรแล้วตอบเสียงสะบัด ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย ก่อนจะฉวยเอาชื่อมิสเซิลโทลไปแขวนกับตะปูอย่างง่ายดาย
“นี่อะไรน่ะมาทิลด้า”ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
“มิสเซิลโทลไง นายไม่รู้จักหรือไง คุณห้องสมุดเคลื่อนที่”มาทิลด้าเอ่ยแล้วเดินออกไปจากห้องโถงอย่างฉุนเฉียว โรมองตามมาทิลด้าอย่างนึกขัน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักเจ้ามิสเซิลโทลอะไรนี่คืออะไร แต่ที่เขาอยากรู้คือ เธอรู้หรือเปล่าว่าการที่เอาเจ้าต้นไม้น่าหวาดเสียวนี่มาแต่งในงานคริสต์มาสมันหมายถึงอะไร......
ยังไม่จบน้า................. ตอนที่แล้วบอกว่าจะจบตอนนี้ใช่ไหม BUT ขอแก้ข่าว เนื่องจากฟอล์เห็นว่ามันยาวเกินไป เลยตัดไปเป็นตอน 3 แทน ยังไงตอนหน้าก็จบแน่ๆ ติดตามอ่านด้วยนะจ๊ะ (Episode ต่อไปเป็นของนังหนูวิน ยังไงก็ติดตามด้วยล่ะ)
ความคิดเห็น