{[Fan Fic]}หัวขโมยแห่งบารามอส Halloween's day
ชุดเกราะอัศวินเลือดจะไล่ฟันทุกชีวิตที่เดินผ่านระเบียงบริเวณโถงกลาง เสียงฝีเท้าจะสะท้อนเหมือนไม่ได้เดินอยู่คนเดียว ตะเกียงทุกดวงจะดับลงทั้งที่ลมไม่พัด หากเหลือบมองไปยังกระจกบานที่ 13 จะพบว่าตัวเองไม่ได้เดินอยู่เพียงลำพัง
ผู้เข้าชมรวม
3,248
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
หากตำนานที่เล่าสืบทอดกันมาในป้อมอัศวินเป็นจริงขึ้นมา
ใครกันล่ะที่จะเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น
.............................................
สวัสดีค่ะ คราวนี้พบกับวินนะคะ
ฟิคสั้นเรื่องแรกของวินเองค่ะ
จริงๆกะว่าจะลงในวันฮัลโลวีนพอดี แต่ไม่ทันค่ะ
เลยมาลงวันนี้แทน
ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ
>>> ll ก: <<<ll ก:
moO
- -Shin
4869
**
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fan Fic The theif of baramos
Halloween’s Day
“ชุดเกราะอัศวินเลือดจะไล่ฟันทุกชีวิตที่เดินผ่านระเบียงบริเวณโถงกลาง เสียงฝีเท้าจะสะท้อนก้องเหมือนไม่ได้เดินอยู่คนเดียว ตะเกียงทุกดวงจะไหววูบทั้งที่ลมไม่พัด หากเหลือบมองไปยังกระจกบานที่ 13 จะพบว่าตัวเองไม่ได้เดินอยู่เพียงลำพัง”
ร่างบอบบางของเจ้าหญิงสองดินแดนกำลังขมักเขม้นในการอบขนมเค้กเป็นอย่างยิ่ง มือเรียวหยิบจับส่วนผสมอย่างคล่องแคล่ว แสงสว่างจากเชิงเทียนดูสลัวๆแต่เธอก็ไม่สนใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตมองไปยังเตาอบอย่างรอคอย จนในที่สุดเสียงตึ้งเบาๆก็ดังขึ้นทำเอาเฟรินยิ้มกว้าง มือเล็กๆที่สวมถุงมือกันความร้อนหยิบถาดอบออกมาวางบนโต๊ะ บีบครีมลงไปและตกแต่งด้วยเชอร์รี่สีแดงสด แล้วจึงบรรจงวางเค้กช็อกโกแล็คลงในกล่องกระดาษอย่างดี เมื่อตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆว่าเรียบร้อยดีแล้ว เธอจึงดับเทียนทั้งหมด ก่อนเดินไปยังห้องนั่งเล่นของชั้นปี
ระเบียงทางเดินไปยังห้องนั่งเล่นต้องผ่านห้องโถงกลางที่เก็บถ้วยเกียรติยศ เฟรินนึกถึงคำพูดของนักฆ่าเพื่อนซี้ที่เล่าให้ฟังเมื่อเช้าว่ากันว่าในคืนวันฮัลโลวีน บรรดาผู้สิงสถิตจะออกมาร่ายรำกันยันเช้า แถมยังมีเรื่องเล่าที่สืบทอดกันอีก ทำให้เธออดรู้สึกหวั่นๆไม่ได้ นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตมองไปรอบอย่างระแวง เสียงลมพัดใบไม้ไหวดูน่ากลัวเหมือนเสียงคนกรีดร้อง แสงสลัวๆจากตะเกียงทำไห้ดูเหมือนมีคนเดินตาม ร่างบางเร่งฝีเท้าขึ้น ทันใดนั้น!เสียงโลหะกระเทาะพื้นก็ดังขึ้น เธอหันขวับกลับไปมอง ชุดเกราะอัศวินล้มระเนระนาด เฟรินโล่งอก แต่ก็ได้ไม่นานนัก เมื่อดวงตาเหลือบไปเห็นน้ำสีแดงขุ่นไหลออกมาจากหัวอัศวินที่หลุดออกมา กลิ่นคาวเลือดโชยไปทั่ว เจ้าหล่อนไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่างบางๆวิ่งสุดชีวิตไปตามทางเดินที่มืดสนิทเพราะตะเกียงหลายสิบดวงดับตอนไหนก็ไม่รู้ เฟรินรีบวิ่งมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าตามมา เธอไม่ได้เดินมีเสียงแม้แต่น้อย แต่เสียงคนเดินมาได้อย่างไร!?เจ้าหญิงสองดินแดนนึกถึงคำพูดสุดท้ายของเพื่อนซี้
หากเหลือบมองไปยังกระจกบานที่ 13 จะพบว่าตัวเองไม่ได้เดินอยู่เพียงลำพัง เฟรินคิดอย่างติดตลกว่า ‘มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น’ นัยน์สีน้ำตาลจึงมองไปที่กระจกก่อนจะกรี๊ดลั่นเมื่อกระจกเพบื้องหน้ากำลังแสยะยิ้มอยู่
“หึหึหึ”
เสียงหัวเราะปริศนาดังขึ้น ทำให้เธอค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าช้ำเลือดช้ำหนองปรากฎอยู่ในสายตาและดูเหมือนว่ามันจะแยกร่างได้ เจ้าของร่างเละๆมีอยู่นับสิบ เฟรินช็อกอ้าปากค้าง มือเล็กเปิดกล่องขนมเค้กออกแล้วโปะไปยังผีตรงหน้าทันที
“โอ๊ย
ไอ้เฟริน นี่มันอะไรวะเนี่ย”
เสียงอันแสนคุ้นเคยของครี้ด ธันเดอร์ดังขึ้น มือใหญ่ปาดเค้กช็อกโกแล็คพร้อมกล่องออกจากใบหน้า ก่อนอ้าปากค้างเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลของหญิงสาวตรงหน้าคลอไปด้วยน้ำตา เจ้าชายแห่งคาโนวาลเดินเข้ามาโดยไม่รอช้า ดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมแขน นัยน์ตาสีฟ้าของผู้เป็นหัวหน้าป้อมตวัดมองไปยังพวกพ้องตัวแสบอย่างเย็นชา กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แล้วจึงตัดสินใช้อนตัวเจ้าหญิงขึ้นมาเดินดุ่มๆจากไปทันที
“ซวยแล้ว”เดท ไฟเออร์อุทานขึ้นปลดหน้ากากผีมาถือไว้
“ก็ฉันบอกแล้ว ว่าเรื่องแบบนี้มันกลัวมาก พวกนายก็ไม่เชื่อ แล้วดูซิเป็นไง?โดนไอ้คาโลเชือดกันหมดแน่”คิลพูดเซ็งๆเขาเดินออกมาจากหลังต้นไม้ เขา คาโล โร แองจี้ เรนอน มาทิลด้า ซีบิล และกัสไม่ได้เข้าร่วมด้วย จริงอยู่แม้มันน่าสนุกไม่น้อย แต่การไปเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเจ้าชายน้ำแข็งก็คงไม่ดีนัก นัยน์ตาสีม่วงฉายแววครุ่นคิด ก่อนมองเห็นเจ้าขอทานแห่งทริสทอร์ที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเฟรินเกินเหตุ ทำให้อดเห็นใจนิดๆไม่ได้
“เป็นห่วงนักทำไมไม่ตามไปล่ะ”คิลพูดลอยๆเรียกให้เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวหันมามอง
“แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”โรถามกลับอย่างกวนประสาท จนนักฆ่าอยากปฏิบัติตามอาชีพของตน
“เจ้าชายก็ต้องคู่กับเจ้าหญิงเป็นธรรมดา ขอทานอย่างฉันคงไม่เกี่ยว”โรเอ่ยยิ้มๆแต่ดวงตาหมองลง คิลยักไหล่ ออกก้าวเดิน
“ใช่เจ้าหญิงกับเจ้าชายต้องคู่กัน แต่ฉันกับเฟรินเป็นเพื่อนกัน เรื่องคู่ไม่คู่ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่า ฉันกับมันน่ะ ‘ซี้’ กัน”คำพูดนั้นทำให้โรยิ้มขำๆเดินตามนักฆ่าผู้ ‘ซี้’ กับเจ้าหญิง
“บังเอิญว่าขอทานอย่างฉันก็ได้เป็นเพื่อนเจ้าหญิงด้วยน่ะสิ”
“เอาไงดี ครี้ด”เอ็ดเวิร์ดถามเสียงอ่อยๆรู้สึกผิดไม่น้อยที่แกล้งเพื่อน
“ฉันว่านะเราลองไปขอโทษมันกันดีกว่า”ทิวดอร์เสนอ
“นั่นสิ เฟรินมันอาจจะหายโกรธก็ได้”ครี้ดพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนมองเห็นร่างบางเจ้าของผมสีน้ำตาลในชุดวันพีชสีขาวเดินอยู่ข้างหน้า
“นั่นไง เฟริน!”เขาอุทาน เรียกทุกสายตาให้มองตาม
“ทำไมมันถึงมาอยู่ตรงนี้วะ?”เดทถามอย่างสงสัย ก็เฟรินถูกคาโลอุ้มไปแล้วไม่ใช่หรือ
“โห
คิดไรมาก มันอาจมาเดินเล่นอีกรอบก็ได้”ครี้ดว่าพลางตบไหล่เดทป้าบๆ
“อืมๆไปก็ไป”ทุกชีวิตที่รู้สึกผิดพากันเดินไปยังร่างบางๆตรงหน้า ก่อนที่มือของครี้ดที่เอื้อมไปสัมผัสไหล่บางจะถึง เจ้าหล่อนก็หันหน้ามาเล็กน้อย แสยะยิ้มอย่างสวยงาม!?
ร่างสูงๆของบรรดาป้อมอัศวินปี 3 รู้สึกเย็นเยียบอย่างบอกไม่ถูก ตะเกียงที่ถูกจุดสว่างอีกครั้งดับพรึ่บลงพรน้อมกัน นิ้วเรียวๆที่ขาวซีดของหญิงสาวตรงหน้าชี้ไปยังชุดเกราะอัศวิน ทันใตนั้น!?เลือดก็ไหลออกมาตามรอยต่อ ชุดเกราะโลหะสั่นกึกๆช้าๆก่อนจะก้าวออกมายืนตรงหน้าพวกเขา บริเวณที่ใช้ปิดหน้ามีดวงตาสีแดงฉานจ้องมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“ข้า
.ข้า ข้าต้องการร่างกายมนุษย์”แค่คำแรกที่มันเอ่ยออกมา พวกเขาก็โกยอ้าวทันทีและมันก็ไม่ใช่แค่พูดได้ มันวิ่งตามพวกเขามาด้วย เสียงโลหะกระทบกับพื้นดูวังเวงแต่ก็วังเวงได้ไม่เท่าไหร่ เมื่อมันมีเสียงโละหะกระทบพื้นอีกเป็นสิบ
“ว้าก!!!!!มีอีกเป็นสิบเลยว่ะ ใครไล่ผีเป็นมั่งเนื่ย!”ครี้ดตะโกนลั่น ขณะที่ยังไม่หยุดวิ่ง
“ซีบิลกับกัสคงไล่ได้ แต่ว่าพวกนั้นไม่อยู่น่ะสิ”เดทตะโกนตอบ ขาก็ยังไม่หยุดวิ่งเช่นกัน
“เฮ้ย!พวกแก ฉันคิดไปเองหรือเปล่าวะ ว่ากระจกมันหัวเราะได้!!!!”เอ็ดเวืร์กตะโกนบ้าง ทำให้หันไปมองกระจกช้าๆ
“หึ..หึ..หึ”
“ไม่ใช่หัวเราะได้เพียงอย่างเดียวนะ”
“มันยิ้มได้ด้วย”
“ว้าก!!!!!!!!!!!!!!!!!”เสียงร้องโหยหวนของนักเรียนป้อมอัศวินชั้นปี 3 ดังสนั่น ขนลุกทั่วร่างเผ่นไปยังห้องหัวหน้าป้อมอย่างรวดเร็ว
ตึกๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าดังกึกก้อง ทำให้คิลและโรที่รออยู่หน้าห้องหันไปมอง เบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของเพื่อนร่วมชั้นกอดทั้งสองอย่างแนบแน่น
“โฮๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้คิล ไอ้เฟรินเล่นแรงไปแล้วนะโว้ย”ครี้ด ธันเดอร์ร้องไห้อย่างหมดสภาพนักรบ
“เฮ้ย!ไอ้เฟรินมันเล่นอะไร ฉันยังไม่เห็นมันออกมาเลย”คิลพูดอย่างงงวย พลางพลักร่างครี้ดออกอย่างแหยงๆทันใดนั้นเสียงเปิดประตูก็ขึ้น พร้อมร่างสูงสง่าของคาโลที่ก้าวออกมา
“อะไร”คำพูดสั้นแสนสั้นตามแบบฉบับเจ้าชายน้ำแข็งดังขึ้น
“เฟรินล่ะ?”เดทเอ่ยถาม
“ร้องไห้จนหลับไปแล้ว”
“นายอยู่กับมันตลอดแน่นะ”คาโลขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพยักหน้า คำยืนยันจากเจ้าชายเมืองนักรบทำเอาทุกคนช็อก เฟรินอยู่ในห้อง
แล้วผู้หญิงคนนั้น
เช้าวันต่อมา
บรรดาผู้ร่วมก๊วนแกล้งเฟรินเมื่อคืนนั่งซึมเศร้า หลังจากรู้ความจริงจากรุ่นพี่โรเวนที่เคารพเมื่อพวกเขาไปถามเริ่องชุดเกราะอัศวินเลือดที่พี่แกเล่าให้ฟัง พี่ท่านก็ยิ้มมุมปาก ก่อนบอกว่า ‘เรื่องนั้นน่ะหรอ โกหกน่ะ มันจะมีจริงได้ไง’ อยากถามเหลือเกินว่าหากมันไม่จริงแล้วที่พวกเขาเจอเมื่อคืนล่ะ
“ครี้ดแล้วก็พวกนายด้วย”เฟรินทักเสียงใส มือบางๆยกกล่องขนมเค้กใบใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะ “นี่..ฉันทำมาให้กินซะสิ”
“นายป้อนฉันไหมล่ะ”ครี้ดถามอย่างสนุก ทำให้ร่างบางชะงักไปชั่วครู่ ก่อนคลี่ยิ้ม
“ได้สิ”เจ้าหล่อนหยิบมีดมาแบ่งเค้กสีส้มอมแดงเป็นหลายๆส่วนใส่จานส่งให้ทุกคน และถือไว้หนึ่งจาน มือบางๆแบ่งเค้กเป็นชิ้นเล็กๆโดยใช้ส้อม แล้วจึงยื่นไปที่ปากของคนตรงหน้า ครี้ด ธันเดอร์มองหญิงสาวสลับกลับมองชิ้นเค้ก ดูท่าทางเขาจะตกใจกับท่าทีของหล่อนไม่น้อย
“อ้าปากซิ
ครี้ด”เฟรินพูดเสียงหวาน นัยน์ตาสีน้ำตาลทอประกายหวานซึ้ง
นักรบจากไนล์อ้าปากตามคำขอ ทันใดนั้นก็ต้องอ้าปากค้าง ร้องอย่างร้อนรน
“เผ็ดๆๆๆๆๆๆ”
“เผ็ดหรอ?ครี้ด”เฟรินถามอย่างไม่สกสะท้าน “ลองชิมดูใหม่นะ”เจ้าหล่อนยัดชิ้นเค้กที่เหลือลงไป ตัวป่วนแห่งป้อมอัศวินคายทิ้ง ก่อนร้องอีกครั้ง
“เผ็ดๆๆๆๆ
.น้ำ น้ำ ขอน้ำ”เจ้าหญิงสองดินแดนหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่มาให้แต่พอครี้ดจะหยิบ ร่างบางก็เททิ้งหน้าตาเฉย แถมยังแกล้งอุทานอีกว่า
“ตายจริง ขอโทษนะครี้ดฉันซุ่มซ่ามไปหน่อย ทำน้ำหกหมดเลย”แล้วเจ้าหล่อนก็ทำหน้าตาครุ่นคิด
“ทำไมถึงเผ็ดได้นะ ก็ฉันน่ะไม่ได้ใส่พริกไทยลงไปเลยนะ ใส่เฉพาะพริกที่มีสีแดงๆเท่านั้นเอง”
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ทำให้เฟรินหันไปมอง เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่คือใคร เธอก็เดินเข้าไปใกล้ แล้วพูดว่า
“คาโล
.ครี้ดต้องการน้ำเย็นเพื่อแก้เผ็ดล่ะ”คาโลยิ้มน้อยๆในมือเรียกคทาพิพากษาออกมาร่ายเวททันที
“วีสกาย่า”
วันนั้นห้องพยาบาลประจำป้อมอัศวิน มีร่างของบรรดานักเรียนปี 3 อยู่เกือบครึ่ง ทุกคนมีอาการฟันกระทบกึกไตลอดเวลา มีเพียงนักเรียนที่ชื่อครี้ด ธันเดอร์ที่อาการหนักคือนอกจากจะสั่นตลอดเวลาแล้ว ยังมีอาการปากบวมแตก กินได้แต่ข้าวต้มไปหลายวัน
ผลงานอื่นๆ ของ fall-winter ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ fall-winter
ความคิดเห็น