[ฟิค หัวขIมeแห่งบารามอส]~P@st - Pre$ent - Future - [ฟิค หัวขIมeแห่งบารามอส]~P@st - Pre$ent - Future นิยาย [ฟิค หัวขIมeแห่งบารามอส]~P@st - Pre$ent - Future : Dek-D.com - Writer

    [ฟิค หัวขIมeแห่งบารามอส]~P@st - Pre$ent - Future

    ชีวิตที่ผ่านพ้นมาจนถึงทุกวันนี้ อดีตที่งดงามผลักดันให้ฉันก้าวต่อไปยังอนาคต [ฉลอง HBD เฟรินค่า]

    ผู้เข้าชมรวม

    2,318

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    2.31K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    8
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 พ.ค. 52 / 19:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สุขสันต์วันเกิดเฟรินค่า

    เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านอย่าลืมโพสเป็นกำลังใจคนแต่ง+HBD เฟรินน้า

    -R ed-- --B G-




    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [ฟิค หัวขIมeแห่งบารามอส]P@st-Pre$ent-Future

      เช้าวันหนึ่งที่อากาศสดใส เฟลิโอน่า เกรเดเวล หรือเฟริน เดอเบอโรว์ อดีตหัวขโมยที่ปัจจุบันควบตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งเดมอสและบารามอส ตื่นเช้ากว่าปกติ ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไล่ความง่วงงุน 2-3 ที ก่อนจะมองไปรอบๆห้องนอนของตัวเองที่ถูกแยกออกมาจากห้องของ 2 หนุ่ม คาโลและคิล เนื่องด้วยเธอเป็นผู้หญิงไม่เหมาะสมกับการอยู่ร่วมห้องกับชายหนุ่มทั้งสอง นี่เป็นเหตุผลของราชินีจันทรา

      ห้องนอนสีขาวขนาดกลาง กลางห้องมีเตียงสีขาวขนาดใหญ่เหมาะแก่หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงนั้นเป็นอย่างยิ่ง ทางขวาของเตียงเป็นประตูสู่ระเบียงที่ถูกม่านสีครีมบดบังอยู่ ตรงข้ามกับเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนทางซ้ายมือเป็นโต๊ะหนังสือที่มีหนังสือ 2-3 เล่มวางอยู่ ด้วยบัญชีของป้อมอัศวินที่ติดตัวแดงนั้นไม่มีทางเลยที่จะสร้างห้องนี้ได้ หากไม่ได้เงินสนับสนุนจากเดมอส...

      ‘บังคับสิไม่ว่า’เฟรินคิดในใจ

      ทักทายกันก่อนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รักทุกคนของผม ถ้ายังจำกันได้ผมคือเฟรินไงล่ะ หลังจากขึ้นปี 3มาเนี่ยมีหลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ เริ่มตั้งแต่ ไอห้องนอนสวยๆเนี่ย ตอนนั้นผมจำได้ว่าพี่โรเวนน่ะเจ้าเล่ห์แค่ไหน

      ‘เฟลิโอน่าเป็นหัวหน้าชั้นปี ก็ต้องนอนห้องหัวหน้าชั้นปีพะย่ะค่ะ’โรเวรพูด

      ‘แต่ลูกเราเป็นผู้หญิง จะให้นอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม 2 คนนั้นได้อย่างไร’ท่านเจ้าเถียงกลับ

      ‘แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นหัวหน้าชั้นปี จำเป็นต้องอยู่ห้องนั้นนะพะย่ะค่ะ เว้นซะแต่....’โรเวรพูดแล้วเว้นวรรค

      ‘เว้นซะแต่อะไร’

      ‘เว้นซะแต่เธอจะมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง’

      ‘งั้นเจ้าก็สร้างห้องใหม่สิ’ท่านเจ้าว่าอย่างกระตือรือร้น

      ‘กระหม่อมก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่น่าเสียดาย’โรเวรเอ่ยพลางทำหน้าเศร้าแล้วส่ายหน้า

      ‘เจ้าเสียดายอะไรรึ’

      ‘งบประมาณในการสร้างห้องสูงมิใช่น้อยสิพะย่ะค่ะ อีกอย่างตัวเลขในบัญชีของป้อมอัศวินก็ขาดดุลเสียจนขึ้นตัวแดง’เจ้าชายจากเมืองประชาธิปไตยพูดอย่างเจ้าเล่ห์

      ‘แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา’ท่านเจ้าแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมาย ท่านรู้ดีว่าโรเวรฉลาดเป็นกรด รู้ว่าท่านไม่มีทางปฏิเสธคำขอหากเป็นเรื่องของลูกสาวสุดที่รัก

      ‘โอ้ เกี่ยวมากทีเดียวกระหม่อม หากท่านเจ้าจะทรงกรุณาอุปถัมภ์ป้อมอัศวินของกระหม่อม และองค์หญิงเฟลิโอน่า โดยการบริจาคทรัพย์สินเล็กๆน้อยให้เป็นทุนในการสร้างห้องของเฟลิโอน่า และเป็นทุนแก่กิจกรรมประจำป้อมอัศวินที่เฟลิโอน่าจะต้องเข้าร่วม จะเป็นพระมหากรุณาอย่างหาที่สุดมิได้พะย่ะค่ะ’ทุกๆประโยคของโรเวรเน้นคำว่าเฟลิโอน่ากดดันท่านเจ้าให้ยอมรับข้อเสนอ

      ‘เจ้าต้องการงบประมาณที่จะทำอะไรๆดังที่เจ้ากล่าวมา สักเท่าไรกัน เจ้าชายโรเวร’ท่านเจ้าเอ่ยอย่างจำนน

      ‘ไม่มากมายหรอกกระหม่อม เพียง 3 ล้านคราวน์เท่านั้นพะย่ะค่ะ’

      ได้ยินดังนั้นท่านเจ้าถึงกับสบถในใจว่า ‘ไอเจ้าชายหน้าเลือด’

      “555+”คิดถึงตรงนี้ทีไรผมก็หลุดขำออกมาทุกที

      เอาล่ะวันนี้อากาศดีรีบอาบน้ำกินข้าวแล้วลงไปนั่งเล่นในสวนต้อนรับวันเกิดดีกว่า

      “อรุณสวัสดิ์คิล คาโล”เมื่อเดินออกจากห้องมาก็เห็นคิลกับคาโลเดินมาพอดี

      “วันนี้ตื่นเช้านะเฟริน มีอะไรพิเศษรึเปล่า”ไอคิล แกไม่รู้หรือไงนะว่าวันนี้วันเกิดฉัน

      “ทำไมคนอย่างเฟริน เดอเบอโรว์ จะตื่นเช้าบ้างไม่ได้หรือไง”ผมเปลี่ยนเรื่อง

      “เฟลิโอน่า เกรเดเวล”เออ รู้น่า ฉันไม่ลืมชื่อตัวเองหรอกไอก้อนน้ำแข็งเดินได้ ไม่ต้องย้ำไอชื่อลิเกๆนั่นบ่อยนักก็ได้

      “คิล ไปกินข้าวกันเถอะ”


      “สวัสดี เรนอน แองจี้ มาทิลด้า”ผมทัก 3 สาว

      “สวัสดีค่ะคุณเฟริน”เรนอนทักตอบ

      “หวัดดี เฟริน”แองจี้เอ่ยต่อ

      “อรุณสวัสดิ์”มาทิลด้าเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในโรงอาหาร

      นี่ทุกคนไม่สงสัยอะไรกันเลยหรือนี่ วันนี้เป็นวันเกิดเลยนะ วันเกิดน่ะ วันเกิดรู้จักไหม แล้วพวกเขาจะไปรู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่ได้บอก

      “สวัสดีตอนเช้าครับคุณเฟริน”ซีบิลเดินเข้ามาทัก

      “หวัดดีเฟริน”โรก็มาด้วยอีกคน

      “ทำไมแกไม่เคยบอกข้าเลยวะ”อะไรครี้ด เคยบอกไม่เคยบอกอะไร

      แต่ก่อนที่ครี้ดจะพูดอะไรออกมาสักอย่างก็โดนโรแซกขึ้น

      “ไปกันเถอะครี้ด นายบอกว่าหิวมากไม่ใช่หรือ”แล้วโรก็ลากไอครี้ดออกไป

      “พวกนายรู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร”ผมลองถามแบบหยั่งเชิง

      “วันจันทร์”ไอน้ำแข็งงี่เง่าตอบ

      “ประสาท แค่นั้นฉันก็รู้”

      “แล้วเธอถามทำไมในเมื่อรู้อยู่แล้ว”ไอน้ำแข็งบ้า ฉันถามคิลก็ได้

      “คิลแล้วนายล่ะ รู้ไหม”คิลทำหน้าตกใจแวบเดียว ย้ำแวบเดียวจริงๆ

      “วัน วัน เอ่อ วันหยุดเรียนไง”งี่เง่าพอกันทั้ง 2 คนเลยแฮะ ช่างมันไม่รู้ก็ดี กินดีกว่า

      เมื่อกินข้าวเสร็จ ไอคิลก็พูดอะไรแปลกๆ ประมาณว่าจะออกไปซื้อของมาทำงาน งานอะไรอาจารย์ไม่ได้สั่งการบ้านสักหน่อย ถึงสั่งก็ไม่มีอะไรต้องไปซื้อนี่

      เลิกสนใจไอพวกเพื่อนบ้าดีกว่า ผมตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งเล่นในสวน นอนหลับตาพลางนึกอะไรไปเรื่อยๆ

      จริงๆแล้ววันเกิดของผม ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีใจสักเท่าไร เมื่อคิดไปถึงว่า อีก 1 เดือนจะเป็นวันครบรอบวันตายของท่านแม่ ซึ่งผมวางแผนไว้ว่าจะกลับไปเยี่ยมท่านแม่ที่เดมอสสักหน่อย ท่านแม่จะดีใจไหมนะที่ได้เจอลูกคนนี้

      “องค์หญิง องค์หญิงกระหม่อม”เสียงเล็กๆดังข้างๆหู เสียงใครนะทำไมมันช่างคุ้นเหลือเกิน

      “อ้าว โกโดมมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”ที่แท้ก็เจ้าคนแคระเขากวางนี่เอง

      “กระหม่อมนำของมาให้พะย่ะค่ะ เป็นของขวัญจากท่านเจ้าน่ะกระหม่อม”อืม...ของขวัญจากท่านพ่อ ท่านจะให้อะไรนะ

      “ไหนล่ะ”

      “นี่พะย่ะค่ะ”โกโดมพูดแล้วยกของสิ่งนั้นด้วยท่าทางทุลักทุเล ดูแล้วน่าขัน ก่อนจะวางเจ้ากล่องจิ๋วที่ใหญ่สำหรับเจ้าคนแคระเขากวางเสียเหลือเกินลงบนมือข้างที่ยื่นมารอของผม

      “ข้างในเป็นอะไรน่ะ”ผมถาม

      “กระหม่อมก็มิทราบ ขอตัวก่อนกระหม่อม”ว่าแล้วโกโดมก็หายไป

      ผมจึงก้มมองกล่องในมือ ท่านพ่อส่งอะไรมาให้เนี่ย แกะดูดีกว่า....

      “โอ้โห ท่าทางหลายตังส์นะเนี่ย”ในนั้นเป็นสร้อยข้อมือที่ร้อยด้วยหินสีชมพูหวาน

      เมื่อมองไปในกล่องใส่สร้อยข้อมือนั้นอีกทีก็เห็นว่ามีกระดาษสีขาวแผ่นเล็กพับวางไว้ใต้กล่อง ว่าแต่เป็นกระดาษอะไรล่ะ อยากรู้ก็ต้องแกะดู

      คิดได้ดังนั้นผมก็หยิบเจ้ากระดาษที่ว่าขึ้นมาคลี่ดู เอ๋ มีข้อความด้วยนี่ เขียนว่าอะไรล่ะ

      สุขสันต์วันเกิดเฟลิโอน่าลูกรัก พ่อไม่รู้ว่าจะให้สิ่งใดเป็นของขวัญแก่เจ้าในวันเกิดครบรอบ 17 ปีของเจ้า พ่อคิดว่าของสิ่งนี้น่าจะถูกใจเจ้า มันคือสร้อยข้อมือที่อลิเซียแม่ของเจ้าร้อยให้เจ้า พ่อขอมอบให้ลูกแทนแม่ของลูกนะ

      ลงชื่อ
      เอวิเดส



      สร้อยของท่านแม่ ลูกจะใส่มันติดตัวตลอดเวลา ลูกสัญญา

      แล้วผมก็ใส่มันทันที แม้มันจะหวานไปหน่อยก็เถอะ

      เมื่อเห็นของขวัญจากท่านพ่อแล้วก็นึกถึงพ่อมาดัส เราไม่ได้เจอกันเกือบปีแล้วนะพ่อ พ่อจะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่านะ พ่อคงจะมีความสุขกับสาวๆที่เกาะสวรรค์ทางใต้สินะ เฮ้อ....คงจะมีแค่ท่านพ่อล่ะมั้งที่จำวันเกิดของเราได้


      “คางคกเรียกฐาน ขณะนี้สถานการณ์สงบ เป้าหมายนั่งเล่นอยู่ในสวนหลังป้อมคาดว่าจะอีกนาน ทางนู้นเป็นไงบ้าง”เสียงห้าวเอ่ยขณะซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ไม่ไกลจากเฟรินเท่าไรนัก

      “ฐานเรียกคางคกเปลี่ยน ตอนนี้งานเสร็จกว่า 60%แล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงเสร็จ ขอให้เฝ้าต่อไป ทราบแล้วเปลี่ยน”เสียงตอบกลับออกมาจากวิทยุสื่อสารที่ชายคนดังกล่าวถืออยู่

      “ทราบแล้ว เปลี่ยน จะเฝ้าต่อไป เปลี่ยน”แล้วเสียงนั้นก็เงียบลงเป็นเวลาเดียวกลับที่มีชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาหญิงสาว

      “เอ่อ...คุณเฟลิโอน่าครับ”ชายหนุ่มต่างป้อมคนดังกล่าวเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวแล้วเอ่ยเรียก

      “นายเป็นใคร แล้วมีอะไร เอ้อ แล้วจำไว้ด้วยอย่าเรียกฉันด้วยชื่อลิเกๆแบบนั้น”หญิงสาวเอ่ยอย่างหงุดหงิดที่มีคนมาขัดความสุนทรี

      “เอ่อ อาจารย์กษัตริย์ชามัลให้ผมมาตามคุณไปพบ ผมไปก่อนนะครับ”แล้วชายคนดังกล่าวก็เดินออกไป ทิ้งให้หญิงสาวมองตามด้วยความสงสัย

      อาจารย์จะเรียกเธอทำไม อย่าบอกว่าเรื่องวันเกิดเธอ เป็นไปไม่ได้หรอก อาจารย์กษัตริย์ชามัลจะมารู้วันเกิดเธอได้ยังไง

      แล้วหญิงสาวก็เดินออกไปตามทิศทางที่เป็นห้องของอาจารย์คนดังกล่าว

      “คางคกเรียกวาฬ เป้าหมายออกเดินทางไปยังตึก... แล้ว ทราบแล้วเปลี่ยน”เสียงนั้นดังรอดออกมาจากพุ่มไม้เดิม

      “ทราบแล้ว เปลี่ยน เห็นเป้าหมายแล้ว เปลี่ยน”

      “มอบหน้าที่ให้วาฬตามต่อ เปลี่ยน”

      “ทราบแล้ว”


      ขณะเดียวกันนั้นเฟรินก้เดินเข้าไปหาอาจารย์กษัตริย์ชามัล

      “ถวายบังคมพะย่ะ เอ้ยเพคะ เสด็จตามัล”

      “เจ้าควรกลับไปฝึกมารยาทกับราชินีจันทราใหม่ เฟลิโอน่า”ว่าแล้วไง เอามันตั้งแต่เดินเข้ามาเลยแฮะ

      “ได้ยินว่าวันนี้เป็นวันเกิดเจ้า”เฮ้ย รู้ได้ไงเนี่ย

      “เสด็จตารู้”

      “ใช่ข้ารู้ สุขสันต์วันเกิดนะหลานรัก”แล้วอาจารย์กษัตริย์ชามัลก็ดึงหลานสาวเข้าไปกอด

      “ขอบพระทัยเพคะ”หลังจากนั้นทั้ง 2 ก็คุยกันอีก 2-3 ประโยค ก่อนที่เฟรินจะเดินออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ อย่างน้อยก็ 2 คนแล้วที่จำวันเกิดเธอได้ แต่ที่เธอยังสงสัยคือ ทำไมคิล กับคาโลถึงจำไม่ได้ อาจเป็นเพราะมันไม่สำคัญพอจะให้จำล่ะมั้ง

      เฟรินเดินเล่นไปเรื่อยๆก่อนจะกลับมากินข้าวเที่ยงที่ป้อมในตอนบ่าย ก็ปรากฏว่าเพื่อนไม่มีใครอยู่สักคน

      ‘พวกมันไปไหนกันหมดล่ะเนี่ย’

      “จิ้งจกเรียกฐาน เป้าหมายกินเข้ากลางวันเสร็จแล้ว กำลังจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ระวังด้วย”

      “ฐานทราบแล้ว”

      เมื่อเฟรินผลักระตูห้องนั่งเล่นเข้าไปหวังว่าจะได้เจอเพื่อนๆนั่งเล่นกันอยู่ในนั้น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า กับกลิ่นกำยานที่หอมแปลกๆ

      ‘พวกมันคงจะหนีเธอไปเที่ยวกันหมด ช่างมันประลัย ขึ้นห้องดีกว่า’

      เมื่อเฟรินเดินออกจากห้องนั้นไปอยู่ๆห้องที่เคยมืดแล้วว่าเปล่า ก็กลับสว่าง เต็มไปด้วยผู้คนและของจัดงานปาร์ตี้ที่วางเกลื่อนพื้น

      “เกือบไปแล้วไหมล่ะ”เสียงแหบเสน่ห์ของหญิงสาวผมสีดำนัยน์ตาสีเขียวเอ่ยแล้วนั่งลงบนโซฟา

      “เกร็งแทบแย่ กลัวว่าไอเฟรินมันจะได้กลิ่นไอเวทย์”เสียงห้าวของบุรุษตาเดียวเอ่ย

      “ถ้าไม่ได้เวทย์มนต์ของคาโล กับกำยานของเรนอนที่ไปซื้อมาเมื่อเช้า คงแผนแตก”คิลพูดก่อนจะเดินไปล็อกประตูห้อง

      “เย็นนี้ใครจะเป็นคนไปเรียกเฟรินมา”ชายหนุ่มผมสีชาเอ่ยขึ้น

      “แองจี้แล้วกัน”มาทิลด้าพูดแล้วขอความเห็นเพื่อนๆ ซึ่งทุกคนก็ลงมติเป็นเอกฉันท์

      เย็นวันนั้น

      “ทำไมต้องเป็นฉันด้วยเนี่ย”เสียงหวานบ่นขณะเดินไปยังห้องของหญิงสาวผู้เป็นเพื่อน

      “เอายังไงดีเนี่ย”แองจี้พึมพำลังเลเมื่อเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องของเฟริน

      ก๊อกๆ

      เมื่อตัดสินใจเคาะแล้ว สักพักหนึ่งก็มีเสียงกุกกักก่อนจะมีคนมาเปิดประตู

      “อ้าว แองจี้”เจ้าของห้องเอ่ยเมื่อเห็นหน้าคนที่มาหา

      “เอ่อ...เฟริน ลงไปข้างล่างกับฉันหน่อยสิ”

      “ได้สิ”แล้วสองสาวก็เดินลงไปด้วยกัน

      เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างของป้อม ที่ซึ่งปกติจะมีเสียงโหวกเหวกโวยวาย แต่ทำไมนะวันนี้ผมรู้สึกราวกับว่าทุกๆคนในป้อมไปกันหมด มันดูวังเวงบอกไม่ถูก ปรื๋อ...พูดแล้วขนลุก

      “นี่แองจี้ เธอจะพาฉันไปไหน”ผมถามเมื่อเห็นเจ้าหล่อนเอาแต่เงียบแล้วก็เดิน

      “เดี๋ยวก็รู้”เออ ก็มันอยากรู้ตอนนี้นี่นา บอกหน่อยก็ไม่ได้

      “เธอจะพาฉันไปปล้ำหรือไง”แล้วยังแองจี้ก็หยุดเดิน 555 อายไปเลยล่ะสิ

      “นายจะบ้าหรือไง”

      “ก็เธอไม่บอกฉันเองว่าจะพาไปไหน”ผมเถียง

      ป๊อก!

      “โอ๊ย แองจี้เธอตีฉันทำไม”ไม่บอกก็คงรู้ใช่ไหมฮะ ว่ายัยโหดเอาคฑาตีหัวผม(อีกแล้ว) ไม่เบื่อบ้างหรือไง แม่คู้ณ

      “ถ้าไม่อยากโดนก็อย่าเรื่องมาก เดินตามมา”

      ที่แท้ที่ๆเจ้าหล่อนพามาก็คือห้องนั่งเล่นนั่นเอง มาทำไมล่ะเนี่ย หรือว่าเจ้าพวกนั้นจะอยู่ที่นี่กัน

      “เข้าไปสิ”เจ้าหล่อนพูด ก่อนจะผลักผมไปข้างหน้า

      ภายในห้องที่น่าจะมีคนอยู่ เมื่อเปิดเข้าไปก็พบเพียงความว่างเปล่ากับกลิ่นกำยานแปลกๆเหมือนเมื่อตอนกลางวัน อะไรกันล่ะเนี่ย ยัยแองจี้เล่นตลกอะไร ห้องนี่มืดซะด้วย น่ากลัวออก แต่เมื่อผมหันกลับไปยังประตู

      แองจี้ก็หายไปแล้ว!

      รีบออกจากที่นี่ไปดีกว่า น่ากลัวจะตาย แต่พอผมจะเดินไปที่ประตู ประตูนั่นมันก็ปิดเอง

      ปึง!

      แก็กๆ

      ล็อกแฮะ ท่านแม่ช่วยด้วยลูกโดนผีหลอกกลางคืน ฮือๆ ลูกกลัว ท่านแม่ช่วยลูกด้วย

      โป๊ะๆๆๆๆๆๆๆ

      เสียงบางอย่างดังขึ้นรอบตัว เสียงอะไรนะ ผีหรือเปล่า แต่ว่าความอยากรู้ก็ชนะความกลัวผมค่อยๆลืมตาขึ้น เอ๊ะ สว่าง ใช่มีแสงสว่าง ผมจึงมองไปรอบตัว เห็นเพื่อนๆ ทั้งครี้ด ซีบิล โร สามสาวมาทิลด้า แองจี้ เรนอน กัสและอีกมากมาย รวมทั้ง คิล และก็ คาโล...

      เกือบทุกคนใส่หมวกปาร์ตี้ มือถือของขวัญบ้าง ถือสายรุ้งบ้าง นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว

      “เฟริน สุขสันต์วันเกิดนะ”มาทิลด้าพูดก่อนจะเดิเข้ามาใกล้แล้วยื่นกล่องใบหนึ่งมาให้

      “ขะ...ขอบ ขอบใจ”พวกนี้รู้วันเกิดผม วันเกิดที่ผมคิดว่าไม่มีใครรู้ ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอลงเรื่อยๆ ตั้งแต่อยู่ในร่างผู้หญิงเนี่ย อีกแล้ว อีกครั้งแล้วที่ผมร้องไห้ด้วยเรื่องไร้สาระ

      และทุกคนก็เริ่มทยอยเข้ามาอวยพร บางคนก็ให้ของขวัญ แต่ไอคาโลไม่ทำทั้ง 2 อย่าง

      แต่หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง.............


      พวกมันก็เมา!

      ตกลงมันจัดงานให้ผมเพื่อหาข้ออ้างก๊งเหล้ากันหรือเปล่านะ ส่วนผมน่ะหรอ จะกินได้ยังไงล่ะ ก็น้ำแข็งบ้ามันเล่นส่งแก้วน้ำหวานให้ตลอด พอจะรินเหล้ามันก็ยึดไป โอ๊ยนานทีมีหน ไอน้ำแข็งบ้าเอ้ย

      สามสาวขึ้นนอนไปแล้ว ผมก็ชักง่วงแล้วแฮะ ไปดีกว่า ปล่อยให้มันโต้ไป เดี๋ยวพี่โรเวรก็จะมาจัดการพวกมันเอง 555+

      “ฉันขึ้นแล้วนะ ขอบใจสำหรับงาน ขอให้มีความสุข อย่าเสียงดังจนพี่โรเวรตื่นแล้วกัน”

      “อาย เฟ...รีน อย่า พูด เปน ลางดี๊”ไอครี๊ดพูดยานคาง

      ผมหัวเราะนิดหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกมา แต่พ้นประตูห้องได้ไม่เท่าไร ก็ต้องชะงัก เมื่อมีคนมาจับมือไว้

      “ไอคาโล ปล่อย”ไอบ้าตกใจหมดนึกว่า-ี(อย่าให้พูด กลัว)

      “ไม่ เธอต้องมากลับฉันก่อน”

      “ไปไหน”มันไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรลากผมไปยังที่ๆเรียกว่าสวนหลังโรงเรียน

      “วันนี้เป็นวันเกิดเธอ”มันพูดหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เออ..ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำมาก

      “แล้ว?”

      “สุขสันต์วันเกิด”ในที่สุดก็พูดได้ พ่อดอกพิกุลร่วง

      “ขอบจาย ฮ้าว ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ”ผมพูดแล้วหันหลัง แต่ก็ไม่ทัน เมื่อโดนมัน เอ้อ ดึงเข้าไป เอ้อ กอด ////

      “ปล่อยคาโล”เสียงคิดว่าตะโกนกลายเป็นแค่เสียงกระซิบเบาๆ ไร้ความหมาย

      “ฉันยังพูดไม่จบ”มันพูดเสียงเย็น

      “ปล่อยก่อนแล้วค่อยพูดก็ได้”ผมเริ่มต่อรอง

      “ฟังนะเฟริน ฟังเฉยๆ ห้ามพูด จนกว่าฉันจะให้พูด ไม่งั้นโดนดี”ดูมัน ได้ทีขี่แพะไล่ สั่งใหญ่

      “อื้อ จะพูดก็รีบพูดมาเถอะน่า”

      “ตั้งแต่ได้พบเธอเมื่อตอนปีหนึ่ง ได้อยู่ห้องเดียวกัน เห็นเธอในร่างหมา ก็น่ารักดี”ไอบ้า ชมหรือด่าฟะเนี่ย

      “แกชมหรือด่าเนี่ย”

      “บอกให้ฟังอย่างเดียว อย่าพูด ถ้าพูดอีกฉันจะจูบ”ไอบ้า ///

      “จนเห็นเธอเป็นผู้หญิงครั้งแรก ฉันก็หลงไปในมนต์เสน่ห์ของเธอ เสียแต่ว่าปากเสีย”เอาอีกแล้ว ชมหรือด่าฮะ ///

      “เมื่อเธอถูกตามล่า ได้เดินทางด้วยกัน จนกระทั่งเธอมาอยู่ในอ้อมแขนฉัน”รู้สึกมันจะพูดมากผิดปกตินะ///

      “ไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกยังไงกับฉัน แต่ก็อย่างที่เคยบอกกับเธอไปแล้ว ว่าฉัน รักเธอ รัก รักมาก รักมากที่สุด”ก่อนที่คาโลจะเงียบไป

      ถ้าลองนึกๆดูดีๆตั้งแต่แรกพบกัน ผมก็รู้สึกหมั่นไส้มัน ด้วยท่าทางของมันนิสัยของมัน แต่นานๆวันเข้า ความรู้สึกมันเริ่มแปลกๆ เจอหน้ามันทีไรวางตัวไม่ค่อยจะถูก ต้องด่ากลบกลื่นทุกที ยิ่งพอมาอยู่ในร่างสาวสวยนี่ด้วยแล้ว ความรู้สึกนั้นมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ถึงจะยังไม่แน่ใจ แต่นี่คงเป็นความรู้สึกที่เขาเรียกกันว่า ความรัก ล่ะมั้ง

      สายลมพัดผ่านเราสองคนไปช้าๆ ความหนาวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากไอความรักที่ลอยอบอวนไปทั่ว ทั้งสองซึมซับสิ่งที่เรียกว่าความรักนี้ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เป็นพยานความรักของคนทั้งคู่

      “ไม่รู้ว่าจะเร็วไปหรือเปล่า ถ้าฉันอยากจะบอกว่า อยากจะขอตีตราจองเธอเอาไว้ จนกว่าวันที่เราจะเรียนจบและพร้อมจะแต่งงาน”ก่อนที่คาโลจะปล่อยผมแล้วคุกเข่าลงต่อหน้า

      “เฮ้ยทำอะไรน่ะลุกขึ้นมา”

      ก่อนที่คาโลจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเล็กขึ้นมา และเปิดออก เผยให้เห็นแหวนเพชรวงเล็กแต่น่ารัก

      “หมั้นกับฉันนะ เฟริน”///

      หมั้นงั้นหรือ ตลอดชีวิตสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดถึงการหมั้นหรือแต่งงาน แต่ถึงตอนนี้คนที่คิดว่าน่าจะรักมาขอหมั้น จะทำอย่างไรดีล่ะ

      อย่างที่บอกไปแล้ว เมื่อก่อนผมเกลียดคาโลเข้าไส้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าจะลองนึกดูดีๆ...ที่ผ่านมาคาโลทำเพื่อผมมากมาย มันช่วยผมทุกอย่าง แม้กระทั่งเสียงชีวิตเพื่อช่วยผม แล้วผมล่ะ? เคยทำอะไรให้มันบ้าง สร้างแต่ความเดือดร้อน สร้างแต่เรื่องปวดหัว แล้วมันยังจะรักผมอยู่อีกงั้นหรือ

      “ทั้งๆที่ฉันชอบสร้างเรื่องปวดหัวให้นาย สร้างแต่เรื่องเดือดร้อน ทำให้นายขายหน้า นายยังอยากจะหมั้น จะแต่งงานกับคนอย่างนี้อีกหรือ”

      “ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเห็นว่าเรื่องที่เธอทำเป็นเรื่องเดือดร้อนเลยสักครั้ง ไม่ว่าเธอจะทำให้ปวดหัวแค่ไหน ฉันก็พร้อมจะช่วยเธอให้พ้นสถานการณ์เลวร้ายต่างๆด้วยความเต็มใจ”

      “นายกล้าเอาชีวิตของนายทั้งชีวิต ที่ยังจะสามารถเจอผู้หญิงดีๆ ที่ไม่ได้เป็นพวกประหลาดเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงได้ มาทิ้งไว้กับคนอย่างฉันน่ะหรือ”

      “ชีวิตฉันเป็นของเธอมานานแล้ว ตั้งแต่อยู่ที่เดมอส แต่ตอนนี้เธอยังเป็นเจ้าของหัวใจของฉันด้วย”

      ไม่รู้ว่าฉันจะด่วนตัดสินใจไปหรือเปล่า แต่ฉันคิดว่าถ้าเป็นคนๆนี้ คนที่ชื่อว่าคาโล คงจะสามารถดูแลฉันได้ คงจะทนคนเอาแต่ใจคนนี้ได้

      “ได้ ฉันตกลง ฉันจะหมั้นกับนาย...คาโล”

      “จริงนะ”คาโลพูดอย่างตื่นเต้น

      “อื้ม”

      “เฮ้ย อย่าบังดิวะ ไอครี้ด นั่นมันจะจูบกันหรือเปล่าวะ ข้าคันไปหมดแล้ว”เสียงนั้นดังมาจากไกลๆ

      “เฮ้ยเบาดิ เดี๋ยวพวกมันได้ยิน”

      “อ้าวไปไหนแล้ววะ”

      “อยู่นี่”ฉันและคาโลถืออาวุธยืนอยู่ข้างหลังไอพวกเพื่อนบ้า พวกมันค่อยๆหันมาก่อนจะวิ่งหนี ฉันกับคาโลจึงวิ่งตามแล้วชำละแค้นที่มาแอบดู

      ถึงแม้ว่าอดีตที่ผ่านมา หรือตอนนี้ฉันจะยังทำตัวเป็นเด็ก ไม่สนใจอะไรมากเท่าไร เห็นได้จากสิ่งที่เรทำกันตอนนี้ เรื่องที่ตัดสินใจไป อาจจะมีคนคัดค้าน ด้วยความที่เรายังเป็นเด็ก พวกผู้ใหญ่อาจไม่เห็นด้วย แต่ว่าฉันมั่นใจว่าสิ่งที่ตัดสินใจไปนี้ แม้ว่าจะมีผลต่ออนาคตอย่างไรก็ตาม แต่ฉันก็จะไม่ผิดหวังที่ได้ตัดสินใจไปในครั้งนี้..........................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×