คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Episode 2 MiSTLeToe แห่งความทรงจำ(ตอนที่ 1)(แก้ไขคำผิด)
Episode 2 Mistletoe แห่งความทรงจำ ตอน 1
"เอาล่ะ...เลิกประชุมได้"เสียงทรงอำนาจดังมาจากหัวโต๊ะตัวยาวสีขาวบริสุทธิ์ ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะลุกขึ้น
“อ้อ...แล้วอย่าลืมเรื่องที่สั่งล่ะ”ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมาพดประโยคดังกล่าว กับบุคคลที่อยู่ด้านหลัง
“เจ้าค่ะ”เสียงล้อเลียนนี้คงไม่มีใครกล้าเอ่ยออกไปเป็นแน่ อ้อ...ยกเว้นคนๆนี้....
“โซมาเนีย...”เสียงปรามนี้มิได้ออกจากปากโรเวนอีกเหมือนกัน หากแต่เป็น ชิวาส แฟนหนุ่มของหญิงสาวต่างหาก ใช่แล้ว...ในห้องนี้นอกจากเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดกับโซมาเนียแล้ว ยังมีตัวแทนชั้นปีต่างๆ รวมทั้งมาทิลดา ซิลเวอร์ เจ้าหญิงผู้เลอโฉม จากดินแดนแห่งอิสตรี
“ดูแลคนของนายดีๆหน่อยสิ ชิวาส”แทนที่จะตอบโต้กลับมา โซมาเนียได้แต่เงียบเพราะสายตาคาดโทษของแฟนหนุ่มที่ส่งมา แต่ก็อีกนั้นแหละสายตาที่ส่งมานั้น เห็นกันเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น คนอื่นในห้องประชุมเห็นเพียงแต่ ท่าทางนิ่งๆ(เย็นชา)ของชายหนุ่มที่ชื่อว่าชิวาสเท่านั้น
สองคนนี้คบกันได้ยังไงเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลย’มาทิลด้าสบถในใจแต่ก็ว่าเถอะนะ สองคนนี้เขาก็ดูรักกันดี ไม่มีท่าทีว่าจะเลิกกัน ฉันล่ะอิจฉาเป็นบ้า
เอาล่ะค่ะ ได้เวลาแนะนำตัวกันเสียที ฉันชื่อ มาทิลด้า ซิลเวอร์ เดอะปริ้นเซส ออฟ อเมซอน ตอนนี้ฉันกำลัง อยู่ในห้องประชุม ที่ดูเหมือนว่ากำลังจะเปลี่ยนเป็นสมรภูมิ เพราะรุ่นพี่ทั้ง 2 ของเธอ ขยันลับฝีปากกันเหลือเกิน อ้อ...ฉันยังไม่ได้บอกใช่ไหมคะ ว่าเราประชุมกันเรื่องอะไร งั้นจะบอกให้รู้ค่ะ เรากำลังประชุมกันเรื่อง งานวันคริสต์มาสที่กำลังจะขึ้นในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า โดยที่ปี 3 มีหน้าที่คือจัดสถานที่(ห้องโถงของป้อม)ที่จะใช้จัดงาน รวมถึง คอนเซปงานด้วย
“อะไรกันเนี่ย โรวี่ เสียงดังไปถึงข้างนอก”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมๆกับที่ประตูบานใหญ่อ้าออกให้เห็นผู้มาเยือน
“ลูคัส........ไม่มีอะไรหรอก”รุ่นพี่โซมาเนียตอบแทนทุกคน ฉันแอบเห็นล่ะ รุ่นพี่โรเวนแอบยักไหล่แบบเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดออกมาว่า
“ประชุมกันเสร็จพอดีเลยลูคัส เราไปดื่มชากันดีกว่า ได้เวลาแล้ว”แล้วพี่โรเวนก็โอบไหล่พา(ลาก)พี่ลูคัสออกไป
“พวกเธอก็แยกย้ายไปกันได้แล้ว”เสียงนี้เป็นของพี่ชิวาสนั่นเอง ในขณะที่ฉันกำลังจะก้าวออกจากห้อง เสียงหวานๆก็เรียกไว้ ทำให้ฉันต้องหันไปมอง
“อ้อ...เดี๋ยว มาทิลด้า ตามพี่มาหน่อย”
“ค่ะ”ฉันตอบรับแล้วเดินตามพี่โซมาเนียออกไป
พี่โซมาเนียพาฉันเดินออกนอกป้อมไปทางสวนหลังป้อม ทั้งๆที่เริ่มมืดแล้ว พี่โซมาเนียจะพาฉันไปไหนน้า
“เราจะไปไหนกันหรือคะ”ฉันเอ่ยถาม
“เดี๋ยวถึงก็รู้”พี่โซมาเนียหันมาตอบแล้วยิ้มบางๆให้ฉันก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ความมืดโรยตัวมาปกคลุมไปทั่ว สายลมที่เคยพัดพาความอบอุ่นมาให้ เริ่มลดอุณหภูมิลง บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมืดนี้ กับสิ่งรอบๆตัวที่ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่ารกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หญิง(ที่เรียกว่า)แกร่งอย่างเธอ เริ่มกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ถึงแล้ว มาทิลด้า”รุ่นพี่สาวหันมาบอก แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ารุ่นพี่สาวของเธอ พาเธอมาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่มากลางวัน แต่ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ ที่สวนหลังป้อมมีตรงไหนที่รกอย่างนี้ด้วยหรือ
“มานี่สิมาทิลด้า”รุ่นพี่กวักมือเรียกให้เธอเข้าไปใกล้แล้วทำสัญญาณมือให้นั่งลง ฉันมองลอดพุ่มไม้รกไปก็เห็น..................
ท่ามกลางความมืดมิด แห่งรัตติกาล แสงสว่างสีนวลทองเปล่งประกายระยิบระยับไปทั่วบริเวณนั้น แสงแต่ละดวงกระพริบเป็นจังหวะ ตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง เจ้าของแสงเหล่านี้ก็คือหิ่งห้อยตัวน้อยนั่นเอง ส่วนสิ่งที่เจ้าพวกนี้หยอกล้ออยู่นั้นเป็นเพียงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวบนพื้นที่โล่งเตียน
“ที่นี่อยู่นอกบริเวณโรงเรียนเราแล้วนะ มาทิลด้า”ฉันได้แต่อึ้งไป ก็ใครจะคิดล่ะว่าผู้คุมกฎจะมาทำผิดกฎด้วยตัวเองแบบนี้ พาเธอออกนอกโรงเรียนยามวิกาลไม่พอ ยังไม่ได้ขออนุญาต หรือบอกใครเลยด้วยซ้ำ
“ต้นไม้ที่เธอเห็นน่ะ เธอรู้ไหมว่ามันคือต้นอะไร”
“ต้นโอ๊กไงคะ”เธอตอบ ก็จะไม่รู้ได้ไงล่ะ ต้นไม้ชนิดนี้เธอเห็นออกบ่อย ว่าแต่ว่าของแค่นี้ ทำไมรุ่นพี่ต้องพาเธอออกมาดูถึงที่นี่ด้วย
“เธอเห็นมันแล้วรู้สึกอย่างไรหรือ”รุ่นพี่ถามทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองฉันสักนิดเดียว
“เอ๋...”
“ว่าไงล่ะ เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร”พี่โซมาเนียถามฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ต่างไปตรงที่รุ่นพี่หันมามองฉัน และจ้องเข้าไปในดวงตาราวกับจะสื่ออะไรสักอย่างที่ฉัน...ไม่เข้าใจ
ฉันกลับไปมองภาพตรงหน้าอีกครั้งพยายามซึมซับความรู้สึกเพื่อที่จะถ่ายทอดออกไปอย่างครบถ้วน
“...รู้สึกว้าเหว่ เดียวดาย แต่ก็...อบอุ่น”ฉันตอบอย่างขัดแย้งในตัวกันเอง
“ว้าเหว่ที่ต้นโอ๊กต้นอยู่อย่างเดียวดายในยามที่แสงแดดทอแสงกล้า รู้สึกเดียวดายที่เป็นต้นไม้เพียงต้นเดียวที่โดดเดี่ยวอยู่กลางที่โล่ง แต่ก็รู้สึกอบอุ่นที่มีเพื่อนเป็นแมลงตัวน้อยที่คอยบินหยอกล้อยามค่ำคืน แต่พอพระอาทิตย์เริ่มทอแสงพวกมันก็จะไป แล้วต้นโอ๊กนั่นก็จะต้องกลับมาอยู่อย่างเดียวดายอีกครั้ง”ฉันพยามยามถ่ายทอดความรู้สึกออกไป แม้บางทีมันก็รู้สึกขัดๆ และไม่ค่อยไพเราะ ก็ทำยังไงได้ เธอไม่ใช่กวีนี่นา
“พูดได้ดี มาทิลด้า...เธอตามฉันมา แล้วเธอจะรู้ว่า ต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้เดียวดายอย่างที่เธอคิด”พูดจบพี่โซมาเนียก็ลุกขึ้น ค่อยๆเดินนำเธอไปยังต้นโอ๊ก เพื่อไม่ให้หิ่งห้อยพวกนั้นตื่นกลัวจนกระเจิงหนีไป
เธอสำรวจต้นโอ๊กทันทีที่เดินมาถึง เธออยากเข้าใจความหมายของพี่โซมาเนีย
“นี่คือต้นมิสเซิลโทล(Mistletoe) ต้นไม้จำพวกกาฝาก มีสรรพคุณทางยามากมาย...”
“ต้นกาฝากพวกนี้ มีสรรพคุณทางยาด้วยหรือคะ”ฉันไม่คิดว่าต้นไม้ที่ทำได้เพียงเกาะต้นไม้ใหย่แบบนี้จะมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ได้เลย...น่าสงสารต้นโอ๊กนี้จริงๆเลยที่ถูกเกาะแย่งอาหารอย่างนี้
“ใช่สิ...ถึงมันจะเป็นแค่พืชกาฝากแต่มันก็สารพัดประโยชน์นะ เป็นแผลก็เอามาพอกได้ เป็นลมชัก ถูกพิษก็กินได้”
“นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับมันอีกตั้งหลายอย่าง”
“ความเชื่อหรือคะ”ฉันถามอีกครั้งด้วยความสงสัย ว่าไม้กาฝากต้นเล็กๆนี่ทำไมถึงมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์มากนัก
“ใช่ เขาเชื่อกันว่า หากนำต้นมันมาทำเป็นกำไลและให้ทหารหรือคนที่รักสวมใส่คนๆนั้นก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ หากนำมาทำเป็นเครื่องรางมอบให้เด็กๆ เด็กๆเหล่านั้นก็จะไม่ติดเชื้อโรค หากนำใบมาผสมกับฟางให้สัตว์กิน ตัวที่ไม่ตกลูกก็จะตกลูก หากในมาผสมให้หญิงท้อง หญิงที่ท้องก็จะไม่แท้ง ลูกศรที่ทำจากมันก็มีอนุภาพมากกว่าลูกศรที่ทำจากสิ่งอื่น แถมยังเป็นอาวุธที่เหมาะสำหรับใช้กับพวกยักษ์ ผีดูดเลือดหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติทั้งหลาย แต่จะต้องเก็บในวันเซนท์จอนเท่านั้นนะถึงจะได้ผล”เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่ามันจะมีประโยชน์มากมายอย่างนี้จริงๆ
“ไม่น่าเชื่อนะคะ”ฉันพูดพลางลูบต้นมิสเซิลโทลเบาๆ มองมันอย่างเหลือเชื่อ
“หึหึ...ครั้งแรกที่พี่เห็นมันพี่ก็คิดอย่างนั้น”
“อะไรนะคะ?”ฉันถาม
“ตอนแรกที่พี่เริ่มเรียนเรื่องสมุนไพรที่ใช้รักษาคนกับแม่ พี่ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่พอศึกษาอย่างจริงๆจังๆแล้วพี่ถึงรู้ว่าต้นไม้น่ะดูแค่รูปร่างลักษณะ ไม่ได้”
“อ้อ...ที่พี่พาเรามาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องที่อยากให้ทำ ถือซะว่าพี่ขอร้องก็ได้”พี่โซมาเนียพาเะอมาไกลถึงที่นี่เพียงเพื่อขอร้องเธออย่างนั้นหรือ
“คุณสมบัติข้อสุดท้ายของมิสเซิลโทลคือนำมาจัดเป็นช่อแขวนไว้ในงานคริสต์มาส”
“ที่พี่อยากให้เธอทำก็คือนำมันไปประดับงานนั่นแหละ”พี่โซมาเนียพูดออกมาก่อนจะยิ้มให้เชิงขอร้อง
“มาทิลด้า...วันนี้เธอเป็นเวรตรวจหอคอยไม่ใช่หรือ”เสียงเย็นๆที่ดังขึ้นเบื้องหลัง หลังจากที่ฉันเข้ามาในโรงเรียนทำให้ฉันถึงกับสะดุ้ง
“พี่ลอเรนซ์ พี่ลูคัส”ฉันหันไปมองที่มาของเสียง ก่อนจะเรียกชื่อบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ก็พวกฉันเองน่ะสิ เธอนั่นแหละ วันนี้เป็นเวรทำไมยังมาเถลไถลอยู่แถวนี้อีก”พี่ลอเรนซ์พูดและส่งสายตาจับผิดมาให้
“ฉัน...กำลังจะไปค่ะ แต่เห็นว่าวันนี้ดาวสวยเลยมองเพลินไปหน่อย”ฉันตอบแล้วแสร้งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับว่าสนใจมันอยู่เต็มที่ ทั้งๆที่จริงแล้วในหัวสมองฉันเต็มไปด้วยแผนการเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เสียงต่อการโดนจับได้ว่าเธอแอบออกไปข้างนอกยามวิกาล แม้เธอจะไม่ได้เป็นคนอยากออกไปเองก็เถอะ
“งั้นก็รีบไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเธออาจจะถูกโรเวนลงโทษเอานะ”ไม่ต้องรอให้จบประโยคฉันก็เอ่ยลาก่อนจะใส่เกียร์หมาตรงไปยังหอคอยทันที
เฮ้อ! เหนื่อย ฉันเอามือปาดเหงื่อที่หน้าผากออก ก่อนที่จะเดินเข้าไปในหอคอยเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย ไม่รู้จะให้ตรวจอะไรกันนักหนา เดินกี่วันๆก้ไม่เห็นมีอะไร ก็ใครมันจะกล้าขึ้นมาล่ะเนี่ย ทั้งมืดทั้งวังเวง แต่มันเป้นหน้าที่นี่ จะบ่นยังไงก็ต้องทำอยู่ดี
เธอเดินขึ้นไปเรื่อยๆทีละชั้นทีละชั้น ตอนนี้เธอกำลังจะก้าวขึ้นบันไดไปยังยอดหอคอย...
“นายมีอะไรให้ฉันรับใช้หรือ?”เสียงกวนประสาทที่คุ้นเคยดังขึ้นที่เบื้องหลังประตูที่จะเปิดไปยังยอดของหอคอยทำให้ฉันชะงักไม่ก้าวขึ้นไปบนบันไดเปลี่ยนเป็นแอบอยู่ตรงนั้น
“นายเป็นอะไรกับเฟริน”เฟริน...งั้นหรือ 3 คนนี้เขามีปัญหาอะไรกันแน่ ถึงตอนนี้ฉันคงไม่ต้องเดาแล้วใช่ไหมคะว่าคน 2 คนนั้นเป็นใคร ฉันชะโงกหน้าออกไปดูนิดหนึ่ง เผื่อจะเจอเจ็คพ็อตประมาณว่าประตูเปิดอยู่จะได้แน่ใจว่า 2 คนที่ว่าเป็นคนที่คิดหรือเปล่า แต่ว่า....
“ฟะ”ออกเสียงยังไม่ทันจบพยางค์ดีฉันก็ต้องรีบตะครุบปากตัวเองแล้วหลบเข้ามุมเดิม
ตายละหว่า จากที่ตอนแรกคิดว่ามีแค่ 2 กลับกลายเป็นมีบุคคลต้นเรื่องมายืนเป็นสักขีพยานฟังอยู่หน้าประตูนั้น และฉันก็คิดว่า 2 หนุ่มนั่นคงไม่รู้ตัวด้วยล่ะมั้ง
“ฉันถามว่าเฟรินเป็นอะไรกับนาย!!!!!!”เสียงตวาดที่ไม่คิดว่าจะออกจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเย็นชาทำให้ฉันสะดุ้งไปทั้งตัว ขนาดฉันยืนอยู่ไกลขนาดนี้ยังตกใจมากขนาดนี้ แล้วคนที่ยืนอยู่ใกล้ถึงเพียงนั้น คนที่อยู่ใกล้แค่เพียงประตูกั้น คนที่เป็นสาเหตุของเรื่องเล่าจะรู้สึกเช่นไร
“นายชอบเฟรินใช่ไหม”บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป
“...บอกไป แล้วได้อะไรล่ะ...นายจะหมดรักเฟรินหรือยกเฟรินให้ฉันหรือไง..”ฉันเป็นห่วงเฟรินเหลือเกิน เธอจะรู้สึกยังไงนะที่คนที่เธอรักหมดหัวใจกับคนรักเธอสุดหัวใจมาทะเลาะกันเพราะเธอ....
“ขอเวลาฉันทำใจหน่อยละกัน”เสียงนี้ดังขึ้นก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงเปิดประตู แย่แล้วยุ่งแน่ เฟรินยังยืนอยู่ตรงนั้นอยู่เลย
“ ขอโทษนะ ที่..ฉัน ไม่เคยรู้ความรู้สึกของนายเลย ไม่เคยรู้เลยว่านายจะรู้สึกยังไง เวลาที่ต้อง...แกล้ง..เป็นแฟนกับฉัน ไม่เคยเลย ขอโทษ...โร ฉันขอโทษ ”
“ ไม่เป็นไร...เธออย่างร้องไห้เลยนะ ”อิจฉา...ฉันไม่อยากจะยอมรับสักนิดว่าฉันอิจฉาเธอเฟริน เธอเป็นที่รักของคนมากมาย เธอกุมดวงใจของชายไว้หลายคนโดยที่ไม่รู้ตัว แม้กระทั่งคนที่ฉันแอบรักก็ยังรักเธอ รักเธอโดยไม่หวังให้รักตอบ รักเธออย่างที่ยอมเจ็บปวดอยู่คนเดียวดีกว่าให้เธอมาเจ็บปวดด้วย รักมาก รักมาก..สุดชีวิต
เสียงก้าวเท้าลงมาตามบันไดบอกให้ฉันรู้ว่ามีคนกำลังลงมา ฉันซ่อนตัวในความมืดและพยายามบีบตัวให้เล็กเพื่อไม่ให้ใครเห็นแล้วกระอักกระอ่วนใจที่มีคนนอกอย่างเธอมารู้เห็นเหตุการณ์ในวันนี้
“โร!!”เสียงตะโกนหวานดังมาจากเบื้องบน
“เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม”เสียงหวานถามต่อ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ...เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”ไม่ต้องเห็นน่าเธอก็รู้ว่าเขาจะต้องยิ้มเพื่อให้เธอคนนั้นสบายใจ แม้ในใจมันจะเจ็บปวดปานใดก็ตาม....
“เอาแต่นั่งถอนหายใจเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก”ฉันเอ่ยก่อนที่จะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้โร
““ ก็แค่หวังว่าการถอนหายใจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้ ”สายตาที่มองกลับมานั้นช่างว่างเปล่าไร้จุดหมายเสียเหลือเกิน
“คิดตื้นๆน่า”ใช่คิดตื้นๆ เหมือนที่ตอนแรกที่ฉันรู้ว่านายอกหักจากเฟรินแล้วฉันคิดว่าฉันจะสามารถแทนที่เฟรินได้ยังไงล่ะ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าไม่มีทางเลย นายไปเปิดใจให้ใครเลยสักนิดเดียว...
“ มีอะไรปรึกษาได้นะ เพื่อนกัน ฉันไม่คิดตังค์นายหรอก ”ฉันนั่งลงใกล้ๆเขาไม่ได้หวังว่าจะให้ฉันมามองฉัน แต่ตอนนี้ฉันหวัง หวังแค่ในตอนนี้ให้นายยอมรับความช่วยเหลือจากฉันบ้าง ให้ฉันได้แบ่งเอาความทุกข์จากนายมาบ้างสักนิดก็ยังดี
ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั้น ฉันก็รู้สึกได้ถึงความหนักที่กดทับลงมาบริเวณไหล่
“นาย!”ฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“ขออยู่อย่างนี้สักนาทีนะ นาทีเดียว แค่นาทีเดียวเท่านั้น”ความชื้นที่ไหล่ทำให้ฉันรู้ว่าน้ำตาของเขากำลังไหลริน แต่ฉันจะทำอะไรได้ ปลอบก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ไปละกันเนอะ
..................................................................................
แก้ไขครั้งแรก 06/05/08
สวัสดีค่ะ ฟอล์เองนะ ตอนนี้เป็นตอนที่ 2 แล้วค่า เป็นยังไงบ้าง อ่านแล้วโพสบอกกันบ้างนะคะ
ความคิดเห็น