ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] :: Solitude :: (Kai x D.O)

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF EXO] :: Solitude :: [KAI x D.O] Part 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 522
      0
      6 ต.ค. 55

    "... If it is really too late
    and I can't go back
    then, it's me who have to learn to stop
    or living will be too hard..."




    Background Music :: Huh Gak - Hello


    .

    .

    .

    .

    .


     

     

    "Solitude"
    Part 1

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ... Being different doesn't mean

    you have to be alone ...

     

     

     

     

     

     

    Solitude



     

    “ไม่สบายหรือเปล่าคยองซู"



    เซฮุนหันมาถามผมหลังจากที่เห็นผมนั่งเช็ดน้ำมูกมาร่วมชั่วโมแล้วตั้งแต่เริ่มคาบเรียนมา ผมหันไปยิ้มให้เขาในเชิงตอบรับแล้วก็ทำปากกระซิบบอกว่าแอร์ในห้องเล็คเชอร์มันหนาวมากจริงๆ ด้วยไม่อยากพูดเสียงดังกลัวรบกวนเพื่อนคนอื่นๆ ที่กำลังเรียนอยู่



    “อ้าว แล้วทำไมไม่เอาเสื้อหนาวมาล่ะ"



    “ลืมน่ะ" ผมตอบไปตรงๆ "ว่าจะหยิบออกมาแล้วแท้ๆ นะ แต่ลืมไว้ที่ตู้เสื้อผ้าอ้ะ"



    เซฮุนทำหน้าเห็นใจผมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาเองก็ไม่มีเสื้อกันหนาวเหมือนกัน แต่อย่างไรเสียเจ้านั่นก็เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้สึกร้อนหนาวเหมือนคนอื่นอยู่แล้วจึงไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไรนัก และก็คงเป็นโชคร้ายของกลุ่มผมด้วยเช่นกันที่เลือกที่นั่งตรงกับปากช่องแอร์ขนาดนี้ แล้วเจ้าห้องเรียนเจ้ากรรมนี่ก็ดันปรับอุณหภูมิแอร์ไม่ได้เสียด้วย เลือกได้แค่ว่าจะเปิดหรือปิดเท่านั้น ดังนั้นผมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งทนหนาวและก้มหนาก้มตาเรียนต่อไปแม้มือจะสั่น



    “เอ้านี่ เอาไป"



    เสื้อกันหนาวตัวสีฟ้าอ่อนถูกส่งมาให้จากที่นั่งด้านหน้า จงอินหนึ่งในเพื่อนในกลุ่มผมนั่นเองที่ถอดเสื้อหนาวเขาออกแล้วส่งมาให้ผม สายตาของเขาก็เหมือนปกติก็คือใจดีเหมือนทุกวัน



    “นายก็ใส่ไปดิ" ผมตอบกลับไปด้วยความที่เราสนิทกัน "บ้าป่ะ ส่งมาให้ฉัน แล้วนายก็นั่งหนาวๆ ไปอ้ะนะ ไม่ต้อง"



    “เห้ยใครบอก" เขาตอบกลับมาง่ายๆ "ตอนนี้ไม่หนาวล่ะ เอาไว้ฉันหนาวแล้วเดี๋ยวค่อยเอาคืนแล้วกันนะ" เขาพูดพลางวางเสื้อหนาวตัวนั้นไว้ที่ตรงหน้าผม "ใส่ๆ แล้วเรียนไปเหอะ หน้าซีดหมดแล้วนายอ้ะ"



    แล้วผมก็จำใจต้องรับเสื้อหนาวของเพื่อนของผมมาใส่อย่างห้ามไม่ได้ ขณะที่กำลังใส่อยู่นั้นมือของผมก็ยังคงสั่นอยู่ด้วยความหนาวและผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าริมฝีปากของผมมันแห้งมากแล้ว และเมื่อเจ้าเสื้อกันหนาวสีฟ้าอ่อนตัวนั้นทาบทับไปบนตัวของผม ความอบอุ่นก็เริ่มแล่นปราดไปตามลำตัวอย่างรวดเร็ว ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาจับปากกาจดบทเรียนต่อไปได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าเมื่อครู่นี้แล้ว



    ช่องแอร์ข้างบนศีรษะของผมยังคงพ่นลมหนาวออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากที่นั่งตรงนี้ ผมเห็นจงอินที่นั่งอยู่ข้างหน้า เรือนผมสีดำของเขากระดิกไปมาอยู่ตลอดเวลาตามแรงของลมแอร์นั้น ไม่บอกก็รู้ว่าเขาก็คงรู้สึกหนาวไม่น้อยอยู่เหมือนกัน



    “เห้ย จงอิน" ผมเรียกเขา เขาหันมา "...หนาวก็เอาคืนไปเหอะ"



    “ไม่ต้องพูดแล้วน่า ใส่แล้วก็เรียนๆ ไป อย่าเรื่องมากได้ป่ะ บอกแล้วถ้าหนาวเดี๋ยวขอคืนเอง"



    แล้วเขาก็หันกลับไปเรียนต่อถือว่าบทสนทนาระหว่างผมกับเขาได้จบลง ผมกระชับเสื้อหนาวตัวนั้นให้มันอุ่นขึ้น แต่จะมีใครรู้ไหมว่า นอกจากผมจะเริ่มหายหนาวกายแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของผมมันเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น



    จะเป็นไปได้เหรอที่ผมชอบเพื่อนของตัวเองเข้าแล้วด้วยเรื่องแค่นี้...




     

    Solitude




     

    เคยหรือเปล่าที่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดดเดี่ยวเดียวดายเสียเหลือเกินแม้จะมีคนอยู่รอบกายมากมายก็ตาม ผมเองก็ไม่ต่างกัน อย่างเช่นวันนี้ที่ผมมาเที่ยวเล่นกับเพื่อนในกลุ่มและเพื่อนนอกกลุ่มอีกหลายคนที่ห้องคาราโอเกะ เราอยู่ด้วยกันมาก็ร่วมชั่วโมงได้แล้วแต่ทุกคนก็ยังสนุกสนานเลือกเพลงกันต่อไปเพื่อร่วมฉลองกันในโอกาสวันเกิดของหนึ่งในพวกเรา



    “เอ้า คยองซู มาร้องหน่อยสิ นั่งเงียบมานานแล้วแกอ้ะ"



    ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ กลับไป ใครมันจะไปร้องลง แต่ละคนพาแฟนกันมาทั้งนั้น ผมเองมาคนเดียวด้วยว่าเป็นคนในกลุ่มเดียวกับแบคฮยอนเจ้าของวันเกิด แต่ถ้าผมรู้ก่อนว่าหากมาแล้วจะมาเจอสภาพแบบนี้ผมคงปฏิเสธไปตั้งแต่แรก



    “ไม่เอาอ้ะ ฉันไม่ชอบร้องคาราโอเกะ"

    ผมตอบกลับไปตามความเป็นจริง ทุกครั้งที่ผมมาร้องคาราโอเกะแบบนี้ ผมจะอาศัยแหกปากร่วมไปกับเพื่อนในกลุ่มมากว่า จับไมค์ก็นานๆ ทีเพราะว่าผมไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเวลาร้องเท่าไรนัก ผมมักจะถูกด่าบ่อยๆ ว่าไร้อารมณ์บ้างล่ะ ร้องแล้วหมดอารมณ์บ้างล่ะ ก็แล้วแต่คนจะวิจารณ์กันไป อย่างไรก็ตามผมก็ไม่เคยถือโกรธอะไรเพื่อนผมแม้สักครั้งเพราะว่ามันก็เป็นความจริง



    “แล้วจะมาทำไมเนี่ย มาก็มานั่งตีหน้าเบื่อโลกแบบนี้" แบคฮยอนพูดข้ามห้องมา "วันเกิดฉันนะเว้ย"



    ...ก็วันเกิดนายไงล่ะฉันถึงได้มา แล้วไหนอ้ะเพื่อนฉันไม่เห็นมีสักคน...



    ผมได้แต่คิดอยู่ในใจแบบนั้น ถ้าความเหงามันจะทรมานขนาดนี้ ถ้าการเห็นคนอื่นอยู่กันสองคนแล้วมีความสุขในความสัมพันธ์มันจะบีบคั้นหัวใจผมได้ขนาดนี้ ขอบตาของผมเริ่มร้อนขึ้นมาเมื่อคิดแบบนั้น ฉับพลันผมก็รู้สึกว่าตัวเองอ้างว้างและอ่อนแอเป็นที่สุด ในกลุ่มของเราหกคนก็ยังมีผมคนเดียวที่ไม่มีใคร แต่ตรงนั้นมันไม่แย่เท่ากับการมองเพื่อนตัวเองทุกคนอยู่กับแฟนหรอกจริงไหม



    “ไปห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา"



    แล้วผมก็ลุกออกจากที่นั่งออกจากห้องไป ผมแทบไม่ได้มองระหว่างทางนั้นผมเดินสวนใครไปบ้างเพราะผมรู้ว่ากำแพงแห่งความเข้มแข็งของผมกำลังพังทลายลงไปในไม่ช้า แต่เมื่อเดินเข้าประตูห้องน้ำไปผมก็ต้องผงะ



    “อ้าวคยองซู รีบเดินเข้ามาเชียวนะ ปวดฉี่มากจะอั้นไม่ไหวหรือไง" เป็นซูโฮนั่นเองผมก็ไม่ทันนึกว่าเขาเพิ่งลุกมาเข้าห้องน้ำก่อนหน้าผมไม่นาน "อ้าว เป็นไรวะเห้ย"



    ผมรีบเบื้อนหน้าไปอีกทางทันทีแม้จะไม่ทันแล้วก็ตาม



    “เปล่า...” ปฏิเสธออกไปอย่างยากเย็น



    “เปล่าแล้วร้องไห้ทำไม" เขาถามน้ำเสียงจริงจัง "มานี่เลย มานั่งคุยกันตรงนี้"



    “ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร" อีกครั้งที่ผมปฏิเสธ "จะมาล้างหน้า เมื่อกี้ฝุ่นมันเข้าตา เดี๋ยวก็กลับเข้าไปเองน่า"



    เขามองหน้าผมอย่างคาดคั้นเหมือนกับอ่านใจของผมทะลุปรุโปร่ง ผมไม่ชอบเวลาที่มีใครมามองผมแบบนี้ มันเหมือนกับว่าผมไม่สามารถปกปิดอะไรเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกส่วนไหนในใจของผมก็ตาม จะรัก จะชอบ จะโกรธ จะเกลียด หรือจะเสียใจอะไร ผมไม่เคยปิดใครได้ เพราะดวงตาของผมมันฟ้องความจริงหมดทุกอย่าง



    “ถามจริงๆ นายกับฉันเป็นเพื่อนกันมากี่ปี" น้ำเสียงของซูโฮตอนนี้เป็นน้ำเสียงของเพื่อนเหมือนที่ผมเคยได้ยิน "...แล้วคิดว่าเรื่องแค่นี้ฉันจะดูไม่ออกหรือไง... มานี่มา"



    แล้วเขาก็คว้าข้อมือของผมก่อนจะลากไปนั่งลงที่เก้าอี้เลานจ์ตรงส่วนล็อบบี้ของร้าน เอ่ยปากสั่งเครื่องดื่มมาสองแก้วจากพนักงานแล้วก็หย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกับผม ผมเองตอนนี้หลังจากที่นั่งแล้วก็เอาแต่ก้มหน้ามองลงไปที่พื้นและไม่พูดไม่จา ผมยังลังเลว่าจะบอกสิ่งที่ผมรู้สึกกับซูโฮออกไปดีหรือไม่



    ไม่นานนัก พนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม เป็นน้ำมะนาวปั่นแก้วหนึ่ง น้ำแตงโมปั่นอีกแก้วหนึ่ง ซูโฮส่งแก้วสีชมพูออกแดงสวยนั้นข้ามโต๊ะมาให้ผมอย่างรู้ว่าผมชอบมัน ผมรับมาแล้วก็ดูดเอาน้ำหวานเข้าปากไปเล็กน้อยก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะแก้วอย่างเดิมแล้วก็ก้มหน้ามองพื้นเหมือนเดิม



    “ตกลงเป็นอะไรคยองซู"



    ผมเม้มปากด้วยลังเลใจว่าจะพูดดีหรือไม่ นัยหนึ่งมันก็แค่ความรู้สึกบ้าๆ ข้างในตัวของผมที่ผมเองควรจะเป็นคนจัดการมัน ไม่ใช่เที่ยวเอาเรื่องส่วนตัวไปบอกคนอื่นให้มาช่วยแก้แบบนี้ แต่อีกนัยหนึ่งเพื่อนก็ควรมีเอาไว้เป็นที่ปรึกษาไม่ใช่หรืออย่างไร



    “ถ้านายไม่พูด ฉันคงไ่ม่เข้าใจแล้วก็ช่วยอะไรนายไม่ได้นะ" ซูโฮพูดต่อไปพลางดื่มน้ำมะนาวของเขา



    ผมเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด กับซูโฮคนเดียวคงจะไม่เป็นไรกระมัง บางทีผมอาจต้องการแค่ที่ระบายเท่านั้น แล้วมันจะดีขึ้นไหมหากผมได้ระบายออกกับหนึ่งในคนที่เป็นเพื่อนสนิทของผม



    “ซูโฮ...” ผมเริ่ม "...ฉันเหงา"


     

    Solitude
    To Be Contibued ...

     






    Talk:::

    ตอนแรกก็จบลงไปแล้วนะครับ
    แต่ก็เป็น SF อย่างที่บอกเอาไว้
    เพราะฉะนั้นก็คงไม่กี่ตอนก็จบแล้วฮะ
    จะพยายามมาอัพเร็วๆ แล้วกันนะครับ

    แต่เริ่มเดิมทีเรื่องนี้แต่งไว้ให้อินฟินิท
    แล้วก็รีไรท์มาเป็น ไคฮุน ก่อน
    แต่หลังจากผมมาลงเรือ KaiDO เรียบร้อยแล้ว
    ก็เลยจับมาปัดฝุ่นอีกสักนิดหน่อย
    เรียบเรียงใหม่อีกนิดนึง
    เพื่อให้ออกมาเป็น KaiDO ในที่สุดนะครับ

    ชอบไม่ชอบยังไงก็บอกได้นะครับผม
    ขอบคุณครับ
     



     
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×