ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] :: Halo :: [Chanyeol x Baekhyun]

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF EXO] :: Halo :: [Chanyeol x Baekhyun] Part 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 405
      2
      29 ก.ย. 55

    "...I swore I'd never fall again
    But this don't even feel like falling
    Gravity can't forget
    To pull me back to the ground again..."

    Background music: Beyonce - Halo

     


    "Halo"
    Part 1

     

     

     

     

     

     

     

    When you're in love,

    you are praised by God ...

     

     

     

     

     

     

    Halo

     



    ในหอประชุมขนาดใหญ่ที่บนเพดานมีโคมไฟระย้าส่องแสงสว่างพราวไปทั่วทั้งห้องประชุม บนพื้นนั้นเป็นพรมกำมะหยี่สีแดงสุดหรู เครื่องเรือนทั้งโต๊ะและเก้าอี้สำหรับแขกเหรื่อนั้นก็เป็นไม้ขัดเงาและปูด้วยผ้าสีทองอย่างดี อาหารและเครื่องดื่มนั้นมีปริมาณไม่มากนักแต่ก็เพียงพอให้ทุกคนได้ดื่มกินกันตลอดเวลาเข้าร่วมงาน สมาชิกที่เข้าร่วมต่างสวมใส่ชุดที่ดูดีและแต่งหน้ามาเพื่อให้ตนเองดูดีที่สุดเพื่อเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมาร่วมงานระดับนี้



    พิธีกรคู่ชายหญิงยืนอยู่บนเวทีพื้นไม้เงาวับรูปครึ่งวงกลมที่อยู่ด้านหน้าหอประชุม สีหน้าของทั้งสองยิ้มแย้มและเป็นธรรมชาตินับตั้งแต่เมื่อเดินออกมาจากหลังม่านเมื่อพิธีกรหลักประกาศชื่อของทั้งคู่ออกมาเป็นพิธีกรมอบรางวัล เมื่อสักครู่นี้ก็เพิ่งจบการฉายวีดีทัศน์ของบุคคลห้าคนผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขานี้ไปหมาดๆ และในเวลานี้ก็จะเป็นเวลาที่จะขานชื่อของใครสักคนในห้าคน พิธีกรหญิงมีสีหน้าตื่นเต้นปนอยู่ในรอยยิ้มกว้างนั้นในขณะที่พิธีกรชายค่อยๆ เปิดซองออก



    “และผู้ที่ได้รับรางวัลศิลปินชายยอดเยี่ยมประจำปีนี้... บยอนแบคฮยอนครับ!!”



    เสียงปรบมือดังกึกก้องทั้งหอประชุมทั้งชั้นบนและชั้นล่างในขณะที่ชายร่างบางในชุดสูททักซิโด้เรียบหรูและทรงผมที่จัดเรียบลงเพื่อให้ดูมีระเบียบนั้นลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตน รอยยิ้มกว้างฉายบนใบหน้าของเขาขณะที่ทั้งสองขาค่อยๆ ก้าวตรงมายังเวที ตลอดทางแขกอีกหลายๆ คนต่างยิ้มให้และพูดแสดงความยินดีด้วยและชายหนุ่มก็ได้แต่ค้อมศีรษะลงขอบคุณสลับกับยิ้มอยู่อย่างนั้น



    “อีกครั้งนะครับ...” เขายิ้มด้วยว่านี่เป็นหนที่สี่ของวันนี้แล้วที่ได้มายืนตรงนี้ในฐานะผู้ชนะรางวัล “ผมขอขอบคุณผู้จัดการส่วนตัวของผม...” ถ้อยคำนั้นไม่สั่นเลยแม้แต่น้อยและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นแต่รอยยิ้มนั้นยังคงมีอยู่ขณะที่กำลัวร่ายรายชื่อบุคคลผู้มีพระคุณที่ผลักดันตนเองมาได้จนถึง ณ จุดนี้ “...รวมไปถึงแฟนๆ ของผมทุกคนที่คอยรักและสนับสนุนผมอยู่ตลอดทั้งปีนี้ไม่ว่าจะมีข่าวดีหรือข่าวร้ายเกี่ยวกับตัวผม และผมสัญญาว่าจะทำตัวเองให้เหมือนเดิมและจะนำบทเพลงไปสู่ทุกคนเหมือนอย่างที่ผมเคยทำมา ผมรักทุกคนครับ ขอบคุณครับ!”



    จบประโยคแล้วชายหนุ่มก็ค้อมหลังลงอีกครั้งหนึ่งอย่างนอบน้อมก่อนที่จะเดินไปยังหลังม่านสีแดงผืนใหญ่แล้วเข้าไปที่หลังเวที บรรดาคนที่อยู่หลังเวทีนั้นต่างก็แสดงความยินดีร่วมไปกับเขาและเขาเองก็ตอบรับไปด้วยคำขอบคุณจากใจ ไม่นานนักก็โผล่พ้นห้องเตรียมเวทีออกมาที่ระเบียงทางเดินที่ซึ่งผู้จัดการและทีมงานของเขาวิ่งออกมารอเขาอยู่ตั้งแต่ตอนที่กำลังพูดขอบคุณบนเวทีอันทรงเกียรตินั้น



    “เยี่ยมไปเลยแบคฮยอน!” ผู้จัดการของเขาพูดในทันที “ได้สี่รางวัลจากการเสนอชื่อเข้าชิงหกรางวัล ปีนี้เป็นปีของนายจริงๆ นะ”



    “ขอบคุณครับ”



    “นายพูดได้ดีมากเลยล่ะ ฉันมั่นใจว่าพรุ่งนี้บรรดาสื่อเล่นข่าวนี้ในทางที่ดีแน่”



    “ใช่ๆ เรื่องที่ลงข่าวว่านายหยิ่ง หรือดังแล้วลืมตัวพวกนั้นจะได้จบๆ ไปเสียที”



    “แล้วแบบนี้ก็ต้องฉลองกันแล้วสินะ... เก่งมากๆ”



    “ขอบคุณครับ” พูดออกมาเป็นครั้งที่สองพร้อมกับค้อมหัวอีกครั้งหนึ่ง



    “หาที่เก็บดีๆ ล่ะ เอาไปรวมกับของปีที่แล้วๆ มาด้วย”



    “ฮ่าๆๆๆ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาร่วมงานกับนายนะ”



    “ขอบคุณครับ...”



    “ดังขึ้นเรื่อยๆ อีกแล้วสินะ ดีนะที่พวกเราเตรียมการอัลบั้มใหม่เอาไว้แล้วนะ เพลงก็พร้อม ดนตรีก็พร้อม อีกไม่นานก็ออกได้แล้วล่ะอัลบั้มใหม่ของนายน่ะ” ผู้จัดการพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย “...จะว่าไปเอาชื่ออัลบั้มเป็นประมาณว่าขอบคุณแฟนๆ ก็ดีเหมือนกันนะ”



    “โห หัวหน้า นี่ยังไม่จบงานเลยนะครับ คิดงานใหม่แล้วเหรอ”



    “ไม่ได้ๆ ตอนนี้คิดแล้วก็พูดออกมาเลย เผื่อฉันลืมใครจะได้นึกออกขึ้นมา...” รอยยิ้มนั้นฉายออกมาชัดเจน “...น้ำขึ้นต้องรีบตัก ไม่รู้หรือไง”



    “ครับๆๆ” อีกคนหนึ่งรับคำก่อนกันมาทางร่างบางที่ถือถ้วยรางวัลรูปแผ่นเสียงนั้นอยู่เงียบๆ “...นายนี่โชคดีมากจริงๆ นะ จับอะไรเป็นดัง จับอะไรก็สำเร็จ”



    “ใช่ๆ เป็นดาราใหญ่ มีข่าวรายวันแล้วล่ะนี่”



    “ขอบคุณครับ”



    ...ไม่ได้หรือยังไงนะ ก็แค่เป็นคนธรรมดาเท่านั้น...




     

    Halo




     

    “บ้าเอ๊ย...”



    บยอนแบคฮยอนบ่นอย่างหงุดหงิดหลังจากที่เมื่อครู่นี้เขาต้องหักเลี้ยวและเบรกรถกระทันหันเมื่ออยู่ๆ ก็เหมือนเห็นสุนัขตัวหนึ่งวิ่งมาบนถนน แต่ด้วยความที่ถนนสายนี้เป็นทางมอเตอร์เวย์ที่รถทุกคันต่างแล่นด้วยความเร็วสูงเพื่อที่จะมุ่งออกไปยังต่างจังหวัด ดังนั้นรถของเขาเมื่อเลี้ยวอย่างเสียจังหวะแล้วจึงทำให้รถที่วิ่งมาทางขวานั้นหักหลบได้ไม่หมดและก็เกิดเป็นรอยแผลขนาดใหญ่ที่ข้างตัวรถทั้งของเขาและของอีกคันหนึ่ง รวมทั้งแผลขนาดเล็กบนหน้าผากของร่างบางเองด้วย



    ชายร่างสูงคนหนึ่งในแว่นตาดำเดินลงมาจากรถสีเงินคนที่แบคฮยอนชนด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ขายาวๆ นั้นก้าวตรงมาดูรอยการชนเมื่อครู่นี้ก่อนที่จะก้าวฉับๆ ตรงมายังรถสีดำของดาราหนุ่ม



    “คุณครับ” เสียงใหญ่ๆ ดังออกมาจากชายคนนั้นเมื่อเขาเดินมาถึงที่นั่งคนขับ บยอนแบคฮยอนสวมแว่นกันแดดแล้วเลื่อนหน้าต่างลง “...ผมว่าคุณขับรถแย่ไปหน่อยนะครับ รถผมบุบไปตั้งเยอะเลย แล้วไหนจะรถคุณอีก ขับแบบนี้ใช้ไม่ได้นะครับ”



    “ผมขอโทษครับ” พูดออกไปอย่างรวดเร็ว “...เดี๋ยวผมให้ประกันของผมจัดการให้ก็แล้วกันนะครับ”



    “แค่นั้นไม่เป็นไรหรอกครับ...” ใช้คำพูดอันสุภาพเหมือนกับว่าเป็นธรรมชาติของเขา “...แต่ผมอยากให้คุณรู้เท่านั้นเองว่าคราวหน้าคราวหลังก็ขับรถให้ระวังๆ หน่อยก็แล้วกัน ดีนะที่ไม่มีใครเป็นอะไรไป...” พูดยืดยาวพลางมองมาที่ใบหน้าของอีกฝ่าย “...ผมว่าเราลงมาคุยกันตรงๆ ดีกว่านะครับ คุณชนผมแต่นั่งหลบอยู่ในรถแบบนี้มันดูไม่มีมารยาทเลยนะครับ”



    ร่างบางรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองนั้นชาขึ้นเหมือนถูกตบเข้าฉาดใหญ่ๆ แต่มันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากจะลงไปเพื่อให้ใครก็ตามจำได้ว่าเขาเป็นใคร และเขามาขับรถชน อีกสองวันเขาจะวางแผงอัลบั้มใหม่และมันจะไม่ดีเอามากๆ หากมีข่าวแบบนี้ออกไป



    “คือผม...”



    “ลงมาเถอะครับ เราจะได้คุยธุระเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วผมจะได้ไปจัดการงานของผมต่อด้วย ผมเองก็รีบเหมือนกันนะครับ”



    จนต่อคำพูดของอีกฝ่ายเขาจึงจำต้องยอมเปิดประตูและก้าวลงมาจากรถ โชคยังดีที่วันนี้แดดจ้า การใส่แว่นกันแดดคุยกันคงไม่ใช่เรื่องผิดมารยาทเท่าไรนัก ชายหนุ่มออกไปจากรถแล้วยืนเก้ๆ กังๆ มองรอยที่เกิดจากการชนเมื่อสักครู่นี้ คงจำเป็นจะต้องโทรหาผู้จัดการหากอยากให้ข่าวเงียบลง และยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น



    “ถ้าอย่างนั้นผมว่าเดี๋ยวเราให้ประกันมาคุยกันเลยดีกว่านะครับ แต่ว่าผมเองก็รีบ คุณเองก็คงจะ... เอ๋ คุณมีแผลด้วยนี่ครับ”



    ไวเท่ากับตอนที่สังเกตและพูดออกมามือหนาถอดเอาแว่นกันแดดอันโตออกจากใบหน้าของร่างบางในทันทีเพื่อพิจารณารอยแผลที่เป็นต้นเหตุของเลือดที่ไหลออกมาเป็นทางนั้นอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายนั้นห้ามเอาไว้ไม่ทัน



    “ไหนดูหน่อย...” ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ “... อืม แผลไม่ใหญ่เท่าไรนัก แต่ยังไงคุณก็ต้องไปโรงพยาบาลอยู่ดี...” พูดพลางล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดๆ อยู่พักหนึ่ง “...ข้างหน้าก็มีโรงพยาบาลอยู่ งั้นผมว่าเราไปคุยเรื่องนี้กันต่อที่โรงพยาบาลดีกว่านะครับ”



    “ไม่เป็นไรครับคุยกันตรงนี้แหละ”



    ตอบออกไปอย่างรวดเร็วและพยายามหลบหน้าอย่างไม่ให้ผิดสังเกตไปพร้อมๆ กัน หากไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็ต้องให้ประวัติของเขาไปกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนั้นอย่างช่วยไม่ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะกลายเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมยิ่งกว่าเก่า และชายร่างสูงคนนี้ก็จะถูกแฟนเพลงของเขาต่อว่าเอาก็คงไม่น้อยอยู่



    “ไม่ได้ครับ”



    ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าคนที่กำลังพูดเจรจากันอยู่ด้วยนั้นเป็นใครทั้งๆ ที่เมื่อเดือนก่อนก็เพิ่งมีภาพใบหน้าของเขาอยู่บนหนังสือพิมพ์และนิตยสารแทบทุกฉบับรวมไปถึงการออกข่าว ออกงานต่างๆ แทบไม่ว่างเว้นแต่ละวัน



    “ขอร้องล่ะครับ คุยกันที่นี่เถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมไปทำแผลเอง”



    “ไม่ได้ครับ ยังไงก็ต้องรีบไปทำแผลก่อน ขืนคุยตรงนี้คงอีกนาน”



    “ขอร้องเถอะนะครับ...” ร่างบางพยายามอ้อนวอน “...คือผม...” ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็จำเป็นต้องยอมบอกเหตุผลที่มีออกไป “...คือผมเป็นดาราน่ะครับ และผม... ผมกำลังจะออกอัลบั้มใหม่อาทิตย์นี้...” ฟังดูเหมือนเป็นการเห็นแก่ตัวและเป็นเหตุผลที่งี่เง่าที่สุดก็ไม่ปาน “...ผมไม่อยากให้มีข่าวจำพวกแบบนี้แพร่ออกไปน่ะครับ...”



    ร่างบางเม้มริมฝีปากด้วยอยากให้เรื่องนี้ออกมาตามที่คาดหวังไว้ เขาไม่อยากจะมีเรื่อง ไม่อยากจะให้เป็นข่าว อยากจะให้ชีวิตของตนเองได้มีเวลาสงบๆ แบบปรกติบ้าง



    “อะไรนะครับ”



    จากน้ำเสียงก็บอกได้แล้วว่าบุคคลตรงหน้านั้นไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเขาเป็นดาราจริงๆ แว่นตาดำของอีกฝ่ายถูกถอดออกช้าๆ และเผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียนของอีกฝ่ายและดวงตากลมโตสีดำที่เบิกกว้างเหมือนกับจะตกใจที่เพิ่งรับรู้ข้อมูลเมื่อครู่นี้ไป ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ การพูดคุยเมื่อครู่นี้ทั้งหมดก็จะเป็นการพูดคุยระหว่างคนธรรมดาสองคนอย่างนั้นหรือ



    ...นี่หรือเปล่าสิ่งที่เรียกว่าชีวิตธรรมดา... มันใกล้เคียงเข้าไปอีกขึ้นหนึ่งแล้วหรือยัง...







     

    Halo
    To Be Continued ...

     







     



    Talk:::

    สำหรับเรื่องนี้ แต่เริ่มเดิมทีผมก็แต่งไว้เป็นฟิคของวงอินฟินิทนะครับ
    แล้วก็ลงในบอร์ดบ้านอินฟินิทไปแล้วด้วยครั้งหนึ่ง
    แต่พอดีช่วงนี้ก็มาชอบ EXO ก็เลยรีไรท์ใหม่เป็นฉบับของ EXO บ้างนะครับ



    ความจริงแล้วผมก็เป็นไรตเตอร์ที่ชื่นชอบคู่ KaiSoo (KaiDO) มากเป็นพิเศษนะครับ
    แต่ก็อย่างที่เห็นว่า ChanBaek นี้ก็พอจะโอเคได้บ้าง
    ไว้ถ้ามีโอกาสผมจะพยายามมาอัพเรื่อยๆ นะครับ ขอบคุณที่ติดตามครับผม



    ฟอลโลว์ได้นะครับ @ice_haku
    อาจจะไม่ค่อยได้ทวิตอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพลงเกาหลีเท่าไร
    แต่ถ้ามีเมนชันอะไรมาถามผมก็ตอบแน่นอนครับ


    ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับ ^ ^




    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×