คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF EXO] :: Solitude :: [KAI x D.O] Part 4 (END)
"...We can't break up
It's too early for me
Please don't leave me like this
Because there's so much I haven't told you
Because it's you, it's really you
I can't go on like this
The reason I live is you
So, please dont' leave me now..."
Background Music :: Huh Gak - Hello
.
.
.
.
.
คำแนะนำ:::
กรุณากดดาวน์โหลดตอนที่ซ่อนเอาไว้ก่อน
มันคือตอนจบของเรื่องนี้นะครับ
กดโหลดเอาไว้ก่อนแต่อย่าเพิ่งอ่านนะฮะ
โหลดเสร็จแล้วก็เริ่มอ่านเนื้อเรื่องในหน้าเด็กดี part 4 นี่ได้เลย
จากนั้นค่อยอ่านตอนที่ซ่อนไว้นะครับ
http://www.mediafire.com/view/?uxk43w8h99lxj8g
.
.
.
.
"Solitude"
Part 4 (END)
... Being different doesn't mean
you have to be alone ...
Solitude
ผมนั่งอยู๋ในรถเก๋งสีเงินคันที่ผมเคยนั่งมาแล้วเป็นสิบครั้ง
ทุกครั้งที่ผมขึ้นมันมักจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเรื่องราวดีๆ เสมอ
แต่วันนี้มันต่างออกไป
หลังจากที่ผมต่อว่าพี่ชานยอลมากมายแล้วและถูกเขากล่อมจนยอมขึ้นรถของจงอินในที่สุด
ตอนนี้ผมก็นั่งเงียบๆ อยู่ที่เบาะข้างคนขับและไม่พูดไม่จา
เจ้าของรถเพื่อนของผมนั้นก็นั่งอยู่ที่นั่งฝั่งของเขา
มือข้างหนึ่งวางอยู่บนพวงมาลัยอีกข้างก็เท้ากระจกแล้วกุมหัวเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรผมถึงจะยอมคุยกับเขา
รถคันนี้จอดนิ่งอยู่กับที่มานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
พี่ชานยอลเองก็กลับไปแล้ว
และผมกับเขาก็นั่งกันอยู่แบบนี้ไม่พูดไม่จากันมาตลอดเลยเช่นกัน
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย แต่อย่างน้อย
ถ้านายยังเห็นฉันเป็นเพื่อน นายก็ควรจะพูดกับฉันบ้าง"
จงอินพูดใส่กระจกรถ
สายตาของเขามองออกไปข้างนอกไปยังอะไรผมก็ไม่อาจรู้ได้
แต่ผมรู้แน่ชัดอย่างหนึ่งว่าสิ่งที่เขาเห็นต้องไม่ใช่วิวทิวทัศน์ข้างนอกอย่างแน่นอน
เพราะผมเองก็เหมือนกัน มองออกไปนอกรถอย่างเลื่อนลอยโดยที่ไม่อาจเข้าใจภาพที่เห็น
“ถ้าการนั่งเฉยๆ ทำให้นายรู้สึกดีขึ้นฉันก็ไม่ห้ามหรอกนะ"
เขายังคงพูดต่อไป
"หรือนายจะให้ฉันขับไปส่งนายที่บ้านดีไหม"
“ฉันจะกลับหอ"
ผมพูดออกไปในที่สุดไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจ
"...ถ้านายจะพาฉันไปไหนก็พาไปหอนั่นแหละ
แล้วหลังจากนั้นนายจะไปไหนต่อก็เรื่องของนาย"
“หอนายปิดแล้วป่านนี้น่ะ"
เขาพูดกลับมาแทบจะในทันทีและก็เป็นครั้งแรกของคืนนี้ที่ผมมองนาฬิกา เกือบจะตีสามแล้ว
“แล้วทำไมนายไม่นอนอีก นี่มันจะตีสามแล้วนะ"
“เพราะนายไม่ได้อยู่ที่หอ" จงอินตอบกลับมาอีกครั้ง
"...ฉันโทรไปถามที่หอนายแล้วก็บอกว่านายยังไม่ได้แลกบัตรขึ้นหอเลยคืนนี้
แล้วโทรไปที่บ้านนายนายก็ไม่ได้กลับ นายจะให้ฉันนอนหลับได้ยังไง"
ผมนิ่งไปอีกครั้งเมื่อเขาพูดออกมาอย่างนั้นพลางคิดในใจว่า
ไม่อยากให้เขาทำกับผมเหมือนเป็นคนสำคัญกับเขาแบบนี้
“แล้วนายจะไปอยู่ไหนได้ เพื่อนเราทุกคนก็ไปเทีี่ยวเกาะกันหมดแล้ว...”
เขาพูดต่อไปเหมือนจะระบายความอัดอั้นของทั้งคืนออกมา
น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยไม่รู้ว่าเพราะอะไร
"...ฉันก็ตามหานายทุกทีที่คิดว่านายจะไปแล้วก็ยังไม่เจอนาย
โทรหานายก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปนายก็ไม่ตอบ
แล้วบอกหน่อยสิถ้าเป็นนาย นายจะนอนหลับได้ไหม"
ผมไม่ได้ตอบอะไรพลางคิดทบทวนคำพูดของเขา
บางอย่างมันฟังขัดหูเสียเหลือเกินแต่เนื่องจากตอนนี้สติของผมยังไม่ครบดีจึงต้องค่อยๆ คิดไปทีละประโยค
จนในที่สุดก็เข้าใจว่าอะไรที่มันสะดุดอยู่ในหูของผม
“แล้วทำไมนายไม่ไปเที่ยวกับคนอื่น" ผมหันไปถามเขา
“แล้วให้ทิ้งนายอยู่นี่น่ะเหรอ?” เขาทวนคำกลับมา ยังคงไม่หันมามองหน้าผม
จากตรงนี้ยากนักที่จะบอกว่าเขาทำสีหน้ายังไง
"ถ้าต้องทิ้งเพื่อนอย่างนายเพื่อไปเที่ยวกับกลุ่มนั้นฉันก็ไม่ไปหรอก
ฉันรับปากแม่นายมาแล้วนะว่าจะช่วยดูแลนายตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่น่ะ"
“ฉันดูแลตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งนาย"
“แล้วสภาพแบบนี้เนี่ยนะที่บอกว่าดูแลตัวเองได้" เขาสวนกลับมาทันควัน
"นายอย่าทำตัวเป็นเด็กหน่อยเลยคยองซู
ถ้าคนที่นายเจอไม่ใช่คนดีแบบคุณชานยอลแล้วนายจะทำยังไง
ถ้าหากคนที่นายเจอทำไม่ดีกับนายแล้วนายจะเรียกเวลามันคืนมาได้มั้ย
นายรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน"
ผมเงียบไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาพูดออกมาเพราะอะไร
แต่ตอนนี้คำพูดเหล่านั้นมันกำลังทำให้ผมสับสนอีกครั้ง
และผมก็ย้อนนึกกลับไปวันที่เราทะเลาะกันแล้วเขาก็บอกว่ารักและจูบผม
ตอนนี้ผมไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นอีกต่อไปแล้ว
“แล้วนายปล่อยซอลลีไปเที่ยวคนเดียวงั้นเหรอ" ผมถามถึงแฟนเขาหลังจากที่ได้สติขึ้นมา
“อืม"
“นั่นแฟนนายทั้งคนนะ!”
“เขาเลิกกับฉันไปแล้ว" เขาพูดออกมาในทันที
น้ำเสียงของเขาสั่นมากขึ้นอีกนิดเหมือนกับว่าเรื่องที่เขากำลังจะพูดยังคงทำร้ายเขาอยู่ไม่น้อยทีเดียว
"...เพราะวันนั้นที่ฉันจูบนายนั่นแหละ"
“อะไรนะ"
ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทำไมเขาถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
แค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบของเขาทำให้เขาต้องเลิกกับคนที่คบกันมาถึงสามปี
ผมไม่เข้าใจ นี่มันเรื่องอะไร
“ฉันจะไปคุยกับซอลลี เรื่องนี้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด"
“ไม่ต้องหรอก" เขาหันมาหาผมในที่สุด
ดวงตาของเขาแดงน้อยๆ เหมือนกำลังพยายามฝืนอะไรบางอย่าง
"...เสียซอลลีไป เสียใจสู้เสียนายไปไม่ได้เลยสักนิดเดียว"
เขาเว้นระยะ ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออก
"...นายรู้ไหม คืนนี้นายทำฉันคิดมากแค่ไหน
ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับนายขึ้นมาฉันจะทำยังไง...
ทำไมทำอะไรไม่คิดแบบนี้โดคยองซู"
ผมนิ่งเงียบสรรหาคำอะไรมาเถียงหรือต่อว่าเขาไม่ได้อีกต่อไป
ในดวงตาสีดำของเขามันบอกผมได้หมดว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าภาษาสายตา
เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ข้างหลังวงกลมสีดำๆ นั้น
“แต่นายเป็นผู้ชายนะ คิมจงอิน" ผมพูดออกไปหลังจากที่เงียบกันไปนาน
“แล้วยังไง?”
“ถ้านายเป็นผู้ชาย นายก็อย่าทำแบบนี้กับฉัน มันทำให้ฉันคิดมากนะรู้ไหม"
“รู้" เขาตอบกลับมาจริงจัง "...และฉันก็ไม่ได้อยากทำให้นายคิดมากหรอกรู้หรือเปล่า
แต่บางอย่างที่ฉันทำไปมันก็เป็นเพราะใจมันอยากให้ทำ
ฉันดีใจเวลาที่เห็นนายมีความสุข ดีใจที่เห็นนายรู้สึกดีๆ
แต่ฉันไม่เคยอยากให้นายมาชอบฉันเหมือนกัน ...
ทั้งหมดก็เพราะว่าฉันเป็นผู้ชาย... นายล่ะ เข้าใจฉันไหมคยองซู"
ผมก้มหน้าลงเมื่อเขาพูดคำนั้น
มาพูดเอาตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วในเมื่อเสื้อกันหนาวตัวนั้นมันทำให้สิ่งที่ผมมองเขานั้นมันเปลี่ยนไปหมดเลย
ไม่ว่าจะยังไงจากนี้ไปผมกับเขาเราคงไม่ใช่แค่เพื่อนกันเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
ทั้งสิ่งที่เขารู้สึกกับผมที่มันมากกว่าเพื่อน และผมเองก็ชอบเขาเหมือนกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง หรือเราสองคนจะรู้สึกยังไง เรื่องๆ นี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
ผมผิดเองคนเดียวที่หวั่นไหว...
ถ้าหากผมไม่ปล่อยให้ความเหงาเข้าครอบงำตัวเองขนาดนั้น
เรื่องทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้น
“ผิดที่ฉันเองแหละ...” ผมพูดออกไป "...ฉันขอโทษนะ"
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย" เขาพูดออกมาพลางเอื้อมมือไปที่เบาะหลัง
“เอ้านี่ ใส่ซะ ข้างนอกก็หนาว ในนี้ก็เย็น
มาเที่ยวกลางคืนแล้วยังไม่รู้จักเอาเสื้อหนาวมาอีกนะ"
เสื้อกันหนาวตัวสีฟ้าที่ทำให้ผมชอบเขาถูกส่งมาอีกครั้งหลังจากที่เขาหยิบมันมาจากเบาะหลัง
ผมรับมันมาเอาไว้ในมือแล้วก็กอดมัน ฉับพลันน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ถ้าหากไม่มีมันเมื่อวันนั้นผมคงไม่รู้สึกทรมานเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนแบบนี้
ผมกระชับกอดมันเสียแน่นแล้วก็สูดกลิ่นอันคุ้นเคยเข้าไป
พยายามสะกดกลั้นตัวเองเอาไว้ไม่ให้อ่อนแอไปมากกว่านี้
แต่ดูจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งนัก
“เป็นอะไรไป"
ผมได้แต่ส่ายหน้าเมื่อทำนบน้ำตาพังทลายลงมาอย่างห้ามไม่ได้
สำหรับคนอื่นมันอาจจะเป็นแค่เสื้อหนาวธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง
แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นมากกว่านั้นมากมายหล่าเท่านัก
“ฉันอยากนอนแล้ว" ผมบอกกับเขาไปแบบนั้น "...พาฉันไปส่งเถอะนะ"
Solitude
(เนื้อหาซ่อนไว้)
Solitude
The End
Talk::::
ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับ SF KaiSoo เรื่องที่สามที่ผมนำมาลงในเด็กดี
หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะชอบมันไม่มากก็น้อยนะครับ
และทุกอย่างในเรื่องเป็นเพียงบทละครสมมติ
หากทำร้ายจิตใจของใครไปบ้าง ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะฮะ
จะว่าไปแล้วผมว่าแนวทางการเขียนของผมก็คงเป็นแบบนี้
คือผมออกจะเป็นแนว surrealism หน่อยๆ
เรื่องที่ผมเขียนคงยากที่จะเกิดขึ้นจริงได้
แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่เคยบอกว่าผมเขียนเหมือนชีวิตจริงเลย
อาจจะเป็นแค่บางตอนของเรื่องเท่านั้นแหละครับ
ไม่มีนิยายเรื่องไหนที่ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง
ฟิคของผมก็คงเหมือนกัน
มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงทุกเรื่องแหละครับ
อาจจะมาจากเรื่องของผมเอง หรือมาจากเรื่องเล่า
ก็ต่างที่มาที่ไปกัน
เรื่องนี้ Solitude ก็แปลว่า "ความเหงา ความอ้างว้าง" นะครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยมีความรู้สึกแบบนี้มาทั้งนั้นแหละ
มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยเนอะว่ามั้ยครับ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็อย่าเพิ่งหมดแรงไปเสียก่อนล่ะครับ
ไม่ว่าจะเหงาสักเท่าไร เราก็ยังมีคนที่รักเรา และคนที่เรารักพร้อมอยู่เสมอครับ
ขอให้ทุกท่านมีใจที่เข้มแข็งนะครับ
ผมขอขอบคุณทุกคนมากที่อ่านฟิคของผม
ฟาคุ ฮาคุ ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น