ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] :: Solitude :: (Kai x D.O)

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF EXO] :: Solitude :: [KAI x D.O] Part 4 (END)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 55


    "...We can't break up
    It's too early for me
    Please don't leave me like this
    Because there's so much I haven't told you


    Because it's you, it's really you
    I can't go on like this
    The reason I live is you
    So, please dont' leave me now..."




    Background Music :: Huh Gak - Hello



    .

    .

    .

    .

    .


    คำแนะนำ:::


    กรุณากดดาวน์โหลดตอนที่ซ่อนเอาไว้ก่อน
    มันคือตอนจบของเรื่องนี้นะครับ
    กดโหลดเอาไว้ก่อนแต่อย่าเพิ่งอ่านนะฮะ
    โหลดเสร็จแล้วก็เริ่มอ่านเนื้อเรื่องในหน้าเด็กดี part 4 นี่ได้เลย
    จากนั้นค่อยอ่านตอนที่ซ่อนไว้นะครับ



    http://www.mediafire.com/view/?uxk43w8h99lxj8g



    .

    .

    .

    .




     




    "Solitude"
    Part 4 (END)

     

     

     

     

     

     

     

     

    ... Being different doesn't mean

    you have to be alone ...

     

     

     

     

     

    Solitude

     



    ผมนั่งอยู๋ในรถเก๋งสีเงินคันที่ผมเคยนั่งมาแล้วเป็นสิบครั้ง
    ทุกครั้งที่ผมขึ้นมันมักจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเรื่องราวดีๆ เสมอ
    แต่วันนี้มันต่างออกไป
    หลังจากที่ผมต่อว่าพี่ชานยอลมากมายแล้วและถูกเขากล่อมจนยอมขึ้นรถของจงอินในที่สุด
    ตอนนี้ผมก็นั่งเงียบๆ อยู่ที่เบาะข้างคนขับและไม่พูดไม่จา
    เจ้าของรถเพื่อนของผมนั้นก็นั่งอยู่ที่นั่งฝั่งของเขา
    มือข้างหนึ่งวางอยู่บนพวงมาลัยอีกข้างก็เท้ากระจกแล้วกุมหัวเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรผมถึงจะยอมคุยกับเขา
    รถคันนี้จอดนิ่งอยู่กับที่มานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
    พี่ชานยอลเองก็กลับไปแล้ว
    และผมกับเขาก็นั่งกันอยู่แบบนี้ไม่พูดไม่จากันมาตลอดเลยเช่นกัน





    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย แต่อย่างน้อย
    ถ้านายยังเห็นฉันเป็นเพื่อน นายก็ควรจะพูดกับฉันบ้าง"





    จงอินพูดใส่กระจกรถ
    สายตาของเขามองออกไปข้างนอกไปยังอะไรผมก็ไม่อาจรู้ได้
    แต่ผมรู้แน่ชัดอย่างหนึ่งว่าสิ่งที่เขาเห็นต้องไม่ใช่วิวทิวทัศน์ข้างนอกอย่างแน่นอน
    เพราะผมเองก็เหมือนกัน มองออกไปนอกรถอย่างเลื่อนลอยโดยที่ไม่อาจเข้าใจภาพที่เห็น





    “ถ้าการนั่งเฉยๆ ทำให้นายรู้สึกดีขึ้นฉันก็ไม่ห้ามหรอกนะ"
    เขายังคงพูดต่อไป
    "หรือนายจะให้ฉันขับไปส่งนายที่บ้านดีไหม"





    “ฉันจะกลับหอ"
    ผมพูดออกไปในที่สุดไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจ
    "...ถ้านายจะพาฉันไปไหนก็พาไปหอนั่นแหละ
    แล้วหลังจากนั้นนายจะไปไหนต่อก็เรื่องของนาย"





    “หอนายปิดแล้วป่านนี้น่ะ"

    เขาพูดกลับมาแทบจะในทันทีและก็เป็นครั้งแรกของคืนนี้ที่ผมมองนาฬิกา เกือบจะตีสามแล้ว





    “แล้วทำไมนายไม่นอนอีก นี่มันจะตีสามแล้วนะ"





    “เพราะนายไม่ได้อยู่ที่หอ" จงอินตอบกลับมาอีกครั้ง
    "...ฉันโทรไปถามที่หอนายแล้วก็บอกว่านายยังไม่ได้แลกบัตรขึ้นหอเลยคืนนี้
    แล้วโทรไปที่บ้านนายนายก็ไม่ได้กลับ นายจะให้ฉันนอนหลับได้ยังไง"





    ผมนิ่งไปอีกครั้งเมื่อเขาพูดออกมาอย่างนั้นพลางคิดในใจว่า
    ไม่อยากให้เขาทำกับผมเหมือนเป็นคนสำคัญกับเขาแบบนี้





    “แล้วนายจะไปอยู่ไหนได้ เพื่อนเราทุกคนก็ไปเทีี่ยวเกาะกันหมดแล้ว...”
    เขาพูดต่อไปเหมือนจะระบายความอัดอั้นของทั้งคืนออกมา
    น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยไม่รู้ว่าเพราะอะไร
    "...ฉันก็ตามหานายทุกทีที่คิดว่านายจะไปแล้วก็ยังไม่เจอนาย
    โทรหานายก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปนายก็ไม่ตอบ
    แล้วบอกหน่อยสิถ้าเป็นนาย นายจะนอนหลับได้ไหม"






    ผมไม่ได้ตอบอะไรพลางคิดทบทวนคำพูดของเขา
    บางอย่างมันฟังขัดหูเสียเหลือเกินแต่เนื่องจากตอนนี้สติของผมยังไม่ครบดีจึงต้องค่อยๆ คิดไปทีละประโยค
    จนในที่สุดก็เข้าใจว่าอะไรที่มันสะดุดอยู่ในหูของผม





    “แล้วทำไมนายไม่ไปเที่ยวกับคนอื่น" ผมหันไปถามเขา





    “แล้วให้ทิ้งนายอยู่นี่น่ะเหรอ?” เขาทวนคำกลับมา ยังคงไม่หันมามองหน้าผม
    จากตรงนี้ยากนักที่จะบอกว่าเขาทำสีหน้ายังไง
    "ถ้าต้องทิ้งเพื่อนอย่างนายเพื่อไปเที่ยวกับกลุ่มนั้นฉันก็ไม่ไปหรอก
    ฉันรับปากแม่นายมาแล้วนะว่าจะช่วยดูแลนายตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่น่ะ"





    “ฉันดูแลตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งนาย"





    “แล้วสภาพแบบนี้เนี่ยนะที่บอกว่าดูแลตัวเองได้" เขาสวนกลับมาทันควัน
    "นายอย่าทำตัวเป็นเด็กหน่อยเลยคยองซู
    ถ้าคนที่นายเจอไม่ใช่คนดีแบบคุณชานยอลแล้วนายจะทำยังไง
    ถ้าหากคนที่นายเจอทำไม่ดีกับนายแล้วนายจะเรียกเวลามันคืนมาได้มั้ย
    นายรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน"





    ผมเงียบไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาพูดออกมาเพราะอะไร
    แต่ตอนนี้คำพูดเหล่านั้นมันกำลังทำให้ผมสับสนอีกครั้ง
    และผมก็ย้อนนึกกลับไปวันที่เราทะเลาะกันแล้วเขาก็บอกว่ารักและจูบผม
    ตอนนี้ผมไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นอีกต่อไปแล้ว





    “แล้วนายปล่อยซอลลีไปเที่ยวคนเดียวงั้นเหรอ" ผมถามถึงแฟนเขาหลังจากที่ได้สติขึ้นมา





    “อืม"




    “นั่นแฟนนายทั้งคนนะ!”




    “เขาเลิกกับฉันไปแล้ว" เขาพูดออกมาในทันที
    น้ำเสียงของเขาสั่นมากขึ้นอีกนิดเหมือนกับว่าเรื่องที่เขากำลังจะพูดยังคงทำร้ายเขาอยู่ไม่น้อยทีเดียว
    "...เพราะวันนั้นที่ฉันจูบนายนั่นแหละ"





    “อะไรนะ"






    ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทำไมเขาถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
    แค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบของเขาทำให้เขาต้องเลิกกับคนที่คบกันมาถึงสามปี
    ผมไม่เข้าใจ นี่มันเรื่องอะไร





    “ฉันจะไปคุยกับซอลลี เรื่องนี้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด"





    “ไม่ต้องหรอก" เขาหันมาหาผมในที่สุด
    ดวงตาของเขาแดงน้อยๆ เหมือนกำลังพยายามฝืนอะไรบางอย่าง
    "...เสียซอลลีไป เสียใจสู้เสียนายไปไม่ได้เลยสักนิดเดียว"
    เขาเว้นระยะ ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออก
    "...นายรู้ไหม คืนนี้นายทำฉันคิดมากแค่ไหน
    ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับนายขึ้นมาฉันจะทำยังไง...
    ทำไมทำอะไรไม่คิดแบบนี้โดคยองซู"






    ผมนิ่งเงียบสรรหาคำอะไรมาเถียงหรือต่อว่าเขาไม่ได้อีกต่อไป
    ในดวงตาสีดำของเขามันบอกผมได้หมดว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
    เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าภาษาสายตา
    เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ข้างหลังวงกลมสีดำๆ นั้น





    “แต่นายเป็นผู้ชายนะ คิมจงอิน" ผมพูดออกไปหลังจากที่เงียบกันไปนาน





    “แล้วยังไง?”




    “ถ้านายเป็นผู้ชาย นายก็อย่าทำแบบนี้กับฉัน มันทำให้ฉันคิดมากนะรู้ไหม"





    “รู้" เขาตอบกลับมาจริงจัง "...และฉันก็ไม่ได้อยากทำให้นายคิดมากหรอกรู้หรือเปล่า
    แต่บางอย่างที่ฉันทำไปมันก็เป็นเพราะใจมันอยากให้ทำ
    ฉันดีใจเวลาที่เห็นนายมีความสุข ดีใจที่เห็นนายรู้สึกดีๆ
    แต่ฉันไม่เคยอยากให้นายมาชอบฉันเหมือนกัน ...
    ทั้งหมดก็เพราะว่าฉันเป็นผู้ชาย... นายล่ะ เข้าใจฉันไหมคยองซู"





    ผมก้มหน้าลงเมื่อเขาพูดคำนั้น





    มาพูดเอาตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วในเมื่อเสื้อกันหนาวตัวนั้นมันทำให้สิ่งที่ผมมองเขานั้นมันเปลี่ยนไปหมดเลย
    ไม่ว่าจะยังไงจากนี้ไปผมกับเขาเราคงไม่ใช่แค่เพื่อนกันเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
    ทั้งสิ่งที่เขารู้สึกกับผมที่มันมากกว่าเพื่อน และผมเองก็ชอบเขาเหมือนกัน
    แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง หรือเราสองคนจะรู้สึกยังไง เรื่องๆ นี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน





    ผมผิดเองคนเดียวที่หวั่นไหว...
    ถ้าหากผมไม่ปล่อยให้ความเหงาเข้าครอบงำตัวเองขนาดนั้น
    เรื่องทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้น





    “ผิดที่ฉันเองแหละ...” ผมพูดออกไป "...ฉันขอโทษนะ"





    “ไม่เห็นต้องขอโทษเลย" เขาพูดออกมาพลางเอื้อมมือไปที่เบาะหลัง
    “เอ้านี่ ใส่ซะ ข้างนอกก็หนาว ในนี้ก็เย็น
    มาเที่ยวกลางคืนแล้วยังไม่รู้จักเอาเสื้อหนาวมาอีกนะ"





    เสื้อกันหนาวตัวสีฟ้าที่ทำให้ผมชอบเขาถูกส่งมาอีกครั้งหลังจากที่เขาหยิบมันมาจากเบาะหลัง
    ผมรับมันมาเอาไว้ในมือแล้วก็กอดมัน ฉับพลันน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
    ถ้าหากไม่มีมันเมื่อวันนั้นผมคงไม่รู้สึกทรมานเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนแบบนี้
    ผมกระชับกอดมันเสียแน่นแล้วก็สูดกลิ่นอันคุ้นเคยเข้าไป
    พยายามสะกดกลั้นตัวเองเอาไว้ไม่ให้อ่อนแอไปมากกว่านี้
    แต่ดูจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งนัก






    “เป็นอะไรไป"






    ผมได้แต่ส่ายหน้าเมื่อทำนบน้ำตาพังทลายลงมาอย่างห้ามไม่ได้
    สำหรับคนอื่นมันอาจจะเป็นแค่เสื้อหนาวธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง
    แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นมากกว่านั้นมากมายหล่าเท่านัก






    “ฉันอยากนอนแล้ว" ผมบอกกับเขาไปแบบนั้น "...พาฉันไปส่งเถอะนะ"

     

    Solitude

     

    (เนื้อหาซ่อนไว้)

     

    Solitude

    The End


     

    Talk::::

    ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับ SF KaiSoo เรื่องที่สามที่ผมนำมาลงในเด็กดี
    หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะชอบมันไม่มากก็น้อยนะครับ
    และทุกอย่างในเรื่องเป็นเพียงบทละครสมมติ
    หากทำร้ายจิตใจของใครไปบ้าง ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะฮะ


    จะว่าไปแล้วผมว่าแนวทางการเขียนของผมก็คงเป็นแบบนี้
    คือผมออกจะเป็นแนว surrealism หน่อยๆ
    เรื่องที่ผมเขียนคงยากที่จะเกิดขึ้นจริงได้
    แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่เคยบอกว่าผมเขียนเหมือนชีวิตจริงเลย
    อาจจะเป็นแค่บางตอนของเรื่องเท่านั้นแหละครับ


    ไม่มีนิยายเรื่องไหนที่ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง
    ฟิคของผมก็คงเหมือนกัน
    มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงทุกเรื่องแหละครับ
    อาจจะมาจากเรื่องของผมเอง หรือมาจากเรื่องเล่า
    ก็ต่างที่มาที่ไปกัน


    เรื่องนี้ Solitude ก็แปลว่า "ความเหงา ความอ้างว้าง" นะครับ
    ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยมีความรู้สึกแบบนี้มาทั้งนั้นแหละ
    มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยเนอะว่ามั้ยครับ
    แต่ถึงอย่างนั้น ก็อย่าเพิ่งหมดแรงไปเสียก่อนล่ะครับ
    ไม่ว่าจะเหงาสักเท่าไร เราก็ยังมีคนที่รักเรา และคนที่เรารักพร้อมอยู่เสมอครับ
    ขอให้ทุกท่านมีใจที่เข้มแข็งนะครับ



    ผมขอขอบคุณทุกคนมากที่อ่านฟิคของผม
    ฟาคุ ฮาคุ ขอบคุณครับ


     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×