คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนพิเศษ:เมื่อชิสึโอะและอิซายะไม่เคยพบกัน..
Author:: Milla
Pairing:: Shizaya(Shizuo x Izaya)
Warning:: Yaoi
Rate:: PG-13
คำเตือน:ฟิคเรื่องนี้คือเหตุการณ์สมมุติเมื่อชิสึโอะและอิซายะไม่เคยเจอกันมาก่อนจะเป็นอย่างไรมาดูกันเถอะ..
ถ้าสมมุติว่า.....ในอิเคะบุคุโระไม่มีคนที่ชื่อว่า “เฮย์วาจิมะ ชิสึโอะ” อยู่ตั้งแต่ต้นจะเป็นยังไง?
ที่อิเคะบุคุโระ คงจะไม่มีป้ายจราจร ตู้กดน้ำ และ ของอื่นๆบินเฉียดหน้าคนเดินผ่านไปผ่านมาในอิเคะบุคุโระ และ แน่นอนว่ารายชื่อผู้แข็งแกร่งที่สุดในอิเคะบุคุโระคงจะหายไป นักค้าข่าวนามโอริฮาระ อิซายะเองก็คงจะไม่ต้อวิ่งหนีจากการโดนปีศาจสมองโปรโตซัววิ่งไล่ฆ่าทุกครั้งที่ไปเหยียบอิเคะบุคุโระ สัตว์ประหลาดในชุดบาร์เทนเดอร์ที่จะคอยวิ่งไล่ฆ่าปีศาจนักค้าข่าวอีกคนให้พูดคนในอิเคะบุคุโระเห็นจนเป็นเรื่องปกตินั้นก็คงจะหายไปด้วยเช่นกัน แน่นอนเรื่องที่กล่าวไปข้างต้นคือเรื่องสมมุติ แต่ถ้าไอ้เรื่องสมมุตินั้นเป็นเรื่องจริงขึ้นมามันจะเป็นยังไงนะ?
..................................................
ณ.โรงเรียนไรระ
ร่างเพรียวบางในชุดนักเรียนกัคคุรันนั่งกดโทรศัพท์อยู่บริเวณที่นั่งท้ายแถว ตาสีแดงจ้องมองข้อความในโทรศัพท์สลับกับนอกหน้าต่างไปพล่างถอนหายใจอย่างเบื่อๆ น่าแปลก..ทั้งๆที่ชีวิตประจำวันของอิซายะวันนี้ก็ยังปกติสุข ได้สังเกตการณ์พฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ แต่กลับมีความรู้สึกเบื่อลึกๆในจิตใจอย่างน่าแปลกประหลาด ทำไมถึงรู้สึกราวกับว่าตอนนี้ชีวิตของเขาขาดหายอะไรสักอย่างไปในชีวิต อิซายะยักไหล่แล้วพยายามไล่ความคิดไร้สาระออกไปจากหัว
อิ-ซา-ยะ!!
เสียงคำรามเรียกชื่อของเขาที่อยู่ๆดังขึ้นในหัวทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ในห้องเรียนเพียงลำพังสะดุ้งตัวเล็กน้อย เสียงที่ดังในหัวมันเป็นเสียงที่เขาเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก แต่ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนั้นอย่างประหลาด อิซายะถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันคงไม่มีใครบ้าพอจะมาเป็นศัตรูขนาดวิ่งไล่ฆ่าเขาแบบในความคิดที่แวบมาในหัวนั้นล่ะมั้ง เพราะไอ้นิสัยที่เข้าขั้นโรคจิตนี่ก็ทำคนอื่นๆเขามองเป็นปีศาจและตัวอันตรายจนไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้แล้ว
“อ้าวๆมาหลบอยู่ที่นี่คนเดียวนี่เอง”
ร่างของหนุ่มแว่นนามคิชิทานิ ชินระเดินเข้ามาหาเพื่อนของตนที่นั่งอยู่ในห้องเรียนเพียงลำพัง ตาสีแดงหันไปสบกับสายตาที่อยู่ใต้กรอบแว่นนั้น
“มีอะไรเหรอ?”
อิซายะเอ่ยถามก่อนจะเหลือบมองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
“เปล่าหรอกแค่คิดว่าถ้านายมัวแต่นั่งอยู่ที่นี่ประตูโรงเรียนจะปิดไปซะก่อนน่ะ”
“เดี๋ยวฉันก็กลับเองแหละน่าว่าแต่นายเถอะช่วงนี้ไม่รีบกลับไปหาว่าที่ภรรยาในอนาคตที่นายพูดถึงบ่อยๆเรอะ?”
เมื่ออิซายะเอ่ยถามดังนั้นทำเอาชินระอดยิ้มเล็กๆกับท่าทางของเพื่อนตนไม่ได้ เพราะท่าทางของโอริฮาระ อิซายะที่แสดงท่าทางเบื่อหน่ายไม่ยิ้มร่าและทำท่าทางกับน้ำเสียงกวนประสาท แถมท่าทางเหม่อลอยเหมือนคิดถึงใครบางคนนั้นมันช่างน่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเสียจริง
“เซลตี้น่ะฉันกลับไปหาอยู่แล้วน่าว่าแต่นายน่ะเป็นอะไรรึเปล่า ท่าทางเบื่อๆยังกับคิดถึงใครอยู่งั้นแหละ?มีความรักอยู่รึไง?”
เมื่อพูดจบชินระก็โดนอิซายะถลึงตาใส่อนาคตแพทย์หนุ่มทันทีจนชิระต้องหัวเราะแห้งๆ
“ฉันไม่ได้คิดถึงใครสักหน่อย..อีกอย่างมีมนุษย์ให้ฉันเล่นด้วยต้องเยอะทำไมต้องไปคิดถึงใครเจาะจงเป็นพิเศษด้วยล่ะ?”
ยิ่งความรักน่ะ...ตัดประเด็นนี้ออกไปได้เลย!!
“คร้าบๆไม่คิดถึงก็ไม่คิดถึง งั้นฉันกลับก่อนล่ะนายเองก็รีบๆกลับก่อนประตูโรงเรียนจะปิดนะ”
พูดจบร่างของคิชิทานิ ชินระก็เดินหายไปทางประตูห้องเรียนทิ้งให้ร่างเพรียวบางของโอริฮาระ อิซายะนั่งอยู่เพียงลำพังอีกครา อิซายะมองไปยังท้องนภาที่กำลังจะเข้าสู่ยามหัวค่ำ อรุณเองก็กำลังจะลับขอบฟ้า ใบหน้าหวานส่ายหน้าไปมาพยายามไล่ความคิดไร้สาระของตัวเองออกไปก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนที่ว่างเปล่านั้นไป
คิดถึง....ใครสักคนงั้นเหรอ?
..................................................
เมฆหมอกสีดำเริ่มปกคลุมท้องนภาของอิเคะบุคุโระ สายพิรุณเย็นฉ่ำโปรยปรายลงมาอย่างมิได้มีการบอกกล่าว หยดน้ำจากฟากฟ้าล่วงหล่นทะลุเมฆา ราวกับว่าเทวดาบนสวรรค์นั้นลืมปิดก๊อกน้ำก็ไม่ปาน และแน่นอนว่าสิ่งนั้นให้คนที่เดินอยู่ทั่วอิเคะบุคุโระรีบเดินหลบฝน ไม่ก็วิ่งกลักที่พัก แน่นอนว่าโอริฮาระ อิซายะเองก็เช่นกัน
ร่างเพรียวบางที่เปียกโชกไปด้วยน้ำฝนรีบวิ่งจนมาถึงหน้าแมนชั่นของตัวเอง มือบางที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของตนหยุดชะงักไปชั่วครู่ เหมือนมีบางอย่างรั้งตัวไว้
ทำไมรู้สึกเหงาแปลกๆนะ?เดี๋ยวนะฉันเหงา? ไม่ใช่ๆไม่มีทาง คงจะคิดมากไปเอง
อิซายะต้องสลัดความคิดในหัวออกไปอีกรอบและเดินเข้าไปในห้องก่อนที่ตัวเขาจะเปียกไปมากกว่านี้ เมื่อเข้ามาในตัวห้อง ก่อนที่ร่างเพรียวบางจะยืนพิงประตูอย่างครุ่นคิดตลอด 17 ปีที่ผ่านมาเขาเองก็ดำรงชีวิตอย่างงี้มาตลอด ทำอาชีพขายข่าว เดินเตร็ดเตร่ไปสำรวจพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไรก็ตามแต่อิซายะเองก็คิดว่าชีวิตของตัวเองไม่ได้ขาดตกบกพร่องอะไรในทางกลับกันเขาควรจะรู้สึกสนุกสนานด้วยซ้ำ แต่ทำไมกลับรู้สึกเบื่อหน่ายและเงียบเหงาจับใจเหมือนอะไรสักอย่างมันขาดหายไปในชีวิต แต่ผลสุดท้ายไม่ไหว...นึกอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
ป่วยการจะดื้อพยายามนึกต่อไป เรื่องบางเรื่องเวลาพยายามนึกจะนึกไม่ออก แต่พอไม่นึกมันก็ดันแวบเข้ามาในหัวเองล่ะนะ
ค่ำคืนนี้อิซายะหลับใหลไป ในความฝันที่เขาพบเห็นนั้นช่างแปลกประหลาดและไม่เคยเห็นมันมาก่อน ฝันว่ากำลังวิ่งหนีใครบางคน แต่ทว่าเขากลับรู้สึกสนุกสนาน อย่างบอกไม่ถูก ร่างของบุคคลที่แข็งแกร่งเรือนผมสีทอง แม้จะไม่รู้จักแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด คนๆนั้นเป็นใครกัน?
ชิ...สึ...จัง?
“อื้อ...”
เสียงครางอื้อในลำคอเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลประกายแดงแปลกประหลาดลืมขึ้น แพขนตายาวกระพริบสองสามที มือบางยกขึ้นมากุมขมับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นมาในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ในหัวสมองพยายามประมวลผลว่าบุคคลในฝันนั้นเป็นใคร? แล้วทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยและคิดถึง แต่อย่างงั้นในรอบตัวเขาก็ไม่ได้มีคนมาวิ่งไล่ฆ่าเขา แถมไอ้พลังที่เหนือมนุษย์แบบนั้น เขาเองก็ยังไม่เคยพบเห็นเลยแม้สักนิด มือเพรียวขยี้กลุ่มไหมสีนิลบนหัวจนยุ่งเหยิง มันคืออะไรกันแน่เนี่ยความรู้สึกในใจนี้? ในความฝันนั้นแม้จะจำรายละเอียดไม่ได้ชัดเจนแต่อิซายะยังพอนึกถึงชื่อๆหนึ่งได้ ชื่อที่เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกแต่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก
“เฮย์วาจิมะ ชิสึโอะ?”
ชื่อของบุคคลคนนั้นดังก้องในหัวจนทำให้ในสมองของโอริฮาระ อิซายะปวดตุบ ในใจมีคำถามอยู่ในจิตใจมากมาย คำถามที่ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างอิซายะจะนิดถามมันขึ้นมา
ชิสึโอะ?เขาเป็นใคร?
แล้วทำไมฉันต้องคิดถึง?ต้องอยากเจอ?
ทำไมถึงรู้สึกเหงา?
คิดถึง...แล้วยังเหงา...งั้นเหรอ?
“หยุดดดด!!ฉันไม่ได้คิดถึงใครสักหน่อย!อะไรกันคิดถึงเหรอ?เหงาเหรอ?ไม่ๆไม่มีทางไม่ทางอยู่แล้ว”
ร่างเพรียวบางได้แต่แหกปากตะโกนลั่นบ้านในยามเช้า ใบหน้าหวานแดงซ่านอย่างไร้สาเหตุ ทำไมเขาจะต้องคิดถึงคนๆนั้นด้วยเล่า หน้าตาก็ไม่เคยเจอตัวเป็นๆด้วยซ้ำ แถมในความฝันนั้นคนๆนั้นกำลังวิ่งไล่ฆ่าตัวเองนะเฮ้ย ใครเขาจะไปบ้าคิดถึงกัน นั่นมันแค่ความฝัน ความฝัน
“เอาล่ะ อิซายะใจเย็นๆก่อน…ใจเย็นๆ”
อิซายะพูดพล่างควบคุมสติของตัวเองก่อนที่มันจะหลุดลอยไปไกลมากกว่านี้ อันที่จริงเจ้าตัวแทบอยากเอาหัวตัวเองไปโขกกับกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด แต่คิดดูอีกทีมันอาจทำเขาคลุ้มคลั่งหนักกว่าเก่า แถมอาจทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนไปกว่านี้ก็เป็นได้.....ดังนั้นอย่าดีกว่า
“เฮ้อ...นี่ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย..ไม่สมเป็นโอริฮาระ อิซายะเลย..”
เสียงหวานบ่นอุบอิบเบาๆก่อนจะขยี้กลุ่มไหมสีนิลบนหัวอีกรอบ เมื่อนัยน์ตาสีสวยหันมองนาฬิกา ตอนนี้เวลาปาไป 6 โมงครึ่งแล้ว นี่เขาเสียเวลาโวยวายกับคิดอะไรไร้สาระไปมากถึงครึ่งชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย? อิซายะได้แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปหยิบชุดนักเรียนกัคคุรันเพื่อที่จะเปลี่ยน แม้ปกติจะชอบโดดเรียนไปปั่นป่วนชีวิตคนอื่นแต่ว่าตอนนี้ไปเข้าเรียนสักหน่อยอาจพอทำให้ความคิดบ้าๆในหัวหายไปได้
..................................................
เมื่อมาถึงโรงเรียน สถานที่สิงสถิตก่อนออกคาบเรียนแรกจะเริ่มของอิซายะหนีไม่พ้นชั้นดาดฟ้า อนึ่งคือถ้ามองจากตรงนี้จะสามารถมองมนุษย์จากมุมสูงได้ด้วยล่ะนะ ตาคู่สวยจ้องมองพื้นนภาสีฟ้าอย่างเหม่อลอย สมองกำลังครุ่นคิดเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความฝันแปลกๆเมื่อคืน หรือความรู้สึกแปลกพิลึกในจิตใจที่เขาเองก็ไม่เข้าใจคืออะไร อาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายและก็จิตใจเขานี้?
หรือว่าควรจะไปปรึกษาชินระดี?
วินาทีที่อิซายะคิดอย่างงั้นร่างเพรียวบางก็รีบเปลี่ยนความคิดแทบทันที ถ้าให้ไปปรึกษาคนแบบนั้นล่ะก็ได้คำแนะนำพิลึกสุดๆกลับมาชัวร์ๆ แต่ว่า...อีกใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าปรึกษาหน่อยก็ไม่เสียหาย
และความคิดที่อิซายะไปปรึกษาชินระนั่นกทำให้เขาบรรลุว่านั่นเป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่สุดในชีวิต
“อ๋อ…นั่นน่ะท่าทางนายจะตกหลุมรักใครเข้าแล้วน่ะสิ...”
วินาทีที่คำนั้นออกมาจากบอกของชินระดวงตาสีน้ำตาลประกายแดงเบิกกว้างอย่างน่าขัน สีหน้าตอนนั้นแสดงความแปลกใจออกมาจนแม้แต่ชินระยังต้องรีบกลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน
“อุ๊บ…ฮะๆโอ๊ย..ขอโทษๆแต่หน้าตาของนายตอนนี้ตลกมากเลยนะ แต่ว่าไอ้อาการที่นายบอกมาน่ะมันคืออาการของคนมีความรักจริงๆนี่นา สงสัยจังน้าใครทำหัวใจของคนที่ใครๆก็คิดว่าเป็นปีศาจแถมได้ชื่อว่าเป็นตัวอันตรายอย่างโอริฮาระ อิซายะหวั่นไหวได้”
เมื่อพูดจบอิซายะก็แยกเขี้ยวใส่ไอ้คุณเพื่อนรักปากเสียทันที แต่กระนั้นเจ้าตัวกับรู้สึกเลยว่าใบหน้าร้อนขึ้นมากจนรู้สึกได้ ถ้าใครเห็นสภาพของอิซายะตอนนี้คงอยากถ่ายรูปเก็บไว้แน่ๆ
ตกหลุมรัก?เป็นไปไม่ได้น่าจริงอยู่ว่าฉันรักมนุษย์แต่แบบนี้น่ะมันคือเรื่องบ้าอะไรกัน!?
“แต่ว่าฉันสงสัยจริงๆน้าคนที่อิซายะตกหลุมรักจะเป็นคนแบบไหนล่ะเนี่----”
ฉึก!
ยังไม่ทันที่ชินระจะได้พูดจบประโยคก็โดนมีดสั้นของอิซายะปาเฉียดหน้าไปแค่ครึ่งเซนฯ ถึงแม้จะเป็นอย่างงั้นชินระก็ยังคงอดยิ้มไม่ได้อยู่ดีเพราะตอนนี้ใบหน้าของอิซายะมันขึ้นสีแดงฉ่าจนถึงใบหูแล้ว เป็นภาพที่ตั้งแต่ชินยะเป็นเพื่อนกับอิซายะมาตั้งแต่ ม.ต้นก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกนี่แหละ
..................................................
เวลาวันๆหนึ่งมักผ่านไปรวดเร็ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาหลังเลิกเรียน โดยมากพวกที่มีชมรมอยู่ก็จะไปเข้าชมรม ไปแกะกลุ่มเที่ยวกับเพื่อน หรือ อื่นๆ แต่สำหรับสิ่งที่โอริฮาระ อิซายะมักจะทำหลังเลิกเรียนคือการเดินเล่นไปทั่วอิเคะบุคุโระเพื่อหาข่าวมาขาย และอนึ่งคือการสังเกตการณ์มนุษย์งานอดิเรกสุดโปรดด้วยล่ะนะ แต่กระนั้นตอนนี้โอริฮาระ อิซายะกับเดินเหม่ออย่างไร้จุดหมายราวกับมีเรื่องกลุ้มใจเหมือนดังมนุษย์ปุถุชนทั่วไปจนทำให้ผู้พบเห็นอดประหลาดใจลึกๆไม่ได้เช่นกัน แต่อีกนัยน์หนึ่งก็ถือเป็นบุตรตาที่ได้เห็นอิซายะในด้านแบบนี้บ้างล่ะนะ
“อ๋อ…นั่นน่ะท่าทางนายจะตกหลุมรักใครเข้าแล้วน่ะสิ...”
เสียงของชินระยังก้องอยู่ในหัว พอนึกถึงคำๆนั้นขึ้นมาทีไร เจ้าของร่างบอบบางก็รู้สึกอายเอามากๆ ตลอดชีวิตที่ยังมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ไม่เคยเข้าใจว่าความรักมันคืออะไร แล้วอยู่ๆไอ้เรื่องที่ไม่เคยเข้าใจและไม่คิดจะทำความเข้าใจมันก็วิ่งเข้ามาหาดื้อๆงี้เลยเรอะ!?
ตาโกเมนหลบลงพื้นจะอย่างไรก็ตามไอ้ความรู้สึกที่อยากจะเจอเนี่ยเป็นของจริงแน่นอน แต่ประเด็นคือคนๆนั้นเป็นใคร? แม้มนุษย์จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เรื่องบังเอิญ’ และ ‘โชคชะตา’ อยู่ก็จริงแต่ว่ามีความเป็นไปได้ต่ำมากที่จะเจอกับคนที่เจอในฝันและไม่รู้ว่าจะมีตัวตนจริงๆรึเปล่า แต่ว่า...แม้จะมีความเป็นไปได้ต่ำก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยสักหน่อยนี่
แม้จะเป็นเวลาเพียงชั่วแวบเดียวที่เดินสวนทางกัน ภาพในความทรงจำก็เหมือนกับพุ่งเข้ามาในหัวอัตโนมัติ ผมสีทองและรูปร่างหน้าตา กับความรู้สึกคุ้นเคย รวมทั้งความทรงจำที่เพิ่งเคยเห็น ตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก ไปจนถึงตอนนี้แล้วทำไมตอนนี้แค่เรียกชื่อยังทำไม่ได้ล่ะ...
“ดะ..เดี๋ยวก่อน!”
พยายามเรียกรั้งตัวไว้แต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อร่างของชิสึโอะนั้นได้หายไปเสียแล้ว
“อะไรเล่า ขี้โกงชะมัดเลยชิสึจัง”
เหงา...คิดถึง...นี่อาจเป็นความรู้สึกในใจฉันจริงๆก็ได้ แต่ว่านะ...โลกที่ไม่มีนายอยู่มันน่าเบื่อสุดๆเลยนะชิสึจัง
ณ.ตึกอาคารร้างไร้ผู้คน ร่างเพรียวบางในชุดนักเรียนมองลงมาจากชั้นดาดฟ้าเพียงลำพัง มองลงมาจากตรงนั้นแล้วจะมองมนุษย์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆถนัดตาทันที ตาสีสวยสะท้อนภาพของมนุษย์ที่เดินสวนกันไปมา ริมฝีปากบางแยกยิ้มแต่กลับเป็นรอยยิ้มที่แลดูเหงาหงอยอย่างบอกไม่ถูก
“เห…ถ้าอยากเจอจะทำให้เจอมั้ยล่ะ?”
น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นในความเงียบงัน เมื่อหันไปทางต้นเสียงบุคคลที่ยืนอยู่ก็ทำให้อิซายะต้องชะงักไปชั่วครู่ เพราะเจ้าของเสียงนั้นมีใบหน้าเหมือนเขาไม่ผิดเพี้ยน จะแตกต่างคงเพราะคนๆนี้สูงกว่าเขานิดหน่อย ลักษณะการแต่งกายเป็นชุดสีดำเกือบทั่วทั้งตัว ชุดคลุมสวมแบบไม่คลุมไหล่เพลอร์เป็นสีแดง สีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกนิดคิดใดๆ
“ทำได้ด้วยเหรอ?”
คำถามที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของตัวอันตรายถูกเอ่ยขึ้น ใบหน้าไร้อารมณ์ของอีกฝ่ายจึงตอบกลับ
“แน่นอน...แต่ว่านายแน่ใจแล้วเหรอ? แม้ว่าความรู้สึกเมื่อแรกพบอาจเป็นความรัก แต่ว่าเฮย์วาจิมะ ชิสึโอะน่ะเกลียดนายชนิดอยากฆ่านายให้ตายให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรความจริงข้อนั้นก็ไม่มีทางเปลี่ยนไป ถ้าหากนายกับชิสึโอะเจอกันล่ะก็มีแค่สถานะของคู่อาฆาตกันเท่านั้นถึงเป็นยังงั้นนายก็ยังดึงดันจะอยู่ในโลกที่มีคนที่ชื่อว่าเฮย์วาจิมะ ชิสึโอะอยู่งั้นเหรอ?”
ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ช่างมันสิ...
“โลกนี้น่ะ โลกที่ไม่มีชิสึจังอยู่ฉันคิดว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกของฉันหรอกนะ”
“เฮ้อ...คำตอบนั้นมันก็ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไรหรอกนะ...เอาเถอะอย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน...”
..................................................
สติที่อยู่ๆก็ดับวูบไปเมื่อครู่ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง ขนตาสีดำยาวกระพริบถี่ปรับสภาพการมองเห็น ร่างเพรียวค่อยๆลุกขึ้น มือบางช่วยยันตัวขึ้นจากพื้น นัยน์ตาสีแปลกคู่สวยกวาดตามองรอบๆบริเวณ พบว่าตอนนี้สถานที่ที่เขาอยู่คือชั้นดาดฟ้าของโรงเรียนไรระ สมองเริ่มประมวลผลก่อนจะนึกถามตัวเอง
“ฝัน….งั้นเหรอ?”
ถ้าเป็นความฝันจริง เขาก็นึกขอบคุณที่ตัวเองตื่นขึ้นมา
“อิ-ซา-ยะ!!”
ยังไม่ทันที่สมองของอิซายะจะได้ประมวลผลอะไรร่างสูงโปร่งของชิสึโอะก็เข้ามาและคำรามเรียกชื่อเขาจนร่างเพรียวบางไม่ทันตั้งตัว แต่ทว่าปฎิกิริยาที่ตอบกลับจากอิซายะไม่ใช่การยักยิ้มเริงร่าจากน่ากระโดดถีบขาคู่สักทีสองที ไม่ใช่การพูดจายียวนกวนประสาท แต่เป็น หยาดน้ำตาสีใสจากคนที่ใครก็คิดว่าไม่สามารถร้องไห้ได้ แม้กระทั่งเจ้าของหยาดหยดน้ำตานั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมน้ำตามันพาลไหลออกมา
และแม้กระทั่งเฮย์วาจิมะ ชิสึโอะเอง เมื่อเห็นร่างของผู้ที่ตัวเองคิดมาตลอดว่าจะฆ่า แต่พอเห็นมันร้องไห้กับรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาทันตาเห็น ชนิดที่ว่านิ่งชะงักทำอะไรไม่ถูก ไปไม่เป็นเลยก็ว่าได้
หมับ!
ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามอะไรร่างของชิสึโอะก็โดนคว้าแขนลงไป มือเพรียวบางกอดร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น...แน่นราวกับว่าถ้าปล่อยไปจะไม่สามารถสัมผัสได้เลยตลอดกาล ดวงหน้าหวานซุกลงบนแฝงอกแข็งแกร่ง จนคนที่โดนกอดอยู่ได้แต่เกาศีรษะอย่างงงๆแต่สิ่งที่ชิสึโอะรับรู้ได้อย่างหนึ่งเวลานี้คือ
การที่ไอ้เห็บนี่ร้องไห้มันโครตน่ารักเลย
เมื่อคิดได้ดังนั้นชิสึโอะจึงไม่คิดที่จะพยายามนำร่างที่เกาะตัวเองไว้แน่นออก ทางกลับกันกับคิดหาวิธีแกล้งให้มากขึ้นซะมากกว่า มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มไหมสีรัตติกาล ใบหน้าคมหล่อแสยะยิ้มพล่างหัวเราะในลำคอ ก่อนจะผลักร่างบอบบางลงไปนอนราบกับพื้น และทาบทับริมฝีปากของตนกับริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนเริ่มหารสหวานจากโพร่งบาง ใบหน้าของผู้ที่ถูกรุกล้ำแดงฉ่า ก่อนที่ข้อมือเพรียวจะทุบไปที่แฝงอกหนาเหตุเพราะต้องการอากาศหายใจจนร่างสูงต้องผละออกอย่างเสียดาย
“นี่ไอ้เห็บฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมแกถึงร้องไห้แต่หน้าตาแกตอนร้องไห้มันน่ารักกว่าตอนที่แกทำท่าทางกวนประสาทนั่นหลายพันเท่าเลยล่ะ”
เมื่อพูดจบประโยคใบหน้าของอิซายะก็แดงขึ้นกว่าเดิม
“ชะ...ชิสึจังบ้า!”
และแน่นอนว่าตอนจากนี้...ท่าทางมันจะถึงเวลาล้างแค้นของชิสึโอะแล้วล่ะมั้ง?
.
.
.
.
จบเหอะ!
ฮา....สวัสดีนักอ่านทุกท่านที่ติดตามฟิคพันธนาการฯนะคะ วันนี้ปั่นตอนพิเศษมาให้ซึ่งในตอนนี้จะเป็นเรื่องประมาณว่าอิเคะบุคุโระที่ไม่มีชิสึโอะ เอาให้ถูกคือชิสึโอะกับอิซายะไม่เจอกันมากกว่า ในจินตนาการของอิมิลถ้าอิซายะไม่เจอชิสึจัง อิซายะก็คงเป็นนักค้าข่าวธรรมดาไม่มีการปาข้าวของเฉียดหัวไปมาอะไรเทือกนี้ 5555 แต่ถ้าอิซายะไม่มีชิสึโอะคิดว่ามันเหมือนชีวิตเกรียนน้อย(?)ขาดอะไรไปสักอย่างในชีวิตแน่ๆ ตอนจบนี่อิซายะร้องไห้น่าจะเพราะคิดถึงชิสึโอะมากและโดนชิสึโอะกดไปตามระเบียบ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ค่ะสำหรับฟิคพันธนาการกำลังปั่นอยู่ค่ะขอสปอยว่าตอนหน้าดราม่าแบบจัดหนักจัดเต็มกันเลยรออ่านนะคะ!!
ความคิดเห็น