ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Would you lie with me ?

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue | ยินดีที่ได้รู้จัก

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 58


    Prologue
     

    /If I lay here If I just lay here ,Would you lie with me and just forget the world? /

    ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงที่กำลังส่งเสียงริงโทนที่คุ้นหู จนกลายเป็นหนวกหูและรบกวนสมาธิในการทำงานของผมไปแล้ว ผมมองชื่อบนหน้าจออีกที ก่อนจะกดรับสาย

     

     “ว่าไงเฮีย

     

    เรื่องมือกลองที่จะมาแทนตั้นอ่ะ กูหามาให้แล้ว พรุ่งนี้มาสัมภาษณ์ มึงจะไปดูไหม

     

    กี่โมง” ผมเหลือบตาไปมองที่นาฬิกาข้างผนัง ตอนนี้ก็จะตีสามแล้วครับ ถ้านัดเช้าก็คงไม่ไปเหมือนกัน

     

    บ่ายโมงที่บริษัท ถ้าผ่านจะได้คุยกับผู้ใหญ่ด้วย

     

    โอเค เจอกันที่บริษัทพรุ่งนี้ครับ” ผมว่าแค่นั้นก่อนจะวางมือถือลงข้างตัวแล้วหันไปสนใจกับกีตาร์และคอร์ดเพลงตรงหน้า

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

     


     

    ผมตื่นมาพร้อมกับแสงแดดที่ทะลุผ่านม่านแบบโปร่งแสงสีทึบ อาจจะไม่ได้แรงจนแสบตา แต่ก็กระตุ้นให้ผมลุกจากเตียงได้  อีกอย่างวันนี้มีธุระสำคัญกับ ว่าที่มือกลองใหม่ของวงครับ เนื่องจากมือกลองคนเก่า มันอยากจะไปตามความฝันการเป็นผู้พิพากษาของมันครับ ผมก็เข้าใจดีครับ อาชีพนักดนตรีไม่ค่อยมั่นคง ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ว่าจะรายได้ เวลาส่วนตัวในชีวิต และอีกหลายอย่าง แต่ด้วยความที่วงเราก็พอจะมีฐานแฟนคลับอยู่บ้าง ก็เลยทำให้เราอยู่ได้  แต่พวกผมก็มีธุรกิจอย่างอื่นไว้กันตายนะครับ ในวงเราหุ้นกันเปิดร้านอาหารแบบผับกึ่งเรสเตอรอง กำไรดีนะครับ ช่วยได้เยอะเวลาขายเทปแล้วขาดทุน ฮ่าๆ

     

    ผมเข้ามาถึงบริษัทก่อนเวลาประมาณสิบห้านาที ไม่ใช่เป็นคนตรงต่อเวลาอะไรหรอกนะครับ แต่พอดีกะเวลาผิด ไม่ได้เข้าบริษัทนานมาก เพราะก่อนหน้านี้เป็นช่วงทัวร์คอนเสิร์ตน่ะครับ เล่นเกือบทุกวัน เลยไม่ต้องเข้ามาซ้อมที่บริษัทเลย  ผมเดินตรงไปที่ห้องซ้อมก็เจอเฮีย (เฮียคือผู้จัดการวงครับ) ยืนอยู่หน้าห้อง  ส่วนในห้องก็มีผู้ชายผมยาวคนนึง นั่งประจำทีกลองอยู่ คงจะเป็นมือกลองใหม่ที่เฮียหามาให้

     

     

     “เห้ย มึงมาถึงก่อนเวลา หิมะตกแน่ๆ

     

    ก็ไม่ขนาดนั้นมั้งเฮีย ว่าแต่คนนี้หรอที่เฮียบอก

     

    เออใช่คนนี้แหละ ชื่อพัท กูลองคุยแล้วนะ นิสัยดีกว่ามึงเยอะ

    ผมเหลือบตามองข้างบนก่อนจะกรอกตาสองสามทีแล้วทำหน้าเซ็งใส่เฮีย

     

    มองไกลๆเหมือนผู้หญิงเลยว่ะเฮีย ตอนแรกผมอุตส่าห์ดีใจ

     

    เค้าแค่ไว้ผมยาว มีหนวด มีไอนั่นเหมือนมึงหมดแหละ

    ผมระเบิดขำออกมา ก่อนจะมองไปที่พัท หน้าตาก็เหมือนผู้ชายทั่วไปนี่แหละครับ แต่แค่เค้าไว้ผมยาวประมาณหน้าอก แล้วก็ตัวไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ นี่ถ้าไม่บอกว่ามาสมัครมือกลอง ผมคงนึกว่ามาสมัครเป็นผู้จัดการวงหรือคอยจัดการอะไรเทือกนั้น หน้าตาดูไม่ค่อยมีแรงเลยด้วยซ้ำ

     

    ตัวเล็กขนาดนี้จะไหวหรอวะเฮีย นี่วงร็อคนะเฮีย ไอตั้นตัวอย่างควายยังเหนื่อยแทบตายเลย

     

    กูก็ไม่รู้ยังไม่ได้ให้ลองตี แต่เค้าเป็นเพื่อนกับไอเคน กูว่าน่าจะไม่มีปัญหา

     

    เคนแนะนำมาหรอเฮีย?” เคนเป็น Rhythm Guitar ของวงน่ะครับ

     

    อย่าเรียกว่าแนะนำ เรียกว่าไปขอร้องมาดีกว่า

    ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะเปลี่ยนมามองว่าที่มือกลองที่อยู่ในห้องซ้อม เค้าเงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆให้ผม … การยิ้มก็ดูเป็นคนดีแบบที่ไอเฮียมันบอกจริงๆ

     

    พัทนั่งดูโน้ตกลองอยู่สักพักก่อนจะลองตี ผมยังอยู่ข้างนอก ได้ยินบ้างแต่ไม่ชัดครับ ห้องซ้อมมันก็ต้องเก็บเสียงอยู่แล้ว อ่อ แล้วที่ยังไม่เข้าไปข้างในก็เพราะไอเฮีย มันบอกให้พัทได้ทำสมาธิหน่อย ไม่อยากให้ใครไปรบกวน

     

    เวลาผ่านไปราวๆสิบห้านาที พัทก็เดินออกมาเรียกผมกับเฮียเข้าไป คงจะพร้อมแล้วหล่ะมั้ง ถ้าเป็นเพื่อนกับเคนก็คงจะเคยฟังเพลงวงผมมาบ้าง คงจะจับจังหวะอะไรพวกนี้ได้ไม่ยาก

     

    เฮียเดินนำเข้าไป โดยมีผมเดินตามเข้ามา พอผมเอื้อมมือไปปิดประตูห้อง พัทก็ไม่รอช้าครับ เปิดการแสดงรัวกลองจนผมตกใจเล็กน้อย นี่ไม่คิดจะทักทายกูบ้างเลยหรอวะ แต่ไม่เป็นไรครับ คงเครื่องร้อน ผมหลับตาแล้วเงียบตั้งใจฟังอีกสักพัก อืม พวกจังหวะและน้ำหนักก็โอเคนะครับ อาจจะยังไม่ดีเท่าตั้น แต่อย่างว่าตั้นมันอยู่กับวงมาตั้ง 3-4 ปีแล้วครับ ได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว

     

    "โอเคพัท พอแล้วไม่ต้องตีต่อแล้ว"

     

    "พอไหวไหมครับ พี่โป้ง" โป้งคือชื่อจริงๆของเฮียครับ แต่ทุกคนในวงติดเรียกว่า เฮีย ไปแล้ว เลยแทบจะไม่มีใครเรียกพี่โป้ง

     

    "พี่ว่าโอเคมากเลยหล่ะ แต่คงต้องมาซ้อมบ่อยหน่อยจะได้เข้ากับคนอื่นได้ จาร์มึงว่าไง" เฮียพยักเพยิดมาทางผม พัทเองก็เลยหันมาจ้องหน้าผมแทน

     

    "ก็ตามที่เฮียพูดแหละ"

     

    "เดี๋ยวตามพี่ไปคุยกับผู้ใหญ่นะ จาร์มึงรอนี่ก่อน อย่าเพิ่งไปไหนนะ" ผมพยักหน้ารับส่งๆ แต่ถ้าเฮียบอกให้อยู่ก็ต้องอยู่ครับ ขัดไม่ได้ ไม่งั้นจะซวยโดนหักค่าหัวคิว

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 




     

    สักพักพัทก็เดินลงมา แต่เหมือนว่าเฮียจะไม่ได้เดินลงมาด้วย ส่วนตอนนี้ผมย้ายตัวเองมานั่งที่ โซฟาหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทแล้วนะครับ พัทส่งยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะนั่งลงตรงข้ามผม

     

    "เราจาร์นะ นายพัทใช่ไหม" เป็นคำสรรพนามที่ชวนขนลุกจริงๆครับ ปกติผมจะใช้กูมึงกับเพื่อนทุกคน แต่กับพัท … หน้าตาดูคนดีจนผมไม่กล้าถ่อยใส่เลย

     

    "ใช่ครับ แต่เรารู้จักจาร์อยู่แล้ว เคนชอบพูดเรื่องในวงให้ฟังบ่อยๆ" พัทยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มเรียบง่ายแบบเดิมๆ

     

    "อ่อ งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ" พัทส่งยิ้มแบบเดิมที่ผมได้รับไม่ต่ำกว่าสิบรอบในวันนี้มาให้ และไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

     

    โอเคครับ ผมเองก็ไม่กล้าจะชวนคุยอะไรเพราะไม่สนิท อีกอย่างเค้าก็ดูไม่ค่อยอยากคุยกับผมด้วย ต่างคนเลยต่างหยิบมือถือขึ้นมาเล่น แต่ไม่นานเฮียก็เดินลงมา

     

    "ตอนแรกว่าจะพาพัทไปเลี้ยงข้าว แต่พอดีต้องคุยเรื่องงานต่อ โทษทีนะพัท ไว้โอกาสหน้านะ"

     

    "ไม่เป็นไรครับ พี่โป้ง งั้นผมกลับเลยนะ"

     

    "โอเค เดินทางดีๆนะ" พัทยกมือขึ้นไหว้เฮียแทนการขอบคุณ ก่อนจะหันหน้ามาทางผม

     

    "ไปก่อนนะจาร์  ไว้เจอกันวันซ้อม" เค้าหันมาโบกมือสองสามทีก่อนจะเดินผลักประตูบริษัทออกไป

     

     
     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

     


     

    "เป็นไง ลองคุยแล้วถูกคอไหม"

    "มือกลองนะเฮีย ไม่ใช่เมีย ไม่ต้องถูกคอก็อยู่ได้" เฮียระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีหลังจากที่ผมพูดจบประโยค

    "ทำงานด้วยกัน มันก็ต้องถูกคอกันบ้างนะเว้ย" มันก็ถูกของเฮียครับ ถ้าถูกคอกันอะไรก็ง่าย เห็นอะไรเหมือนกัน งานก็ไปได้ไวกว่า แต่อาจจะไม่มีคนเห็นต่าง ทำให้พลาดข้อด้อย มีข้อดีข้อเสียไปคนละแบบครับ

    "ก็ดีนะเฮีย ดูเข้ากับคนง่ายดี" ผมตอบไปอย่างที่ผมคิด อาจจะดูพูดน้อย แต่ยิ้มเก่งมาก ผมแทบจะเห็นรอยยิ้มเล็กบนใบหน้านั้นตลอดเวลาเลย ยกเว้นเวลาที่พัทตีกลองครับ

    "ใช่ อัธยาศัยดีกว่ามึงเยอะเลยหล่ะ" จริงครับ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผมโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่ก็มีคนพิเศษเคยทำลายกำแพงนี้เข้ามาได้นะครับ แต่สุดท้ายเค้าก็หนีหายไป ผมเลยต้องสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม จะได้ไม่โดนทำร้ายซ้ำๆ

     

    แต่ก็หวังว่าจะมีสักคนที่จะพังมันได้อีกครั้ง 


    ผมเองก็ยังรออยู่



    :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×