ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] BTS-Kookmin > IsolateP

    ลำดับตอนที่ #21 : OS| Special For Christmas - BLIND [KM] - 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.64K
      23
      29 ธ.ค. 57

    Blind

    Pairing |  Kookmin
    Category | Romance / Drama
    Rate        |  PG 13+
    Part | One shot


    Note : OS FOR CHRISTMAS
    Note2: Rewrite in some parts
    ----------------------------------------------------------------------------------------------

     

                19 กุมภาพันธ์ 2008

                ‘วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นพี่ในชุดนักเรียนแล้วนะ ผมรู้สึกดีใจ และเสียใจไปพร้อมๆกัน เรื่องที่ผมดีใจคืออะไรรู้ไหม? ผมดีใจที่พี่มีความสุขกับพี่มินอา และที่ผมเสียใจคือที่ตรงนั้น.. มันใช่ของผม


                22 กุมภาพันธ์ 2009

                ‘ผมกำลังจะจบจากโรงเรียนนี้ตามพี่ไปแล้วนะ ผมคิดถึงพี่มากเลยล่ะ พี่คิดถึงผมบ้างไหมนะ? ฮ่าๆ ไม่หรอก พี่คงจำชื่อของผมไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ผมกำลังเข้าเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ด้วยล่ะ สักวันหนึ่งผมอาจจะได้รักษาพี่ด้วยนะ ถ้าเราได้เจอกัน


               17 กันยายน 2012

               ‘วันนี้ผมได้กลับไปที่โรงเรียนด้วยล่ะครับ วันนี้เป็นงานคืนสู่เหย้า ผมแอบหวังอยู่เล็กว่าจะได้เจอพี่ด้วยนะ แต่เสียดายจัง งานนี้ผมกินแห้วเสียแล้ว ผมคิดถึงพี่มากๆเลย


               14 สิงหาคม 2014

               ‘พี่ครับ ผมคิดถึงพี่มากๆเลยนะ เราไม่ได้เจอกันมาหกปีแล้ว พี่ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่านะ พี่ต้องหล่อขึ้นมากแน่ๆ พี่ยังคบกับพี่มินอาอยู่หรือเปล่านะ? อ้อลืมบอกไป วันนี้ผมเรียนจบแล้วนะครับ ตอนนี้ผมเป็นผู้ช่วยพยาบาลคอยดูแลคนป่วยทั่วๆไป ผมไม่ได้เก่งถึงขนาดเป็นหมอหรอกนะ เสียดายจัง งั้นผมคงรักษาพี่ไม่ได้แล้วสิ

     

                 มือเล็กปิดไดอารี่สีกรมบนโต๊ะลง การเรียนแพทย์มาห้าปีของเขาทำให้ร่างกายที่เคยสมส่วนผอมลง ดวงตาหวานเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องนอนสีครีมของตนเอง ใบหน้าของคนๆนั้นยังคนวนเวียนอยู่ในหัวมาตลอดหกปีที่ไม่ได้เห็นหน้า คนที่เขาแอบรักตั้งแต่เข้ามาอยู่ไฮสคูลใหม่ๆ  ปากเล็กๆสีชมพูธรรมชาติค่อยๆเผยยิ้มช้าๆ คิดถึงวันแรกที่เจอกัน คิดถึงใบหน้าของเขาที่มองมายังคุณ คิดถึงดวงตาของเขา คิดถึงเสียงทุ้มๆของเขา คิดถึงเสียงหัวเราะของเขา คิดถึงทุกอย่างที่เป็นเขา

     

               ร่างเล็กกอดหนังสือหนาสองสามเล่มแนบไว้กับอก ขาสั้นๆที่หุ้มด้วยกางเกงขายาวสีดำก้าวอย่างช้าๆ ใบหน้าหวานหันซ้ายหันขวาอย่างไม่คุ้นทาง

              “ห้อง4-A ไปทางไหนนะ?”

              ปากเล็กๆพึมพำอยู่กับตัวเอง ฉับพลันตาเรียวก็ปะทะกับสายตาคู่หนึ่งที่มองมายังตนเอง รู้สึกเหมือนถูกสะกดจิตให้อยู่นิ่ง รู้ตัวอีกทีร่างสูงที่มองคุณเมื่อครู่ก็เดินมาข้างหน้าร่างเล็กตรงหน้าเสียแล้ว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนน่ากลัว เมื่อคนตรงหน้ายิ้มบางๆให้ พร้อมกับเสียงทุ้มที่ชวนหลงใหล


             “หลงทางหรือเปล่า?”

             ร่างเล็กพยักหน้าช้าๆ แล้วก้มหน้าหลบสายตาที่คนตัวสูงกว่ามองมา “ผม.. เอ่อ.. จะไปห้อง4-Aน่ะครับ” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วจับที่ข้อมือของเขาเบาๆ แล้วลากให้เดินตามไป ถึงตอนแรกจะตกใจ แต่ก็ยอมตามไปดีๆ เพียงไม่นานก็มาถึงจุดหมาย ใบหน้าหวานแอบเหลือบมองป้ายชื่อที่อกของร่างสูง จอน จองกุกหัวเล็กๆก้มลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ แล้ววิ่งเข้าไปในห้องทันที


             หลังจากวันนั้นเขาก็คอยแต่แอบมองจองกุกอยู่ตลอดเวลา จองกุกที่แกกว่าเขาหนึ่งปีทำให้เขาได้คำสรรพนามน่ารักๆว่า พี่จองกุก เอาไว้เรียกในใจแค่คนเดียวมาตลอดสองปี

            วันสุดท้ายของการเรียนที่นี่ของพี่จองกุก ร่างเล็กตัดสินใจซื้อตุ๊กตากระต่ายสีขาวนวลตัวเล็กๆมาให้ มันถือป้าย Congratulations ไว้ในมือของมัน ไม่รู้ว่ามันจะดูแก่แดดเกินไปหรือเปล่าที่ซื้อของมาให้รุ่นพี่แบบนี้ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีคนรู้ว่ากระต่ายนี้จะถูกส่งไปถึงใคร เพราะเมื่อเขาเดินไปหาพี่จองกุก เขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพี่จองกุกกอดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าสวยๆที่เขาเห็นในนิตยาสารของโรงเรียนบ่อยๆ พี่มินอา.. เขาได้เห็นรอยยิ้มที่ดูสดใสมากกว่าเดิมของจองกุก เขายิ้มตามรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มที่ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่ว่ารู้สึกเสียใจ แต่ความรู้สึกดีใจก็ผสมอยู่ด้วย ดีใจที่พี่จองกุกมีความสุข ถึงแม้ว่าความสุขของพี่จะไม่ใช่ของเข้า


             “ซื้อมาเก้อเสียแล้วเนอะ กระต่ายน้อย”

     


             ครืดด ครืด..
    เสียงเรียกเข้าริงโทนเพลงคลาสสิคดังขึ้นทำลายความคิดของร่างเล็กที่นั่งเหม่อ มือขาวเอื้อมมือไปหยิบมันมารับสายช้าๆ

             “จีมิน นี่พี่ยุนกิเองนะ”

             “ครับ”

             “ตอนนี้มีคนป่วยต้องการคนไปดูแลที่บ้านด่วน เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ตาสูญเสียการมองเห็นทั้งสองข้าง เขาไม่อยากอยู่โรงพยาบาลน่ะ ตอนนี้เขาอยู่บ้านแล้ว จีมินไปหาเขาตอนนี้เลยนะ เตรียมเสื้อผ้าไปด้วย”

             “ครับ เข้าใจครับ”

             “อื้ม เดี๋ยวพี่จะส่งที่อยู่ไปให้นะ”

             นี่คืองานแรกที่ จีมินได้รับทันทีหลังจากเรียนจบ ถ้าไม่นับช่วงเวลาฝึกงานเมื่อสองปีก่อน จีมินเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กของตน ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าต้องอยู่ดูแลนานแค่ไหนจึงใส่เสื้อผ้าไปค่อนข้างเยอะมาก ไม่นานสียงข้อความโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ร่างเล็กคว้าไดอารี่สี่กรมท่าที่พึ่งปิดลงใส่กระเป๋าเป้ใบเล็กๆอีกใบหนึ่ง แล้วถือโทรศัพท์ออกจากบ้านไป

     

              บ้านทาวน์เฮาส์สองชั้นคือที่ๆจีมินยืนอยู่ตอนนี้ เขาโทรเข้าหาเบอร์พี่ยุนกิทันที ไม่นานคนตัวขาวก็วิ่งออกมาจากในบ้าน แล้วพาจีมินเข้าไป ห้องรับแขกของบ้านแต่งแบบเรียบง่าย ไม่มีอะไรหรูหราเป็นพิเศษ แต่ที่น่าแปลกใจคือกรอบรูปทุกบานที่ตั้งอยู่ตามโต๊ะ และตู้กลับถูกคว่ำอยู่

               “ตอนนี้เขากำลังหลับอยู่บนห้อง พี่ต้องไปแล้วล่ะ มีอะไรโทรมานะ”

               “..ครับ”

               ทันทีที่ยุนกิออกจากบ้านไป ร่างเล็กก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามชื่อคนไข้ แต่เดี๋ยวค่อยถามเจ้าตัวเองก็แล้วกัน ข้อมือขายกขึ้นมาดูนาฬิกาสายหนังสีดำของตนเอง อีกสองชั่วโมงก็หกโมงเย็นแล้ว ทำอาหารไว้รอดีกว่า

     

              14 สิงหาคม 2014

                ทุกๆครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมา เรามักจะเห็นแสงสว่างที่แยงเข้ามาทำให้บางครั้งต้องหยีตาหนี แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ ลืมตาก็เหมือนกลับตา.. กลางวันก็เหมือนกลางคืน.. ทุกๆอย่างมืดไปหมด แม้จะหันซ้ายหันขวาก็ไม่มีทางหาแสงเจอได้เลย มือหนาค่อยๆควานไปรอบๆตัว คว้าได้แต่ผ้าห่ม และลม..

           
                “ยุนกิ
    !

                เสียงทุ้มตะโกนลั่นจนจีมินที่กำลังต้มข้าวต้มอยู่สะดุ้งสุดตัว มือเล็กรีบปิดเตาแก๊สแล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้านทันที ห้องที่พี่ยุนกิบอกถูกแง้มไว้เล็กน้อย จีมินค่อยๆเปิดมันช้าๆ


                เรื่องบังเอิญมักมาในตอนที่เราไม่คาดฝัน

                จีมินมองแผ่นหลังที่คุ้นเคยช้าๆ มีแสงสีส้มจากภายนอกที่เข้ามาทางหน้าต่างทำให้แผ่นหลังนั้นสะท้อนแสงให้เห็นเด่นชัดขึ้น แผ่นหลังที่เขาเคยเฝ้ามองมาสองปี ใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามอายุ กลับทำให้ใบหน้าของเขาคมขึ้น เปลือกตาที่ปิดสนิท เขาหันซ้ายหันขวาราวกับหาใครอยู่ แขนขาวที่พยายามปัดหาสิ่งมีชีวิต หรือที่ยึดเหนี่ยว

                “พี่.. พี่จองกุก..?”

                จีมินครางชื่อของคนตรงหน้าออกมาเบาๆ จองกุกหันหน้ามาทางเสียงช้าๆ

                “ใครน่ะ? ยุนกิหรือเปล่า? ฉันบอกแล้วไงว่าให้เฝ้าฉันบนนี้!

                “เอ่อ.. คือ..”

                สายตาของจีมินเลิ่กลั่กออกมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาหวานหมองลงทันที พี่จองกุกตาบอด.. เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียงช้าๆราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในใจของเขาได้แต่ภาวนาว่านี่คงเป็นคนหน้าเหมือน แต่ท้ายที่สุดแล้วโชคก็ไม่เข้าข้าง ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งเห็นความจริง

               “นี่ ฉันถามทำไมไม่ตอบ!? จ้างมาเป็นพยาบาลไม่ใช่คนใบ้”

               “..ข..ขอโทษครับ”

               “นายเป็นใคร? ไม่ใช่ยุนกิหรือไง? ใช่คนที่จะมาแทนหรือเปล่า?”

               “อ่า..ครับ”

               “อือ ฉันชื่อจอน จองกุก ฉันขอบอกนายไว้ตรงนี้เลยนะ ถึงฉันจะตาบอดมองไม่เห็นอะไร นายก็ห้ามสงสารฉัน มันจะทำให้ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้น จำไว้ด้วย แล้วอีกอย่าง ของทุกๆอย่างในบ้านนี้ นอกจากเครื่องครัวแล้ว นายหายจับหรือแตะต้องมัน เข้าใจไหม?”

               “..ครับ”

               “อืม ตอนนี้กี่โมง?”

               “คือ.. เกือบหกโมงแล้วครับ” จีมินตอบ เสียงหวานเริ่มสั่นเครือเล็กน้อย “คือพี่.. เอ่อ.. คุณจองกุกหิวหรือยัง จะกินข้าวเลยไหมครับ? คือ.. จะได้กินยา..”

               “ไม่ต้อง ฉันไม่หิว นายออกไปได้แล้ว ฉัน.. อยากอยู่คนเดียว”

               “...อ่า”

               “อย่าไปไกลล่ะ.. อยู่แค่หน้าห้องก็พอ”

               ใบหน้าหมองยิ้มออกมาบางๆ จีมินขานรับเบาๆแล้วเดินออกไปตามคำสั่งของร่างสูงบนเตียง ทันทีที่พ้นประตูออกมา น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาเป็นสาย

     

             14 สิงหาคม 2014

             ‘วันนี้ผมได้เจอพี่อีกครั้งแล้วนะ ผมรู้สึกเหมือนวันสุดท้ายที่ผมไม่ได้เจอพี่เลยนะรู้ไหม? เพราะผมทั้งรู้สึกดีใจ และเสียใจไปพร้อมๆกัน พี่ตาบอด.. แต่ผมไม่รังเกียจพี่หรอกนะ ผมสัญญาว่าผมจะอยู่กับพี่

     

               เนื่องจากไม่สามารถขัดใจร่างสูงได้ หรือไม่ว่าจีมินจะขัดใจ จองกุกก็ไม่มีทางรู้ว่าจีมินอยู่หน้าห้องตามที่ตนเองสั่งหรือเปล่า จีมินยกผ้านวม กับหมอนอิงมานอนที่หน้าประตู อากาศวันนี้ค่อนข้างหนาวเย็น ร่างเล็กเคาะประตูห้องเบาๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจเปิดเข้าไป


               จองกุกหลับไปแล้ว ..

               สายลมเย็นที่พัดเข้ามาทำให้จองกุกหดตัว จีมินยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินตรงไปปิดหน้าต่าง พร้อมผ้าม่าน มือเล็กเอื้อมไปดึงผ้าห่มให้สูงปิดไหล่ของจองกุก พร้อมกับลูบกลุ่มผมหนานุ่มนั่นช้าๆ

     

                “ราตรีสวัสดิ์นะ พี่จองกุก”

     

              15 สิงหาคม 2014

                “นาย!

                เคร้ง ตึง

                จีมินสะดุ้งตัวตื่นทันทีที่เสียงของหล่นดัง ขาสั้นๆรีบเปิดประตูห้องทันที จองกุกกำลังทรุดตัวอยู่บนพื้นทำเอาร่างเล็กตกใจ รีบวิ่งตรงไปประคองร่างสูงขึ้นนั่งบนเตียง

               “ฉันบอกแล้วใช่ไหม? ว่าให้อยู่หน้าห้องน่ะ?”

               “ผมขอโทษ ผมแค่ลงไปทำกับข้าวให้คุณทาน”

               “ถ้าฉันไม่สั่ง นายก็ไม่มีสิทธิไปไกลกว่าหน้าห้อง” จองกุกว่า  จีมินหน้าหงอยลงเล็กน้อย และก็รู้ว่าจองกุกไม่มีวันได้เห็นหน้านี้ของตนเอง  ความเงียบเกิดขึ้นในห้อง จนจองกุกขมวดคิ้ว ปากของเขาเริ่มบ่นอีกครั้ง “นี่ นายฟังฉันอยู่หรือเปล่า?”


              “ครับ.. เอ่อ..ขอโทษ พี่.. เอ่อ คุณเจ็บตรงไหนไหม?”

              “เหอะ แค่นี้ฉันไม่ตายหรอก” เสียงของจองกุกสบถออกมาอย่างเบื่อหน่าย ท่อนแขนที่มีมือเล็กๆจับอยู่สะบัดทิ้งจนจีมินต้องชะงัก ใบหน้าของจีมินเริ่มแดง ไม่ใช่เพราะความโกรธ น้ำตามันกำลังจะไหล

              “อ่า.. งั้นผมลงไปเตรียมอาหารเช้าให้นะครับ จะได้กินยา เมื่อวานตอนเย็นก็ไมได้กิน”

              “ฉันไม่อยาก”

              “กินสักหน่อยก็ยังดีนะ..”

              “อย่าเซ้าซี้ได้ไหม? ไม่อยากก็คือไม่อยาก ให้มาเป็นคนใช้ ไม่ได้ให้มาเป็นแม่!

              “..ครับ”

               จีมินลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ จองกุกรับรู้ได้จากฟูกเตียงที่ยกตัวสูงขึ้น ร่างเล็กตรงไปยังประตูช้าๆ แล้วออกไป ขาสั้นๆก้าวไปที่ห้องรับแขก ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาว เขาไม่เหมือนพี่จองกุกที่เคยรู้จัก เขาไม่มีรอยยิ้มที่สดใส เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ใจดีเหมือนในตอนนั้น ว่ากันว่าเวลาเปลี่ยนใจคน คำนี้คงเหมาะกับพี่จองกุกสินะ ..

     

               เวลาของจองกุกมันผ่านไปช้าเหลือเกิน เมื่อเขาตกอยู่ในความมืด เขาต้องรอคนบริจาคดวงตาตามคิว แต่ถ้าหากดวงตาคู่ที่เขาได้มาไม่สามารถเข้ากับเขาได้ เขาก็คงต้องอยู่ในความมืดนี้ที่อาจเป็นนิรันดร์

     

              ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น จองกุกถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะตะโกนให้เข้ามา

              “คุณ.. เอ่อ เบื่อไหม?”

              “เบื่อ”

              “งั้นผมจะอ่านหนังสือให้ฟังนะ”

              “ไม่ต้อง ที่ฉันบอกว่าเบื่อ คือฉันเบื่อนาย ลงไปอยู่ข้างล่างเงียบๆได้ไหม? ฉันอยากอยู่คนเดียว น่ารำคาญ” จองกุกตอบ แล้วดึงผ้าห่มคลุมหัวของตัวเอง ราวกับเป็นการปิดการรับรู้ทุกสิ่ง เสียงประตูปิดลงเบาๆ ทำให้จองกุกเข้าใจว่าเขาออกไปแล้ว มือหนาลดผ้าห่มลงมาให้เหลือแค่ระดับไหล่ แต่ก็ต้องได้ยินเสียงเหมือนคนลากเก้าอี้มาใกล้ๆ


              “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้..”

              “เงียบ!

              “...”

              “ฉันรำคาญนายมากตอนนี้ อย่าทำตัวจุกจิกได้ไหม? ต่อไปนี้ถ้าฉันไม่เรียกนาย นายก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องนี้อีก!

     

     

             19 สิงหาคม 2014

             ‘สี่วันแล้วนะครับที่พี่ไม่ยอมให้ผมเข้าไปในห้อง พี่รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงพี่มาแค่ไหน? ผมได้แต่แอบรอจังหวะที่พี่หลับคอยเข้าไปห่มผ้าพี่เท่านั้น ตัวของพี่ผอมลงมากเลยนะครับ พี่ไม่กินข้าวที่ผมทำให้เลย ยาที่ใช้ในหนึ่งเดือนคงหมดไม่ครบโด๊สแน่ๆ ผมจะทำอย่างไรดีนะ?

     

               เช้าวันที่สี่กับการยืนหุงข้าวต้มของจีมิน ความจริงข้าวต้มของจีมินเป็นหม้ายมาสี่วันแล้ว หากเป็นคนอื่นก็คงจะทิ้งจองกุกไว้คนเดียวจริงๆ แต่สำหรับจีมิน ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ


               “ยังไง อีกไม่นานพี่ก็ต้องเรียกผม”

               จีมินยิ้มให้กับตัวเอง แม้ว่าความหวังมันอาจจะริบหรี่ไปหน่อยก็เถอะ จีมินกวาดบ้านนิดๆหน่อยๆ เช็ดซกนู้นบ้างซอกนี้บ้าง ตามภาษาคนว่าง  ส่วนจองกุกยังคงอยู่บนห้องเงียบๆเพียงคนเดียว  อากาศยามบ่ายที่แสนสบาย ลมเย็นๆที่พัดเข้ามาไม่ถึงกับหนาวมาก หลังจากงานบ้านเสร็จ ร่างเล็กก็ทิ้งตัวลงบนโซฟายาว แล้วผล็อยหลับไป

     

                ตึ้ง

               เสียงดังมาจากข้างบนทำเอาจีมินตกใจตื่น ร่างเล็กรีบวิ่งตรงขึ้นไปที่ชั้นสองอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ มือขาวคว้ากลอนประตู ห้องของจองกุกที่ไม่ได้เปิดไฟ ทำให้จีมินต้องรีบคลำหาสวิตซ์ด้วยความไม่คุ้นชิน


              “พี่จองกุก พี่เป็นอะไรไหม? รอก่อนนะ!

              “...”

               ทันทีที่แสงไฟสว่างขึ้นก็ต้องพบกับร่างสูงที่นอนคว่ำอยู่บนพื้น ผิวที่ขาวอยู่แล้วกลับซีดเซียวจนจีมินตกใจ วิ่งไปประคองจองกุกให้นั่งพิงเตียง มือเล็กอังที่หน้าผากของเขา ความร้อนที่แผ่เข้ามาทำเอาจีมินตกใจ เขาตบหน้าจองกุกเบาๆเรียกสติ แล้วดันตัวของจองกุกขึ้นนอนบนเตียง ก่อนจะวิ่งลงไปเอากะละมังกับผ้าเช็ดตัวขึ้นมา ตัวของจองกุกร้อนไปหมด แต่คงไม่เท่าจีมินที่ร้อนเหมือนกัน ร้อนรน..

               จีมินลนลานจนแทบทำอะไรไม่ถูก จองกุกไม่เหมือนคนไข้คนอื่นๆที่เขาเคยดูแล เพราะนี่คือพี่จองกุก

     

               “พี่.. ตื่นมากินยาก่อนสิ..”

               จีมินพูดเบาๆ แล้วค่อยเขย่าจองกุก

              “อืมม มินอา..?”
              “...”

              ชื่อที่จีมินไม่อยากได้ยินมากที่สุดออกมาจากปากของจองกุก นัยน์ตาเริ่มมัวหมอง หยาดน้ำใสๆคลอรอบดวงตาจนเห็นอะไรไม่ชัด มือบางลูบผมของจองกุกช้าๆแล้วเดินออกจากห้องไป

     

             20 สิงหาคม 2014

              “คุณจองกุก.. ตื่นหรือยังครับ?”

               ร่างเล็กที่แง้มประตูเบาๆด้วยความไม่ถนัด เพราะมือทั้งสองข้างถือถาดข้ามต้ม และยาของร่างสูงเอาไว้ จีมินเดินเข้าไปในห้องช้าๆ ตาสวยๆของจีมินบวมแดงจากการร้องไห้อย่างหนักถาดข้าวต้มถูกวางลงบนโต๊ะข้างเตียง มือเล็กเอื้อมไปอังหน้าผากของจองกุกเพื่อวัดไข้อีกครั้ง ความร้อนไม่ต่างจากเมื่อคืนมากนัก อาจเพราะยังไม่ได้ได้กินยาลดไข้ จากมือที่อังหน้าผากก็ลดลงไปเขย่าร่างที่นอนอยู่เบาๆ

               “คุณจองกุกตื่นมากินข้าวกินยาก่อนเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียก่อน”

               “อืมมม”

               “คุณจองกุกครับ...”

               “... อืม กี่โมงแล้ว..? เปิดไฟทีสิมินอา

               พี่จองกุก ตอนนี้พี่มองอะไรไม่เห็นอยู่นะครับ.. จีมินเก็บคำนี้ไว้ในใจรวมกับเสียงสะอื้น “ตอนนี้.. จะสิบโมงแล้วครับคุณจองกุก ตื่นมากินข้าวกินยาสักหน่อยเถอะนะ”

               “นาย?”

               “คนใช้ของคุณไงครับ”

               “อ่อ.. อืม นั่นสินะ ฉันตาบอดอยู่นี่”

               “.. กินข้าวก่อนเถอะนะครับ”

               “อืม”

               อาจเป็นเพราะฤทธิ์ไข้ที่ทำให้ร่างสูงยอมลดทิฐิลงมาคุยกับจีมินอยู่บ้าง จีมินค่อยๆประคองจองกุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แล้วตักข้าวต้มขนาดพอดีคำขึ้นมาจ่อที่ปากของตัวเองแล้วเป่าเบาๆ ความหอมของข้าวต้มผสมกับความอยากอาหารทำให้จองกุกอ้าปากค้างไว้รอ จีมินแอบยิ้มกับท่าทางน่ารักๆ แล้วส่งข้าวต้มเข้าปากของจองกุก เหมือนแม่นกป้อนข้าวลูกนกเลยเนอะ

               ข้าวต้มฝีมือจีมินหมดลงโดยใช้เวลาไม่นาน แต่ปัญหาดันมาอยู่ที่ยาเม็ดในมือของจีมิน

               “ฉัน ไม่ กิน ยา เม็ด”

               คำพูดที่เด็ดขาดของจองกุกทำเอาจีมินไม่กล้าบังคับ ครั้นจะบดยาผสมกับน้ำเปล่ามันก็ไม่ใช่เรื่อง จะหลอกใส่ในข้ามต้มแล้วป้อนก็คงจะเหมือนตอนที่แทฮยองเพื่อนรักป้อนยาคันจิ แมวเหมียวลูกของมัน ถ้ายาลดไข้ก็คงจะหายาน้ำของเด็กสามขวบให้กินได้อยู่หรอก แต่พวกยาบำรุงคงไม่มี ถ้าให้กิน M150 ได้ก็คงให้กินไปแล้ว และจีมินก็ไม่มีหัวโรแมนติกแบบนิยายสำนักพิมพ์แจ่มใสที่ป้อนยาด้วยวิธีปากต่อปาก

              “แล้วคุณจะเอายังไง?”

              “ไม่กิน”

              “ทำไมคุณดื้ออย่างนี้นะ ทั้งที่เมื่อก่อนก็ดูเป็นคนง่ายๆแท้ๆ”

              “หมายความว่าไง? เมื่อก่อน?”

              “เปล่าหรอก ผมก็พูดลอยๆไปอย่างนั้นแหละ”

              “งั้นหรือ?”

              “ครับ”

              “....” จีมินมองเม็ดยาในมือลงพร้อมกับถอนหายใจ

              “คุณอยากทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”

             “ก็.. ไม่”

             “ผมช่วยคุณได้นะ แต่คุณต้องกินยาก่อน”

             “นายคิดว่าฉันเป็นเด็กห้าขวบที่แม่บอกให้กินผัก แล้วจะพาไปเที่ยวหรือไง?”

             “ผมว่ามันก็คล้ายอยู่”

              หลังจากที่จองกุกยอมคุยด้วย จีมินก็เริ่มกล้าต่อปากต่อคำ แต่คุยไปได้ไม่กี่ประโยคก็เงียบ ร่างเล็กถอนหายใจออกมา แล้วยกถาดข้าวต้มไปเก็บ ถ้าพี่ยุนกิมาดูงานต้องโดนดุแน่ๆ เพราะยาไม่ลดลงเลย


               พอขึ้นมาอีกทีจองกุกก็หลับไปเสียแล้ว จีมินที่ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ในครัวเกี่ยวกับการป้อนยาของร่างสูงก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาตรงไปที่เตียง ยาในมือเล็กถูกส่งเข้าไปในปากของตัวเอง มืออีกข้างบีบแก้มของจองกุกอย่างเบามือพร้อมกับประกบจูบลงไป ลิ้นเล็กค่อยๆดันยาเข้าไปในโพรงปากของร่างสูงช้า จนลงไปในคอครบทุกเม็ด แต่พอจะละริมฝีปากออกก็กลับถูกมือหนากดท้ายทอยลงมา

     

              “อื้ออ”

              ลิ้นร้อนของจองกุกพันกับลิ้นของจีมิน เสียงดูดดึงดังไปทั่วห้องที่เงียบสงัด เป็นจูบที่หวานมากจนจีมินเคลิ้มตาม ดวงตาเรียวเล็กหลับตาลงรับสัมผัสที่หอมหวานของจองกุก ทันทีที่ริมฝีปากทั้งคู่ขยับออกจากกัน จีมินได้แต่ปรือตา และหอบหายใจมองจองกุกที่ยิ้มบางๆ


             “มินอา?”

             “....”

             ได้แต่ผลักจองกุกให้ออกห่าง แล้วเดินออกจากห้องไป

             “มินอา เธอหรือเปล่า? กลับมาก่อน!


             เสียงของจองกุกตะโกนตะโกนไล่หลังทำเอาน้ำตาของจีมินไหลออกมาช้าๆ รู้สึกว่าหัวใจมันอ่อนแอ มันเต้นช้าลงเรื่อยๆ ทุกๆครั้งที่พี่จองกุกคิดว่าตัวเองเป็นพี่มินอา ก็รู้สึกเหมือนมีคนกระชากหัวใจออกมาบิดอย่างแรงจนขาดดิ้นคามือ ยิ่งกว่าไม่เคยอยู่ในความคิด ก็คืออาจไม่เคยอยู่ในชีวิตเลยต่างหาก ได้แต่ใช้หลังมือปาดน้ำตา

             ตุ้บ

            “พี่จองกุก!

            “มินอา อย่าไป..”

            ขาที่จะวิ่งเข้าไปพยุงก็หยุดชะงัก มีแต่ชื่อที่ไม่อยากได้ยินออกจากปาก แต่สุดท้ายก็ต้องเดินไปพยุงจองกุก แต่ยังไม่ทันได้พยุง ร่างสูงก็คว้าจีมินเข้ามากอดทันที

            “มินอา.. อย่า.. อย่าทิ้งผมไป..”

            “ฮึก.. ผม..”

            “!?”

            “ฮึก.. ผมไม่ใช่ ผมไม่ใช่มินอา!

            ปึก

            “นายมันน่ารังเกียจ ไปเลย ออกไปจากห้องฉันซะ!

     

             22 สิงหาคม 2014

               บ้านที่เงียบสงัด จองกุกที่ไข้ลดลงโดยที่ตนเองไม่รู้สาเหตุว่าทำไม อยู่ในห้องนี้คนเดียวมาถึงสองวัน ข้าวปลา และยาไม่กินตามเคย และก็ไม่มีเสียงเคาะประตู กับเสียงของร่างเล็กให้รำคาญ แต่กลับทำให้รู้สึกเหงากว่าปกติ เหงากับความมืดที่ผจญอยู่ตอนนี้ หลายๆอย่างปรากฏอยู่ในหัว แต่ไม่อาจเห็นภาพ หลายๆอย่างที่อยากทำ แต่ก็ไม่อาจทำได้ ถ้าลุกก็คงจะแค่เข้าห้องน้ำไปปัสสาวะ โดยจับเชือกที่ยุนกิผูกไว้ให้ แล้วก็กลับมานอนที่เดิม

              “มินอา เธอจะทำอะไรอยู่นะ?”

     

            “มินอา รู้ไหมวันนี้วันอะไร?”

            “วันนี้ก็.. วันพุธนี่”

            “วันนี้เป็นวันพิเศษมากๆเลยนะ”

            “?”

            “วันนี้ครบรอบ6ปีของเราไง”

             จองกุกพูดออกมา แล้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงในกระเป๋ามาเปิดขึ้น แหวนทองเรียบๆตัดกับสีกล่องทำให้มันดูสวยงาม เพียงมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าประโยคที่ร่างสูงจะพูดต่อจากนี้คืออะไร สายตาที่มุ่งมั่นของจองกุกมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว แต่กลับพบรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ มือที่เล็บแต่งแต้มไปด้วยสีดำเอื้อมไปปิดกล่องนั้นเบาๆ

            “ฉันว่า6ปีมันนานมากเลย” มินอาพูดพร้อมกับดันกล่องแหวนเข้าหาตัวของจองกุก ร่างสูงได้แต่ขมวดคิ้วมองคนรัก “และมันอาจจะนานเกินไปด้วยซ้ำ จองกุกอา เราเลิกกันเถอะ ฉันเบื่อกับอะไรเดิมๆมากเลยนะรู้ไหม?”

            กระเป๋าเสื้อผ้าสีชมพูอ่อนที่แอบเก็บเอาไว้ล่วงหน้าถูกหยิบออกมาจากตู้

            “มินอา แต่ฉันรักเธอนะ!

            จองกุกวิ่งเข้าไปกอดเอวของอดีตคนรักไว้แน่น แต่ก็ถูกผลักโดยบุคคลที่มาใหม่ จองกุกกระเด็นไปกระแทกกับหัวเตียง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมินอา กับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังโอบเอวของมินอาเอาไว้

            “มึงเป็นใคร!?”

           “ดูไม่ออกหรือไง? อย่าทำเป็นโง่ดีกว่า”

           “ขอร้อง.. มินอา..ผมรักคุณที่สุดเลยนะ”

     

             กรอบรูปทุกอันถูกคว่ำลง ความสัมพันธ์ที่ขาดลงง่ายๆ จองกุกได้แต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ในห้องเงียบๆ มือหนากำโทรศัพท์ที่ขึ้นจอโทรออกหาเบอร์เดิมเป็นร้อยๆครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบรับ จนสุดท้ายวันนี้เบอร์นั้นก็ถูกปิดไป เขาขว้างโทรศัพท์ทิ้งลงกับพื้นอย่างหัวเสีย พร้อมกับหยิบแจ๊กเก็ต และกระเป๋าสตางค์ออกจากบ้านไป

             มอเตอร์ไซค์ BMW รุ่น K1300 R ส่งตรงจากเยอรมัณถูกบิดด้วยความเร็วสูง ความจำหลายๆอย่างขึ้นมาในหัว ทั้งตอนที่มินอากอดเอวของเขา ตอนล้างรถด้วยกัน พอรู้ตัวอีกที..

    ความเจ็บก็แล่นจี๊ดไปทั่วทั้งร่างกาย พร้อมกับโลกที่มืดลงช้าๆ

     

           “คุณสูญเสียการมองเห็นทั้งสองข้าง”

           “ครับ..”

           “ที่บ้านของคุณ ครอบครัวของคุณมีใครไหม?”

           “ไม่ครับ”

           “คุณคงต้องพักที่นี่”

           “...ไม่อยากอยู่”

           “ครับ?”

           “ผมไม่อยากอยู่ที่นี่.. รบกวนจ้างคนดูแลให้ผมได้ไหมครับ?”

           “อ่า.. ครับ”

     

             เหงา..

             พอไม่มีเสียงพวกนั้นมันก็รู้สึกแปลก ทั้งที่ควรดีใจที่ไม่มีอะไรน่ารำคาญ น่ารบกวนใจ แต่มันก็คงจะเงียบเกินไป เพราะถ้าไม่ขึ้นมาก็อาจจะได้ยินเสียงดูดฝุ่น หรือเสียงทำอาหารอยู่บ้างเป็นครั้งคราว


             “นี่..”

    พอจะเรียกก็ไม่รู้ชื่อ

            “เอ่อ... นายอ่ะ”

    เพราะคิดว่าอีกคนอยู่หน้าห้องเลยไม่ได้เรียกดัง แต่ก็เงียบ สงสัยจะอยู่ข้างล่าง..

           “เฮ้ นายอ่ะ พยาบาลอ่ะ!

            ตะโกนอย่างดัง แล้วก็นั่งอยู่เฉยๆ จนคิดว่าเวลามันผ่านไปประมาณสิบนาทีแล้วก็รู้สึกว่ามันเงียบ เขาไม่รู้เวลาว่าตอนนี้กี่โมง ตอนนี้อาจจะดึกแล้ว พยาบาลของเขาอาจจะกำลังหลับอยู่ เลยตัดสินใจตะโกนอีกครั้งดังกว่าเดิม ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ หรือเสียงวิ่งขึ้นมาเหมือนปกติ ก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ในใจก็คิดแต่ว่าทำไมทำตัวบกพร่องหน้าที่อย่างนี้?

            “เฮ้ยย ตื่นเดี๋ยวนี้นะ! ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!..”

             จองกุกไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว หลังจากที่มินอาบอกเลิกไป ทั้งๆที่เขาพยายามจะตัดขาดกับทุกอย่างโดยการอยู่เงียบๆ แต่เขาก็ทำไม่ได้ ยิ่งทุกอย่างมืดไปหมดความกลัวก็เริ่มกัดกินหัวใจของเขาช้าๆ


             “ฮึก.. กลับมาเถอะ..ฉันจะไม่ดุนายแล้ว..”



            23 สิงหาคม 2014

             “พี่รู้ไหม? มนุษย์อดน้ำได้แค่สามวันเท่านั้นนะ..”

             “วันนี้วันที่สามแล้ว พี่อาจจะตายได้นะรู้ไหม?”

             “และผมก็ไม่ใช่พยาบาลที่ให้คนไข้ของตัวเองตายเพราะอดน้ำด้วย..” จีมินประคองร่างที่ผอมลงเรื่อยๆของจองกุขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ริมฝีปากของจองกุกซีดเซียว จนจีมินรู้สึกใจหาย เขาเขย่าจองกุก พร้อมกับเรียกชื่อ

            “พ.. คุณจองกุกๆ ตื่นมากินน้ำก่อน”

            “อืมม”

            “คุณจองกุกมากินน้ำก่อน”

            “นาย? พยาบาล?”

            “..ครับ ไม่ต้องห่วงนะ แค่ป้อนข้าวกับน้ำเสร็จผมก็จะป..”

            ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบประโยค ก็ถูกจองกุกดึงเข้าไปกอดทันที จีมินได้แต่กระพริบตางงๆ และนั่งแข็งทื่อให้จองกุกกอดอยู่อย่างนั้น เสียงสะอื้นเบาๆทำให้จีมินขมวดคิ้ว

            “คุณ.. เป็นอะไรหรือเปล่า?”

            “ฮึก.. อย่าไป..”

            “ห้ะ?”

            “อย่าไป.. ฮึก.. อย่าทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว..”

            “...”

            “ขอร้อง.. จะไม่ดุ ไม่ว่าอีกแล้ว.. ฮึก”

            จีมินยิ้มออกมาบางๆ มือเล็กยกขึ้นมาลูบแผ่นหลังที่สั่นเทา

            “ครับ”

     

              ข้าวต้มมื้อที่สองของจองกุกในช่วงเวลาเกือบสัปดาห์ถูกป้อนเข้าปากช้าๆจนหมดถ้วย ตามด้วยน้ำเปล่า ที่ไม่มียาเพราะแอบผสมไปกับข้ามต้มแล้ว ถึงวิธีนี้จะเหมือนคันจิไปหน่อยก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ยาบำรุงของจองกุกไม่มีน้ำมันตับปลา ไม่เช่นนั้นคงงานงอกถ้าตอนกัดเข้าแล้วมีน้ำมันเยิ้มออกมา

             “วันนี้ไม่มียากินหรือไง?”

             “คุณอย่าพูดเหมือนว่าคุIกินยาทุกวันสิ”

             “นั่นสินะ แล้วสรุปไม่มีหรือ?”

             “คุณอย่ารู้ดีกว่า ผมเอาชามไปร้านก่อนนะ”

             “อืม รีบขึ้นมานะ”

             “ครับๆ”

             ตอบไปงั้นแหละ ทั้งที่ตอนนี้จีมินยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูละ เขารีบเดินออกไป และกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และก็นั่งอยู่หน้าห้องเหมือนวันแรกที่มา หนังสือเล่มหนาถูกยกมาอ่านด้วย พร้อมกับโทรศัพท์และหูฟังสีขาวถูกหยิบขึ้นมาใส่ไว้ข้างหนึ่ง แต่ก็นั่งอ่านได้แค่ไม่ถึงสิบนาที ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงเจ้าของบ้าน


             “เฮ้ยนาย ล้างจานหรือจ่ายตลาดเนี่ย!

             “อะไรของคุณ ผมล้างจานเสร็จตั้งนานละ” จีมินแง้มประตูแล้วพูด

             “แล้วทำไมไม่เข้ามา?”

             “ก็นั่งหน้าห้องตามที่คุณบอกแล้ว.. งั้น เอ่อ..คราวหลังถ้าผมมานั่งแล้วจะบอกละกันนะครับ” จีมินพูด แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าจองกุกคงไม่สามารถรู้ได้ ก็เลยขอโทษอยู่ในใจ แล้วพูดต่อ

             “มานั่งในนี้กับฉัน”

             “จะดีหรือครับ?”

             “เออ”

    เสียงปิดประตูดังขึ้น จีมินเดินขมวดคิ้วเข้ามานั่งที่โซฟาข้างเตียง แล้วเปิดหนังสืออ่านต่อ

             “นายอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”

             “ผมก็นั่งอยู่ข้างๆนี่แหละครับ” เอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิด พี่จองกุกก็พี่จองกุกเถอะ มาขัดจังหวะตอนเขาอ่านหนังสืออย่างนี้ก็น่ารำคาญเหมือนกันแหละ “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

             “เปล่า.. ก็แค่ถามให้แน่ใจ”

             “อ่า.. ครับ”

             พอก้มลงจะอ่านต่อ

            “นี่..”

            “อะไรอีกครับ?”

            “อย่าทำเสียงแบบนั้น นายชื่ออะไร?”

            “คุณไม่ต้องรู้ก็ได้ มันไม่สำคัญหรอก..”

            “อะไรของนาย? ฉันไม่เรียกแต่คำว่านายๆๆหรอกนะ”

            “อ่า ผมชื่อจีมิน”

            “อืม”

              และความเงียบก็ปกคลุมทั้งห้องอีกครั้ง จีมินยกหนังสือขึ้นมาอ่านช้าๆจนได้ครึ่งเล่ม ก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ฝาผนัง ใกล้เที่ยงแล้ว พี่จองกุกหิวหรือยังเนี่ย? คิดแล้วก็ก้มลงมามองร่างสูง

             “คุณหลับยัง?”

             “..ยัง”

             “อยากกินอะไร? เดี๋ยวลงไปทำให้”

             “อยากกินสเต๊ก”

             “ห้ะ? บ้าหรอ? ด่วนแบบนี้จะหาของที่ไหน?”

             “งั้นอะไรก็ได้..”

             “อยากออกไปกินข้างนอกไหม? วันนี้อากาศดีมากเลยนะ”

             “ได้หรือ?”

             “ได้สิครับ”

             จีมินพาจองกุกลงมาอย่างเก้ๆกังๆ แต่สุดท้ายก็เดินมาถึงสวนหลังบ้านได้ เขาจับจองกุกนั่งลงบนเก้าอี้สาน แล้วเปิดเพลงจากโทรศัพท์ของตนวางไว้บนโต๊ะข้างๆ จากนั้นจึงเดินเข้าไปทำอาหารให้

     

             เป็นเวลาสองสัปดาห์ที่จองกุกใช้ชีวิตอยู่กับจีมิน โดยที่ไม่รู้วันเวลา เขาลืมเรื่องของมินอาไปได้สักพัก เพราะจีมินมักหาอะไรมาให้เขาแก้เหงาได้เรื่อยๆ เดี๋ยวก็อ่านหนังสือให้ฟังบ้าง เดี๋ยวก็พาไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านบ้าง ตอนเดินก็พูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด แล้วก็ชี้นกชมไม้ พอนึกขึ้นได้ว่าจองกุกมองไม่เห็น ก็ขอโทษ แต่พอวันต่อมาก็เผลออีก จนจองกุกหัวเราะกับการกระทำนั้น

     

            1 กันยายน 2014

           ‘วันนี้วันเกิดของพี่จองกุก


            เขียนได้แค่นี้ เสียงเรียกก็ดังขึ้น ช่วงนี้จีมินมีความสุขมากที่จองกุกเรียกแต่ตนเอง จนลืมคิดไปว่าทั้งบ้านก็มีแค่เขา


           “จีมิน!

           “ครับๆ”

           “ทำอะไร?”

           “เปล่าครับ”

           “อ๋อ อืม”

           “มีอะไรอยากทำหรือเปล่าครับ?”

            “ก็ไม่หรอก”

            “งั้นเดี๋ยวผมมานะ ไปซื้อของเข้าบ้านหน่อย”

            “เร็วๆนะ”

    จีมินยิ้มให้กับคำพูดของจองกุก ขานรับอย่างสดใส แล้วเดินออกจากบ้านไป

             แต่ความสุขคงอยู่กับคนเราได้ไม่นาน จีมินตรงไปร้านเค้กหน้าหมู่บ้าน ซื้อเค้กก้อนเล็กๆมา พร้อมกับเทียนสีๆ แล้วก็ซื้อเนื้อผักเข้าบ้านมาอีกนิดๆหน่อยๆ

              “คุณ ผมกลับมาแล้วนะ” จีมินเดินไปบอกจองกุกตรงตีนบันไดตามปกติ แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเสียงตอบรับ ก็ได้แต่คิดว่าคงหลับไปแล้ว ก็เลยเดินเอาข้าวของเข้าไปเก็บในครัว เขาหยิบเค้กก้อนเล็กๆออกมา ปักเทียน และจุดไฟไว้ กล้องพาราลอยด์สีฟ้าพาสเทลถูกหยิบออกมาถ่ายรูป ความจริงนี่ไม่ใช่รูปแรกที่จีมินถ่าย จีมินแอบถ่ายรูปจองกุกไว้หลายต่อหลายครั้งแล้ว เขายิ้มพอใจให้กับรูปเบาๆ ก่อนจะยกเค้กขึ้นมากำลังจะเดินออกจากครัวก็ต้องชะงัก

              “ไง”

              “เอ่อคือ..”

              “นายคงจะเป็นจีมินสินะ”

    จีมินพยักหน้าช้าๆ เขาจำคนตรงหน้าได้ดี พี่มินอา..

              “หืมม มีเค้กด้วยนี่ ซื้อมาให้จองกุกสินะ เอามานี่!” เขากระชากเค้กในมือของจีมินมาถือเอาไว้เอง ดวงตาที่กรีดไว้ด้วยอายไลเนอร์จ้องจีมินราวกับผู้ที่เหนือกว่าในทุกๆด้าน.. ทุกๆด้านที่จองกุกรัก... จีมินไม่ได้ขัดขืนอะไร ถึงแม้จะตกใจเล็กน้อย เขาได้แต่มองมินอาเดินขึ้นชั้นสองไป พร้อมกับเสียงหวานๆที่ดังลงมา

              “จองกุก มินอาซื้อเค้กมาให้ วันนี้วันเกิดนี่นา”

              จีมินได้แต่ยืนมองทั้งคู่อยู่ที่หน้าห้อง เหมือนตอนที่เอากระต่ายไปให้ แต่อย่างน้อยเค้กก่อนนี้ไม่ได้ซื้อมาเก้อ จีมินมองรอยยิ้มของจองกุกที่ดูมีความสุขที่สุดในช่วงที่อยู่ด้วยกันมา ขาสั้นๆก้าวลงบันไดพร้อมกับเก็บกระเป๋า บางทีคนที่เขาต้องการที่สุดก็คงจะอยู่ตรงหน้า เขาก็คงต้องกลับแล้ว

     

             12 กันยายน 2014

              “นี่มินอา ฉันอยากเดินเล่นข้างนอก”

              “จะออกไปทำไม? ออกก็ยาก”

              “จีมินยังพาฉันออกไปได้เลยนะ”

              “นั่นจีมิน นี่มินอา อ๊ะ.. ฉันต้องไปละ บาย”

               “เดี๋ยว เธอจะไปไหนน่ะ?”

               “ไปเที่ยวสิ อยู่กับนายทั้งวันฉันก็เบื่อเป็นนะ” มินอาเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของจองกุก จังหวะเดียวกับที่ยุนกิเดินขึ้นมาพอดี หญิงสาวเดินผ่านยุนกิไปเฉยๆไม่มีการทักทาย จนยุนกิขมวดคิ้วใส่เล็กน้อย คนอะไรไร้มารยาท เสียงที่จองกุกเรียกมินอายังไม่ขาดสาย จนยุนกิเดินมาถึงหน้าห้อง

               “สวัสดีคุณจองกุก แล้วจีมินล่ะ?”

               “อย่ากระแดพูดสุภาพิ จีมินน่ะหรือ? อยู่ข้างล่าง... หรือเปล่า?” ความสุขที่ได้อยู่กับมินอามันเพลิดเพลินจนเขาลืมไปว่ามีอีกคนที่อยู่บ้านนี้เหมือนกัน และคนๆนั้นเจ็บปวดเสมอที่จองกุกทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจีมินออกจากบ้านนี้ไปนานแล้วด้วยซ้ำ

              “ไม่มี กระเป๋าน้องของฉันไม่ได้อยู่ข้างล่าง”

              “เอ้า แล้วกูจะรู้ไหม?” ยุนกิเป็นเพื่อนสนิทของจองกุก และเป็นพี่รหัสของจีมิน จองกุกไม่รู้ว่าจีมินเป็นน้องรหัสของยุนกิ แต่ก็ที่บอกตอนแรกน่ะแหละ ชื่อก็ยังไม่รู้เลย เจ้าตัวรู้ดีมาตลอดมาน้องรหัสของเขาชอบจองกุก แล้วพอมารู้ว่าเพื่อนสนิทของตนตาบอด และน้องรหัสของตัวเองเรียนผู้ช่วยพยาบาลมาก็เข้าทาง เพราะจองกุกเลิกกับมินอาแล้ว นั่นคือสิ่งที่เขาปรารถนามาหกปี เพราะทุกครั้งที่เห็นหน้ามินอาแล้วก็รู้สึกคันมือคันเท้าอยากตบตลอด

              “เบื่อคนโง่จังวะ กูไปหาน้องกูละ มึงอยู่คนเดียวแล้วกัน”

              “อย่า.. เอาจีมินมาหากู”

             “กูสงสารน้องกูว่ะ เดี๋ยวกูเปลี่ยนพยาบาลให้”

             “ไม่ จีมินรู้ใจกูสุดแล้ว”

             “น้องกูเจ็บมากพอแล้วว่ะ”

             “มึงพูดเรื่องอะไร? กูงง”

              “บอกแล้ว เบื่อคนโง่ ไปล่ะ เดี๋ยวหาคนให้” ยุนกิเดินออกไปโดยไม่สนเสียงโวยวายของจองกุก นิ้วเรียวกดเบอร์โทรหาเพื่อนสนิทที่เป็นพยาบาลอีกคนหนึ่งมาดูแลจองกุกชั่วคราวด้วยความหมั่นไส้ ความจริงวันนี้เขาจะมาเช็คความเรียบร้อยของงาน กับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่สุดท้ายก็ต้องทำหน้าเซ็ง

     

              “คุณจองกุก นี่ข้าวผัด” เสียงทุ้มดังขึ้น จองกุกที่นอนหันหลังอยู่ก็หันมาต้นเสียง

              “ใคร?”

              “พยาบาลคนใหม่ที่ยุนกิขอให้มาดูแล”

              “....อ่าฮะ แต่ฉันไม่กิน”


             ‘โฮซอก ฉันฝากปั่นหัวจองกุกให้สุดๆไปเลยนะนี่คือคำพูดของมินยุนกิตัวร้ายก่อนวางสาย


              “โฮซอก ฉันเบื่อ อยากอ่านหนังสือ”

              “ครับๆ” โฮซอกหยิบหนังสือที่จีมินทิ้งไว้ข้างเตียงขึ้นมาอ่านให้ฟัง “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..”

              “นายเอ่อ.. ช่วยเล่าให้มันมีอารมณ์หน่อยสิ แบบจีมิน”

              “งั้นคงลำบากหน่อย ไว้ผมมีอารมณ์ค่อยเล่าละกัน”


             19 กันยายน 2014

               หนึ่งสัปดาห์ที่ไม่มีทั้งจีมินและมินอา มีแต่โฮซอกที่สั่งให้ทำอะไรก็ไม่ทำ แถมยังขี้บ่นอีก เชื่อได้เลยว่าหมอนี่ต้องเหงือกบานแน่ๆ บ่นเยอะขนาดนี้ รอก่อนนะถ้าฉันเห็นหน้านาย ก็ได้แต่คิดในใจนั่นแหละ ความจริงก็แค่เหงาที่ไม่มีมินอาอยู่ข้างๆ แต่บางทีก็ไม่แน่ใจว่าเหงาเพราะไม่มีจีมินหรือเปล่า

     

             [เป็นไงบ้างโฮซอก?]

              “จองกุกถามถึงจีมินทุกวันเลย ข้าวก็ไม่ค่อยกินด้วย”

             [งั้นหรือ? งั้นพรุ่งนี้นายออกมาได้เลยนะ]

               “โอเคๆ”

     

             20 กันยายน 2014

              “นี่ พี่ไม่กินข้าวกินยาแบบนี้ผมก็รู้สึกผิดสิ”

              เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมกับสัมผัสที่ศีรษะของจองกุก ความจริงจองกุกไม่ได้หลับ เขาแค่นอนเฉยๆ สัมผัสที่ลูบเบาๆเพราะคงกลัวว่าเขาจะตื่น แต่ที่น่าแปลกใจคือคำสรรพนามที่ต่างออกไป

               “ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่เหงาเพราะพี่มินอาไม่อยู่ หรือพี่เหงาเพราะไม่มีผม”

               “....”

               “แต่ตอนนี้หัวใจของผมมันอ่อนแอมากเลย ผมขอโกหกตัวเองว่าพี่คิดถึงผมแล้วกันนะ”

               “....”

               “ผมลงไปทำข้าวผัดก่อนนะ”

               เสียงหวานที่หายไปพร้อมกับเสียงประตูปิดเบาๆ จองกุกพยุงตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง คำพูดของจีมินทำให้เขาฉุดคิดอะไรขึ้นมาหลายๆอย่าง นั่นสิ.. เขาเหงาเพราะไม่มีมินอาหรือจีมินกันแน่นะ? ช่วงเวลาที่มีจีมินเขาก็ไม่รู้สึกเหงาเลย เช่นเดียวกับตอนที่เขาอยู่กกับมินอา เขาก็ไม่รู้สึกเหงาเหมือนกัน แต่กลับรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ความรู้สึกของตอนที่อยู่กับมินอา และจีมินมันไม่เหมือนกัน

     

               “อ้าว คุณจองกุกตื่นแล้วหรือครับ?”

               “อ่า.. อืม ก็เห็นอยู่นี่”

               “พี่โฮซอกบอกว่าพี่ไม่ค่อยยอมกินข้าวเลย” จีมินพูดในขณะที่เดินมา เขาวางถาดข้าวไว้ที่หัวเตียงเหมือนเดิม แล้วจับร่างสูงบนเตียงหันตัวเข้าหาตัวเองตามปกติ “คุณ.. เป็นอะไรหรือเปล่า?”

               “เปล่าหรอก ก็แค่ไม่อยากกิน”

               “.. อ่า ครับ อ้าปาก”

    จองกุกทำตามที่จีมินบอกอย่างว่าง่าย ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาไม่อยากอาหารของโฮซอก หรือเขาอยากอาหารของจีมินกันแน่

               “จีมิน”

               “ครับ?”

               “ฉันอยากไปนั่งข้างล่าง ในสวน”

               “วันนี้อากาศมันหนาวนะครับ ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปน่าจะดีกว่า”

               “อืม ฉันอยากฟังนิทานด้วย”

     

               29 กันยายน 2014

                 ช่วงนี้โทรศัพท์ของจีมินดังบ่อยมาก ทั้งคาคาโอะ และสายเรียกเข้า บางทีก็ดังในขณะที่จีมินกำลังอ่านหนังสือ บางทีก็ดังในขณะที่กำลังพาจองกุกเดินเล่นอยู่ และเสียงพูดคุยของจีมินก็หวานกว่าปกติเวลารับสายพวกนั้น จนร่างสูงข้างๆรู้สึกรำคาญ

                 “ครับ แค่นี้นะครับ”

                 “นายเดี๋ยวนี้ฮอตมากเลยนะ”

                 “ก็.. ไม่รู้สิครับ..”

                 “หน้าตานายน่ารักมากเลยหรือไง?”

                 “ก็.. ไม่หรอกครับ ผมก็คนเกาหลีทั่วไปนี่แหละ”

                 “แต่เดี๋ยวนี้โทรศัพท์นายดังบ่อยมากเลยนะ”

                 “คุณจองกุกรำคาญหรือเปล่า?”

                 “ไม่หรอก ฉันแค่อยากเห็นหน้านายน่ะ”

                 “....”

                 “คงจะน่ารักสินะ ถึงฮอตขนาดนี้”

                 “จะน่ารักหรือไม่น่ารักก็ไม่สำคัญหรอกครับ ถ้าคนที่แอบรักเขาไม่สนใจ” จีมินตอบออกไป แล้วมองไปที่ใบหน้าของจองกุกที่นั่งอยู่ตรงข้าม หลายๆครั้งที่เขาคอยแอบมองจองกุกอยู่ในซอกตึก หรือแอบมองลงมาจากชั้นเรียน เขาไม่เคยได้เห็นใบหน้านี้ได้ชัดเท่าตอนนี้

                 “นายแอบรักใครอยู่หรือไง?”

                 “ครับ ผมแอบรักคนๆนั้นมาเก้าปีแล้วล่ะ”

                 “งั้นหรือ? น่าอิจฉาคนๆนั้นจังเลยนะ นายแอบรักเขามาตั้งเก้าปีโดยที่นายไม่รู้สึกเบื่อเลยหรือไง?”

                 “ผมไม่เคยเบื่อความรัก” จีมินตอบอย่างหนักแน่น และหากจองกุกเห็นสายตาของจีมินก็คงจะรู้สึกถึงความมุ่งมั่น จีมินยังคงมองจองกุกอยู่ “ความรักของผมคือการทำอะไรก็ได้ให้เขามีความสุข ถึงผมจะต้องทำมันซ้ำๆแค่ไหนผมก็จะทำ ขอแค่ให้ผมเห็นรอยยิ้มของเขา แต่น่าเสียดาย เขาไม่รู้จักผม..”

                “หืม? เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อนายเลยหรือไง?”

                “ครับ จนตอนนี้เขาก็ไม่รู้..”

                “นายเหมือนฉันกับมินอาเลยนะ ฉันน่ะแอบชอบมินอามาตั้งปีกว่าแน่ะ กว่าจะสารภ..”

                 “ผมว่าอากาศตอนนี้มันเริ่มเย็นแล้ว เข้าบ้านเถอะครับ” จีมินตัดบทของจองกุกทิ้งทันที ถึงจะมีท่าทีงงๆ แต่เขายังทำตามที่ร่างเล็กบอก เสียงของจีมินเมื่อครู่ยังคงดังอยู่ในหัวของจองกุก มันแฝงไปด้วยความน้อยใจ และเสียใจ ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่ก็สัมผัสได้ และจองกุกก็กำลังรู้สึกไม่ดีอีกด้วย ตั้งแต่ช่วงบ่ายนั้น จีมินก็ไม่ชวนจองกุกคุยอะไรอีกเลย เขาแค่นั่งอยู่ข้างๆจองกุกตามคำสั่งเท่านั้น จองกุกไม่รู้ว่าจีมินทำอะไรอยู่ เขาอาจจะนั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรืออาจจะนอนหลับไป แต่เขารู้สึกว่าจีมินกำลังโกรธเขาอยู่

     

                 “นี่.. จีมิน”

                 “อะไร... ครับ?”

                 “โกรธอะไรฉันหรือเปล่า?”

                 “ผมไม่มีสิทธิโกรธหรอกครับ”

                 “พูดแบบนี้ก็แสดงว่านายโกรธ”

                 “ก็บอกแล้วไง ผมไม่สิทธิโกรธอะไรคุณหรอก” จีมินตอบเหมือนเดิม แต่จองกุกก็ยังคงไม่สบายใจ เขาไม่รู้ว่าที่เขากลัวจีมินโกรธเป็น เพราะไม่อยากเสียร่างเล็กไปหรือเปล่า จีมินทำให้เขาพูดเรื่องของมินอาได้อย่างสบายใจ ไม่รู้สึกเศร้าเหมือนเดือนก่อน เขาได้ยินเสียงหัวเราะของจีมิน จนความเหงามันคลายไปจนหมด มันมีความรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ข้างๆ รู้สึกอบอุ่นเวลาที่จีมินจับมือของเขา หรือเวลาที่จีมินแอบลูบหัวของเขา

                 “..นายว่าคนตาบอดมีความรักได้ไหม?”

                 “ผมไม่รู้หรอก แต่คุณก็รักมินอานี่ งั้นคงมีได้แหละ”

                 “ไม่ใช่สิ ฉันหมายถึงรักคนที่ไม่เคยเห็นหน้าน่ะ”

                 “...ผมไม่รู้หรอก และผมก็คิดว่าเราควรหยุดพูดเรื่องนี้กันเสียที คือ.. มัน.. มันถึงเวลาอาหารเย็นของคุณแล้วล่ะ ผมจะลงไปทำเสต็กให้แล้วกันนะ คุณบ่นอยากกินมานานแล้วนี่ แต่มันคงไม่ค่อยอร่อยหรอกนะ” จีมินพูดเองเออเอง แล้วรีบลงไปข้างล่างทันที

     

                 แน่นอนว่าจีมินน้อยใจจองกุก เขาไม่ยอมคุยกับจองกุกมาหลายวันแล้ว จะคุยก็แค่ตอนป้อนข้าวเท่านั้น    

     


                11 พฤศจิกายน 2014

                [ฮัลโหล จีมินนี่พี่ยุนกิเองนะ]

                  “ครับ”

                [คือพี่จะบอกว่า.. การผ่าตัดตาของจองกุกน่ะต้องถูกเลื่อนนะ]

                  “ทำไมล่ะครับ?”

                [คือ พี่ก็ไม่รู้สาเหตุหรอก ยังไงก็ฝากบอกมันด้วยนะ]

                  “ครับ”

     

                 15 พฤศจิกายน 2014

                   มีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้จีมินต้องมานั่งคิด เขาไม่อยากบอกเรื่องการเลื่อนผ่าตัดตาของจองกุก ความจริงเขาอยากจะอยู่ข้างจองกุกนานๆ แต่เขาก็รู้ว่าจองกุกอยากกลับมามองเห็นอีกครั้งเร็วๆ และหากความคิดนี้ทำให้จองกุกมีความสุข จีมินก็อยากจะทำ มันอาจจะเป็นสิ่งที่จีมินทำให้จองกุกเป็นอย่างสุดท้าย

                   “คุณจองกุก”

                   “นี่นายยอมคุยกับฉันแล้วหรือไง?”

                   “อะไรกัน ผมก็คุยกับคุณทุกวันไม่ใช่หรอไง?”

                   “อ่า.. ช่างเถอะ ว่ามาสิ”

                   “ถ้าคุณผ่าตัดตาแล้ว คุณจะทำอะไรงั้นหรือ?”

                   “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ?”

                  “ผมก็แค่มีอะไรให้คิดน่ะ..”

                  “อืม ถ้าฉันผ่าตัดตาเสร็จ ฉันก็คงจะตามหามินอาน่ะแหละ แล้วก็..”

                  “..ครับ”

                  จีมินยิ้มให้กับจองกุกทั้งน้ำตา จีมินคงจะมีความสุขมามากเกินพอแล้วในช่วงห้าเดือนนี้ มากเกินพอที่จะเก็บไว้ เขามีโอกาสเห็นแก่ตัวที่อยากเก็บจองกุกเอาไว้คนเดียว เพียงแค่บอกว่าไม่มีคนบริจาคตาให้ แต่หากความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้คนตรงหน้าไม่มีความสุข เขาก็ไม่มีทางที่จะทำมัน

     

                16 พฤศจิกายน 2014

                  จีมินกะเวลาในช่วงเช้าออกไปทำธุระที่โรงพยาบาล ซึ่งเรื่องมันค่อนข้างเยอะมาก ถึงมากที่สุด ทำให้จีมินกลับมาไม่ทันเวลาที่จองกุกตื่น


                17 พฤศจิกายน 2014

                  วันนี้จีมินออกจากบ้านไป โดยขอให้พี่ยุนกิมาช่วยดูแลจองกุกชั่วคราว


                21 พฤศจิกายน 2014

                  วันนี้จีมินอยู่บ้านกับจองกุกทั้งวัน แต่ขอยกเลิกสัญญาที่จะพาจองกุกไปเดินเล่นข้างล่าง โดยบอกว่าปวดแขนมาก ซึ่งจองกุกก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงของจีมิน เขาได้แต่ยิ้มบางๆให้ร่างตรงหน้า แล้วพูดคำที่จีมินเจ็บที่สุดออกมา

                  “งั้นคราวหน้าค่อยไปก็ได้เนอะ”

                  “อื้ม”  ถ้ามีโอกาสนะพี่จองกุก...

     

                 16 ธันวาคม 2014

                   “คุณจองกุก ผมจะดูแลคุณเป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้วนะ”

                   “?”

                  “สัปดาห์หน้าคุณจะได้ผ่าตัดแล้ว คุณจะมองเห็นอีกครั้งแล้วนะครับ”

                  “แล้วนายจะไปไหน?”

                  “หืม? ผมก็ต้องใช้ชีวิตของผมน่ะสิ”

                  “แล้วเราจะได้เจอกันไหม? หลังผ่าตัดน่ะ”

                  “..ผมไม่แน่ใจหรอกครับ สภาพของผมในตอนนั้นคงดูไม่พร้อมที่จะพบเจอกับใครหรอกครับ”

                  “ทำไมล่ะ? ยังไงฉันก็อยากเห็นนายนะ”

                  “ฮ่ะๆ อย่าเสียเวลากับผมเลย  หน้าของผมก็เห็นได้ทั่วไปในเกาหลีแหละครับ หน้าตาธรรมดาๆ ที่ถูกมองข้ามตลอด ไม่มีอะไรให้คุณมองหรอกนะ อีกอย่าง พอคุณผ่าตัดเสร็จคุณก็กลับไปตามหามินอา เดี๋ยวคุณก็ลืมผมแล้วล่ะ” จีมินตอบ น้ำเสียงที่สั่นเครือ และพยายามหัวเราะแห้งๆออกมา

                  “ไม่หรอก.. นายชอบทะเล หรือภูเขาน่ะ?”

                  “.. ถามทำไม?”

                  “เปล่าหรอก ก็แค่อยากรู้”

                  “ผมชอบทะเลครับ บ้านเกิดของผมมีทะเล”

                  “งั้นหรือ?”

                  “ครับ ผมลงไปยกข้าวต้มมาให้ก่อนนะ”

     

                20 ธันวาคม 2014

                 วันนี้จีมินพาจองกุกลงมาข้างล่างตามสัญญา ปากของจีมินยังคงชวนจองกุกดูนกชมไม้ตั้งแต่วันแรกที่พาลงมา ถึงแม้วันนี้เสียงมันจะเศร้าเหลือเกิน

                “จีมิน นายร้องไห้หรือเปล่า?”

                “ห้ะ? อะไรกันคุณ ผมจะร้องไห้ทำไม?”

                “เปล่าหรอก ก็เสียงนายมันดูเศร้าๆน่ะ ฉันฟังยังรู้สึกเศร้าตามเลยนะ มีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังไหมล่ะ? เผื่อจะช่วยได้ ถึงฉันตาบอด แต่สมองของฉันก็ไม่บอดหรอกนะ” จองกุกว่า

                “คุณช่วยอะไรผมไม่ได้หรอก แต่ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจผมก็จะเล่า”

                “...”

                “ผมแค่รู้สึกว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากเกินไป ทำให้ผมรู้สึกไม่พร้อมที่จะรับความทุกข์ที่มาเร็วเหลือเกิน และผมก็กำลังจะจ่ายค่าความสุขนั้นคืน ความจริงความสุขนั้นมันก็ไม่ควรมาอยู่กับผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะมันเป็นของคนอื่นมาตลอดหกปี ผมไม่รู้ว่าที่ผมทำมันจะถูกหรือไม่ แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจไปแล้ว” คำพูดที่วกวนของจีมินทำเอาจองกุกขมวดคิ้ว จีมินจูงจองกุกขึ้นไปบนห้องนอน แล้วบอกว่ามีธุระต้องไปทำ

     

               21 ธันวาคม 2014

                 วันนี้จองกุกต้องมาเตรียมตัวรับการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ ส่วนจีมินที่ออกไปทำธุระตั้งแต่เมื่อวานก็ยังไม่กลับ จนจองกุกต้องเรียกหาจีมินตลอดทาง เขาอยากได้กำลังใจจากจีมิน

                 “ยุนกิ จีมินอยู่ไหน?”

                 “...”

                 “ยุนกิ กูถามว่าจีมินอยู่ไหน?”

                 “ห้ะ? .. เอ่อ..” ยุนกิที่นั่งคิดอะไรคนเดียวสะดุ้งตัวขึ้น เมื่อคนบนเตียงแตนเลสเรียกชื่อตนเสียงดัง “จีมินก็.. ไปทำธุระน่ะสิ นายนี่ถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้วนะจองกุก “

                 “งั้นเมื่อไหร่จีมินจะกลับ?”

                 “นายไม่ต้องทำเป็นเปลี่ยนคำถามหรอกจองกุก นายก็ถามคำถามนี้หลังจากคำถามแรกตลอดแหละ อีกอย่างนึง นายไม่ต้องสนใจน้องฉันนักหรอก ไหนๆนายก็ไม่เคยสนใจมาตั้งเก้าปีแล้วนี่ จะตลอดชีวิตนายเลยก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ”

                 “หมายความว่าไงที่บอกว่าฉันไม่สนใจจีมินมาเก้าปี?”

                 “ก็บอกแล้วไงว่านายมันโง่ เอาเถอะ จีมินอยู่ไม่ไกลนายหรอกเชื่อฉันสิ รีบๆหลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องแข็งแรงนะรู้ป้ะ?”



     

                “จีมิน เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะรู้ไหม?”

                “ใช่ ให้จองกุกรออีกหน่อยเดี๋ยวก็ได้เองแหละ”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมตัดสินใจแล้วล่ะ”

     


               22 ธันวาคม 2014

                 “ยุนกิ จีมินอยู่ไหน?”

                 “ไม่รู้”

                 “เขาจะไม่มาส่งฉันจริงๆหรือ?”

                 “จีมินไม่ว่างน่ะจองกุก ทำใจให้สบายเถอะ”

                 “อืม”

                  รถเข็นของจองกุกถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด ร่างของจองกุกสลบไปตามยาที่วิสัญญีให้ดม ไม่นานก็มีเตียงอีกคันที่เข็นตามเข้าไป ยุนกิมองภาพเหล่านั้น แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา น้องรหัสของเขาเป็นคนน่ารักมาตลอด เขาทำให้จองกุกได้ทุกอย่างจริงๆ

     

                23 ธันวาคม 2014

                   จองกุกฟื้นจากยาสลบตั้งแต่เมื่อคืน เขากลับมามองเห็นทุกอย่างได้อีกครั้ง เขามองเห็นใบหน้าของยุนกิ โฮซอก และคุณหมอที่ยืนยิ้มแหยให้ตรงหน้าเขา เขามองเห็นได้แค่ข้างเดียว แต่ตาของเขาสามารถลืมตาได้ทั้งสองข้างเหมือนคนปกติทั่วไป คุณหมอบอกกับจองกุกว่าเขาไม่มาสามารถให้ดวงตาจองกุกได้ทั้งสองข้าง

                    “ไม่เป็นไรครับ ยุนกิ จีมินอยู่ไหน?”

                    “คือ.. จีมินไปทำธุระน่ะ ฉันว่านายนอนพักเถอะ พรุ่งนี้จะได้กลับบ้าน”

     

    รถแท็กซี่คันหนึ่งวิ่งออกจากโรงพยาบาลไป พร้อมกับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง

     

                 24 ธันวาคม 2014

                   วันนี้จองกุกได้กลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง ทุกๆอย่างยังอยู่ที่เดิมเหมือนกับวันนั้น จองกุกยังคงถามยุนกิถึงจีมินตลอดทาง และเขาสังเกตถึงใบหน้าที่เคร่งเครียดของยุนกิด้วย ยุนกิก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบไปว่าไม่เป็นไร ส่วนเรื่องจีมิน

                  ‘เขา.. ไปทำธุระไกลมาก  อาจจะไม่กลับมาแล้ว

     

                    จองกุกเดินสำรวจบ้านที่คุ้นเคย เขาเดินไปเรื่อยๆ ในใจได้แต่คิดถึงจีมิน วันนั้นเขายังคุยกับจีมินไม่จบ จีมินก็ตัดบทของเขาไปเสียแล้ว


                 “อืม ถ้าฉันผ่าตัดตาเสร็จ ฉันก็คงจะตามหามินอาน่ะแหละ แล้วก็..”

                 “..ครับ”

                 ‘แล้วก็บอกเลิกกับเขา เพื่อมาคบกับนาย ฉันจะทำให้นายลืมความรักตลอดเก้าปีของนาย แล้วหันมารักฉัน มันคงไม่เห็นแก่ตัวเกินไปใช่ไหม?


                    จองกุกเดินขึ้นห้องนอนของเขา เขามองเห็นโต๊ะตัวเล็กๆข้างเตียงมีหนังสือสีกรมท่าเล่มหนึ่งวางอยู่ ขายาวรีบก้าวตามไปหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย และนั่นก็ทำให้จองกุกยิ้มออกมา


                   ‘Jimin’s Diary’

     

                     ทันทีที่จองกุกเปิดหนังสือ รูปโพราลอยด์หลายสิบใบก็ร่วงหล่นลงมา มันเป็นรูปของจองกุก.. เป็นรูปตอนกิน ตอนนอน ตอนนั่งอยู่หลังบ้าน ตอนยิ้ม ตอนหัวเราะ ตอนหน้าบึ้ง แต่ละรูปมีวันที่เขียนไว้ด้านหลังอย่างชัดเจน จองกุกเริ่มอ่านไดอารี่ตั้งแต่หน้าแรก

     

                   22 พฤษภาคม 2006

                   ‘ผมไม่รู้วิธีการเขียนไดอารี่หรอก แต่ทันทีที่ผมเห็นหน้าของพี่ ผมก็อยากจะเขียนมันขึ้นมา ผมอยากเก็บความทรงจำดีๆไว้ในไดอารี่เล่มนี้ ยินดีที่ไม่รู้จักนะครับ พี่จองกุก

     

                   “จีมิน...

     

                   31 พฤษภาคม 2006

                   ‘วันนี้ผมเขียนไดอารี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ วันนี้ผมเห็นพี่หกล้มในสนามบาสด้วยล่ะ พี่จะเจ็บมากไหมนะ?

     

                   19 มิถุนายน 2006

                   ‘วันนี้ผมเจอพี่รหัสแล้วนะ ผมดีใจมากๆเลยนะที่พี่รหัสของผมเป็นเพื่อนสนิทของพี่จองกุก

     

                   1 สิงหาคม 2006

                   ‘วันนี้ผมฝากพี่ยุนกิเอาขนมไปให้พี่จองกุกด้วยนะ แต่ผมโกหกไปว่าแทฮยองฝากมาให้น่ะ

     

                   27 สิงหาคม 2006

                   ‘ผมได้ยินพี่ยุนกิคุยกับพี่นัมจุนว่า 1กันยา จะเซอร์ไพรส์วันเกิดพี่จองกุกยังไงดีนะ อ่า.. ตอนนี้ผมรู้วันเกิดพี่แล้วนะ

     

                    1 กันยายน 2006

                    ‘สุขสันต์วันเกิดนครับพี่จองกุก ขอบคุณที่เกิดมานะ

     

                    13 ตุลาคม 2006

                    ‘ผมไม่ได้เขียนไดอารี่นี้นานเลยนะ วันนี้วันเกิดของผมแหละ อยากให้ของขวัญวันเกิดปีนี้เป็นพี่จังเลยนะ ผมขอมากเกินไปหรือเปล่า?

     

                       ไดอารี่ของจีมินมีแต่คำว่าพี่จองกุก จองกุกได้แต่อ่านไปยิ้มไป เขาพึ่งรู้ว่าคนที่จีมินรักมาตลอดเก้าปีคือเขา

     

                     19 กุมภาพันธ์ 2008

                     ‘วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นพี่ในชุดนักเรียนแล้วนะ ผมรู้สึกดีใจ และเสียใจไปพร้อมๆกัน เรื่องที่ผมดีใจคืออะไรรู้ไหม? ผมดีใจที่พี่มีความสุขกับพี่มินอา และที่ผมเสียใจคือที่ตรงนั้น.. มันใช่ของผม

     

                      14 สิงหาคม 2014

                      ‘พี่จองกุก ผมดีใจมากๆเลยนะ ผมได้เจอพี่แล้ว แต่น่าเสียดาย พี่คงมองไม่เห็นผม..

     

                      15 สิงหาคม 2014

                      ‘พี่จองกุก พี่เปลี่ยนไปเยอะมากๆเลยนะ.. วันนี้พี่ไล่ผมออกจากห้องด้วยล่ะ ผมน่ารำคาญขนาดเลยหรือ? ผมแค่อยากหาอะไรที่ทำให้พี่มีความสุข หรือเพราะว่าผมไม่ใช่พี่มินอา?

     

                       19 สิงหาคม 2014

                       ‘พี่จองกุกไม่สบาย ผมดูแลพี่ไม่ดีใช่ไหม?

     

                        20 สิงหาคม 2014

                        ‘วันนี้พี่จูบผม เพราะพี่เข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นมินอา ผมเสียใจมากๆเลยนะ แต่ผมก็ไม่มีสิทธิพูดอะไรออกไป แล้วพี่ก็ไล่ผมออกไป ผมควรจะหายตัวไปเลยหรือเปล่านะ?

     

                         23 สิงหาคม 2014

                         ‘มนุษย์ขาดน้ำได้แค่สามวันนะ พี่คงไม่รู้หรอกเนอะ ผมรีบกลับมาป้อนน้ำพี่ทันที วันนี้พี่กอดผมด้วยล่ะ พี่บอกผมว่าอย่าทิ้งพี่ไป ผมดีใจมากๆเลยนะ ผมดีใจจนลืมไปเลยล่ะ ว่าที่พี่พูดอย่างนี้เพราะพี่พึ่งเลิกกับพี่มินอา.. ตอนบ่ายผมพาพี่ไปนั่งเล่นในสวนหลังบ้านพี่ด้วย

     

                         1 กันยายน 2014

                          ‘วันนี้วันเกิดของพี่ด้วยล่ะ ผมออกไปซื้อเค้กให้พี่ด้วยนะ แต่พี่มินอากลับแย่งมันไปก่อน แต่ไม่เป็นไรหรอก มันคงจะดีกว่าถ้าพี่มินอาเอามันไปให้พี่ และพี่มินอาก็กลับมาแล้ว ผมก็คงต้องไปแล้วเหมือนกัน

     

                         5 กันยายน 2014

                         ‘คิดถึงพี่

     

                         7 กันยายน 2014

                         ‘คิดถึงจริงๆนะ

     

                         18 กันยายน 2014

                         ‘พี่ยุนกิบอกว่าพี่ไม่ยอมกินข้าว เพราะพี่มินอาไม่อยู่หรือเปล่า?

     

                         19 กันยายน 2014

                         ‘ผมกลับมาดูแลพี่แล้วนะ

     

                         29 กันยายน 2014

                         ‘พี่เลิกพูดถึงพี่มินอาสักทีได้ไหม? ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิโกรธพี่หรอก.. แต่ผมก็เจ็บเป็น

     

                         11 พฤศจิกายน 2014

                         ‘วันนี้พี่ยุนกิโทรมาบอกว่าต้องเลื่อนเวลาผ่าตัดตาของพี่จองกุกด้วยล่ะ อาจจะอีกนานเลย

     

                         15 พฤศจิกายน 2014

                         ‘ถ้าดวงตาของผมจะทำให้พี่มีความสุข ผมก็ยอม ผมจจะจ่ายคืนความสุขที่ผมอยู่กับพี่เอง

     

                         16 พฤศจิกายน 2014

                          ‘วันนี้ผมไปคุยเรื่องการบริจาคดวงตากับพี่จินด้วยล่ะ พี่จินเป็นเพื่อนในคณะของพี่ยุนกิ พี่เขาบอกว่าการบริจาคดวงตาทำได้แค่กับคนตายเท่านั้น พอผมกลับบ้านพี่ก็โวยวายผมใหญ่เลย ผมขอโทษนะที่กลับมาไม่ทัน

     

                          17 พฤศจิกายน 2014

                          ‘วันนี้ผมไปเจาะเลือดมาด้วยล่ะ ผมกลัวมากๆเลย อยากให้พี่อยู่ข้างๆจัง

     

                          20 พฤศจิกายน 2014

                          ‘พี่จินทำอะไรกับแขนผมก็ไม่รู้ ขอโทษนะพี่จองกุก พรุ่งนี้ผมคงพาพี่ไปเดินเล่นไม่ได้แล้วล่ะ

     

                          15 ธันวาคม 2014

                           ‘เจ็ดวันสุดท้ายแล้วนะครับ

     

                           20 ธันวาคม

                           ‘นี่อาจเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเขียนไดอารี่แล้วนะ หลังจากนี้พี่คงจะไม่ได้เห็นผมอีก แต่ผมจะไม่ลืมพี่เลยนะ ผมรักพี่นะ พี่จองกุก ขอให้เห็นคืนวันที่สดใสเหมือนเมื่อก่อนนะครับ

     

                               หน้าสุดท้ายถูกติดด้วยรูปของคนๆนึงกับจองกุก เป็นเด็กผู้ชายคนนึงที่ยิ้มออกมา ไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใส แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่มีความสุข เป็นรูปสวนหลังบ้านของเขา จองกุกกำลังนั่งอยู่ข้างๆ ใต้รูปเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือที่เป็นระเบียบว่า


                           ‘ขอให้ผมได้อ่านหนังสือให้พี่ฟังอีกครั้งนะครับ

                               “นาย.. นายมันบ้า จีมิน.. ฮึก..”

     

                           “นายชอบทะเล หรือภูเขาน่ะ?”

                           “.. ถามทำไม?”

                           “เปล่าหรอก ก็แค่อยากรู้”

                           “ผมชอบทะเลครับ บ้านเกิดของผมมีทะเล”

     

                                “เรายังไม่ได้ไปทะเลด้วยกันเลยนะจีมิน..”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     

                 25 ธันวาคม 2014

     

                 รู้ตัวอีกทีข้างหน้าก็มีทะเลสีฟ้าครามเสียแล้ว ร่างเล็กสูดกลิ่นอายของทะเลเข้าจมูกช้าๆ  ดวงตาข้างขวาที่ถูกปิดไว้ด้วยที่ปิดตาเหมือนในอนิเมญี่ปุ่นเรื่องANOTHER ไม่เป็นอุปสรรคในการเก็บภาพสวยๆตรงหน้าสักเท่าไหร่ จีมินพึ่งเดินทางมาถึงบ้านเกิดได้เมื่อวันก่อน เขาแอบหนีออกจากโรงพยาบาลมา

     

     

                 รู้ตัวอีกทีข้างหน้าก็มีทะเลสีฟ้าครามเสียแล้ว ร่างสูงที่เหนื่อยกับการนั่งรถทัวร์หลายต่อหลายเที่ยว เพื่อไปจังหวัดที่มีทะเลอยู่ทุกที่  จนตอนนี้ก็เวลาห้าโมงเย็นแล้ว ทะเลทุกๆแห่งในตอนนี้ก็เริ่มกลายเป็นสีส้ม รถทัวร์เที่ยวสุดท้ายเริ่มออกตอน สองทุ่มครึ่ง  ในที่สุดก็มาถึงที่สุดท้าย บ้านเกิดของจองกุกเอง

     

                    “จีมิน ฉันตามหานายทุกทะเลเลยนะ แล้วนี่ก็เป็นทะเลสุดท้ายในประเทศแล้วด้วย นายคงไม่ได้อยู่ในสวนสยามทะเลกรุงเทพใช่ไหม?” นั่งหัวเราะให้มุขบ้าๆของตัวเองเบาๆอย่างขมขื่น จองกุกเดินอยู่ตามชายฝั่งที่เงียบสนิทในเวลา ห้าทุ่มครึ่ง สายตาสอดส่ายไปเรื่อยๆอย่างเริ่มหมดความหวัง ดวงตาที่เห็นได้เพียงข้างเดียวลำบากเหลือเกินในตอนนี้ เดินจนมาถึงโขดหินตรงสุดชายฝั่ง ก็ถอนหายใจกำลังจะเดินกลับ แต่แล้วสายตาก็ต้องสะดุดกับแผ่นหลังหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างโขดหิน

     

                    ใบหน้าที่เคยเห็นแค่ในรูปโพราลอยด์

                    ใบหน้าที่เขาอยากเห็นมาตลอดหลายเดือน

     

                    ใบหน้าหวานของจีมินกำลังมองออกไปที่ทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา และยิ่งเดินไปใกล้ๆ จองกุกก็เห็นผ้าปิดตาของจีมินที่ข้างซ้าย ในขณะที่จองกุกมองเห็นได้แค่ตาซ้าย แต่จีมินกลับมองเห็นได้ด้วยตาข้างขวา

     

                     จองกุกเดินตรงเข้าไปโดยที่จีมินไม่รู้สึกตัว แขนของคนที่สูงกว่าก็กอดที่เอวของคนตรงหน้า จนจีมินสะดุ้งสุดตัว

     

                     “ค..ใครน่ะ?”

                     “พี่เอง..”

                     “...”

                     “พี่จองกุกเอง..”

                     “ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”

                     “ไม่จีมิน จีมินไม่ได้ฝัน”

                     “ฮึก.. พี่.. ไม่ไปหามินอาหรือไง?”

                     “ไม่ต้องการแล้วมินอาน่ะ ตอนนี้อยากได้มินนี่มากกว่า” จองกุกกดจูบที่ซอกคอหอมของจีมินเบาๆ จีมินยังคงปล่อยสะอื้นอยู่เป็นระยะ จองกุกจับจีมินหันเข้าหาตัวเองเบาๆ ใบหน้าที่ถูกปิดไว้ด้วยผ้าปิดตาถูกมือเล็กขึ้นมาบัง

                     “อย่ามองผมเลย ผมดูไม่ดีหรอกนะ ฮึก.. บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเจอกัน ผมคงดูไม่น่ารักแล้วใช่ไหมล่ะ?”

                     “พี่เคยบอกด้วยหรือไงว่าจีมินน่ารัก?”                 

                     “ก็นั่นสินะ ฮ่ะๆ”  จีมินหัวเราะออกมาเบาๆ

                     “ไม่ต้องอายหรอก เปิดมันออกมาเถอะนะ มันไม่น่าเกลียดหรอกนะ พี่ก็เห็นแค่ข้างเดียวเหมือนกัน”

                      “....”

                      “ในขณะที่จีมินมองเห็นพี่ได้ด้วยตาแค่ข้างขวา พี่ก็มองเห็นจีมินได้ด้วยตาแค่ข้างซ้ายนะ”

                      “....”

                      “เราจะได้เติมเต็มกันและกันไง

                    “ฮึก.. ผมรอพี่มานานแล้วรู้ไหม?”

                   “พี่ก็มาหาแล้วไง”

                   “ผมรักพี่มาเก้าปีเลยนะ”

                   “นั่นพี่ก็รู้แล้ว พี่อ่านไดอารี่ของจีมินหมดแล้ว”

                   “อะไรนะ? ทำไมพี่ไร้มารยาทอย่างนี้ล่ะ!?”

                   “อ้าว”

                   “ฮึก.. ฮ่ะๆ แต่ก็ช่างเถอะ” จีมินหัวเราะออกมาเบาๆเหมือนเดิม เขายกข้อมือขาวของเขาขึ้นมาดูเวลา


                  23.58 PM

                    “Happy Christmas นะครับ”

                 “Merry Christmas ครับ พี่มีอะไรจะให้จีมินด้วยนะ”

                   “?”

                   “จำของขวัญวันเกิดที่จีมินอยากได้เมื่อเก้าปีก่อนได้ไหม? ที่เขียนไว้ในไดอารี่น่ะ”

                   “....”

                   “เป็นแฟนกันนะ จีมิน”

                    “ครับ พี่จองกุก”

    J

     

               25 ธันวาคม 2014

    ปีนี้ผมได้ของขวัญวันคริสต์มาสที่พิเศษที่สุดในชีวิต ขอบคุณซานต้าครอสที่ส่งตัวพี่จองกุกมาให้ผมรักนะครับ

     

     

    SPECIAL

                “พี่จองกุก วันนี้ใช้ลายนี้นะ”

                “ลายนี้พึ่งใช้เมื่อวันก่อนเองนะ”

                “ก็จีมินชอบลายนี้อ่ะ”

                “ฮ่าๆ ยังไงพี่ก็ขัดใจจีมินไม่ได้อยู่แล้วนี่เนอะ” จองกุกรับของจากมือจีมินมาสวมไว้ แล้วจูงมือกันออกจากบ้านทาวน์เฮาส์ของจองกุก ที่ตอนนี้มีเจ้าของร่วมคือจีมิน ตลอดทางเดิมมีแต่คนยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่ เพราะอะไรน่ะหรอ?

     

                 ก็ทั้งสองคนใช้ผ้าปิดตาลายเดียวกันยังไงล่ะ J

                 ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อคู่เหมือนหนุ่มสาวคนอื่นๆหรอก เพราะจีมินของพี่จองกุกครีเอทจะตาย ทุกๆลายเย็บเองปักเองทั้งหมด แต่ลายที่ชอบที่สุดก็คงเป็นลายกระต่ายกับหมูที่ใส่วันนี้น่ะสิ

     

    FIN

     

     --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    TALK 1
    ความจริงจะไม่แต่ง OS Christmas แล้วล่ะ แต่มีบางคนถาม แล้วพึ่งพึ่งคิดพล็อตเรื่องได้เมื่อเช้านี้เอง
    อาจจะช้าไปนิดนึงนะคะ เรื่องนี้ดราม่าโพดๆ (วิบัติเพื่อเพิ่มความน่ารักให้แก่ไรท์5555+) แต่เพราะอาการง่วง
    เลยอาจจะมีเศร้าปนฮา ส่วนมินอาคือไรท์ไม่รู้ว่าใครหรอกนะ นักน้องหญิงเกาหลีคุ้นชื่อเดียว เลยใช้อ่ะ.//.
    ส่วนเรื่อง REVERSE จะมาต่อหลังสอบเสร็จนะคะ จะเอาเรื่องนี้ให้จบก่อน วันนี้ทอร์คยาวกว่าปกติ= =
    เร่ง บังคับ ขู่เข็ญ ให้อัพฟิคได้ที่ @lovelyjimin_

    ปล.คริสต์มาสจริงๆนะ ท้ายเรื่อง5555555555555

     

    TALK 2 
    37หน้า กับ 10,958คำ ถึงมันจะช้ากว่าคริสต์มาส และไม่ค่อยเกี่ยวกับคริสต์มาส แต่ก็ตั้งใจแต่งน้าา 
    เป็นOSเรื่องที่ยาวที่สุดเลยแหละ อ่านตาแฉะเลย ที่เหนื่อยกว่าแต่งคือตอนจัดย่อหน้านี่แหละ555555
    อยากมีแท็กมั่งจัง แต่กลัวไม่มีใครติดอ่ะ ขอฝากไว้หน่อยละกันนะคะ #กุกจี้ฟรุ้งฟริ้ง 
    เผื่อฟลุ๊คมีคนแท็กให้5555555  ความจริงอย่ากแต่งให้ดราม่าสุดๆเลยแหละ แบบจองกุกปัดชามข้าวทิ้งไรงี้
    แต่ไรท์เมนจี้ เลยไม่อยากให้จี้เสียใจมาก ตอนท้ายก็เลยต้องให้จองกุกเสียใจกว่า #เลว 55555555555555
    นี่สารภาพว่าแต่งเองอินเอง และก็อยากให้คนอ่านอินด้วย
    โปรดแสดงความอินออกมาผ่านคอมเม้นท์ และแฮชแท็กที่เผลอแปะไว้ข้างบนนะจุ๊ฟ
    คนไม่อินก็เม้นท์ด้วยนะ........................

    เจอกันเรื่องหน้าน้าา บ๊ายบาย <3 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×