นิทานกริมม์ที่คุณยังไม่รู้ - นิทานกริมม์ที่คุณยังไม่รู้ นิยาย นิทานกริมม์ที่คุณยังไม่รู้ : Dek-D.com - Writer

    นิทานกริมม์ที่คุณยังไม่รู้

    สรุปก้อคือเป็นนิทานดั้งเดิมม มานาน แล้วเราจะรู้ว่านิทานที่เราฟังมาตั้งแต่เด็กๆนั้น ความจริงตอนจบไม่ได้สวยหรูตลอดไป 555

    ผู้เข้าชมรวม

    292

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    292

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 พ.ค. 56 / 01:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิทานกริมม์
    (Kinder und Hausmärchen "นิทานสำหรับเด็กและครอบครัว")

    หมายถึงนิทานและเรื่องเล่าในท้องถิ่นที่ ยาคอบ ลุดวิก คาร์ล กริมม์ กับวิลเฮมล์ คาร์ล กริมม์ (หรือรู้จักในนาม"พี่น้องตระกูลกริมม์) เป็นผู้รวบรวมขึ้นเป็นเล่ม นอกจากนิทานจำนวน 200 เรื่องแล้ว ยังประกอบด้วยเรื่องเล่านักบุญ 10 เรื่องอีกด้วย
    * ในบางเอกสารก็จะนับลุดวิก เอมิล กริมม์ น้องคนสุดท้องซึ่งเป็นผู้วาดภาพประกอบของฉบับพิมพ์ครั้งแรกเข้าเป็นหนึ่งใน ผู้แต่งด้วยเช่นกัน
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      - จมูกยาว
      ยังมีทหารเกษียณทัพอยู่สามคน ทั้งสามคนต่างทำอาชีพอะไรไม่เป็นจึงเดินทางเร่ร่อนจนเข้าไปในป่า ขณะที่ค้างแรมอยู่ก็มีคนแคระแดงออกมามอบของวิเศษให้ ทหารคนแรกได้เสื้อเก่าที่จะทำให้คำขอเป็นจริง ทหารคนที่สองได้ผ้าที่จะมีเงินออกมาไม่หยุด ทหารคนที่สามได้เขาสัตว์ซึ่งเมื่อเป่าก็จะมีกองทัพออกมา ทั้งสามจึงใช้ของวิเศษเหล่านั้นสร้างปราสาทและมีชีวิตอยู่อย่างสนุกสนาน
      มาวันหนึ่ง ทั้งสามคนปลอมตัวเป็นเจ้าชายแล้วไปยังปราสาทของพระราชาซึ่งมีบุตรสาวหน้าตา งดงาม ทหารสามคนจึงขอแต่งงานกับนาง เจ้าหญิงแสร้งทำว่ามีใจให้กับทหารคนที่สอง แล้วชักชวนให้เขาเล่นพนัน หากไม่ว่าจะแพ้เท่าไหร่ เงินของเขาก็ไม่หมดเสียที จนเจ้าหญิงจับได้ว่าผ้าของเขาเป็นผ้าวิเศษ นางจึงลอบเปลี่ยนเอาผ้ามา กว่าทั้งสามจะรู้ตัวว่าผ้าถูกขโมยไปก็เป็นหลังจากที่ออกมาจากปราสาทแล้ว ชายคนที่หนึ่งจึงใช้เสื้อคลุมเพื่อไปแย่งผ้าวิเศษคืนมา แต่พอเจ้าหญิงเรียกทหารยามมาก็ลนลานหนีออกมาจนเผลอลืมเสื้อคลุมทิ้งไว้ คราวนี้ทหารคนที่สามจึงเป่าเขาสัตว์เรียกกองทัพมาเพื่อแย่งของวิเศษทั้ง สองอย่างคืน หากเจ้าหญิงก็ปลอมตัวเป็นนักเต้นรำปะปนเข้าในกองทัพแล้วแย่งเขาสัตว์ไป
      เมื่อทหารทั้งสามเสียทุกอย่างไป ก็ออกเดินทางอย่างไม่มีจุดหมายอีกครั้ง พวกเขาเข้าไปในป่า แล้วหนึ่งในนั้นก็แยกทางไปต่างหาก ทหารที่แยกทางไปเดินไปเจอต้นแอ็ปเปิ้ล พอเก็บมากิน จมูกของเขาก็ยืดยาวออกไปจนถึงนอกป่า พรรคพวกอีกสองคนที่เจอจมูกก็เดินหาเขาจนพบ แล้วช่วยกันประคองจมูกอันยาวของเขาเพื่อหาทางออกจากป่าไปด้วยกัน เมื่อเดินมาถึงต้นสาลี่ คนแคระแดงก็ปรากฎตัวออกมาบอกว่าหากกินสาลี่นี้ จมูกของเขาก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม และยังแนะนำให้เอาแอ็ปเปิ้ลกับสาลี่นี้ไปแย่งของวิเศษคืนมา
      ทั้งสามจึงปลอมตัวเป้นคนสวน นำแอ็ปเปิ้ลไปให้เจ้าหญิง ซึ่งเมื่อนางทานลงไป จมูกของนางก็ยืดยาวออกมา พระราชาจึงประกาศหาคนมารักษา คราวนี้ทหารสามคนปลอมตัวเป็นหมอ เอาสาลี่บดให้เจ้าหญิงทานเล็กน้อย จมูกของนางจึงหดลงไปหน่อยนึง ก่อนจะเอาแอ๊ปเปิ้ลบดให้นางทานเพื่อให้จมูกยืดไปเหมือนเดิมอีก แล้วแสร้งบอกว่า"ที่รักษาจมูกไม่หายก็เพราะเจ้าหญิงยังเก็บของที่ไปขโมยจาก คนอื่นเอาไว้" แต่เจ้าหญิงยังดื้อไม่ยอมคืนของ จนพระราชามาเกลี้ยกล่อมจึงยอมเอาของวิเศษคืนให้ในที่สุด
      แล้วทหารทั้งสามก็กลับไปอยู่ยังปราสาทของตัวเองอย่างมีความสุขตลอดไป
      (เป็นเจ้าหญิงที่แน่มากค่ะ)


      - ฮันส์คนโง่
      มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งเกิดตั้งครรภ์ขึ้นอย่างกะทันหัน พระราชาที่ไม่รู้ว่าใครเป้นพ่อเด็กจึงประกาศให้นำเด็กทารกไปอยู่ในวิหาร พร้อมกับถือมะนาวไว้ในมือ ถ้าเด็กมอบมะนาวให้กับใครก็จะถือว่าคนผู้นั้นเป็นพ่อของเด็ก และกำหนดว่าผู้ที่เข้าไปในวิหารได้ต้องเป็นผู้มีฐานะสำคัญเท่านั้น
      แต่ฮันส์ซึ่งชายร่างเตี้ยหน้าตาอัปลักษณ์ก็ลอบเข้ามาในวิหาร หนำซ้ำเด็กยังมอบมะนาวให้กับเขาอีกด้วย พระราชาที่ไม่อาจถอนคำพูดตัวเองได้ก็รู้สึกโกรธมาก และจับฮันสฺ์ เจ้าหญิงกับเด็กทารกขังไว้ในถังไม้แล้วลอยทะเลไป
      เจ้าหญิงก่นด่าฮันส์ด้วยความโกรธ แต่ฮันส์ก็บอกว่าทุกอย่างที่เขาขอจะเป็นความจริง และที่เจ้าหญิงตั้งครรภ์ก็เป็นเพราะคำขอของเขานั่นเอง แล้วฮันส์ก็ขออาหารขอเรือทำให้เจ้าหญิงเชื่อ เมื่อเรือไปถึงฝั่ง ฮันส์ก็ขอปราสาท และขอให้ตัวเองกลายเป็นเจ้าชายรูปหล่อ ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นจริง และพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
      อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาซึ่งเป็นพ่อของเจ้าหญิงขี่ม้ามาถึงปราสาท ซึ่งฮันส์ก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับเป็นอย่างดี แต่พระราชาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือฮันส์นั่นเอง เมื่อพระราชาจะกลับ เจ้าหญิงก็แอบใส่จอกทองคำไว้ในถุงของพระราชา ทำให้พระราชาถูกจับในฐานะขโมย พระราชาพยายามปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อมีหลักฐานอยู่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แล้วเจ้าหญิงก็เปิดเผยตนออกมาพร้อมกับถามว่า"เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูก ป้ายสีความผิดแล้วหรือยัง" พระราชาจึงสำนึกในความผิดของตัวเอง


      - ช่างตีเหล็กกับปีศาจ
      มีชายตีเหล็กคนหนึ่งยากจนกำลังจะอดตาย เขาได้พบกับปีศาจซึ่งยื่นข้อเสนอว่า จะให้เหรียญทองจำนวนมากถ้าเขายอมมอบวิญญาณให้ในอีกสามปีให้หลัง ช่างตีเหล็กคิดว่ายังไงตัวเองก็จะอดตายอยู่แล้วจึงยอมเซ็นสัญญา เมื่อได้เหรียญทองมาแล้วก็นำไปซื้อเครื่องมือมาทำงาน คราวนี้มีคนมาจ้างมากมายจนเขากลายเป็นคนรวยขึ้นมา
      นักบุญเปโตรได้ยินข่าวลือเรื่องฝีมือของช่างตีเหล็ก จึงเดินทางมาจ้างงานเขา เมื่อได้งานดีตามที่ต้องการก็ดีใจมากและบอกว่าจะทำให้คำขอของช่างตีเหล็ก เป็นจริงสามข้อ
      ช่างตีเหล็กจึงขอ "ถุงตะปูที่ถ้าล้วงมือลงไปแล้วจะถอนมือไม่ออกจนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาติ" "เก้าอี้ที่ถ้านั่งแล้ว จะลุกไม่ได้จนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาต" กับ"ต้นแอ๊ปเปิ้ลที่ถ้าปีนแล้วจะลงไม่ได้จนกว่าช่างตีเหล็กจะอนุญาต"
      เมื่อเวลาผ่านไปสามปี ปีศาจก็ส่งลูกศิษย์สามคนมาทวงวิญญาณของช่างตีเหล็ก หากเขาก็ใช้ของวิเศษทั้งสามอย่างเอาตัวรอดมาได้ จนในที่สุด ปีศาจก็มาด้วยตัวเอง
      ช่างตีเหล็กท้าปีศาจให้แสดงอำนาจให้เห็น ปีศาจจึงแปลงร่างเป็นหนู ช่างตีเหล็กก็จับหนูยัดลงไปในถุงตะปูแล้วขู่ว่าจะปล่อยออกมาจนกว่าปีศาจจะ มอบใบสัญญามาให้ เมื่อได้สัญญามาแล้ว เขาก็เผาทิ้งในทัีนที แล้วหลัีงจากนั้น ปีศาจก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาอีกเลย


      - เด็กผู้หิวโหย
      มีหญิงผู้หนึ่งมีลูกสาวสองคน ทั้งสามยากจนไม่มีอะไรจะกิน ผู้เป็นแม่ทนความหิวไม่ไหวจึงบอกว่าจะฆ่าลูกสาวกิน ลูกสาวจึงบอกว่าจะไปหาอาหารมาแล้วนำขนมปังชิ้นเล็กๆกลับมา แต่ก็ไม่อาจประทังความหิวของทุกคนได้
      คราวนี้แม่บอกว่าจะฆ่าลูกสาวอีกคนกิน ลูกสาวจึงบอกว่าจะไปหาอาหารมา แล้วนำขนมปังกลับมาสองชิ้น แต่ก็ยังไม่พอบรรเทาความหิวได้อยู่ดี
      แม่บอกว่าจะฆ่าลูกสาวอีก คราวนี้ลูกสาวบอกว่า"เรามานอนกันจนกว่าโลกนี้จะอวสานลงกันเถอะ" ทั้งสามจึงล้มตัวลงนอนเรียงกันและไม่มีใครสามารถปลุกพวกเธอให้ตื่น มีแต่คนแม่เท่านั้นที่หายตัวไปและไม่มีใครเห็นนางอีก
      (.............ไม่รู้จะตีความยังไงดี............)


      - นักบุญผู้กังวล
      ยังมีหญิงสาวผู้เปี่ยมศรัทธาอยู่นางหนึ่ง เธอสาบานต่อพระเจ้าว่าจะไม่แต่งงาน หากก็ถูกพ่อบังคับ หญิงสาวจึงขอพรพระเจ้าให้เธอมีหนวดงอกออกมา คำขอนั้นกลายเป็นจริง หากพระราชาก็สั่งประหารหญิงสาวด้วยการตรึงกางเขน แต่เธอก็กลายมาเป็นนักบุญในภายหลัง
      วันหนึ่งมีนักดีดพิณยากจนมาคุกเข่าหน้ารูปปั้นของเธอ หญิงสาวดีใจจึงทำรองเท้าทองคำหล่นให้เขาข้างหนึ่ง หากในไม่ช้าทุกคนก็มาตามหารองเท้าทองคำที่หายไปและพบว่าอยู่กับนักดีดพิณ เมื่อเขาถูกจับในฐานะขโมยก็ร้องขอว่าอยากจะไปที่โบสถ์อีกครั้ง พอไปถึงโบสถ์ นักดีดพิณก็เข้าไปคุกเข่าหน้ารูปปั้น แล้วนักบุญหญิงก็ทำรองเท้าหล่นลงมาอีกข้าง นักดีดพิณจึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×