คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Episode 17
Episode 17
หญิงสาวยืนมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
โคลมไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้านั้นคือเธอ
เพราะภาพที่สะท้อนมามันดูสวยเกินกว่าทุกครั้งที่เธอเห็น ชุดเกาะอกสีขาวรัดรูปยาวถึงหัวเข่าตัดด้วยลูกไม้สีดำทำให้โคลมดูเซ็กซี่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
แถมชุดนี้ยังทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอได้ชัดเจนอีกต่างหาก
เหมาะกับการยั่วเสือ สิงห์ กระทิง แรดสุดๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเบาๆ
ทำให้โคลมละสายตาออกมาจากรกะจกบานใหญ่ ก่อนที่น้ำเสียงใสๆ
ของเพื่อนรักจะดังขึ้นอยู่หลังบานประตู
“ฮารุเองนะจ๊ะโคลมจัง ขอเข้าไปได้มั้ย”
“อื้อ เข้ามาเลย” หลังจากที่ประตูไม้ถูกเปิดออก
ก็ปรากฏให้เห็นถึงร่างบางของมิอุระ ฮารุ เพื่อนสนิทสาวอีกคนของโคลม ฮารุอยู่ในชุดสีเหลืองฟูฟ่องเหมือนตัวการ์ตูนน่ารักที่หลุดออกมาจากโทรทัศน์
“สุดยอดเลยโคลมจัง! ถ้าไม่รู้จักนี่ต้องคิดว่าเป็นดาราแน่ๆ”
ฮารุยกมือทาบอกด้วยความตกใจในความสวยของโคลม
ก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายด้วยความดีใจ “ฉันดีใจจริงๆ นะที่เห็นโคลมจังมางานของเคียวโกะจังด้วย”
“ต้องมาสิ” โคลมระบายยิ้มให้ฮารุ
ก่อนจะหันไปจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เพราะใกล้ถึงเวลางานเริ่มแล้ว
“ฉันล่ะเบื่ออีตาฮายาโตะจริงๆ นะ ยังไงโคลมจังก็ไม่มีทางทำร้ายวองโกเล่อยู่แล้ว
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหมอนั่นถึงไม่ฟังกันบ้าง” ฮารุบ่นอุบด้วยความหงุดหงิด
เพราะเธอมั่นใจว่าโคลมไม่มีทางหักหลังวองโกเล่แน่ๆ
แต่แฟนหนุ่มของเธอก็หัวรั้นไม่ฟังลูกเดียว
ซึ่งโคลมก็พอเข้าใจความรู้สึกของฮารุในฐานะคนกลางเหมือนกัน “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะจ๊ะ
ยังไงฉันก็จะคอยพูดให้หมอนั่นเข้าใจเอง”
“อื้ม ขอบคุณมากนะ” โคลมฉีกยิ้มบางๆ
ให้เพื่อนรัก
“งั้นไปกันเถอะ ใกล้เวลางานเริ่มแล้ว”
โคลมและฮารุเดินไปนั่งที่ม้านั่งไม้สักตัวยาว
แขกเหรื่อต่างๆ พากันเข้างานเกือบหมดแล้ว ถึงแม้จะมีคนมากหน้าหลายตาเต็มไปหมด
แต่ก็จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอกวาดสายตามองหา
“มองหาใครอยู่เหรอโคลมจัง?” เสียงของฮารุทำให้หญิงสาวละสายตาจากการมองหาเขา
ก่อนจะหันมาส่ายหน้าเบาๆ ให้คนที่นั่งข้างๆ
“อื้อ เปล่าหรอกจ้ะ ไม่ได้มองหาใครเป็นพิเศษ”
“อย่าบอกนะว่ามองหาคุณฮิบาริน่ะ”
“มะ...ไม่ใช่นะ!” ถึงปากจะปฏิเสธ
แต่แก้มของเธอกลับขึ้นระเรื่อสีแดงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องปิดบังกันหรอกน่าโคลมจัง
ฉันรู้เรื่องจากฮายาโตะหมดแล้วล่ะ” ฮารุยักยิ้มอย่างชอบใจปกเจ้าเล่ห์
ผิดกับอีกคนที่ทำหน้าไม่ถูกและไม่รู้จะวางตัวยังไงดี
ปฏิกิริยาของเธอมันอ่านออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือไงกัน...
“หมอนั่นเล่าให้ฟังว่าคุณฮิบาริเป็นคนมาช่วยโคลมจังออกไปจากการสอบสวนของเขา
ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเขาล่ะนะ”
โคลมทำได้แค่พยักหน้ารับเบาๆ อย่างเห็นด้วย
ก่อนจะหันไปมองหาฮิบาริต่อ ถ้าเป็นปกติเธอคงไม่ทำอย่างนี้แน่
เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะตัวติดกับเขาขนาดนั้น
แต่เขาดันสัญญาว่าจะมาเป็นเพื่อนเธอนี่นา แล้วทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัวออกมาสักทีล่ะ
หรือเขาจะชิ่งเธอไปแล้ว? บ้าน่า...คนอย่างฮิบาริ เคียวยะไม่มีวันผิดคำพูดหรอก
ก็เขาสัญญากับเธอไว้แล้วนี่
“อ๊ะ งานเริ่มแล้ว!” เสียงปรบมือที่ดังไปทั่วโบสถ์ทำให้โคลมเลิกสนใจว่าฮิบาริจะมาหรือไม่
เธอหันกลับมาโฟกัสกับพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเริ่มตรงหน้า
งานแต่งของบอสของเธอนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ไม่เพียงแต่คนในแฟมิลี่เท่านั้นที่มาร่วมงาน
แต่ยังมีหัวหน้าแก๊งมาเฟียจากแฟมิลี่อื่นๆ อีกมากมาย
บาทหลวงเดินเข้าไปประจำตำแหน่ง ตามด้วยเจ้าบ่าวหรือบอสของเธอในสูทสีขาวเรียบหรู
ใบหน้าของสึนะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความดีใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาคงเฝ้ารอวันนี้มาตลอดจริงๆ ไม่นานดนตรีก็บรรเลงขึ้น
เคียวโกะปรากฏตัวขึ้นมาจากอีกฟาก
เพื่อนรักของเธออยู่ในชุดแต่งงานสีขาวยาวลากไปกับพื้น
ในมือของหล่อนมีดอกไม้สีชมพูช่อใหญ่ ใบหน้าสวยของเจ้าสาวถูกปิดไว้ด้วยผ้าฝ้ายบางๆ
แต่ถึงอย่างนั้นโคลมก็รู้สึกได้ถึงความสุขของเคียวโกะที่พุ่งทะลุผ้าผืนนั้นออกมา
เธอสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพิธีอันโรแมนติกนี้
“ซาวาดะ สึนะโยชิ คุณจะรับซาซางาวะ
เคียวโกะเป็นภรรยาของคุณมั้ย”
“รับครับ”
“คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอทั้งในยามสุขและทุกข์
ในยามไข้และสบายดี จะรักและให้เกียรติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”
“ผมสัญญาครับ” สึนะพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ซาซางาวะ เคียวโกะ คุณจะรับซาวาดะ
สึนะโยชิเป็นสามีของคุณมั้ย”
“รับค่ะ”
“คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและทุกข์
ในยามไข้และสบายดี จะรักและให้เกียรติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”
“ฉันสัญญาค่ะ...” เคียวโกะตอบทั้งน้ำตา
ก่อนที่ริมฝีปากรูปกระจับสวยของเธอจะถูกช่วงชิงโดยผู้เป็นสามีในเวลาต่อมา
เสียงเฮดังก้องไปทั่วโบสถ์ พิธีต้อนรับนายหญิงคนใหม่ของวองโกเล่จะถูกจัดขึ้นในคืนนี้
โคลมยกมือปาดน้ำตาแห่งความดีใจที่กลั้นไว้ไม่อยู่
เธอดีใจกับเคียวโกะมากจริงๆ
พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงสุดคุ้นตาที่ยืนอยู่ในมุมอับ
เขาจ้องมาทางเธอด้วยสายตานิ่งๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน โคลมฉีกยิ้มบางๆ
กลับให้เพื่อบ่งบอกว่าเธอเห็นเขาแล้ว
ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันท่ามกลางเสียงแห่งความดีใจของผู้คนรอบข้าง
ทั้งคู่ไม่แยแสต่อบรรยากาศโรแมนติกรอบข้าง
แต่กลับสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นที่มีแค่พวกเขาทั้งสองที่เข้าใจแทน
โคลมรู้สึกว่าตัวเองหลุดไปในโลกที่มีเพียงเขาและเธออย่างสมบูรณ์แล้ว
โลกของเธอและฮิบาริ...
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูเรื่องความเรียบร้อยของงานคืนนี้เสียหน่อย
แล้วโคลมจังล่ะ? จะไปไหนต่อ” ฮารุเอ่ยถามในขณะที่กำลังจะออกจากโบสถ์
ตอนนี้บรรดาแขกเหรื่อช่วงเช้าได้เดินทางกลับกันไปแล้วซะส่วนใหญ่
แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเป็นช่วงของงานกลางคืนสำหรับการต้อนรับนายหญิงคนใหม่ของวองโกเล่
“อยากไปด้วยกันมั้ย”
“ได้เหรอ...”
“ได้อยู่แล้ว!” ฮารุตอบด้วยน้ำเสียงยินดี
ผิดกับสีหน้าของหญิงสาวข้างๆ ที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้สึนะ
เคียวโกะและฮารุจะเชื่อใจว่าเธอไม่ใช่ผู้ทรยศต่อวองโกเล่ แต่มันไม่ใช่กับคนอื่น
โดยเฉพาะโกคุเดระ เขาเอาแต่ตั้งแง่กับเธอตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเพียงเพราะเธอภักดีต่อมุคุโร่
อีกอย่าง...โคลมก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ฮารุต้องทะเลาะกับแฟนหนุ่มของเธอ
ถึงแม้จะทะเลาะกันเป็นกิจวัตรแล้วก็เถอะ
“ขอบใจนะฮารุ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า” โคลมฉีกยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าเบาๆ
“โคลมจัง... โคลมจังไม่ใช่คนผิดนะ
แถมไม่เห็นมีหลักฐานอะไรแน่นอนเลยด้วยซ้ำว่าโคลมจังเป็นคนทรยศน่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ...” ร่างบางลอบถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น
พลันสายตาก็ประสานเข้ากับดวงตาสีดำนิลคู่สวยที่อยู่ไม่ห่างจากเธอ “งั้นฉันไปก่อนนะฮารุ ค่อยเจอกันตอนเย็นทีเดียว”
“เอางั้นก็ได้จ้ะ” ฮารุยอมแพ้ในที่สุดแล้วเดินไปอีกทาง
“คุณมาจริงๆ ด้วย” ทันทีที่ฮารุเดินออกไป
ร่างของชายหนุ่มรูปหล่อก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอทันที
ฮิบาริอยู่ในสูทสีดำแบบที่เขาชอบใส่ประจำ
“ก็บอกแล้วไงว่าจะมา” เขาพูดนิ่งๆ
ก่อนจะถอดเสื้อสูทสีดำของตัวเองออกแล้วนำมาพาดไว้บนไหล่ของเธอ “อากาศเย็น...เดี๋ยวเป็นหวัด”
โคลมกระพริบตาอึ้งๆ ให้กับความห่วงใยที่สุดแสนโจ่งแจ้งและสุภาพบุรุษของเขา
ก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“ขอบคุณนะคะ” รอยยิ้มของเธอช่างสดใส
ถึงแม้ฮิบาริจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ กับรอยยิ้มนั้น
แต่ในใจเขากลับมีความอบอุ่นแผ่ซ่านเต็มไปหมด “แล้วคุณจะไปไหนต่อคะ”
“เธออยากไปไหนล่ะ” เขาถามพลางเริ่มออกเดินไปพร้อมเธอ
โคลมส่ายหน้าให้กับคำถามของเขา
“เรากลับไปพักผ่อนกันเถอะค่ะ”
“เหนื่อยงั้นเหรอ”
“คนที่เหนื่อยคือคุณต่างหาก” ไม่พูดเปล่า
เธอเอื้อมมือไปจับฝ่ามือใหญ่อย่างถือวิสาสะ โคลมเบ้ปากเล็กน้อยให้กับบาดแผลและรอยขีดข่วนขนาดย่อมบนฝ่ามือของเขา
แผลบนตัวเขาคงไม่ได้มีแค่นี้แน่ แต่เธอก็ไม่อยากไปซักไซ้อะไรมากเพราะรู้ว่าเขาคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ถ้าเธอทำแบบนั้น
“คุณฝืนตัวเองมากไปแล้วนะคะคุณฮิบาริ”
“...” ฮิบาริไม่ตอบอะไร
เขาไม่คิดว่าจะถูกจับได้เร็วขนาดนี้
เมื่อคืนฮิบาริแอบออกไปทำภารกิจลับให้วองโกเล่เพียงคนเดียว
เขารู้ว่าการแอบออกไปไหนเพียงลำพังมันทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
แต่การกำจัดศัตรูของวองโกเล่เป็นหน้าที่ของเขา
เขาต้องแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าคุณ
แต่คุณใช้ฉันได้นะคะ”
“ฉันชอบทำงานคนเดียว” ฮิบาริพูดโดยไม่มองหน้าเธอ
แต่กลับเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมมือแทน “และอีกอย่าง...เธอแข็งแกร่ง”
เขาหยุดแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำด้วยความเขินที่จู่ๆ ก็ถูกชม โคลมหลบตาเขา ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินไปด้วยกันต่อโดยที่ไม่มีใครปล่อยมือจากกันสักคน
เสียงดนตรีบรรเลงเพลงคลาสิกดังไปทั่ว งานต้อนรับนายหญิงคนใหม่ของวองโกเล่เต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ
บ้างก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากต่างประเทศเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ
โคลมกวาดตามองผู้คนที่ไม่ค่อยคุ้นตานัก แขกแต่ละคนแต่งตัวอย่างมีระดับกันทั้งนั้น
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครใช่วองโกเล่ไม่ใช่วองโกเล่
แฟมิลี่ของเธอขยายอำนาจไกลกว่าที่เธอจะจินตนาการได้เสียอีก
“อ้าวๆ หน้าคุ้นๆ นะครับพี่สาว” เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านหลัง
โคลมหันไปหาผู้มาเยือนอย่างหวาดระแวง ก่อนจะค่อยๆ
สงบจิตสังหารของตัวเองลงเมื่อรู้ว่าเขาคือใคร “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ
ตาแก่นั่นยังสบายดีอยู่ใช่มั้ย แล้วยังทำผมทรงสับปะรดอยู่รึเปล่า”
‘ตาแก่นั่น’ คงหมายถึงมุคุโร่สินะ...
จนถึงตอนนี้โคลมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนหน้าตาดีอย่างเขาถึงชอบเอาของแปลกๆ
มาใส่ไว้บนหัว แถมไอ้ที่อยู่บนหัวยังเป็นหัวกบหน้าตาแปลกๆ อีกต่างหาก
“เธอนั่นเอง...” โคลมพึมพำเสียงเบา
“ฉันไม่แน่ใจว่าท่านมุคุโร่ยังสบายดีอยู่มั้ย
แต่เรื่องทรงผม...ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากหรอก”
“เฮ้อออ ยังไร้รสนิยมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทั้งๆ
ที่ใช้พลังมายาได้สุดยอดขนาดนั้นแท้ๆ” โคลมได้แต่ฉีกยิ้มบางๆ
ให้กับคำพูดของฟราน แต่ก็อดปรายตามองเจ้าหัวกบใหญ่ๆ นั่นอีกไม่ได้
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ก็ไม่มีไรมากหรอกครับ แค่คุณบอสซันซัสอยากกินเนื้อสุดๆ
แล้วคิดว่าที่นี่น่าจะมีเนื้อดีๆ เตรียมไว้ให้” ฟรานอธิบายพลางยักไหล่อย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก
ซันซัสคนนั้น่ะเหรอ...
“แล้วที่บอกว่าไม่แน่ใจเรื่องอาจารย์...เพราะไม่ได้ติดต่อกันแล้วเหรอครับ?”
“อ่า...ก็ประมาณนั้นแหละ”
“ทำไมล่ะ? อาจารย์ทิ้งพี่สาวแล้วงั้นเหรอ” ถึงคำถามจะดูอยากรู้สุดๆ
แต่น้ำเสียงและใบหน้าของเขากลับแน่นิ่งเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากยังไงยังงั้น
“เรื่องนั้น...” โคลมหลบสายตา
อ่า...ทำไมคำถามนี้มันถึงจี้ใจดำสุดๆ ไปเลยนะ ตั้งแต่เหตุการณ์ที่ภูเขาไฟวิสุเวียส
เธอก็ไม่สามารถติดต่อกับมุคุโร่ได้อีกเลย
“อาจารย์นี่ก็แปลกคนเนอะ
กล้าทิ้งคนสวยขนาดนี้ได้ลงคอ...”
“เฮ้ย ไอ้บ้าฟราน! มามุดหัวอยู่นี่เองเรอะ”
ยังไม่ทันจบบทสนทนา หัวกบของฟรานก็ถูกมีดรูปร่างแปลกๆ
สามเล่มปักลงตรงหน้าพอดี
“มันเจ็บนะครับรุ่นพี่เบล”
“เลิกอู้แล้วไปหาบอสได้แล้วไอ้กบบ้า! อยากตายหรือไง” แล้วร่างของฟรานก็ถูกลากออกไป
แต่คนโดนเอ็ดก็มิวายหันมาโบกมือให้เธอ โคลมได้แต่ยืนมองจนร่างของเขาหายไปกับฝูงชน
นั่นสินะ ทำไมมุคุโร่ถึงกล้าทิ้งเธอได้ลงคอ
เพราะเธอหมดประโยชน์แล้วเหรอ?
? cactus
ความคิดเห็น