คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Episode 14
Episode
14
#ภูเขาไฟวิสุเวียส
08.05 p.m.
ยามาโมโตะมาที่ภูเขาวิสุเวียสอย่างที่เขาบอกไว้จริงๆ เพราะหลังจากที่เขาออกจากห้องพักมาได้สักพัก เธอก็สะกดรอยตามเขามาเงียบๆ
โดยใช้วองโกเล่ริงก์ในการอำพรางจิตสังหาร ยามาโมโตะมาถึงที่นี่สักพักแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครโผล่หัวออกมาอีก มีเพียงสายลมอ่อนๆ กับฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ
โคลมซุ่มรอดูสถานการณ์อยู่หลังพุ่มไม้เตี้ย
ยามาโมโตะมาปฏิบัติภารกิจอะไรกันแน่?
แล้วภารกิจนั้นเกี่ยวข้องกับภารกิจของเธอรึเปล่านะ
ไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากอีกฝั่ง
โคลมพยายามเพ่งมองว่าผู้มาเยือนคนใหม่คือใคร เพราะความมืดทำให้เธอมองเห็นได้ไม่ชัดนัก
ร่างสูงโปร่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอทำให้ดวงตาอะเมทิสต์ข้างเดียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เธอไม่คิดว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่...ถึงแม้ลึกๆ จะอยากเจอมากก็เถอะ
แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปไกลมากกว่านี้
จู่ๆ ลูกตุ้มหนามสีม่วงเข้มก็พุ่งตรงมาที่เธออย่างไม่ให้ตั้งตัว
โคลมกระโดดหลบด้วยสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว ถ้าเธอจำไม่ผิดและคิดว่าไม่น่าจะผิด...ลูกตุ้มหนามอันนี้คืออาวุธกล่องของฮิบาริไม่ผิดแน่!
“...ไง” หญิงสาวเงยหน้าสบตาคนที่จงใจทำร้ายเธอหมาดๆ อย่างไม่เข้าใจ ฮิบาริมองต่ำลงมาที่เธออย่างพิจารณา
ดวงตาสีดำนิลไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
ใบหน้าหล่อเหลานั่นเรียบเฉยไม่เหมือนกับฮิบาริที่เธอคุ้นเคย
“คุณฮิบาริ...?”
เธอเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว ค่อยๆ
ลุกขึ้นยืนเพื่อสบตากับคนตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมา “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่กงการอะไรของเธอ”
“...!” โคลมอึ้งกับคำพูดของเขามากจริงๆ
ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว
แต่คำพูดที่ทำร้ายจิตใจกันแบบนั้น...มันไม่มากไปหน่อยเหรอ
“ว่าแต่โคลมเถอะ
มาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ” เธอละความสนใจออกจากฮิบาริและหันไปมองยามาโมโตะแทน
เธอหลุบตาต่ำ ไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไหร่ว่าสะกดรอยตามเขามา
“ขอโทษค่ะคุณยามาโมโตะ...แต่ฉันสะกดรอยตามคุณมา”
“อา
เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วล่ะ” โคลมไม่แปลกใจเลยที่ยามาโมโตะรู้ตัว
เพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าฝีมือของเธอยังห่างชั้นกับเขามาก นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมโคลมถึงอยากทำตัวเองให้เป็นประโยชน์ต่อมุคุโร่มากถึงเพียงนี้
“แต่ที่สงสัยคือเธอมาที่นี่ทำไม”
“เรื่องนั้น...”
โคลมอึกอัก เธอไม่รู้แล้วว่าสถานการณ์ตรงหน้าคืออะไรกันแน่
ทุกอย่างมันดูไม่มีที่มาที่ไปแปลกๆ สิ่งที่เธอรู้ก็มีเพียงว่าเธอต้องมาที่นี่!
นั่นคือทั้งหมดที่เขียนไว้ในซองกระดาษนั่น “ฉันแค่มาตามซองนี้เท่านั้นค่ะ”
โคลมยื่นซองกระดาษให้ยามาโมโตะดู เขารับมันมาอ่านสักพัก
ก่อนที่สีหน้าของหนุ่มพิรุณจะค่อยๆ เปลี่ยนไป
“โคลม...”
“...”
“ทำไมเธอถึงมีกระดาษใบนี้”
น้ำเสียงของยามาโมโตะดูไม่สู้ดีนัก
เขามองมาที่เธอด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม เธอเห็นชายหนุ่มค่อยๆ
เอื้อมมือไปหยิบดาบคู่ใจที่ห้อยไว้อยู่ด้านหลัง
“...ฉันเพียงทำตามที่ท่านมุคุโร่บอกค่ะ”
เธอเองก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบอาวุธกล่องที่อยู่ใต้เสื้อคลุมเช่นกัน
แย่แน่...ถ้าต้องต่อสู้กันจริงๆ
ไม่มีทางที่เธอจะสามารถชนะยามาโมโตะได้เลย ไหนจะฮิบาริอีก
ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่แสดงเจตนารมณ์ที่แท้จริงว่ามาที่นี่ทำไม แต่ดูท่าแล้วเขาคงอยู่ฝั่งยามาโมโตะแหงๆ
“นี่เธอยังไม่รู้อีกเหรอ”
น้ำเสียงราบเรียบของฮิบาริดังขึ้น
ก่อนที่แขนทั้งสองข้างของเขาจะมีทอนฟาคู่ใจขนาบอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว “...ว่าโรคุโด มุคุโร่เป็นกบฏ” ไฟสีม่วงธาตุเมฆาที่รุกโชนทำให้หญิงสาวเผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น
“...!!” โคลมเบิกตากว้าง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ทำไมเรื่องทุกอย่างถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้
“ไม่จริงค่ะ! ท่านมุคุโร่ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่!!”
“อะไรที่ทำให้เธอมั่นใจขนาดนั้น?”
คำถามของฮิบาริทำให้เธอชะงัก “เพียงเพราะหมอนั่นคือหนึ่งในผู้พิทักษ์งั้นเหรอ
เฮอะ”
“ระ...เรื่องนั้น...”
“เธอก็รู้อุดมการณ์ของมันมาตลอดไม่ใช่รึไง เรื่องล้างบางมาเฟียไร้สาระอะไรนั่นน่ะ”
แววตาของเขาช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน...
“มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ ค่ะ” โคลมยังไม่ยอมแพ้ ถึงมุคุโร่จะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะทรยศพวกพ้องแบบนี้แน่
“คนอย่างท่านมุคุโร่...”
“เธอคิดว่าทำไมโรคุโด มุคุโร่ถึงส่งมาไว้กับฉันกัน?”
“...นั่นก็เพราะท่านมุคุโร่มีเรื่องบางอย่างต้องไปทำ”
เธอตอบไม่เต็มเสียง เอาเข้าจริงลึกๆ
โคลมก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าสิ่งที่มุคุโร่ทำอยู่มันคืออะไร
บางทีเขาอาจจะมีอะไรปิดบังเธออยู่...
“ก็ใช่ หมอนั่นมีเรื่องบางอย่างต้องไปทำ” ฮิบาริค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาหาเธอ โคลมรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ขยายออกมา
หญิงสาวเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่ เขาสามารถทำให้ศัตรูตรงหน้าสยบแทบเท้าได้เพียงแค่การใช้สายตาคมกริบจ้องมองมาอย่างเยือกเย็นเหมือนที่เขากำลังทำกับเธออยู่!
“แต่เรื่องที่ว่าก็คือการแทรกแซงเจาะระบบของวองโกเล่และขายมันให้ศัตรูยังไงล่ะ”
“มะ...ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้...”
“เป็นเรื่องจริงโคลม” คำยืนยันอีกเสียงของยามาโมโตะทำให้หญิงสาวทรุดลงที่พื้นได้โดยง่ายดาย
ความจริงตรงหน้าช่างโหดร้ายสำหรับเธอเหลือเกิน “แล้วที่พวกเรามาที่นี่ก็เพราะได้รับข้อมูลว่ามุคุโร่จะขายข้อมูลภายในของวองโกเล่ให้ศัตรูที่นี่”
“...” ใครก็ได้ช่วยปลุกเธอจากฝันร้ายนี่ทีเถอะ!
“ส่วนเหตุผลที่เธอมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร...”
ฮิบาริลดตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ ก่อนจะยื่นมือมาเชยคางเธอเบาๆ
แต่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน “เพราะหมอนั่นหลอกใช้เธอไงล่ะ”
“...!!!” น้ำตาแห่งความเสียใจและผิดหวังไหลออกมาจากดวงตาข้างเดียวนั่นดั่งเขื่อนแตก
โคลมยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นสะอื้น แต่สักพักข้อมือเรียวก็ถูกฮิบาริกระชากออกอย่างไร้ปราณี
ร่างเล็กถูกฉุดให้ลุกขึ้นยืน
“เบาๆ หน่อยก็ได้ฮิบาริ
โคลมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะ” เสียงปรามของยามาโมโตะไม่ได้ลอยเข้าหูของฮิบาริแต่อย่างใด
ร่างของโคลมถูกผู้พิทักษ์เมฆาแบกขึ้นไหล่อย่างง่ายดาย
“เชิญคุณจัดการเรื่องมุคุโร่ต่อไป
ส่วนผู้หญิงคนนี้...ผมจัดการเอง”
ผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ...จริงสิ
เขาไม่เคยพูดชื่อเธอสักครั้งเลยนี่นะ
“อย่ารุนแรงกับโคลมล่ะ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องเป็นห่วงหรอกนะยามาโมโตะ
ทาเคชิ”
โคลมไม่ได้ขัดขืนการกระทำของฮิบาริแม้แต่น้อย
ตอนนี้จิตของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ความจริงที่เพิ่งรู้ว่ามุคุโร่คือคนทรยศยังไม่โหดร้ายเท่าเขาหลอกใช้เธอ
ถึงเธอจะรู้จุดยืนของตัวเองมาโดยตลอดว่ายังไงสักวันเขาก็คงทิ้งเธอไป
แต่การถูกหลอกนี่มันเจ็บเสียจริง...
“จะร้องไห้อีกนานมั้ย” คำถามของฮิบาริดังขึ้นพร้อมกับการที่เธอถูกโยนเข้าไปในเบนต์ลี่ย์สีดำขลับ
เธอนั่งอยู่ข้างคนขับโดยมีฮิบารินั่งประจำอยู่หลังพวงมาลัย
ตอนนี้น้ำตาของโคลมได้แห้งเหือดไปแล้ว ถึงจะเสียใจ...แต่การร้องไห้นานๆ
ก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไร
“...เราจะไปที่ไหนกันคะ” เธอถามโดยไม่มองหน้าเขา
ฮิบาริปรายตามาทางเธอแวบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิม
“โรงแรม”
“...ไปทำอะไรคะ”
ฮิบาริไม่ตอบ เขาเพียงขับรถเงียบๆ ด้วยความเร็วหลักร้อยต่อไป
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงโรงแรมที่ฮิบาริบอก โคลมเงยหน้ามองตึกใหญ่สีขาวที่มีความสูงประมาณห้าหกชั้นได้
มันไม่ใช่โรงแรมหรูหราอะไร แต่ก็หรูกว่าห้องที่เธอเข้าพักวันนี้อยู่หลายขุม ชายหนุ่มเดินนำเข้าไปด้านใน
เธอเดินตามไปเงียบๆ เพราะไม่อยากทำให้เขาหงุดหงิด ถึงจะไม่ค่อยชอบและไม่เข้าใจสิ่งที่ฮิบาริทำอยู่
แต่เธอก็รู้ดีว่าการทำให้เมฆาหนุ่มหงุดหงิดไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาดนัก
“วันนี้เราจะพักที่นี่ พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางไปศูนย์บัญชาการใหญ่วองโกเล่”
เขาพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงห้องพัก
โคลมชะโงกหน้าเข้าไปดูภายในก่อนจะเห็นว่าเป็นห้องด้านในเป็นเพียงห้องพักธรรมดาที่ไม่ได้หรูหราอะไร
แถมเฟอร์นิเจอร์ข้างในก็น้อยชิ้นจนน่าโมโห แล้วอีกอย่าง...ทำไมถึงเป็นเตียงเดี่ยวล่ะ!?
“คุณฮิบาริโกรธฉันมั้ยคะ” หญิงสาวตัดสินใจถามคำถามที่เธออยากรู้มากที่สุดตั้งแต่ขึ้นรถมา
เพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้เธอไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่
ความเย็นชาของเขามันไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนาเลยสักนิด
“ทำไมฉันต้องโกรธเธอด้วย” เขามองมาที่เธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเลยสักนิด
ในสถานการณ์แบบนี้...โคลมรู้สึกว่าเธอต้องการที่พึ่งพา
และคนที่เธอคิดออกก็มีเพียงเขา...
“...ไม่รู้สิคะ ฉันแค่รู้สึก...”
“อย่ารู้สึกอะไรให้มากนัก”
“คะ...?”
“เธอกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” คำตอบของฮิบาริเปรียบเสมือนมีดคมๆ
ที่ทิ่มลงมาปักกลางอกของเธออย่างไร้เยื่อใย หญิงสาวหัวใจสลายกับคำพูดอันแสนน่าเจ็บปวดนั่น
แต่ไม่...เธอจะไม่ร้องไห้เด็ดขาด! ต่อให้เจ็บมากแค่ไหน
เธอก็จะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็น! ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
“...นั่นสินะคะ” เธอยิ้มหยัน รู้สึกสมเพชตัวเองไม่น้อยที่เผลอจินตนาการไปต่างๆ
นานาว่าเขาจะมีความรู้สึกพิเศษให้ บ้าบอสิ้นดี “คุณฮิบาริกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน
แต่น่าแปลกนะคะ...”
“...”
“ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้คิดถึงคุณมากขนาดนี้” โคลมสารภาพ วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้
ถูกคนที่ไว้ใจและเคารพรักมากที่สุดหักหลัง
หนำซ้ำยังมาโดนคนที่รู้สึกพิเศษด้วยตอกย้ำสถานะอีกว่าเธอควรจะยืนอยู่ตรงไหน
ทำไมโลกของเธอมันช่างเคว้งคว้างเสียเหลือเกิน...
ฟุ่บ...
ก่อนจะได้ขยับตัวไปไหน ร่างของหญิงสาวก็ถูกดึงเข้าไปในสู่อ้อมกอดของคนตรงหน้า
โคลมซุกหน้าลงกับแผงอกกำยำที่มีกลิ่นน้ำหอมจางๆ ลอยออกมาอย่างไม่อาย
เธอคิดถึงไออุ่นจากผู้ชายคนนี้มากจริงๆ ต่อให้เขาจะพูดจาทำร้ายจิตใจเธอ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะกอดเขาตอบราวกับคนไม่มีศักดิ์ศรี
เธอรู้ดีว่านั่นอาจทำให้คุณค่าในตัวเธอลดลง
แต่ถ้าอย่างน้อยมันจะช่วยเยียวยาความรู้สึกที่แหลกสลายของเธอ...สักนิดก็ยังดี
เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายยื่นหน้าไปจุมพิตชายหนุ่มก่อน
ริมฝีปากรูปกระจับทาบทับลงบนริมฝีปากเรียวบางเนิ่นนาน
โคลมขยำชายเสื้อของฮิบาริไว้แน่นราวกับมันเป็นที่พึ่งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆ
สอดแทรกลิ้นของตัวเองเข้าไปในโพลงปากของอีกฝ่าย เธอพยายามทำให้ดีที่สุดถึงจะไม่ค่อยชำนาญ ไม่นานมือใหญ่ก็เลื่อนมาโอบเอวหญิงสาวไว้แน่น ก่อนจะกลายมาเป็นฝ่ายชักนำเสียเอง
ฮิบาริยกตัวของโคลมขึ้นมาอย่างง่ายดาย ค่อยๆ
วางร่างเล็กลงบนเตียงขนาดห้าฟุตด้วยอย่างเบามือโดยที่ริมฝีปากของทั้งคู่ยังไม่แยกออกจากกัน
“คะ...คุณฮิบาริ...” เสียงของโคลมแหบพร่า
และนั่นก็เปรียบเหมือนกับน้ำมันที่กำลังราดลงไปบนไฟที่ร้อนรุ่มอยู่ในกายของฮิบาริ
ชายหนุ่มหอบหายใจแรงและทาบทับริมฝีปากกับร่างบางอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง...
“เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ” จบประโยค
เมฆาหนุ่มก็จัดการขบเขี้ยวลงบนต้นคอระหงของสาวเจ้าอย่างหยุดไม่อยู่ ก่อนจะออกแรงดูดเบาๆ
ราวกับต้องการประทับตราไว้ว่าเธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว มือหนาเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อสูทสีดำของตนด้วยความว่องไว
ไม่นานแผงอกสีขาวเปล่าเปลือยละเอียดก็ปรากฏให้เห็นต่อสายตาของเธอ
ฮิบาริโน้มต่ำลงมาประทับจุมพิตบริเวณเนินอกของเธอ ก่อนที่ซิบด้านหลังจะค่อยๆ
ถูกดึงลงด้วยฝีมือของคนตัวสูง ใบหน้าคมคายเลื่อนไปจูบเธออีกครั้ง
ลิ้นร้อนของเขารากต่ำลงมาจนถึงบริเวณต้นคอ
ตอนนี้ทั่วร่างของเธอเต็มไปด้วยคิสมาสก์ที่เขาฝากไว้ด้วยความเร่าร้อน
“...อื้อ” เสียงครางของโคลมยิ่งทำให้ฮิบาริคลั่งเขาไปใหญ่
แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือทำอะไรไปไกลกว่านี้
ผ้านวมผืนหนาก็ถูกดึงขึ้นมาคลุมร่างเล็กไว้เสียก่อน
ฮิบาริลุกออกจากเตียงไปแต่งตัวให้เรียบร้อย หญิงสาวเลิกคิ้วเบาๆ แล้วหันไปสบตาเขา
“นอนซะ พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า” เขาพูดไว้เท่านั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป
บางที...คนอย่างเธออาจจะไม่มีค่ากับใครเลยก็ได้
----------------------------------------------------------
เย่~ ในที่สุดก็ได้ฤกธิ์มาอัพเสียทีหลังจากหายไปนานนน
ยังไงก็ฝากเม้นท์กันด้วยเน้ออออออ
รักน้าาาาาาาาาาาาาา
? cactus
ความคิดเห็น